-1-

ฉันรอคุณอยู่

รอคุณอยู่ตรงนี้

รอคุณมานานแสนนาน

เมื่อไหร่ คุณจะพบฉันสักที

คุณผู้เป็นเจ้าของ ของฉัน...



"พ่อ เมษจะไปญี่ปุ่น"

เมษา เด็กสาววัย สิบแปด กล่าวขึ้นขณะเธอกำลังตักอาหารเช้าเข้าปาก เธอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่แสดงออกถึงความตกตะลึง อย่างไม่คาดคิดว่าเธอจะพูดเรื่องอะไรทำนองนี้ขึ้นมา

"พ่อจ้ะ ลูกเราตัวร้อนหรือเปล่า"

"นั่นสิ พ่อก็ว่าลูกเราคงจะตัวร้อน"

ทั้งพ่อและแม่ เอื้อมมือสัมผัสใบหน้า และลำคอของเธออย่างเป็นห่วง เมษานิ่วหน้า พร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็ง ๆ อย่างไม่สบอารมณ์กับการกระทำของพ่อและแม่

"แค่เมษบอกว่าจะไปญี่ปุ่น ทำไมพ่อกับแม่ต้องคิดว่าเมษไม่สบายด้วยละค่ะ"

"อ้าว ก็เพราะว่า แต่ก่อนแม่กับพ่ออยากให้เราไปเรียนที่ญี่ปุ่น เราก็ไม่ยอมไป มีแต่พี่เรานะ ไปอยู่คนเดียว แล้วนี้นึกไงกันละ"

"นั่นสิลูก นึกอย่างไง"

"ไม่ได้นึกอย่างไงค่ะ ก็แค่อยากไป เห็นเพื่อน ๆ บอกว่าจะไปเที่ยว เมษก็เลยอยากไป"

พ่อและแม่หันมามองหน้ากัน พลางพูดพร้อม ๆ กันว่า นึกแล้วเชียว พวกเขาคิดว่าอย่างเมษานั้น เรื่องให้ไปอยู่ต่างประเทศคนเดียวนะ เป็นไปไม่ได้หรอก

"ถ้าแค่ไปเที่ยว ก็ไม่เห็นจะต้องบอกพ่อกับแม่เลยนี้จ้ะ เงินพ่อแม่ก็เอาเข้าให้เรา มีก็ตั้งหลายบาท"

"เมษไม่ได้จะไปเที่ยวอย่างเดียว เมษจะไปเรียนที่โน้นด้วย"

เมษาพูดราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ นั้นยิ่งทำให้ทั้งพ่อและแม่ถึงกับหน้าเหวอ ลูกสาวของพวกเขาพูดว่าอยากจะไปเรียนต่อ เป็นอะไรที่ แปลกประหลาดมาก เพราะตั้งแต่ลูกสาวของเขาจบ มหาลัยมา นอกจากอยู่บ้านแล้ว ก็ไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าจะเรียนต่อ หรือทำงาน

"แน่ใจเหรอจ้ะลูก แม่ว่า ลูกมาแปลก"

"แปลกอย่างไงค่ะ"

"อ้าว ก็เมษบอกว่าอยากไปเรียนต่อ ไม่แปลกจะเรียกว่าอะไร"

"นั่นสิแม่ แปลกจริง ๆ ล่ะ เมษของเราอยากเรียนต่อ" พ่อของเมษาพยักหน้าหงึก ๆ เขาเห็นด้วยกับคำพูดของภรรยาทุกประการ

"เมษชักจะโกรธพ่อกับแม่แล้วนะคะ"

"เอา มาโกรธพ่อกับแม่ทำไมล่ะเมษ พ่อกับแม่ก็พูดความจริง แล้วแน่ใจแล้วเหรอ ว่าเราจะไปเรียนจริง ๆ เดียวพี่เราก็จะกลับมาจากสาขา ที่ญี่ปุ่นแล้วนะ ถ้าเราไปก็ไม่มีใครอยู่กับเรานะ"

"เมษอยู่ได้ค่ะ นะคะ ให้เมษไป"

เมษาจ้องหน้าพ่อกับแม่พร้อมทั้งทำตาปริบ ๆ ทั้งสองถอนหายใจ ตัวเองก็ไม่เคยขัดใจทั้งลูกสาวและลูกชายได้เลย ก็คงต้องปล่อยให้ไป ดีเหมือนกันจะได้โตเป็นผู้ใหญ่กับเขาสักที

“ก็ได้ พ่อกับแม่ยอม เดี๋ยวจะสั่งพ่อบ้าน ที่โน้นให้เตรียมรับเราก็แล้วกัน”

เมษาอมยิ้มด้วยความดีใจ เธอว่าแล้วว่าพ่อกับแม่ของเธอ ไม่เคยขัดใจเธอได้เลยสักครั้งเดียว ไม่ว่าเธอจะขออะไร ก็ไม่เคยขัด ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีแล้วละก็นะ เมษารู้ว่าอะไรควรไม่ควร พ่อกับแม่มักจะพูดเช่นนี้เสมอมา และนั่นเองที่เรียกว่าความเชื่อใจกันในครอบครัว



ตระกูล โฮโจ ถือเป็นตระกูลใหญ่ ที่มีรากฐานมาจากประเทศญี่ปุ่น คุณ อาซามะ โฮโจ หรือ พ่อของเธอ เป็นเจ้าของบริษัท เครื่องไฟฟ้ารายใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น ก่อนจะมาแต่งงานกับ คุณ มายาวี ศรกาลนนท์ ซึ่งเป็นลูกครึ่งอังกฤษ บุตรสาวเพียงคนเดียว ของนักการเมืองชื่อดัง ของไทย ที่เคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็น รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ จนเป็นข่าวฮือฮา ด้วยว่าทั้งสองพบรักกัน ณ ประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ คุณมายาวี ไปเรียนต่อปริญญาโท ที่นั่น และได้พบกับคุณอาซามะ ที่ไปเป็นวิทยากร รับเชิญ

"พ่อบอกไม่หมดอีกละสิ"

“อะไรเหรอ เมษ”

“ก็บทสัมภาษณ์ของพ่อเราไงหวาน”

เมษาชี้ไปที่บทสัมภาษณ์ที่เธอเปิดค้างไว้เมื่อครู่ ก่อนขึ้นเครื่อง เธอคิดว่าจะซื้อมาอ่านฆ่าเวลา แต่เมื่อเห็นบทสัมภาษณ์ ถึงการพบรักของพ่อกับแม่เธอ ก็รู้สึกอยากจะหัวเราะ

“แล้วมันยังไงล่ะ”

“ก็ความจริงแล้วนะ พ่อไปเป็นวิทยากร จริง ๆ แต่ดันไปทำอนาจาร กอดจูบกับผู้หญิง ในที่สาธารณะ แล้วทีนี้แม่ผ่านมา ก็ดันมาชวนแม่ให้ไปร่วมวงด้วย แม่ก็เลยสงเคราะห์ จัดการเตะผ่าหมาก ทำเอากล่องดวงใจพ่อสะเทือนเลยละ แล้วยังเอาน้ำชาร้อน ๆ ที่พึ่งกดออกมาจากตู้ ราดซะเต็มหัวเลย”

“คุณแม่เมษ โหดจังนะ”

เพื่อนของเมษาปิดปากอย่างตกใจ ไม่คิดว่า แม่ของเพื่อนสาวที่หน้าตาหวาน ๆ อย่างนั้นจะกล้าทำแบบนั้น เมษาหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่ไม่เข้ากับหน้าของแม่เธอหลาย ๆ อย่าง

“ก็นะ แม่นะ เห็นแบบนั้น ไม่ยอมคนหรอก พ่อถึงว่าฉัน เหมือนแม่มาก”

“อื้อ จริงและ โดยเฉพาะใบหน้า ได้เค้าต่างชาติมาเต็ม ๆ เลยนี่”

“คงงันมั่ง แม่บอกว่าฉันเหมือนคุณย่า มากกว่าแม่ เสียก็แต่สีผม ที่ออกน้ำตาลอ่อน”

แต่เหมือนในความหมายนี้คือหน้าตานะ นิสัยไม่เหมือนอย่างแรง คุณย่าของเธอเป็นผู้ดีอังกฤษ กริยามารยาทดีทุกกระเบียดนิ้ว ส่วนของเธอ ผ้ายัดตะกร้ายังเรียกพี่

“แต่เราก็ชอบผมเมษนะ ผมเมษ ยังกับสายไหมแน่ะ สมควรและ ที่จะถูกสั่งห้ามไม่ให้ตัด”

“อยากตัดก็ไม่ให้ตัดเราละเบื่อ”

“จะว่าไป คราวก่อนเมษบอกว่าถ้าตัด แม่กับพ่อเมษจะงดบัตรเมษทุกใบเลยนี้นะ ลำบากแย่”

“ก็ใช่นะสิ หนักก็หนัก เราถึงได้เตี้ยแบบนี้ไงล่ะ”

เมษาทำหน้าบูด ตั้งแต่เธอโตมาข้อห้ามเพียงข้อเดียวคือห้ามตัดผม นอกจากเล็ม ปลาย ๆ ได้ ซึ่งตอนนี้ ผมของเธอยาวเลยกลางหลัง จนจะถึง สะบันเอว เวลาสระ เธอต้องเข้าร้านทำผมอย่างเดียวเท่านั้น เพราะขี้เกียจมาสระเองให้เมื่อยมือนั้นเอง และเธอก็มักจะโทษผมของเธอ เป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอเตี้ย แต่เตี้ยของเธอก็ถึง ร้อยหกสิบละนะ

“เอ เดี๋ยวก็เข้าน่านฟ้าญี่ปุ่นแล้วนี่”

“นั่นสินะ”

น้ำหวานมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ซึ่งเมษาเองก็จ้องมองออกไปด้านนอกด้วยเช่นกัน แต่แล้ว เธอก็เห็นเงาประหลาด ที่มีสีดำทะมึน กลุ่มก้อนสีดำนั้น ราวกับว่าเป็นรูปของคนถืออาวุธ กำลังยืนมองมาทางเธอ เมษาพยายามเพ็งสายตาจ้องมองว่ามันคืออะไร แต่พอกระพริบตา มันก็จางหายไปเสียแล้ว

“หวาน เมื่อกี่เธอเห็นเงาสีดำ ๆ นอกหน้าต่างหรือเปล่า”

“เอ๊ะ ไม่เห็นนี่ อะไรเหรอเมษ”

“เปล่า สงสัยเราคงตาฝาดไป”

เมษาส่งยิ้มให้เพื่อนของเธอ นั่นสินะ เธอคงจะตาฝาดไปจริง ๆ จนกระทั่งเครื่องร่อนลงสู่ลู่วิ่ง ร่างสีดำทะมึนนั้นก็ปรากฏขึ้นมาอีก ดวงตาสีทับทิม จ้องมองมาทางเครื่องบิน ที่แล่นลงสู่ลู่วิ่ง อย่างเยือกเย็น ก่อนจะจางหายไปในอากาศ



“ตื่นแล้วหรือเจ้าค่ะ ท่านโทชิอากิ”

สาวใช้หน้าตาดีเอ่ยถามผู้เป็นนาย ที่บัดนี้ลงจากฟูกนอน ด้วยท่าทางที่ยังคงง่วงเงียอยู่เล็กน้อย โทชิอากิ พยักหน้ารับ เธอส่งยิ้มหวานให้ ก่อนจะลุกขึ้นไปจัดการนำอ่างล้างหน้ามาจัดแจงวางให้ เขาล้างหน้า ซาคาโนะ เป็นลูกสาวของแม่นม ของโทชิอากิ ที่แต่ก่อนเคยเป็นเพื่อนเล่นกับเขามาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ แต่บัดนี้ ท่านแม่ของเขาได้สั่งการให้เธอมาเป็นสาวใช้ประจำตัว

“วันนี้ ท่านโทชิอากิจะไปไหนหรือไม่เจ้าค่ะ”

“มีอะไรหรือ ซาคาโนะ”

“ท่านหญิง ซันโจ ได้ส่งสารมา หาท่านโทชิอากิ เจ้าค่ะ”

ท่านหญิง ซันโจ พูดถึงนั้นก็คือ บุตรี คนที่ สาม ของ ท่าน ซันโจ โทคุงาวะ เสนาบดีฝ่ายซ้าย ที่เขาเคยไปเกี้ยวพา อยู่พักใหญ่ แต่เมื่อดมดอมดอกไม้งามจนพอใจแล้ว เขาก็รู้สึกหมดความสนใจ ในตัวเธอ โทชิอากิแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย นี้คงจะเป็นเรื่องการบังคับให้เขารับเธอมาเป็นภรรยา อย่างเป็นทางการสินะ

เนื่องจากว่า เขาเองก็ได้ยินข่าวว่า ท่านซันโจ โทคุงาวะ จะจัดการหมั้นหมาย ท่านหญิงซันโจ ให้กับ บุตรชาย คนที่ สามของ เสนาบดี ฝ่ายซ้าย ด้วยกันเอง ท่าน ไซไซ โนะ ซู ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องชู้สาว เฉ่งเช่นเดียวกับเขา แต่หน้าตานั้น หาได้ดีเช่นชื่อเสียงไม่

“ท่านโทชิอากิ ยิ้มอะไรหรือเจ้าค่ะ”

“ไม่มีอะไรหรอก ซาคาโนะ เดี๋ยวข้าขอตอบ สารท่านหญิง ซันโจ และสารอีกฉบับ เจ้าช่วยส่งไปให้ ท่าน ยูอิเค ที่วัด ไดเมียว ว่าข้าจะไปขอคำปรึกษาสักหน่อย”

“เจ้าค่ะ”

ซาคาโนะ รับคำสั่งของผู้เป็นนาย ก่อนจะเอื้อมมือไปจะนำอ่างล้างหน้าที่ใช้แล้วไปจัดเก็บไว้ที่ที่มันควรจะอยู่ แต่โทชิอากิ กลับกระดึงร่างแบบบางของเธอให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ก่อนจะโน้มใบหน้ามอบ จุมพิตที่แสนดูดดื่มให้กับเธอ เขากอดรัดเธอแน่น สัมผัสที่เรียวปากอิ่ม ครั้งแล้วครั้งเล่า มือของเขาเริ่มซุกไซร้ หาความนุ่มนิ่มของเนื้อสาว แต่เธอก็พยายามจับมือที่ลุกล้ำเขตแดน ของเขาออก

“พอเถอะเจ้าค่ะท่านโทชิอากิ"
"ทำไมล่ะ"
"ก็ถ้าใครมาเห็นเข้า มันจะไม่ดี นะเจ้าค่ะ ซาคาโนะเป็นเพียงแค่สาวใช้ ถ้าใครเอาไปพูด ท่าน

โทชิอากิ จะเสียชื่อ”

น้ำเสียงเศร้าของซาคาโนะ ทำให้เขาหยุดมือที่กำลังลุกรานเธอ พร้อมกับเชยคางมน ของเธอมอบจุมพิตอันหอมหวานให้อีกครั้ง

“เจ้าอย่าพูด อะไรแบบนี้อีกนะ ซาคาโนะ ถ้าเทียบกับหญิงสูงศักดิ์ ที่ใจง่ายแล้ว เจ้ายังดีกว่าพวกนั้นเป็นกอง”

“ซาคาโนะดีใจที่ท่าน โทชิอากิ พูดเช่นนี้เจ้าค่ะ แต่อย่างไร ซาคาโนะก็เป็นเพียงสาวใช้ ซาคาโนะไม่อยากให้ท่าเสียชื่อ อีกอย่าง ซาคาโนะคงจะโดนทำโทษ”

ซาคาโนะ อ้อมแอ้ม ตอบ ดวงหน้าของเธอขึ้นสีแดงระเรื่อ หัวใจของเธอพองโตกับคำพูดของโทชิอากิ ท่านโทชิอากิ นั้น นอกเสียจากจะเป็นเจ้านายของเธอแล้ว ตอนอายุ ได้เพียง 14 ปี เธอก็มอบร่างกาย และจิตใจให้กับเขาเสียแล้ว แต่ความที่เธอเป็นเพียง บุตรีของแม่นม ท่านโทชิอากิ ที่มีฐานะเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ไม่อาจจะเทียบเท่า ท่านโทชิอากิ โยริซึเนะ ที่เป็นถึงบุตรชายเพียงคนเดียว ของท่าน ไดนะกอน [1] โดยตระกูล โทชิอากิ นั้น มีเชื้อสายของราชวงศ์อันยิ่งใหญ่ และปัจจุบันนี้ ท่านโทชิอากิ ยังได้รับตำแหน่ง จูโจ[2] อีกด้วย ดังนั้น ความรักของเธอจึงขอเพียงได้อยู่ในเงามืด เธอก็พอใจ

“นั่นสินะ ถ้าใครมาเห็นเข้า เจ้าคงจะย่ำแย่ ถ้าอย่างนั้น คืนนี้ ข้าขอร่วมเรียงเคียงหมอนกับเจ้า เมื่อยามราตรีกาลมาเยือนจะได้หรือไม่”

“เจ้าค่ะ ซาคาโนะจะเฝ้ารอให้ถึงราตรีนี้เร็ว ๆ”

ซาคาโนะ รับคำอย่างชื่นบาน แม้ว่าจะเป็นเพียงเงามืด แต่เธอก็พึงพอใจ ที่จะเป็นเช่นนี้ โทชิอากิมองร่างน้อยที่เดินออกไปอย่างอาลัยอาวรณ์ เขาลงมือเขียนสาร ที่จะส่งไปให้ ท่านหญิงซันโจ ทันที ในเมื่อทุก ๆ ครั้งที่เขาลักลอบพบกับ บุตรีของท่านซันโจ และ ไม่เคยมีใครเห็นเลยสักครั้งเดียว แล้วเรื่องอะไร เขาจะต้องรับเธอมาเป็นภรรยาออกหน้าออกตาด้วยล่ะ



เรื่องที่ท่านเล่าแจ้งแถลงไขมานั้น

หัวใจของข้าก็บีบรัดไปด้วยความเศร้า

แต่ข้านั้นก็พร้อมจะยินดี กับข่าวที่ท่านมอบ

ขอให้ให้ท่านหญิงแห่งดอกไม้งาม

จงมีแต่ความสุขกับการหมั้นหมายที่จะจัดขึ้น

ข้าคงได้แต่นอนระทม คิดถึงท่านตลอดไป...



โทชิอากิหัวเราะในลำคอ ก่อนจะพับสารที่จะส่งให้ท่านหญิง ซันโจ และถือมันเดินออกไป ภายนอกห้อง บัดนี้ ในใจของเขาคิดถึงยามที่ ท่านหญิง ซันโจ ได้เปิด อ่านสารฉบับนี้ เธอคงจะโมโห เขาเป็นแน่แท้ แต่ทำอย่างไรได้ เขายังไม่พร้อมที่จะมีภรรยา ออกหน้าออกตา หัวใจของเขานั้น คิดถึงแต่นงคราญที่อยู่ในความฝัน เธอช่างเป็นหญิงสาวที่งามล้ำ ดูแปลกตา

ร่างเล็ก เพรียวบาง อ้อนแอ้น ใบหน้าขาวผ่อง ราวกับไม่ใช่คนในภพนี้ ผมน้ำตาล ยาว สลวย ราวกับแพรไหม รอยยิ้มที่สว่างไสว ที่เมื่อเห็นแต่ละครั้ง ก็แทบจะทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัว เขาฝันถึงเธอมากขึ้น มากขึ้น ทุก ๆ ครั้งที่เขาจะเอือมมือไปสัมผัส เธอก็มักจะหายไป เขาฝันถึงเธอมาตั้งแต่สมัยที่เขายังอายุ สิบสอง หลังจากที่เข้าพิธี เก็นปุคุ [3]ตอนนั้นเขาไม่เห็นแม้แต่ ใบหน้าของเธอ แต่ตอนนี้ จบจนอายุของเขาเข้าสู่เลขสองหลัก ได้ เจ็ดปีแล้ว เขาก็เริ่มเห็นเธอมากขึ้น

โอ้อนิจจา เจ้าทำให้ข้า ต้องถึงกับขอคำปรึกษาท่านยูอิเค

ท่านยูอิเค ที่เขาพูดถึง คือพระ ที่อยู่ในวัดไดเมียว ที่บัดนี้ชื่อเสียงของท่านดังระบือไกล จนคนในวังหลวง คอยอัญเชิญท่านไปปัดรังควาญ และสวดมนต์ให้อยู่เป็นประจำ สมัยก่อนที่ท่านยูอิเค ยังไม่ได้ออกผนวช ท่านเคยเป็นเพื่อนเล่นกับ เขา ท่านยูอิเค นั้นมีเชื้อสาย ของจักรพรรดิ มุราซากิ ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งเป็นเชื้อสายเดียวกับเขานั่นเอง



--------------------------------------------------------------------------------

[1] ตำแหน่ง ข้าราชการชั้นสูง ที่ปรึกษาแห่งรัฐ

[2] ตำแหน่ง พลโท

[3] พิธีแสดงความเป็นผู้ใหญ่




Create Date : 27 กรกฎาคม 2552
Last Update : 27 กรกฎาคม 2552 13:23:41 น.
Counter : 259 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไลแลต..
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






- นิยายที่ผ่านการตีพิมพ์ -









กรกฏาคม 2552

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
28
29
30
31
 
 
  •  Bloggang.com