วันนี้กลับบ้านเร็ว เข้ามาเช็คเมล์ ไปเปิดเมล์อ่านเมล์เก่าที่เคยส่งถึงคุณเพื่อนเล่าเรื่องโน่นนี่ตอนมาอยู่ใหม่ๆ อ่านแล้วก็ขำเอง เลยเอามาแปะเก็บไว้ใน blog ก็ไม่รู้ว่าใครอ่านแล้วจะเส้นตื่นแบบเราบ้างหรือเปล่า .....ที่ปักกิ่งที่เที่ยวที่ไปก็แยะนะ ไม่เหงาหรอกถ้าจะมาเพราะจากบ้านเดินแค่ 5 นาทีก็ถึงสถานีรถใต้ดินแล้ว จากสถานีก็ไปไหนต่อไหนได้แยะไปหมด อ้อ...เดี๋ยวนี้ขึ้นแท็กซี่คนเดียวกลับบ้านได้แล้วนะ แค่ท่องประโยคเดียว หย่วนหยางเทียนดี้ เฉาหยางลู่ (ชื่อสถานที่กับชื่อถนน) แล้วก็จื่อโจ่ว จั๋วจ่วน ยู่จ่วน ออกเสียงประมาณเนี่ยแปลว่า...ตรงไป เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา คนรถก็เข้าใจ แค่นี้ก็ช่วยให้ออกไปหากิน เอ๊ย...ออกไปเที่ยวตะแล๊ดแต๊ดแต๋ได้แล้วส่วนใหญ่วันหยุดก็จะขึ้นรถไฟใต้ดินไปเดินแถวเวิล์ดเทรด อิ..อิ.. ไม่ได้หรูขนาดชอบของแพงหรอก เพียงแต่ชอบไปซื้อของแห้ง ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่นี่มีพวกอาหารนำเข้าแยะ เวลาเบื่ออาหารจีน อยากกินอาหารฝรั่งก็จะมาซื้อเครื่องปรุงจากที่นี่ไปทำ อีกที่ที่ไปบ่อยก็แถวหวังฟูจิ่ง ประมาณ 5 สถานีเป็นถนนคนเดิน ไปเดินแล้วไม่รู้สึกเหงา มีนักท่องเที่ยวแยะ เลยได้ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวกับเขาด้วย ที่ชอบในถนนนี้คือ มีซอยเล็กๆ ข้างในเป็นเหมือนตลาดขายอาหารโต้รุ่งชื่อตลาดอะไรจำไม่ได้แล้ว ทุกร้านจะเป็นแบบสไตล์จีนๆ มีหลายสิบร้าน ก็เป็นอาหารท้องถิ่นทั้งนั้น พูดถึงสั่งอาหารที่นี่ อาหารแต่ละจานยกมาเสริฟจานเท่ากาละมัง ไปนั่งกินคนเดียวคงจะจุกก่อนหมดจาน บางทีก็ไปเดินเล่นแถวทะเลสาปเป่ยไห่ ที่นี่กำลังจะขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ใกล้ๆ กันก็เป็นโฮ่ไห่ แถวนี้จะมีร้านอาหารและผับทันสมัยแยะ อยู่ริมทะเลสาป ตรงด้านหน้าริมถนนจะเป็นสวนเล็กๆ ชอบไปตอนเย็นๆ จะมีดนตรีเล่น แล้วคนก็มาเต้นรำแบบเต้นสเตปกัน ส่วนใหญ่คนแก่ๆ น่ารักดี ลูกน้องบอกว่าถ้าเป็นหน้าหนาว คนก็จะเล่นสเกตน้ำแข็งกัน...เลยจากสถานีหวังฟูจิ่งก็เป็นสถานีเทียนอันเหมินขึ้นจากสถานีมาก็จตุรัสเทียนอันเหมินกับกู้กง(พระราชวังต้องห้าม) มาทีไรบรรยากาศเหมือนมาเที่ยววัดพระแก้วเลย แบบมีทั้งคนต่างชาติ ทั้งคนต่างจังหวัดเบียดกันแน่นขนัดในวันหยุด...แล้วก็มีตลาดอะไรอีกที่จำชื่อไม่ได้แล้ว เป็นแหล่งชอปปิ้งของคนที่นี่ ประมาณตลาดจตุรจักรขายของสารพัดอย่างแต่ขายอยู่บนตึกนั่งรถใต้ตินไปต่อสายสี่น้ำเงิน ขึ้นจากสถานีก็เจอตลาดที่ว่านี้เลย ลูกค้าก็จะมีแต่คนท้องถิ่น ไม่มีชาวต่างชาติให้เห็น ชอบไปที่นี่ เพราะของถูกดี ส่วนใหญ่ไปซื้อของใช้ในบ้าน พวกกะโหลกกะลาแต่งบ้านทั้งหลาย ก็ตะกร้าหวาย แจกัน พรมเช็ดเท้า ของกระจุกกระจิกส่วนซัมเมอร์พาเลสหรือวังของซูสีไทเฮาก็นั่งรถใต้ดินไปแล้วไปต่อแท็กซี่ก็ไม่ไกลเท่าไร แต่ไม่ค่อยได้ไปเท่าไรเพราะไกลไปแต่ที่ประทับใจ(แบบแย่)สุด ก็คงเป็นเรื่องความเห็นแก่ตัว จนทำให้บ้างครั้งเราต้อง survive ตัวเองเพื่อให้อยู่รอด บางทีทำไปก็กลัวจะติดนิสัยแบบนี้มาเหมือนกัน แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นคนถูกเอาเปรียบตลอดส่วนข้างล่างนี่เป็นอะไรที่สวนทางกับบ้านเราแปลกๆ แยะเลย เอาแค่บางอย่างให้อ่านเล่นๆ แล้วกันนะ * เสื้อผ้าไม่รีดเสื้อกางเกงต้องยับเป็นรอยพับแยะๆ ถึงจะอินเทรนด์ * กอดจูบลูบคลำกันในที่สาธารณะเป็นเรื่องปกติไม่ใช่ของแปลกสำหรับที่นี่ เมื่อ 10 กว่าปีก่อนมาเห็นแล้วตกใจมองจนเหลียวหลัง จนโดนนายแซว ก็เล่นปล้ำกันให้เห็นจะๆ ในสวนสาธารณะเลยแหละ กลับมาคราวนี้ไม่ต้องไปสวนสาธารณะหรอก แค่ในสถานีรถไฟ ในรถไฟก็แทบจะล้างตา(เพื่อดูให้ชัดๆ )แทบไม่ทันแล้วแหละ บางคนยังเด็กๆ เหมือนเด็กมัธยมอยู่เลย บางทีเจอยืนกัดปากกันไม่เลิก ตั้งแต่รถไฟยังไม่มาจนรถไฟไปจนลิบแล้วก็ยังไม่เลิกกัดกัน (ที่รู้เพราะชะโงกดูจนรถไฟเคลื่อนออกแล้วก็ยังอยู่กันท่าเก่าน่ะ...) * ผู้หญิงนุ่งกระโปรงนั่งกันไม่ระวัง อันนี้สิบปีไม่มีเปลี่ยน ในออฟฟิศก็เป็น บางทีนั่งประชุมอยู่ มองไปอีกด้านยายหนูแผนกบัญชีนั่งแผ่หราอ้าซ่า ไอ้เราก็ส่งซิกแล้วนะ เธอก็ไม่สนใจ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย อ้อ..และอีกอย่างนะที่แอบคิ๊ก..คิ๊ก..คนเดียวอยู่บ่อยๆ ก็ตอนขึ้นรถไฟ ยิ่งเป็นตอนหน้าร้อนจะมีแยะมาก ไม่รู้ว่าอดหลับอดนอนกันมาจากไหน เห็นชอบหลับกันมาก ขนาดนั่งอยู่บนรถไฟ บางทีมาเป็นคู่ ถ้าไม่กอด มองตาทำซึ้งกันก็จะแทบจะนั่งก่ายกันหลับ ไม่รู้หลับกันลงได้ยังไง ลองนึกภาพดูว่ารถมันก็กระตุกตลอดใช่ไหม พอกระตุกทีที่เกาะกันอยู่ก็หลุดจากกันที พอรถนิ่งก็เกาะกันต่อยังกะตุ๊กแกแน่ะ และที่เห็นบ่อยๆ ก็เป็นผู้หญิงมาคนเดียวแต่งตัวก็ดีนะนั่งหลับ วิธีหลับก็ไม่ธรรมดา เพราะจะต้องหาที่พิงที่ก่าย บางทีก็เอามือไปก่ายกับเสาด้านข้าง พอรถกระตุกเธอก็หลุดจากเสา เห็นเธอขยับตัวแล้วนะ นึกว่าจะนั่งให้เรียบร้อยไม่กล้าหลับอีก แต่ที่ไหนได้เธอมองซ้ายมองขวา ไอ้เราก็นึกว่ามองดูว่ามีใครเห็นหรือเปล่าหว่า ...แต่ที่ไหนได้...เธอมองหาที่เหมาะๆ เกาะแล้วก็นอนต่อต่างหาก...ขึ้นรถทีไรเป็นได้แอบยิ้มอยู่คนเดียวบ่อยๆ* เรื่องถ่มน้ำลายเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ยังต้องระวังอยู่เวลาเดินตามหลังใคร * ผู้ชายนิสัยเห็นแก่ตัวนี่ก็เป็นเรื่องปกติที่กลัวคืออยู่นานๆ แล้วจะติดนิสัยเป็นคนก้าวร้าวไป เพราะต้อง survive ตัวเอง มีอยู่ทีรอขึ้นรถไฟ อีตานี่มาจากไหนไม่รู้เบียดแซงหน้าขึ้นไป แล้วก็รีบไปนั่ง ที่นั้งนั่นก็นั่งได้ตั้งหลายคน อีตานี่นั่งได้นั่งถ่างขากางหนังสือพิมพ์แบบกะจะไม่ให้ใครนั่งอีก ไอ้เราก็ชักโมโห เดินไปเตะขาและกระแทกนั่งข้าง มันก็หันมามองหน้านะ เราก็มองมั่งแบบจะทำไม อีก็ชักขาหลบให้เรานั่งสบายขึ้น เออ...เลยรู้ว่าคนที่นี่จริงๆ แล้วไม่ค่อยกล้าหรอก แต่ทำซ่าไปก่อน (ไอ้ตอนที่มองหน้าอีตานีนะ ก็ชักขาเตรียมวิ่งเหมือนกันเผื่อมันหันมาซัด...5..5..)*ใส่เสื้อผ้าซ้ำกันได้หลายวัน(สงสัยเป็นเพราะน้ำแพงมั้ง) เมื่อวันก่อนลูกน้องใส่เสื้อใหม่มา ชมว่าเสื้อสวยอีกวันเธอเดินเข้าออฟฟิศมา..อิ..อิ..เสื้อตัวเดิมอีกแล้ว และก็เป็นเสื้อตัวสวยนี่ทั้งอาทิตย์ อย่างเรานี่เปลี่ยนเสื้อทุกวันสงสัยเขาคงว่าเป็นของแปลกแน่เลย*คนที่นี่ยังใช้จักรยานเป็นยานพาหนะหลักเหมือนเมื่อสิบปีก่อน จากปักกิ่งนี่เคยมีจักรยานประมาณแปดล้านคัน น่าจะมากที่สุดในโลก...ถึงแม้ทุกวันนี้มีรถเก๋งมากขึ้น แต่เมื่อวันก่อนไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งขี่จักรยานทำให้นึกถึงเมื่อก่อนสิบปีผ่านไปก็ไม่เปลี่ยน ก็เธอนุ่งกระโปรงบาน ถ้าเป็นเรา(คนไทย)ถ้าจำเป็นต้องขี่จักรยานก็จะนั่งลงไปและหนีบกระโปรงสุดฤทธิ์ไม่ให้ลมตีกระโปรง แต่นี่เธอนั่งลงไปแล้วเอากระโปรงครอบอานเอาไว้ เวลาขี่จักรยานลมก็จะตีกระโปรงโป่งบานพะเยิบพะเยิบเป็นร่มชูชีพ ...แต่นั่นอาจจะเป็นวิธีทำให้เกิดแรงถ่วงทำให้ขี่จักรยานได้ง่ายมัง...* ห้องน้ำสาธารณะเป็นอะไรที่ถ้าไม่จำเป็นสุดๆอย่าได้เข้าไปใช้บริการเลย อืยย์...สุดๆ จริงๆ ถ้าเป็นต่างจังหวัดบางทีมีประตู แต่มีแค่ครึ่งเดียวแบบประตูห้องหมอในโรงพยาบาลสมัยก่อน แล้วมันจะมีทำไม??? นั่งลงไปก็เห็นหมด ถึงว่าเพื่อนเคยบอกว่าเวลาไปเที่ยวต่างเมืองจีนต้องพกร่มตลอด เคยเจอห้องน้ำไม่มีประตูอยู่ครั้งในศูนย์การค้าขายส่งเสื้อผ้าใหญ่กว่าประตู่น้ำอีก ห้องน้ำไม่มีประตู ...ทำไงได้ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ก็มันทนไม่หวายอ่ะ... ถ้าเป็นห้องน้ำต่างจังหวัด หรือห้องน้ำเคลื่อนที่นะ เวลาเข้าห้องน้ำห้ามก้มลงไปมองเด็ดขาด เคยอยู่ทีเผลอก้มลงไป ยังคิดเล่นๆ ถ้าเกิดสมมุติแหวนเพชรวงหญ่ายยย หล่นลงไป ยังไง๊ ยังไง อิฉันก็ไม่เก็บแน่ จริงนะ อืยย์ย์ย์ เล่าแล้วยังขนลุกอยู่เลย ที่จริงมีเล่าอีกแยะ เอาไว้หาเวลามาเจอเองดีกว่าแล้วมากันให้ครบขาล่ะ หลายๆ คนมาลุยเที่ยวสนุกดีนะ เมื่อหลายเดือนก่อนก็มีเพื่อนรุ่นน้องมากัน 4 คน มาอยู่ 1 อาทิตย์ ก็ออกไปเที่ยวกันเอง ทุกคนบอกสนุกมาก...เย็นกลับเข้าบ้านมาทีก็หอบของมาพะรุงพะรัง แบบทั้งเที่ยวทั้งช๊อปกันกระจาย....
ไกด์เรียกแท็กซี่ในสถานี้รถไฟตะวันตกให้
ขากลับ เอานามบัตรโรงแรมยื่นให้คนขับ
เค้าไม่ยอมไปกัน คุยก็ไม่รู้เรื่อง
เรียกอยู่นาน กว่าจะมีคันนึงยอมไป
พอขึ้นรถเค้าก็โทรถามทาง ตามนามบัตรโรงแรมที่ยื่นให้
โรงแรมก็ใหญ่อยู่ข้างสถานีรถไฟ ไม่ไกลด้วย
ไหงแท็กซี่ไม่รู้จักกันอ่ะ