ตอนเด็กๆ อาเราที่ทำงานเป็นแม่ครัวอยู่โรงแรมมักจะมาที่บ้าน มาสอนแม่ทำขนมและก็พวกอาหารฝรั่งอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เราก็จะอยู่ช่วยหยิบนู่นจับนี่ วิ่งซื้อของ(ที่จริงก็ไม่ใช่ว่าอยากอยู่หรอก แต่โดนบังคับให้อยู่ใช้งาน) ก็เลยได้ซึมซับเกี่ยวกับการทำอาหารพวกนี้ไปโดยปริยายพวกเค้ก พวกพาย หรือคุ๊กกี้ นี่จะผลัดเปลี่ยนทำกันหลายสูตรมาก เราดูๆ แล้วก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร แค่เปลี่ยนส่วนผสมนิดหน่อย ใส่เครื่องตีๆ ใส่ถาดแล้วก็อบพอตอนหลังอาเราไปทำงานเมืองนอก ที่บ้านก็เลยนานๆ ถึงจะทำอาหารฝรั่งกันที แต่พวกสูตรต่างๆ ที่ทำกันแม่ก็จะมีจดใส่สมุดไว้ เราเองก็อยากโชว์ฝีมือไปอวดเพื่อนๆ ที่ทำงานบ้าง ก็เลยเลือกหาสูตรง่ายๆ ทำ ก็มาลงตัวที่เค้กกล้วยหอมกับเค้กช๊อกโกแลตที่เรียกว่า Midnight Cake.....นอกเรื่องหน่อย...สมัยก่อนพวกขนมปังพวกเค้กอร่อยๆ หากินยากเหมือนกัน จำได้ว่าจะกินขนมปังฝรั่งเศสก็ต้องซื้อของไซ่ง่อนเบเกอรี่ ถ้าเป็นเค้กก็ต้องลิตเติลโฮม เค้กช๊อคโกแลตก็ต้องของกัลปพฤกษ์เป็นเค้กช๊อคหน้านิ่มที่ทั้งเยิ้มทั้งนุ่มอร่อยสุดยอด แต่ที่ที่บ้านชอบกันสุดๆ ก็ต้องเป็นฟรุ๊ตเค้กกับเค้กขอนไม้ของโรงแรมเอราวัณ นอกนั้นก็จะเป็นเค้กตามร้านเบเกอรี่ทั่วไป อย่างถ้ามีชื่อหน่อยก็ร้านเค้กแถวบางรักจะมีหลายร้าน ร้านที่ดังหน่อยก็เค้กปั้นลี่ ตอนปีใหม่จะมีคนเอามาให้พ่อแยะมากจนต้องแบ่งไปให้เพื่อนบ้าน เค้กสมัยก่อนจะใส่ในกล่องกระดาษแข็งมีหุ้มด้วยกระดาษห่อของขวัญลายดอกไม้ ตัวเนื้อเค้กจะแข็งๆ แห้งๆ แล้วก็โปะครีมมาฟูฟ่อง และแต่งด้วยครีมบีบเป็นอกกุหลาบสีๆ มีโรยน้ำตาลสีเม็ดเล็กๆ นิดหน่อยพองาม เนื้อครีมรสชาติจะแหยะๆ ทั้งจืดทั้งมัน รสชาติเลี่ยนๆ กินแล้วติดเพดานปากด้วย เจ้าเค้กหน้าตาแบบนี้แหละที่ทำให้เราฝังใจไม่ชอบกินเค้กหน้าครีมจนถึงทุกวันนี้เอ้า...กลับมาเข้าเรื่องก่อนที่จะไถลไปซะไกล สมัยก่อนรถราไม่ติดเหมือนเดี๋ยวนี้ เราทำงานแถวชิดลม เลิกงาน 5 โมงเย็น ถ้าไม่ได้ขับรถไปก็นั่งรถสองแถวจากชิดลมมาลงสีลมแวะซื้อแป้งทำขนมที่ร้านเขาช่องตรงปากซอยประมวญ แล้วเดินเลาะเข้าซอยประมวญตัดออกถนนสาทร จากที่ทำงานจนถึงบ้านใช้เวลาแค่ 40 นาที (เล่าให้คนสมัยใหม่ตาลุกว่าเมื่อก่อนทำไมการจราจรในกรุงเทพมันสบายแบบนี้) ในเมื่อเรื่องของเวลาและซื้อหาวัตถุดิบมันสะดวกแบบนี้และประกอบกับมีแต่คนชมขนมเค้กที่ทำไปก็เลยขยันทำมันเกือบทุกวัน อ่ะนะทำแจก...ใครก็ต้องว่าอร่อย พอทำบ่อยเข้าก็เกิดความชำนาญและเป็นหน้าเป็นตาจนถึงกับเพื่อนๆ ยุให้ทำขายแต่ยังไม่ทันจะตั้งหลักเป็นแม่ค้ากับเขา ก็มีเหตุให้ต้องไปฝึกภาษาฟุตฟิตฟอไฟอยู่ไกลบ้าน เราไปอยู่ hostel และมีครัวทำอาหารรวม ที่ครัวนี่ตอนเช้าจนบ่ายค่อนข้างเงียบเพราะส่วนใหญ่ไปโรงเรียนกัน จะมาคึกคักวุ่นวายก็ตอนเย็น ทีนี้อยู่ๆ ไปก็เราของขึ้นอยากอวดฝีมือเค้กที่แสนอร่อยกับเพื่อนฝูงบ้าง เราก็โม้ไปแยะ มีเพื่อนอีกคนที่กินฝีมือเราที่เมืองไทยก็ไปช่วยโม้อีกแรงว่าเค้กฝีมือเราอร่อยไร้เทียมทาน ทีนี้ใครๆ ก็อยากจะลองกินฝีมือเราน่ะสิ หุ...หุ....สายวันหนึ่งได้ฤกษ์จัดการไปหาซื้อแป้งหาอุปกรณ์มาทำอยู่ในครัว เพื่อนฝูงเดินผ่านมาก็เห็นเราง่วนกับการร่อนแป้งตีไข่ ก็คาดหวังว่าจะได้ชิมฝีมือที่คุยนักคุยหนา เราเองก็เห็นว่าเพื่อนฝูงแยะ ประสาคนใจดีก็ทำซะตั้งหลายถาดจะได้เผื่อแผ่กันทั่วถึง จนหลายชั่วโมงผ่านไป เค้กที่อบไว้น่าจะสุกไปนานแล้ว เพื่อนฝูงทีสนิทก็มาเวียนเคาะประตูห้องเรียกถามหาจะกินเค้กฝีมือเรา ใครเคาะประตูมา เราก็จะตอบเป็นประโยคเดียวว่า โอ๊ย...พวกเธอมาช้าไป มันอร่อยมากจนฉันทนไม่ไหวก็เลยกินหมดแล้ว เอาไว้จะทำให้ใหม่แล้วกันแต่...ไม่มีใครรู้หรอกนอกจากเราคนเดียวว่าเค้กที่ว่าอร่อยนั่นมันถูกซุกอยู่ใต้เตียง ...อิ..อิ..สงสัยอากาศมันไม่เหมือนเมืองไทย(ข้ออ้าง) ทำออกมามันแข็งโป๊ก ขนาดปาหัวหมาแตก ขืนเอาให้เพื่อนฝูงชิมได้ขายหน้าแน่...และตั้งแต่วันนั้นจนบัดนี้ผ่านมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว เราก็ยังคงขยาดไม่กล้าทำเค้กอีกเลย...
สวัสดี ตอนเช้าค่ะ
(@^_^@)
ไปทำงาน หรือ เรียน อย่างมีความสุขนะค่ะ
จุ๊ฟๆๆ
สวัสดี ตอนเช้าค่ะ
(@^_^@)
ไปทำงาน หรือ เรียน อย่างมีความสุขนะค่ะ
จุ๊ฟๆๆ