-3-





“นี้เป็นหลักสูตร ปริญญาโท ที่เราให้พี่เตรียม มีทั้งของ มหาวิทยาลัย เกียวโต และก็ มหาวิทยาลัยสตรี นอร์ทเธอดัมเกียวโต ดูเอาอยากเรียนที่ไหน”

เมธายืนแฟ้มเอกสาร ของมหาลัยทั้งสองให้ เมษาที่นั่งดูดน้ำหวาน หลังจากที่เธอมาถึงคฤหาสน์ โฮโจ ในเวลาสาย ๆ เธอมองหน้าพี่ชายที่ยื่นสิ่งที่เธอขอให้จัดหามาให้ ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดดูว่าทั้งสองที่นี่ เธอให้ความสนใจที่ไหนมากกว่ากัน

“อืม มาช้าไปเหรอนี้”

“มีอะไรเหรอเมษ”

“อ่อ ก็ หลักสูตร ปริญญาโท น่ะสิ รู้สึกว่าเราจะมาช้าไปนะ ของมหาลัยเกียวโต เปิดรับ วันที่ 4 ตุลา ส่วน มหาวิทยาลัยสตรี เปิดวันที่ 1 เมษาเหรอ อย่างงี้ก็ต้องรอปีหน้าล่ะสิ”

“งั้นก็แย่เลยสิ”

น้ำหวานเอือม ไปหยิบแฟ้มเอกสารหลักสูตร ที่เมษาวางไว้ เธอมองเพื่อนสาวของตัวเองว่าจะทำเช่นไร เพราะกว่าจะรับสมัครอีกที ก็เป็นปีหน้า แต่ดูเหมือนว่าเมษาจะไม่ทุกข์ไม่ร้อน เหมือนจะยอมรับกลาย ๆ ว่าปีหน้าก็ปีหน้า จนเมธาอดแหนบแนม ไม่ได้

“พี่ก็ว่างั้นและ นึกอยากจะเรียนก็เรียน ไม่ดูหลักสูตร ในอินเตอร์เน็ตให้ดีก่อน”

“อะไร พี่เมฆ กล้าว่าเมษเหรอ”

“ก็กล้าว่าน่ะสิ”

“ชิ เค้าจะฟ้องแม่”

เมษาหันมาจ้องหน้า เมธาเขม็ง ก่อนจะเชิดหน้าหนี ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดู ให้ดี แต่เธอจงใจ ทำต่างหากล่ะ โธ่ อย่างเมษาหรือ จะพลาด ไม่มีทาง เมษาอมยิ้มกับตัวเอง ก็ถ้าเธอมาถูกที่ ถูกเวลา เธอก็ต้องเริ่มเรียนทันที ของเที่ยวก่อนเถอะ แล้วค่อยรอสมัครปีหน้า

“เรานี่นะ เอะอะก็จะฟ้องแม่ เพราะอย่างนี้ไงถึงไม่โตสักที”

“แล้วนี้ เมษ จะทำอย่างไงเหรอ จะกลับเมืองไทยพร้อมหวานไหม แล้วค่อยมาอีกที ปีหน้า”

“นั่นสิ ยัยเมษ เดี๋ยวพี่ก็ต้องเดินทางกลับแล้วด้วย ว่าไงล่ะ กลับพร้อมกันไหม สัปดาห์หน้าน่ะ”

“อุ้ย หวาน เมษคิดว่า จะว่าจะอยู่ที่นี่จนถึง วันสมัครปีหน้านะ”

ว่าแล้วก็ยกแก้วน้ำหวานขึ้นดื่มต่อ เมธาขมวดคิ้ว กับการตัดสินใจของน้องสาว ถึงเมษาจะโตเพียงใด เขาก็ไม่อยากปล่อยให้ อยู่คนเดียว แต่ตัวเขาเองก็มีภาระ ที่จะต้องรับสืบทอดกิจการ ของเครือโฮโจ ดังนั้น จึงไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานนัก เพราะสาขาที่ ประเทศไทย เขาก็ต้องดูแล

“แล้วเราจะอยู่อย่างไง พี่ไม่ให้เราอยู่คนเดียวหรอกนะ”

“พูดอะไรอย่างนั้นพี่เมฆ ทำอย่างกะเมษเป็นเด็กเล็ก ๆ อยู่คนเดียวไม่ได้”

“ก็เพราะเราเหมือนเด็กนะสิ พี่ถึงให้อยู่ไม่ได้”

เมธาพูดถูกทุกอย่าง น้ำหวานคิดเช่นนั้น แต่เมื่อดูสีหน้าไม่ยอมลงให้ของเพื่อนสาว เธอก็คิดได้แน่ว่า เมธาจะต้องเป็นคนยอมลงให้ แม้ว่าจะทะเละ กันกี่ที คนเป็นพี่ก็ไม่สามารถ เอาชนะ คนเป็นน้องได้เลยสักครั้งเดียว สถิต รบร้อยครั้ง ชนะทั้งร้อยครั้งของเมษา ยังยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้

“ไม่รู้ล่ะ เมษจะอยู่ อีกอย่าง เมษก็ไม่ได้อยู่คนเดียวนี้ คนรับใช้ในคฤหาสน์ ก็มี เชอะ หาว่าเราเป็นเด็ก”

“เอาน่า เมษ คุณเมฆ เขาเป็นห่วงเมษนี่จ้ะ แล้วเมษคิดดีแล้วเหรอ อยู่คนเดียวน่าเหงาออก”

“ไม่หรอกหวาน เมษไม่เหงา ไม่รู้สิ ตั้งแต่มาที่นี่ เมษก็สังหรณ์ว่า เมษจะไม่เหงาอีกต่อไป”

สายตาทอดยาวนั้น ทำให้เมธาอดสังหรณ์ใจไม่ได้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวของตัวเอง ใจหนึ่งก็นึกเป็นห่วง แต่อีกใจก็คิดว่า เมษาโตแล้ว การที่เธอบอกว่าจะมาเรียนต่อนี้ ก็แสดงได้ถึงเจตนารมณ์ ของตัวเอง แน่นอนว่าคนเป็นพี่ก็ไม่ควรจะไปขัด เพราะถ้า ขัด คงจะหนักเอาการ

“เอาเถอะ พี่ยอมแพ้ แต่เราต้องติดต่อทางบ้านทุก ๆ เดือนด้วยล่ะ”

“เย้ รบชนะอีกแล้ว”

“เมษนี่ล่ะก็ ทำเป็นเรื่องรบไปได้”

“อ้าว ก็ใช่นะสิ พี่เมฆ แพ้เมษอีกแล้ว”

เมธาส่ายศีรษะ ไปมาอย่างกลุ้มใจกับน้องสาวคนนี้ เขาคงต้องกำชับให้คนของเขาดูแล เมษาให้ดี ๆ ยุงไม่ให้ไต๋ ไรไม่ให้ตอมเลยทีเดียว แต่คิด ๆไป น้องสาวของเขา ร่วมถึงเขา ก็ถูกมารดา ส่งไปเรียนศิลปะป้องกันตัว มาบ้าง คงจะช่วยอะไรได้บ้างยามคับขัน

“แล้วพรุ่งนี้เราจะพา น้ำหวานไปเที่ยวไหนล่ะ”

“นั่นสิเมษ หวานก็อยากรู้”

“นั้นนะ หน้าที่พี่ เมษชวนหวานมา เพราะว่าจะให้พี่เมฆ เป็นคนพาเที่ยว เพราะฉะนั้น พรุ่งนี้มีงานอะไร ยกเลิกให้หมด พาหวานไปเที่ยวแทนเมษ”

เมธาอ้างปากค้าง กับคำสั่งของน้องสาว แต่เมื่อไปมองหญิงคนรัก ที่หน้าแดงระเรื่อ เขาก็รู้สึกอิ่มอุรา ตั้งแต่มาสาขาใหญ่ ที่ประเทศญี่ปุ่น เขาก็ไม่ได้เจอน้ำหวาน คนที่เขารัก เลยเกือบครึ่งปี ทำให้อดที่จะดีใจไม่ได้ เมษายักคิ้วให้ เหมือนจะว่านี้เป็นของขวัญ ที่ให้เธออยู่ที่นี่ต่อ

“พี่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเลยล่ะ น้องรัก”

“เชอะ ที่อย่างนี้มาบอกน้องรัก ดูแลหวานให้ดี ๆ ล่ะ ถ้าหวานเป็นอะไรไป เมษจะแช่งให้ไม่ตายดีเลย อ้อ หวาน งานนี้ก็ระวังเสือหิวด้วยนะ ท่าทางจะอดโซมานาน เมษไม่ไปเป็นเพื่อนยิ่งต้องระวังให้มาก”

น้ำหวานหัวเราะกับคำพูดของเมษา เธอมองคนรัก ที่ทำท่าจะบีบคอน้องสาวตัวเอง เสียให้ได้ เมธา เมื่ออยู่กับ เมษาแล้ว จะแสดงอาการเป็นเด็กให้เห็นอยู่ตลอด ถึงจะทะเละ กันอย่างไง เธอก็รู้ว่า เมธานั้น รักเมษามากขนาดไหน ถ้าเปรียบเทียบกับพวกพี่ ๆ ของเธอแล้ว น้ำหวานกลับคิดว่า พวกพี่ ๆ ของเธอ ยังรักเธอน้อยกว่า เมธารัก เมษาเลย เธอเห็นแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้ทีเดียว เสียงหัวเราะ ดังกังวาน ไปทั่วคฤหาสน์ เสียงที่ทำให้ใครบางคน เมื่อมาได้ยินก็อดจะจ้องมองไม่ได้



ซาคาโนะลุกขึ้นจัดแจงสวมเสื้อผ้าของตนเองก่อนรุ่งสาง โดยที่ โทชิอากิเองยังคงยังคงนอนอยู่ข้าง ๆ มองเธอที่นั่งแต่งตัวอยู่ข้าง ๆ อย่างเสน่หา เขาเอื้อมมือไปลูบไล้ปลายผมที่เหยียดยาว ว่ากันว่า ผมคือชีวิตของผู้หญิงในยุคเฮอัง เลยก็เป็นได้ ผมของซาคาโนะถึงแม้ว่าจะไม่เหยียดตรง แต่ก็นุ่มสลวย ราวกับแพรไหม แน่นอนว่า รวมไปถึงผิวพรรณของเธอด้วยเช่นกัน

“ท่านโทชิอากิ จะไปอารามวัดไดเมียว ที่ซางาโนะ หรือเจ้าค่ะ”

“อืม ใช่แล้วล่ะ”

“แล้วท่านจะไปสักกี่วันหรือเจ้าค่ะ”

“ก็คงจนกว่าธุระของข้าจะเสร็จ”

ซาคาโนะหันหน้ามามองโทชิอากิ ที่ยังคงนอนอยู่แบบนั้น ใจเธออยากจะถามว่า ธุระของเขาคืออะไร แต่มันก็จะเป็นการก้าวก่าย เขาจนเกินไป แต่เธอก็ไม่อยากจาก เขาไปนาน ถึงแม้ว่า ความรักของเธอ จะเป็นเพียงเงามืด แต่เธอก็พร้อมจะทำตามเขาทุกอย่าง และอยู่ในเงามืดนี้ตลอดไป โทชิอากิ ลุกขึ้นนั่ง เขาโอบร่างของซาคาโนะไว้ ลมหายใจที่เปียกชื้นรินรดใบหูของเธอ โทชิอากิเชยคางของเธอขึ้น ใบหน้าของซาคาโนะแดงระเรื่อ ถึงแม้ว่าจะมีอะไรกันมาก็หลายต่อหลายครั้ง แต่ทุก ๆ ครั้ง โทชิอากิ ก็มักจะให้ความสำคัญกลับเธอ อยู่เรื่อย ๆ

เขาจุมพิตที่ริมฝีปากนั้นอย่างแนบแน่น มือของเขาสอดเข้าไปในสาบชุดกิโมโนบีบครั้น ทรวงอกอิ่ม ของเธอ อย่างเป็นจังหวะ ซาคาโนะ เปล่งเสียงครางออกมา เธอเอื้อมมือไปจับมือของเขาเอาไว้ พร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแทน

“ไม่ได้นะเจ้าค่ะ... จะรุ่งสางแล้ว ท่านควรจะออกไปก่อนที่จะมีคนเห็น”

“แต่ข้าไม่อยากจากเจ้าไปเลย ซาคาโนะ ข้าอยากจะกอดเจ้าอยู่เช่นนี้”

“แต่มันไม่สมควรนะเจ้าค่ะ ถ้าท่านแม่ของท่านโทชิอากิรู้เข้า ซาคาโนะคงจะแย่”

“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ซาคาโนะ”

“แต่ว่า... เดี๋ยวสิเจ้าค่ะ”

โทชิอากิยังคงไม่ทำตาม เขา ดันร่างบางของซาคาโนะให้นอนลงบนเบาะ จากนั้นก็ดึงชุดกิโมโนของเธอที่เธอพึงจะสวมใส่ออกอย่างรวดเร็ว เขาโน้มหน้าลงขบเม้มที่ทรวงอกอิ่ม ที่โพล่พ้นสาบชุดออกมา ซาคาโนะได้แต่ร้องครางเบา ๆ กับการกระทำของ เขา รสรักของโทชิอากินั้น แทบจะทำให้เธอหลงอยู่ในวังวน ได้ตลอดเวลา เขาไม่เพียงแต่เอาใจใส่ ถึงความรู้สึกของเธอแล้ว โทชิอากิ ยังรู้ไปหมดทุกอย่าง ว่าจุดไหนของเธอไว้ต่อความรู้สึกมากที่สุด

โทชิอากิสอดแทรกกายแกร่งของเขา พร้อมทั้งยกร่างเล็กของซาคาโนะขึ้น เขายังคงขบเม้มทรวงอกของเธอ ขณะที่อีกสองมือของเขา ก็ขยับร่างของเธอให้สอดประสานไปตามจังหวะรักของเขา ซาคาโนะขบริมฝีปากตัวเองไว้ เพื่อไม่ให้เสียงดังเล็ดลอดออกมา แต่ดูเหมือนว่า โทชิอากิจะไม่ชอบที่เธอทำเช่นนั้น เขากระซิบที่ใบหูของเธอเบา ๆ

“ร้องสิ ร้องแบบทุกที”

“ตะ-แต่ ถ้ามีคน... ได้ยิน...”

“ไม่เป็นไรหรอก ร้อง...”

ซาคาโนะจิกเล็บของตัวเองลงบนบ่าของโทชิอากิ เมื่อเขายกร่างของเธอกระแทกลงกับแกนกลางในตัวของเขา มันแรงขึ้น แรงขึ้น และแรงขึ้น ในที่สุด ซาคาโนะก็สะกดกลั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เธอเปล่งเสียงครางออกมาดัง ๆ โทชิอากิจูบซับที่พวงแก้มที่แดงระเรื่อไปด้วยฤทธิ์สวาท ก่อนจะวางร่างของเธอลงบนเบาะ และแต่งตัวเดินจากไป ปล่อยให้เธอนอนอยู่แบบนั้น จนแสงสีทองของเช้าวันใหม่โพล่พ้นท้องฟ้า



โทชิอากิ นั่งรถเทียมม้า เข้าไปยังวังหลวง วันนี้เขาต้องมาทำงาน เพื่อที่จะยื่นเรื่องลาพัก เขามองบรรยากาศตลอดทางที่เขาเดินทาง มันก็เหมือน ๆ กับทุกวัน ที่เขานั่งรถม้าไป แต่แล้ว สายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับ รถเทียมม้า ที่มีขบวนสาวใช้ และคนรับใช้ ที่กำลังขนข้าวของ ดูจากจำนวนคนแล้ว คงจะเป็นบ้านของคนที่มีฐานะร่ำรวยมากทีเดียว

เขาจ้องมองอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งมีกระแสลมแรง พัดมาทางด้านรถเทียมม้าขบวนหนึ่ง ที่อยู่เกือบหน้าขบวน ม่านที่ใช้ปิดหน้าต่างรถเทียมม้านั้นพัดปลิว จนเห็นร่างของหญิงสาวที่อยู่ภายในรถม้า โทชิอากิถึงกับตกตะลึง เพราะเธอคนนั้น มีใบหน้าราวกับคนที่เขาเห็นในความฝัน ก่อนที่ม่านของรถม้าดังกล่าว จะปิดลง ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาที่ตื่นจากภวังค์ รีบเปิดม่านของรถม้าออก และถามคนติดตามของเขาอย่างรวดเร็ว

“นั้นขบวนอะไรนะ”

“อ้อ ขบวนของท่านหญิงโฮโจ บุตรีของท่านแม่ทัพ คานาเมะ โฮโจ นะขอรับ”

“อย่างนั้นหรือ แล้วขบวนท่านหญิง จะไปไหนกันละ”

“เห็นว่าจะไป ซางาโนะ ขอรับ มีอะไรหรือขอรับ ท่านโทชิอากิ”

“ซางาโนะหรือ เป็นอย่างที่ท่านยูเคอิ บอกไว้เลย”

สีหน้าของคนติดตามดูจะอยากรู้อยากเห็นเป็นยิ่งนัก เพราะการที่ท่านโทชิอากิ ทำท่าสนใจเช่นนี้ นั้นก็หมายความว่า เขาต้องส่งเพลงยาวไปให้ ท่านหญิงคนนั้นแน่ โทชิอากิโบกมือ ให้เข้ามากระชิดตัวเขามากขึ้น พร้อมกับการสั่งการของเขา ตอนนี้เขาหาเธอเจอแล้ว ถึงแม้ว่าสีผมจะไม่เหมือน แต่โครงสร้างหน้าตา เหมือนกัน แน่นอนว่า เขาก็จะไม่ปล่อยให้ท่านหญิงคนนั้นหลุดมือไปแน่

“เจ้าจงไปสืบดูว่า ท่านหญิงโฮโจชอบอะไร เกลียดอะไร แล้วมาบอกข้า”

“ขอรับ ท่านโทชิอากิ”

เป็นอย่างที่ คนติดตามคิดไว้ โทชิอากิสั่งการให้ คนติดตามของเขาไปสืบ ความเป็นมาของท่านหญิง โฮโจ และแน่นอนว่า ต้องรู้ให้หมด ว่าเธอชอบอะไร เกลียดอะไร แล้ว เขาก็จะส่งเพลงยาว ที่จะใช้เป็นการเกรี้ยวพาราสี ไปให้ ตลอดเวลาที่เขาทำเช่นนี้มา ไม่เคยมีท่านหญิงคนไหน ที่หลุดลอดจากเขาไปได้เลย แน่นอนว่า ท่านหญิงโฮโจเองก็เช่นกัน ม้าของคนติดตามวิ่งออกนอกขบวนของโทชิอากิ เขามองตามขบวนรถม้าของท่านหญิงโฮโจอย่างหมายมาด ไม่มีอะไรที่เขาอยากได้และไม่ได้

แล้วเราจะได้พบกัน ท่านหญิงโฮโจ




Create Date : 27 กรกฎาคม 2552
Last Update : 27 กรกฎาคม 2552 13:25:24 น.
Counter : 310 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไลแลต..
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






- นิยายที่ผ่านการตีพิมพ์ -









กรกฏาคม 2552

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
28
29
30
31
 
 
  •  Bloggang.com