หลังจากดองบล๊อกมานาน รูปที่อุตสาห์ถ่ายเก็บไว้ว่าจะเอามา up blog ตอนนี้นอนเดี้ยงอยู่ในโน๊ตบุ๊คที่เจ๊งอีกรอบ...5...5...ต้องรอเอากลับไปซ่อมเมืองไทย เพราะที่นี่ค่าซ่อมแพงค่ะแถมคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องอีก พอดีมีโหลดรูปไปเก็บเอาไว้บ้างที่ multiply ก็เลยดึงเอามาโม้ๆ up blog แก้ขัดไปก่อน


อากาศที่คูเวตตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 35องศา+ คิดว่าก็คงน้องๆ เมืองไทย แต่แดดที่นี่แรงมั่กๆ ขอบอกว่าร้อนแบบแสบๆ คันๆ ตั้งแต่มานี่ไม่ถึงเดือนครีมกันแดดหลอดใหญ่ที่เคยใช้เป็นปีก็ไม่หมด ก็มาหมดที่นี่แหละ ...ถึงว่านอกจากจะเป็นประเพณีของที่นี่ที่ผู้หญิงต้องแต่งตัวมิดชิดแล้ว เสื้อผ้าที่คลุมหน้าคลุมตาคลุมตัวนี่ก็ช่วยกันแดดเผาได้ดีดีเดียว เราเองถึงไม่ได้ต้องคลุมหน้าตาอย่างสาวชาวอาหรับแต่ออกไปไหนต่อไหนก็ยังใส่เสื้อแขนยาว และต้องหาผ้าพันคอบางๆ พาดไว้สักผืน นอกจากช่วยกันไม่ให้คอดำแล้ว บางทีก็ใช้เป็นผ้าปิดจมูกไว้กันฝุ่นได้อีก


เอาไว้เดี๋ยวไปเก็บภาพเมืองคูเวตมาใหม่ แล้วจะมาเล่าให้ฟังต่อนะคะว่าเป็นยังไงบ้าง แต่ถ้าสนใจอยากทราบคูเวตเมื่อสิบกว่าปีก่อนก็เคยมีเขียนไว้นิดหน่อยสมัยมาทำหน้าแตกเอาไว้ได้ที่นี่ค่ะ ---> เหตุเกิดที่คูเวต



แต่วันนี้จะพาไปเที่ยว Sharq Fish Market บนถนน Arabian Gulf Street กันก่อนค่ะ ถนนนี้เป็นถนนทอดยาวเลียบไปตามทะเลยาวประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร (ข้อมูลนี้ทราบมาเมื่อสิบปีก่อน แต่เดี๋ยวนี้ไม่แน่ใจว่ามีการสร้างต่ออีกหรือเปล่า) ตอนที่ไปถ่ายรูปมานั่นเป็นวันศุกร์เพิ่งจะมาถึงคูเวต 2-3 วัน ยังพักโรงแรมอยู่ เดินจากโรงแรมไปเรื่อยๆ แบบออกกำลังกายไปในตัวประมาณ 1/2 ชั่วโมงก็ถึง


ที่ตลาดนี้จะคึกคักในตอนเย็น เพราะผ่านมาตอนหลังเลิกงานทีไรรถงี้จอดแน่น ถามคนที่นั่นบอกว่าคุณแม่บ้านที่นี่ถ้าคนไหนไม่ต้องไปส่งลูกไปโรงเรียนจะนอนตื่นสาย และจะออกไปจ่ายตลาดกันตอนบ่ายแก่ๆ เย็นๆ ไม่เหมือนบ้านเราที่ชอบไปจ่ายตลาดกันแต่เช้า







มีคนบอกว่าตลาดปลาที่นี่น่าจะเป็นตลาดปลาที่สะอาดที่สุดในโลกแห่งหนึ่งเลยนะคะ ตลาดที่นี่นอกจากจะโอ่โถงแล้วในตลาดไม่มีกลิ่นคาวปลาหรือน้ำเฉอะแฉะให้เห็นเลย







พอเข้าไปในตลาดก็มีบริการรถเข็น จะเห็นว่าคนงานที่ทำงานใช้แรงงานส่วนใหญ่จะมาจากอินเดีย ศรีลังกา ปากีฯ บังคลาเทศ







มีโซนเล็กๆ (เทียบขนาดกับตลาดปลา) มีพวกเนื้ิอสัตว์อื่นเล็กน้อย และก็พวกผัก พวกของแห้งอื่นๆ









ผักที่นี่ไม่ว่าไปตลาดไหน ดูต้นอวบใหญ่(เหมือนคนที่นี่)ดูน่ากิน หลังตึกที่ทำงานเราก็มีแผงขายผักแบบนี้ ไปยืนเล็งๆ อยู่หลายหนแล้ว วันหลังว่าจะลองไปซื้อดูบ้าง(ถ้าไม่โดนแขกฟันราคาหัวแบะก่อน )












ทุกตลาดจะมีร้านขายเครื่องเทศหน้าตาแบบนี้ ทำให้ได้บรรยากาศแขกๆ














เราไปถึงประมาณ 10 โมงกว่า ตลาดยังเงียบๆ อยู่ มีแต่คนขายนั่งคอยลูกค้า














สักประมาณใกล้ๆ เที่ยงคนจะเริ่มทะยอยมากันค่ะ เป็นคนต่างชาติ(ที่ไม่ใช่แขก)ก็แยะ

















ไปทางไหนก็มีแต่ปลาตัวโตๆ กับคนขายท่าทางใจดี (แต่ราคาต้องต่อแยะๆ )













เราชอบกินปูต้มปูนึ่ง เห็นปูแล้วอดไม่ได้ ถามราคากิโลละ 1.5 ดีน่า คุยกันแป๊ปเดียวยังไม่ทันต่อราคาเลย คนขายลดให้เหลือ 1 ดีน่า แสดงว่าบอกราคาผ่านแต่แรกแหงมเลย (1ดีน่ามี 1000 ฟิลค่ะ ดีน่านึงก็ตกประมาณ 115 บาท)













เรือหาปลาจะกลับเข้าฝั่งมาหมดก็ประมาณบ่าย 3 โมง ซึ่งจะเป็นช่วงที่ตลาดจะคึกคักมาก เพราะจะมีการประมูลปลาที่จับมาได้ แต่ตอนที่เราไปนั่นเราไปก่อนเที่ยง เรือยังกลับเข้าฝั่งมากันไม่แยะ













ตรงที่ประมูลปลายังไม่ค่อยคึกคักเท่าไร ส่วนใหญ่ปลาจะประมูลเป็นหลัวๆ บางเจ้าก็คัดเป็นชนิดๆ แยกปลาสวยๆ ออกมาจะได้ราคาดีหน่อย แต่ถ้าไม่คัดรวมๆ ปลาดีบ้างปลาคอหักบ้างราคาก็จะถูกลงมา













ลุงคนนี้แกไม่มีแผงเอง ก็จะเหมาปลาที่ประมูลมาใส่เข่งมานั่งขายตามทางเดิน ถ้าเลือกปลาเก่งเลือกดีๆ จะได้ราคาดีกว่าที่ซื้อบนแผง













ตลาดนี้คนขายของอารมณ์ดีค่ะ พ่อหนุ่มคนนี้เห็นเราเดินถ่ายรูปก็เลยรีบยกปลาขึ้นมาตั้งท่าให้เราถ่ายรูปให้













เมื่อวานเป็นวันหยุดก็ว่าจะออกไปซื้ออาหารทะเลมาทำทานเหมือนกันและจะถ่ายรูปมาเพิ่มเติม แต่อากาศไม่ดีเลยค่ะ เลยขี้เกรียจออกจากบ้าน เลยขอปิดท้ายด้วยปลานึ่งมะนาวให้กินกันนะคะ


ที่บอกอากาศไม่ดีให้ดูรูปเปรียบเทียบหน่อยว่าต่างกันยังไง วันดีคืนดีฟ้าจะเปลี่ยนสีขมุกขมัวแบบนี้เป็นเรื่องปกติค่ะ เป็นฝุ่นมาจากทะเลทรายทางซาอุดิอาราเบีย คล้ายกับที่ปักกิ่ง ที่มีทรายพัดมาจากทะเลทรายโกบี แต่ที่ปักกิ่งยังไม่ดูน่ากลัวเท่านี้ เพราะที่นั่นมีการปลูกต้นไม้ช่วยฟอกอากาศ แต่ที่นี่ไม่ค่อยมีต้นไม้เขียวๆ ให้เห็นเท่าไร













ซุปเปอร์มาเก็ตที่นี่มีข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดขายด้วยค่ะ ราคาแพงแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีกิน และก็มีพริกขี้หนูบ้านเราด้วย เคยซื้อพริกขี้หนูอินเดียมา ขีดละไม่ถึง 10 บาท ตอนนั้นงกเอาถูกก่อน พอเอามาทำกับข้าวแล้วเผ็ดก็จริงแต่ก็หอมสู้พริกขี้หนูบ้านเราไม่ได้ ก็เลยยอมซื้อแพงกว่าหน่อยดีกว่า ขายเป็นแพคค่ะ แพคนี้ก็ตกประมาณ 35 บาท










เวลาตำพริกตำกระเทียมนิดหน่อยใช้ที่บดแล้วเสียเวลา พอดีไปเห็นครกกระเบื้องก็เลยซื้อมา แต่ซื้อมาแล้วช่วยไม่ค่อยได้เลย เพราะกลัวมันจะแตกซะก่อน (ตอนนี้ก็เลยใช้แต่สากอันบอบบางไว้บุบพริก)












ปลาอะไรสักอย่างของคูเวต Kuwaite Shoom เนี่ยแหละ ซื้อในซุปเปอร์มาเก็ต ให้ทำความสะอาดควักล้างไส้ให้เสร็จปลาตัวนี้ตกประมาณเกือบ 200 บาท....คิดถึงปลานิลแถวบ้านตัวเท่านี้นึ่งเสร็จไม่เกิน 25 บาท











ซื้อหม้อหุงข้าวแบบนี้ใช้ก็สะดวกดีนะคะ ทำอาหารไทยๆ พวกนึ่งๆ ได้ง่ายดี ไ่ม่ต้องตั้งหม้อตั้งซึ้งให้ลำบาก











วิธีทำปลานึ่งมะนาว
ตำพริกขี้หนูกับกระเทียม เติมน้ำมะนาว น้ำปลา
ผสมน้ำตาลชิมรสเปรี้ยว หวาน เค็ม
ผสมกับน้ำสะอาดนิดหน่อยเพราะปลานึ่งจะมีน้ำออกมาบ้างแล้ว
ถ้าอยากซดน้ำแกงแซบๆ ก็ใส่ใส่น้ำแยะหน่อย แต่ก็ต้องดูสัดส่วนของ
พริกกระเทียมมะนาวน้ำปลาที่ใส่ไปด้วย ไม่งั้นจะเป็นแกงจืดไปซ๊า
พอปลาที่นึ่งสุกก็เอาน้ำที่ปรุงรสราดลงไปเลย แล้วก็ซอยกระเทียมโรยข้างบน
ปิดฝานึ่งต่ออีกซักแป๊ปนึง โรยผักชี













ซอยผักชีโรยให้ดูน่ากินหน่อย แค่นี้ก็อร่อยไปอีกมื้อแล้วค่ะ