ขอบคุณนะคร๊า... คุณแพท lilac girl กับ คุณสา Candydoll แล้วก็ยังคุณบัว Renka (ถึงจะมาช้าไปก็ตาม) ที่ยังนึกถึงกัน.... เห็นในบล๊อกเล่นๆ กัน ก็นึกว่าตัวเองคงจะรอดไม่โดนกะเค้าหรอก เพราะเป็นขาแอบอ่านไม่ค่อยโชว์ตัว พอเปิดบล๊อกตัวเองขึ้นมาโดน tag กับเค้าบ้าง...ก็ต้องวิ่งออกไปตั้งสติก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะเอาเรื่องอะไรมาแฉ กับที่คิดหนักก็คือแล้วนี่ฉันจะไป tag ใครต่อดี.... เอาเป็นว่าตอนนี้คิดให้ได้ก่อนว่าจะเขียนเรื่องไร ส่วนจะ tag ใครต่อนี่ไว้รอเขียนจบแล้วค่อยคิดใครหลงเข้ามาอ่านทำใจหน่อยน๊า เห็น Tag ส่วนใหญ่..เขียนกันสั้นๆ กระชับได้ใจความ แต่ว่าเราเป็นพวกประเภทน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง ถนัดแต่เรียงความไม่ถนัดย่อความ เลยขอแบ่ง 5 เรื่องเป็น 5 ตอนแล้วกันเนอะ... (ถ่วงเวลานึกเรื่องจะเขียนด้วยแหละ)
เอาเรื่องแรกก่อนเลย....เป็นเรื่องความฝันสมัยสาวๆ ค่ะ..เด็กทุกคนก็ต้องมีความฝันว่าพอโตแล้วอยากเป็นโน่นเป็นนี่ เราเองตอนเด็กๆ ก็เป็นเหมือนกัน แต่เป็นฝันระยะสั้นเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เยอะแยะไปหมดเลยจำไม่ค่อยได้ว่าฝันอยากเป็นอะไรบ้าง แต่ฝันครั้งนี้สิมันฝังใจและได้ใช้ความพยายามกับมันมาหลายปี มันเกิดขึ้นหลังจากเพิ่งเรียนจบและได้มีโอกาสจับพลัดจับผลูมีสปอนเซอร์ใหญ่พานั่งเครื่องบินไปต่างประเทศครั้งแรก ตอนนั้นก็ตื่นเต๊น..ตื่นเต้น ได้ไปเมืองนอก ไปยุโรปซะด้วย(ว้าว..)ได้เห็นโน่นเห็นนี่จริงๆ นอกเหนือจากที่เคยเห็นแต่ในหนังสือพอขึ้นเครื่อง... แอร์ก็สวย สจ๊วตก็หล่อ แถมตอนนั้นนักบินมาปิ๊ง..ปิ๊ง เชิญเข้าห้อง...เชิญชวนไปดูห้องนักบินจ้า อย่าคิดมาก...พวกพี่ๆ ที่ไปด้วยกันกิ๊วก๊าวใหญ่ เพราะปกติระหว่างที่เครื่องบินบินอยู่ไม่ใช่ มีใครจะได้เข้าไปง่ายๆ กลับจาก trip นั้น ก็เลยกลับมาฝันใหญ่ว่าอยากทำงานเป็นแอร์ ได้แต่งตัวสวย...เงินก็ดี...แถมยังได้เที่ยวอีก
ทีนี้ก็เลยเทียวสมัครมันทุกครั้งที่มีการเปิดรับ จนเพื่อนฝูงรู้กันหมดว่ายายนี่อยากเป็นแอร์จนตัวสั่น สมัยนั้นก็มีแต่สายการบินแห่งชาติเท่านั้นที่เปิดรับและรับแต่ละครั้งไม่กี่สิบคน ทีนี้แหละขึ้นอยู่กับว่าเส้นใครเล็กใครใหญ่เพราะรับจำนวนจำกัด ได้ยินว่าบางรุ่นนี่เด็กเส้นทั้งนั้น...ไอ้เราก็นั่งนึกสิว่าพ่อรู้จักใครในนั้นบ้าง คิดอยู่นานก็นึกได้ว่าพ่อมีเพื่อนคนหนึ่งที่สนิทกันมากๆ น้าสาวคนนี้มีสามีเป็นนักบินชื่อดังที่ค่อนข้างกว้างขวางและได้ข่าวว่าเป็น กรรมการคัดเลือกผู้สมัครซะด้วย แต่พอน้าสาวรู้ว่าเราอยากไปทำงานนี้เท่านั้น เธอไม่สนับสนุนแถมยังบอกว่าอีกว่าไม่อยากให้หลานไปเป็นออหรี่แอร์พอร์ท น่านแหละนะ..ตอนหลังเราถึงมาเข้าใจเพราะเห็นข่าวน้าผู้ชายลงในหน้าซุบซิบตามหนังสือพิมพ์บ่อยๆแต่ถึงอย่างงั้นความฝันของเราก็ยังไม่สลายไปตามคำพูดของน้า เพราะเราคิดว่าเรื่องแบบนี้อยู่ที่แต่ละคน มาเหมารวมทั้งหมดไม่ได้ ถึงแม้น้าสาวจะกล่อมไม่ให้เราไปทำอาชีพนี้ แต่เราเองก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาสานฝันสมัครตั้งแต่หน้าเด้ง หน้าใส ซึ่งตอนนั้นภาษาต่างชาติก็พอถูไถพูดได้ฟังได้รู้เรื่องแต่ไม่คล่องปรื๊ด..ปรื๊ด.. ก็เลยตัดสินใจไปเสริมสร้างประสพการณ์ทางภาษาซะเกือบ 2 ปี และกลับมาด้วยความมั่นใจเรื่องภาษาว่าดีกว่าก่อน ช่วงที่กลับมานั้นเริ่มมีสายการบินต่างชาติเข้ามารับแอร์จากเมืองไทยบ้างแล้ว แต่วัยตอนนั้นก็เริ่มเข้าสู่วัยที่กำลังผลิบาน สิวสาวเติบโตได้ที่ แต่ทีนี้สิวสาวที่ว่าไม่ใช่สิวธรรมดา แต่ของเรานี่ดันเป็นสิวหัวช้างเม็ดเป้งๆ เลยทีเดียว เวลาสมัครไปทีไรถ้าเจอด่านแรกเป็นสอบข้อเขียนก็ไม่ค่อยมีปัญหาผ่านสบาย แต่ถ้าได้เจอรอบสัมภาษณ์เมื่อไรเป็นได้เรื่องทุกที ก็คนสัมภาษณ์เห็นสิวเราแล้วคงกลัวว่าจะไปกระแทกตาหรือไม่ก็ไประเบิดใส่ผู้โดยสาร ก็เลยทำให้ตกรอบสัมภาษณ์โดยตลอด
จนถึงยุคหน้าใกล้เหี่ยวล่วงเลยมาจนอายุจะถึงเกณฑ์ปิดรับอยู่รอมร่อ ก็ได้สนองฝันของตัวเองมาได้สายการบินแขก แต่ก่อนจะได้มานั้นก็มีภาระอันหนักอึ้งเพราะอีให้ไปเพิ่มน้ำหนักมาอีก 5 กิโลใน 1 เดือน ตอนนั้นโด๊ปใหญ่ กินกล้วยหอมวันละหวี ตอนไหนปากว่างก็ยัดกล้วยหอมกับนมสด(ต้องเรียกว่ายัดค่ะ เพราะตั้งเป้าไว้ว่าต้องกินวันละหวี) ก่อนนอนก็เล่นกระเดือกนมรสช๊อกโกแลตอีก 2 แก้วใหญ่ๆ ...(ที่ต้องเรียกกระเดือกเพราะ 2 แก้วนี่ก็เป็นลิตรแล้ว) ผลที่ได้ตามมาหลังจาก 1 เดือนเหรอ น้ำหนักขึ้นลดไม่ยอมลง (ไม่น่าเลยตู) แถมไม่ได้สานฝันไปเป็นแอร์กับเขาอีก เพราะเริ่มจิตวิตก...ก็เพื่อนคู่หูที่โดนเรียกไปก่อนสะบักสะบอมกลับมาเล่าให้ฟังว่าโหดมาก ต้องไปฟาดฟันกับเพื่อนร่วมงานจากหลายชาติแบบนิยายน้ำเน่า ก็เลยมานั่งคิดไปคิดมาว่าอย่างเราสาวมั่นแต่ใจอ่อนจะไปฟาดฟันแบบเขาได้หรือ พอดีกับงานที่ทำอยู่เจ้านายมารู้เข้าว่าจะไปเป็นแอร์ ก็บอกอย่าไปเลย...ไปเป็นคนใช้บนเครื่องบิน เอางี้กันยูอยู่ต่อไอขึ้นเงินเดือน และเพิ่มงานด้านต่างประเทศให้ ยูจะได้เดินทางบ่อยๆ ก็เลยเอาก็เอา อีกอย่างคงเป็นเพราะนั่งสานฝันมาหลายปีเหลือเกิน จนเบื่อและเริ่มหายอยากไม่เหมือนตอนเอ๊าะๆ ด้วยมั้ง สุดท้ายก็เลยไม่ได้ไปตามฝัน...
แต่ความลับที่ไม่เคยบอกใครอยู่ตรงนี้ >>หลังกลับจากฝึกฝนภาษากลับมาได้ระยะหนึ่ง ตอนนั้นมีสายการบินของเกาะแห่งหนึ่งกำลังเปิดรับแอร์โฮสเตสรุ่นใหม่ สายการบินนี้เรารู้มาว่าพิถีพิถันและเน้นเรื่องผิวพรรณความสวยความงามกับผู้สมัครเป็นพิเศษ ทำไงล่ะ...ปัญหาของเรามันอยู่ที่สิวสาวแรกผลิ โดยเฉพาะช่วงนั้นสิวหัวช้างเม็ดเดิมกลับมาผุดขึ้นตรงกลางหัวคิ้วกับปลายคางอย่างละหนึ่งเป้งพอดี... ตอนนั้นเรามีเพื่อนแถวบ้านคนหนึ่งชอบแวะมาหา เพื่อนคนนี้เธออยากไปทำงานเป็นพยาบาลที่เมกามาก เธอชอบมาคุยมาปรึกษาเรา ด้วยเห็นว่าเคยผ่านเมืองนอกเมืองนามา ตอนนั้นเธอเป็นพยาบาลอยู่โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่ง หลังจากที่เธอพยายามวิ่งเต้นส่งเรื่องไปหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ วันหนึ่งเธอมาหาเราและบอกว่าเธอได้งานที่เมกาแล้วนะ เนี่ยเป็นเพราะป้านงทำให้เธอได้ไป เราก็สงสัยว่าป้านงจะไปช่วยเธอได้ยังไง จะว่าไปป้านงนี่เราก็เห็นมาแต่เด็ก แต่ที่บ้านเราจะไม่ค่อยไปยุ่งกับบ้านแกเท่าไร เพราะพ่อกับแม่ไม่ชอบด้วยว่าบ้านแกจะมีพิธีกรรมแปลกๆ ซึ่งขัดต่อศาสนา แต่เราก็เห็นมีคนจากไหนต่อไหนมาที่บ้านแกเต็มไปหมด ทีนี้พอเพื่อนขยายความให้ฟังเราก็หูผึ่ง จากปกติที่เราไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ กะอีแค่เดินผ่านบ้านแกยังไม่อยากเดินผ่านเลย เพราะบ้านแกดูลึกลับน่ากลัว แต่ลองดูสักครั้งก็ไม่เสียหายอะไร ก็เลยให้เพื่อนพาไปหาป้านงโดยไม่ให้ที่บ้านรู้ ไปนั่งเลียบๆ เคียงๆ ถามป้านงว่าอยากได้งานที่นี่จะทำยังไงดี ป้านงก็บอกไม่ยากให้มาอาบน้ำมนต์กับแก 3 วันแล้วจะช่วยได้ หลังจากอาบน้ำมนต์ครบ 3 วัน แกก็นั่งบริกรรมคาถาเป่าพรวดๆ แล้วบอกแค่ว่าเวลาไปสมัครหรือสอบให้จุดธูป 3 ดอกก่อนออกจากบ้าน.... บอกแล้วว่าสายการบินนี้จะขึ้นชื่อว่าเคี่ยวมากๆ ในการคัดเลือกแอร์ที่ผิวพรรณดี เพราะเล่นถลกแขนถลกขาดูผิว ดูริ้วรอยเลยทีเดียว วันนั้นเราไปนั่งรอเรียกเข้าห้องเพื่อสัมภาษณ์รอบแรก ซึ่งจะรู้ผลเลยว่าผ่านหรือไม่ ถ้าสัมภาษณ์ผ่านก็จะส่งไปวัดส่วนสูง ชั่งน้ำหนัก และถ่ายรูปอีกครั้ง มีบางคนออกมาเพราะสัมภาษณ์ไม่ผ่าน บางคนเจอเรื่องของสายตา(สมัยก่อนยังไม่ค่อยนิยมเรื่องคอนแทคเลนส์) บางคนก็เจอเรื่องของแผลเป็น บางคนมีสิวอยู่กระจิ๊ดก็ไม่ผ่านแล้ว เราเองก็นั่งใจตุ๊มๆ ต่อมๆ เฮ้อ..งานนี้แห้วอีกแน่ก็สิว 2 เม็ดเป้ง กำลังสุกงอมเต็มที่ตอนที่นั่งรอเรารู้สึกว่าได้กลิ่นธูปลอยมา เราก็คิดว่าคงมีใครจุดธูปไหว้พระแถวนี้มั้งก็ไม่ได้สนใจอะไร เราถูกเรียกให้สัมภาษณ์กับเจ๊คนหนึ่งหน้าตาเธอดุมากแถมไม่ค่อยจะเป็นมิตรไม่เหมากับบริษัทที่ขึ้นชื่อเรื่องบริการเลย ภาษาอังกฤษก็ออกสำเนียงจีนๆ เจ๊แกซักโน่นซักนี่สักพักก็เรียกให้ไปชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูง ให้เราถลกแขนเสื้อ ถลกกระโปรงดูแขนดูขา แล้วก็จับหน้าเราไปส่องกับไฟ ตอนนั้นคิดอยู่ในใจสิวทิ่มตาขนาดนี้เจ๊จะส่องหาอะไรอีก.......ยังไม่ทันได้ลุ้นว่าเจ๊จะพูดอะไร เจ๊แกก็ส่งกระดาษให้เราใบแล้วบอกให้เราไปถ่ายรูปอีกห้อง แล้วก็กลับมาสอบข้อเขียนอีกทีอาทิตย์หน้าตามรายละเอียดในกระดาษนั้น....ตอนนั้นเรานึกถึงกลิ่นธูปทันที หรือปาฏิหารย์ธูป 3 ดอกจะมีจริง คงเพราะควันธูปมาบดบังทำให้เห็นใบหน้าเราเรียบเนียน...คราวนี้เรากลับไปหาป้าอีกรอบเพื่อเพิ่มความมั่นใจ แกก็บอกว่าอาทิตย์หน้าให้ทำเหมือนเดิม จุดธูป 3 ดอกแล้วไปสอบ...วันที่ไปสอบขอเขียนจำได้ว่ารีบๆ จุดธูปแล้วตาลีตาเหลือกออกจากบ้าน ก่อนเข้าห้องสอบก็พยายามสูดๆ หากลิ่นธูปเป็นกำลังใจ ก็ไม่ได้กลิ่น..แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไร เพราะต้องมีสมาธิกับข้อสอบที่มีทั้งปรนัยและอัตนัย มีทั้งฟัง ทั้ง grammar ตอนนั้นทางสายการบินให้รอฟังประกาศผลเลย เราก็ลุ้นสุดๆ เพราะความรู้สึกเราว่าข้อสอบง่ายมาก..มาก ผิดแค่ดีก็ไม่เกิน 5 ข้อ น้องอีกคนที่ไปสอบด้วยกันบ่นว่ายากจังพี่ แต่ผลออกมาน้องที่บ่นว่ายากจังพี่ผ่าน แต่เราที่บอกว่าง่ายจังน้องนี่สิสอบตก...เราก็งงๆ เหมือนกันว่าเราทำได้นะทำไมไม่ผ่านน่ะ พอกลับถึงบ้านเราถึงมาเห็นว่าธูปที่เราจุดก่อนออกจากบ้านไม่ติดไฟสักดอก...ก็เลยเหมาเอาว่าที่สอบตกเนี่ยเป็นเพราะธูปไม่ทำงานนั่นเอง
...ของแบบนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่... เราเคยไปหาป้านงก็ครั้งนั้นครั้งเดียวแหละ ...แล้วเรื่องนี้เราไม่ค่อยกล้าไปบอกใครหรอกน่ะ อ๊าย...อาย กลัวโดนกล่าวหาว่างมงาย...
----------
เจอบ่อยๆค่ะ อาการนี้
เซ็งๆ