Napoleon iN spring!!! When I'm falling in LOVE ^___^
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
4 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
TMP 41

เช้าต่อมาทุกคนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อาเส่และแมรแมร์ไปส่งรอนที่บ้านแต่เช้า หลินกุออกมายืนมองด้วยสายตางงสุดขีดมาด้วยกันได้ยังไง คุณนายซุนออกมารับลูกชายที่รถด้วยท่าทางยิ้มแย้มผิดกับลูกสาว

“ขอโทษนะคะที่พามาส่งช้าไปหน่อย” อาเส่ยิ้ม

“ไปไหนกันมาจ๊ะ ตารอนนี้ก็ไม่โทรมาบอกแม่”

“กินเลี้ยงกันมาครับแม่ พอดีผมเมาเลยไปบ้านอาหมั่นมาไม่มีอะไรหรอกครับ แม่
เห็นผมเป็นอะไรเนี๊ย ผมโตแล้วนะ” รอนพูดตัดขึ้นเสเส่กับแมรแมร์ยิ้มหน่อยๆ

“ไปกินเลี้ยงหรือว่าไปกินอะไรกันมายะ ตารอนไปกับใครไม่ไปดันไปกลับคนบ้านนั้น นี้ยัยเสเส่เธอน่ะพาน้องฉันไปเสียคนหรือเปล่า” หลินกุแทรกเข้ามาตามนิสัยผู้ดีดอกไม้เหี่ยว

“เก็บความคิดของเธอไว้ดีกว่าน่าหลินกุ” เสเส่เมินหน้าขึ้น

“ขอบคุณนะคุณเสเส่ แมรแมร์” รอนกล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม แม่ลูกเหมือนกันเลยเชียว ผิดกับพวกผ่าเหล่าที่มันเกิดมาไม่เหมือนอะไรเลย


เมื่อรถแล่นออกจากบ้านแล้ว พี่สาวก็ขึงตาใส่แม่กับน้องชาย ชายหนุ่มไม่สนใจเดินขึ้นบ้านตามประสาเขา แต่ก็ถูกพี่สาวรั้งไว้ก่อนด้วยมือเรียวเล็บสีแดง เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าเขาไปไหนกับใครทำอะไรมา เร ื่องราวมันน่าสงสัยหลายเรื่อง

“นายไปไหนมาเมื่อคืน”

“ผมก็ไปดื่มไง พี่หลินจะเอาอะไรกับผมอีก ผมจะไปอาบน้ำเดี๋ยวจะออกไปดูงานที่โรงงาน” น้องชายตอบน้ำเสียงเบื่อหน่าย

“แล้วมากับพวกบ้านโน่นได้ยังไงกัน”

“พี่จะรู้ไปทำไม”

“จะบอกไม่บอก ตอบมา”

“ผมก็ไปนอนด้วยกันมา ไม่เห็นจะแปลกที่จะกลับมาด้วยกัน” เขาตอบหน้าซื่อ คนฟังแทบจะเป็นลม อะไรนะไปนอนด้วยกันมา

“นอนด้วยกัน แกนอนกับพี่น้องคู่นั้นแหนะเหรอ” คำถามมันสองแง่สองหง่ามจริงๆเลย

“ผมนอนกับอาหมั่นไปนอนไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย พี่หลินคิดไปถึงไหนความคิดของพี่นี้มันสกปรกกว่ากองขยะในกรุงเทพอีกนะ” เมื่อโดนน้องด่าอีกคนก็หน้าซีดลง

“ฉันก็ถามดูไม่ได้หรอยะ ทำไมตอนนี้ไม่เห็นหัวพี่เลยใช่ไหม”

“มีเรื่องหนึ่งผมอยากจะบอกพี่นะ นายชิแลมนั่นพี่ไม่ต้องคิดจะหวังแล้วนะ เมื่อคืนเขาออกไปกับเสเส่มาทั้งคืน ที่สำคัญผมไม่ชอบหน้าเขา” พอได้ยินเช่นนี้ก็หน้าแดงจัดดังกินพริกยายสายบ้านป่าโฮกมาทั้งกระสอบ

อะไรนะหายไปกันทั้งคืน ไปทำอะไรที่ไหนยังไง ครั้นจะเอ่ยปากถามน้องชายตนเอง บัดนี้เขาก็หนีหายขึ้นห้องไปเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวยืนโกรธตัวสั่น น้ำหูน้ำตามันก็แทบจะกลั้นไม่อยู่ รักครั้งนี้เธอทุ่มเทกับมันสุดๆที่ได้มากับเป็นความว่างเปล่า....ฮึ๋ย ทำไมกันนะ (เพราะเป็นนางร้ายน่ะสิ..ชิ)
.................................................................


วันหยุดทั้งทีทุกคนในบ้านต่างพร้อมหน้ากัน นานๆทีลูกสาวเหล่าบ้านฉินถึงจะอยู่บ้านทำหน้าที่ลูกที่ดี เสียแต่พี่หนึ่งที่ยังอยู่ฝรั่งเศสไม่ยอมกลับบ้านมาสักกะที ท่านประธานจิ้งและทุกคนรับของว่างที่ห้องนั่งเล่นของบ้าน

“เรื่องงานเป็นไงบ้างอาเส่” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม หญิงสาวงงๆนี้พ่อถามเธอคนแรกเลยเหรอ เป็นได้แหะ

“ก็ดีค่ะ กำลังไปได้สวย บัญชีก็ปิดได้ทันเวลาทุกอย่างลงตัวค่ะพ่อ อืมที่สำคัญผู้จัดการใหญ่คนใหม่ทำงานดีมากๆเชียว ลูกน้องๆอย่างเราเลยสบาย” แหม๋...เขาถามเรื่องงานเขาไม่ได้ถามเรื่องบุคคล แมรแมร์มองหน้าโยวโยว่แล้วทำท่าจะอ๊วกออกมา อะไรกันชมกันซึ่งๆหน้าเลยรึนี้ ไม่อายบ้างเลยพี่ตู

“ผู้จัดการใหญ่ นายชิแลมนั่นรึเปล่า ยังไม่เคยคุยกันกับเขาจริงๆจังๆสักทีเลย เด็กนอกอนาคตไกล”

“ใช่ค่ะพ่อ เวลาทำงานนะคะเขาแนะนำลูกน้องทุกคนทุกแผนกได้ดีมากๆเลย” บิดาทำท่าสงสัยในคำพูดของลูกสาว

“ดีของหนูนี้ ต้องคิดหนักหน่อย จะว่าไปหมอนั่นก็รูปหล่อนะสาวๆคงรุมกันเยอะเชียว” เข้าทางแล้วสิ เสเส่เบ้ปากทันทีพ่อรู้ทันหรือเปล่าเนี๊ย เธอออกนอกหน้ามากเลยเหรอ อุ๊ยไม่จริงมั๊งหน้าก็ไม่ได้แดงอะไรสักหน่อย ซิวๆ

“ก็พี่เส่กับคุณชิแลมเขาเป็นแฟนกันนิคะ ยังไงเขาก็ต้องเชียร์แฟนอยู่แล้วจริงมะเจ๊...” คนใส่แว่นทนไม่ไหวพูดขึ้นมา อาเส่ยิ้มใหญ่พอใจสุดๆเกือบจะเอาหมอนมากินซะแล้ว

“บ้าไม่ใช่แฟนสักหน่อยก็เพื่อนกัน” คนพูดกล่าวหน้าแดงฉ่า.....

“เพื่อนกันงั้นเหรอ ดีจริงพี่เปิดทางให้เองนะ”

“ไม่ได้นะยะ แกยิ่งมีประวัติกับเขา” น่านโช๊ะเด๊ะ....ความจริงเผยออกมาแล้ว ท่านประธานจิ้งหัวเราะใหญ่ จะบอกว่าชอบจะเป็นอะไรไปในนี้ก็มีแต่ครอบครัวทั้งนั้นเลย อายทำไมคนเยอะแยะ หือ...

“แม่เคยเห็นเขาครั้งหนึ่ง หน้าตาก็ดีการศึกษาก็ดี แล้วรู้หรือเปล่าเขาเป็นลูกเต้าเหล่าใคร จะคบกันน่ะแม่ไม่ว่าหรอกนะ แต่ขอดูประวัติลูกเขยนิดนึง” คุณนายมามี๊กล่าวติดขำ อาเส่เงียบเรื่องครอบครัวเขาเธอไม่เคยรู้เลย

“หนูก็ไม่ทราบค่ะ ก็เขาก็อยู่กับแม่เขาและก็เพื่อนสนิทส่วนพ่อเขาก็เสียไปตั้งนานแล้ว” รู้แค่นี้เอง เธอรู้แค่นี้เองเหรอแม่เจ้า...

“อืมพรุ่งนี้ชวนเขามาบ้านสิ” อะไรนะ...นี้หรือคือคำพูดของพ่อเธอชวนชิแลมมาบ้านเลยเหรอ ก๊าก...อยากจะหุยดังๆ อาเส่มือไม้สั่นดังเจ้าเข้า อุ๊ยตายว๊ายกรี๊ด ไม่อยากจะเชื่อเลย

“จริงหรือคะพ่อ”

“จริงสิ...อ๋อโยวโยว่ก็บอกเควินด้วยนะ ใครมีแฟนก็รีบพามาซะ จะได้โตๆกันสักที”

“แย่เลยหนูไม่มีคนเดียวทำไงดี” อาแมร์ยิ้ม มารดาทำหน้าสงสัย อ้าวแล้วอาฟาร์มล่ะ

“อาฟาร์มหนูมีแฟนแล้วเหรอลูก....” กะว่าจะรอดแล้วเชียว แฝดน้องมองแฝดพี่อย่างอาฆาต เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ

“ค่ะก็คบๆกันอยู่ แต่พ่อกับแม่อาจจะไม่ชอบเขาก็ได้นะคะ เพราะเขา.....”

“ซื่อแต่ไม่บื้อค่ะ เขาเป็นคนสนุกสนานหนูก็รู้จักเขา รับรองได้เขาไม่ทำให้น้องสาวเราผิดหวังแน่นอน”

“ก็ดีนะคนแบบนี้แหละ เขาจะดูแลลูกได้ดีเชียว เฮ้อ..มีแฟนกันแล้วก็ค่อยๆศึกษากันไป อย่าใจร้อนวู่วาม ชีวิตคู่น่ะมันยากกว่าที่คิด แต่มันก็ไม่ยากเกินไปถ้ารู้จักปรับตัวเข้าหากัน คนสองคนเติบโตมาไม่เหมือนกัน อย่าคิดว่าเราเหนือกว่าบางทีต้องยอมเป็นผู้ผิดบ้างหากจำเป็นถึงแม้เราไม่ได้ผิด ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา” คำสอนของพ่อ เป็นสิ่งที่ตีราคาไม่ได้ พ่อเหนื่อยพ่ออดทน ทำได้ทุกอย่างก็เพื่อลูกๆ สิ่งที่มีค่าที่สุดของพ่อก็คงเป็นรอยยิ้มของลูกเช่นกัน

“ค่ะพ่อหนูไม่ทำให้พ่อผิดหวังแน่นอน” อาเส่เข้าไปกอดบิดา

“เอาล่ะๆพ่อลูก แม่ทำพุดดิ๊งไว้น่ะ ใครจะช่วยไปยกดี...” อาเส่ยกมือคนแรกเลย มีแฟนแล้วก็ต้องทำอาหารเป็นสิใช่ไหม ขอเข้าครัวฝึกฝนวิทยายุทธดีกว่า อาฟาร์มถูกลากไปด้วยเช่นเคย ให้พวกไฮIQ เขาพูดกันดีกว่า

“อาเส่นี้โชคดีนะมีแฟนกับเขาสักที นึกว่าชาติคงขายไม่ออกแล้ว” บิดาหัวเราะร่วนเมื่อเห็นท่าทางของลูกสาว คงดีใจHappy มากทีเดียว คิดไปถึงสมัยหนุ่มๆตอนจีบกับแม่เด็กพวกนี้ใหม่ๆ ตอนนั้นเห็นอะไรก็ดีไปหมด ความรักมันทำให้โลกเปลี่ยนจริงๆ

“พ่อคะพี่เส่ก็โตแล้วนะคะ”โยวโยว่ตอบ

“หนูก็โตแล้วเหมือนกันนะ เควินเขาก็เป็นคนดีพ่อดีใจกับลูกด้วยเลยจริงๆ” คนฟังยิ้มไม่หุบ บ้ามาชมกันต่อหน้าต่อตา ก็เขินแย่น่ะสิ

“ค่ะ หนูก็คิดว่าหนูเลือกไม่ผิด ต้องค่อยๆดูกันไปค่ะค่อยก้าวๆทีละขั้น ช้าๆแต่มั่นคงจะได้เหมือนพ่อกับแม่จริงไหมคะ” พูดอีกก็ถูกอีก

“แหวะ....อิจฉาจริงๆคนมีแฟน” คนใส่แว่นที่กำลังกินเม็ดมะก๋วยจี๋อย่างอเร็ดอร่อยก็อุทานออกมาดังๆ

“อิจฉาก็หาสิยะ....”

“ถ้าหาได้ก็หาไปแล้ว ต้องรอลูกชายเพื่อนพ่อว่างก่อนละมั๊ง”

“ว่าไปนั่น อาแมร์นี้ไม่ดีหรือไงอยู่กับพ่อกับแม่นานๆ” บิดาหยอกลูกสาว

“อ่อ..พี่โยว่จำหนังสือที่พี่บอกว่าจะให้อ่านได้ไหม แนวจิตวิทยาของพวกเก็บกด แก้แค้นน่ะ ตอนนี้ฉันว่างๆ”

“อ๋อถูกเวลาเลยอยู่ในชั้นหนังสือนี้เอง เดี๋ยวหาก่อน” โยวโยว่ยิ้มลุกขึ้นไป


ชั้นหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น บ้านใหญ่จัดเป็นสัดส่วนได้ดี โยวโยว่หาไม่ถึงห้านาทีก็ได้มาแล้ว หญิงสาวดึงหนังสือออกมา แต่ด้วยความไม่ระวังแขนอีกข้างปัดถูกแจดัง หล่นดังเพร้งลั่นบ้านเชียว หญิงสาวได้แต่ยิ้มแห้งๆ

“แจกันราชวังค์ถัง อ๊าก....พี่โยว่นิ..” มันห่วงพี่เลยวุ๊ย ไอ้น้องบ้า

“ไม่เป็นไรหรอก ใครอยู่ข้างนอกช่วยมาเก็บทีเร็ว” บิดากล่าวอย่างใจเย็น ลูกไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ถึงกำแพงเมืองจีนจะล้มก็ช่างเถอะ โยวโยว่ดึงหนังสือออกมา สายตามันก็เหลือบไปเห็นกล่องแดงๆที่อยู่ข้างในสุดของชั้นหนังสือ

“เอ๋...” เธอทำหน้าสงสัย

“น่านๆไม่พอใจจะทำอะไรพี่โยว่”

“แป๊บสิ” คราวนี้เธอใช้สองมือค่อยๆเลื่อนกล่องสีแดงๆขนาดเท่าหนังสือออกมาช้าๆ ท่านประธานจิ้งเห็นก็ทำหน้าตกใจเล็กน้อย

“อะไรนี้” ทุกคนมองหน้ากันเอง โยวโยว่ไม่ช้าที่จะเปิดมันออก

“อัลบั้มรูปนิหน่า” ไอ้เราก็ตกใจหมด หญิงสาวคิด หากมียันต์ติดอยู่ด้วยคงหัวหดไปแล้ว โหะๆ

“อย่าเลยลูก ดูมันยังไงก็ไม่รู้เนอะ”

“ไม่ดูได้ไงคะพ่อ ขอดูหน่อยนะคะ” ลูกสาวไม่ฟังค่อยเปิดดู ทีละรูปทีละหน้าช้าๆ มีแต่รูปบ้านเก่าๆ ร้านซ่อมวิทยุเล็กๆ

“บ้านใครคะพ่อ”

“บ้านพ่อเอง ตะก่อนเราก็มีแค่นี้แหละโยวโยว่ หนูก็รู้นิไม่ใช่เหรอ” โยวโยว่ยิ้มแห้งๆ แต่ก็ตั้งหน้าตั้งตาดูรูปต่อไป อาแมร์นั่งอยู่ข้างๆก็ก้มลงดู

“พี่เส่ตะก่อนอ้วนจังเลย” น้องสาวสองคนหัวเราะ

“อาเส่น่ะน่าสงสาร ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินแบบพวกหนู ตะก่อนก็ตามพ่อไปทำงานร้านซ่อมวิทยุทุกวัน กลับบ้านมาก็ต้องไปตลาดกับแม่ ทั้งอาเส่และพี่ใหญ่น่ะลำบากมากนะรู้ไหม กว่าพ่อจะมีวันนี้ได้ก็ได้แรงใจจากพวกเขามากโข ฉะนั้นพ่อก็อยากให้ลูกรักพี่และแม่มากๆเพราะพวกเขาเป็นคนผลักดันพ่อให้มีวันนี้”

“ค่ะพ่อ....หนูก็พอทราบมาบ้าง”

“ก็ดีแล้วจงพึงระลึกเสมอว่าพวกเรามาจากดิน ถึงจะกลายเป็นดาวแล้วส่วนหนึ่งของชีวิตมันก็มาจากดินอยู่ดี” ลูกสาวสองคนมองหน้ากันแล้วพยักหน้า อาฟารมเดินถือพุดดิ๊งเข้ามาพอดี

“อ้าวทำอะไรกันคะพ่อลูก...”

“ดูรูปเก่าๆน่ะจ๊ะ”

“นี้บ้านเก่าเราหรือคะ คิดไม่ออกเลยนะว่าอยู่ตรงไหน” ลูกสาวคนเล็กเอาภาพขึ้นมาดู แล้วยิ้มนิดๆ

“ใช่อยู่แถวๆถนนจงลู่นั้นแหละนะ ตอนนี้เขาก็ทุบกันหมดแล้ว ตอนนั้นเราก็มีความสุขกันดี พี่ใหญ่กับพี่รองของพวกหนูก็เป็นลูกที่น่ารักมาก บ้านมันเหมือนบ้านแต่ก่อนนะกว่าจะได้อะไรแต่ละอย่างมันก็ยากแต่กลับมีความสุขแปลกๆ ช่วงนั้นแม่ก็ท้องโยวโยว่เงินพ่อก็ไม่มี แต่ทุกอย่างมันก็ผ่านมาได้ เหมือนฝันเลยล่ะ”

“แล้วตอนนี้พ่อไม่มีความสุขหรือคะ” โยวโยว่ถามอีกรอบ

“มีสิมีมากด้วย ความสุขของพ่อแม่ก็คือการได้เห็นลูกมีความสุข ถ้าลูกสุขพ่อแม่ก็สุข ถ้าทุกข์พ่อแม่ก็ทุกข์ยิ่งกว่า ที่พ่อขีดทางให้ทุกคนเดินก็เพราะรู้ความลำบากเป็นยังไง ไม่อยากให้ลูกลำบาก มีบางทีที่ลูกๆไม่ชอบพ่อก็เสียใจแต่ก็ต้องทนบอกกับตัวเองเสมอว่าวันหนึ่งลูกๆต้องเข้าใจ” อาเส่กำลังจะเอาขนมเข้ามาสมทบแค่ได้ยินพ่อพูดเช่นนี้หญิงสาวก็หยุดที่หน้าประตู ลูกสาวคนรองร้องไห้อยู่หน้าห้อง หลังที่กำลังผิงผนังมันหวิวขึ้น ตัวเบาดังได้น้ำทิพย์มาชะโลมใจ

“โดยเฉพาะพี่รองของลูกๆคงจะโกรธพ่อมากกว่าเพื่อน พ่อต้องหักหน้าลูกตัวเอง ต้องทำให้ลูกเสียใจหลายรอบพ่อเข้าใจความรู้สึกของอาเส่ดี ที่เลือกแฝดพี่มาบริหารฉินเหมยพ่อก็มองถึงหลักความจริงอาเส่เป็นคนใจอ่อนเหมือนแม่ จะทำการใหญ่คงไม่ได้เพราะความเห็นใจคนอื่นที่มีมากเกินไป ทุกคนดูเหมือนพ่อลำเอียงจริงๆพ่อรู้ดี...” วันนี้เป็นวันอะไร พ่อถึงมาแปลกอาแมร์ได้แต่มองหน้าโยวโยว่และอาฟาร์ม

อาเส่ที่ร้องเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บัดนี้บ่อน้ำตาก็ไหลออกมาเป็นน้ำตกเอราวัณ..... ความน้อยใจที่เคยมีมามันก็หายไปหมดในวินาทีนั้น หญิงสาวเช็ดหน้าเช็ดตาแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ เดินถือขนมเข้าไป

“ขนมจ้า..” หญิงสาวเข้ามาแบบตาบวม แต่ทุกคนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องเศร้าไป

“พ่อนี้สมัยหนุ่มๆดูดีนะคะ พ่อน่าจะเอาออกมาโชว์ไว้ว่าครั้งหนึ่งเคยหล่อ เอ๋..นี้ใครคะ” โยวโยว่ชี้ไปรูปคนที่อยู่ข้างๆพ่อตนเอง อาแมร์เมื่อเห็นรูปแล้วนิ่งไปสักครู่
“พ่อคะคนนี้เขาใครคะ พ่อบอกหนูหน่อยสิคะ พ่อคะ...” อาการลนลานแสดงออกมาได้ชัด พี่น้องคนทุกคนก็ต่างมองกันตาไม่กระพริบ

“คนนี้เหรอเพื่อนเก่าน่ะ ชื่ออาเค่อเขาเสียไปนานแล้วล่ะ” บิดายิ้มให้ ลูกสาวยังจ้องหน้าแบบสงสัย อาเค่องั้นเหรอรูปวันนั้นชื่ออาเฟย

“เขาชื่อเฟยไม่ใช่เหรอคะ”

“อาแมร์หนู....”

“พ่อคะหนูเคยเห็นผู้ชายคนนี้ พ่อบอกหนูทีสิเขาเป็นใคร เขาเป็นเพื่อนพ่อจริงหรือเปล่า พ่อเล่าให้หนูฟังหน่อยได้ไหม พ่อคะ...” บิดาก้มหน้าลงหน้าเครียด เขาพยักหน้า

“พ่อกับอาเฟยเป็นเพื่อนรักกัน เราทำร้านซ่อมวิทยุ ทีวี แผ่นเสียง ด้วยกันพอร้านทำท่าไม่ไหว พวกเราก็ย้ายไปทำงานบริษัทใหญ่ด้วยกัน งานของพวกเราไปได้ดีมาก อยู่มาวันหนึ่งพวกเราจับผิดได้ว่าหัวหน้าใหญ่ของบริษัทโกงเงิน อาเฟยจึงฟ้องทางสาขาใหญ่แต่ไม่มีหลักฐานเพียงพอ มีแต่พยานนั้นก็คือพ่อคนเดียว แต่ตอนนั้นพ่อก็ขี้ขลาดเหลือเกิน การงานพ่อกำลังไปได้ดีแม่ก็กำลังท้องตอนนั้นเงินทองก็ขัดสน พ่อปฏิเสธการรู้เห็นทุกอย่างเอาตัวรอดเพราะไม่อยากออกจากงาน หัวหน้าใหญ่เขาใหญ่มากแถมมีลูกพี่ลูกน้องเป็นมาเฟียใครๆก็รู้ อาเฟยเขาเสียใจมากที่พ่อเป็นคนแบบนี้ ต่อมาเขาถูกหัวหน้าใหญ่แกล้งถูกไล่ออกไป พ่อยังไม่หยุดแค่นั้นยังเอางานเก่าๆที่เคยทำมาด้วยกันเสนอต่อผู้บริหาร พองานไปได้ดีพ่อก็ออกมาทำโรงงานบริษัทของตัวเองไม่ถึงสองปี

พ่อเอาแบบแผนที่อาเฟยทำไว้มาทำงานของตนเองอีกครั้ง พอมีเงินหน่อยพ่อเล่นหุ้นจากนั้นฐานะบ้านเราก็ดีขึ้นมา ถึงตอนนี้พ่อก็ยังรู้สึกผิดต่ออาเฟย เคยคิดไปหาเขาหวังจะไปช่วยเขา แต่เขาก็ย้ายหนีติดต่อลูกเมียเขาก็ไม่มีข่าว มารู้อีกทีจากปากต่อปากก็รู้ว่าเขาเสียแล้ว แต่พยายาามจะหาสุสานลูกเมียเขานั้นพ่อก็จนปัญญาเหลือเกิน เรื่องนี้พ่อผิดเองเต็มๆแต่พ่อไม่รู้จะทำยังไงดี อาแมร์พ่อขอโทษด้วย”

“พ่อทำได้แม้แต่เพื่อนตัวเอง” คนใส่แว่นถอดแว่นออกมาเช็ดน้ำตา โยว่โยว่นั่งอยู่ก็น้ำตาไหลด้วย เรื่องนี้จะโทษพ่อฝ่ายเดียวก็ไม่ได้เธอเห็นใจทั้งสองฝ่าย
“พ่อ...” อาเส่ฟังเรื่องทั้งหมดหน้าประตูก็ค่อยเดินเข้ามา น้องสาวเป็นคนพูดตรง สิ่งที่พ่อพูดมาคนที่เจ็บที่สุดก็คือพ่อไม่ใช่ใคร

“อาเส่ อาโยว อาแมร์ ให้อภัยพ่อหรือเปล่า พ่อ...”

“พ่อคะอย่าพูดเลยค่ะเราให้อภัยพ่อจริงไหม เรื่องมันสุดวิสัยจริงๆพ่อไม่ได้โกงใครหรอกค่ะ เป็นหนู หนูก็ต้องทำงานที่วางไว้ยังไงก็คืองานของสองคนไม่ใช่งานของคุณลุงเฟยคนเดียว วางมาอย่างดีถ้าไม่ทำมันก็ไม่รูปร่างจริงไหมคะ” อาเส่เข้าไปกอดบิดาไว้แน่น ถ้าไม่ใช่เพราะลูกพ่อจะทำไปทำไมกัน คนใส่แว่นไม่พูดอะไรเดินออกจากห้องไปพร้อมรูป

“พ่อคะอย่าว่าน้องเลยนะคะ น้องก็อย่างนี้แหละ”

“ความเยือกเย็นคนเรามักจะหายไปถ้าความผิดหวังเข้ามาโถมตัว อาแมร์คงผิดหวังในตัวพ่อมาก” บิดาน้ำตาคลอ อาเส่ยิ่งกอดคนตรงหน้าแน่นกว่าเดิม ไม่ได้การสิเธอต้องทำอะไรสักอย่างแล้วจะทำยังไงดีเน้อ ไอ้ที่จริงแล้วจะไปโทษพ่อคนเดียวมันก็ไม่ถูก

“พ่ออย่าคิดมากเลยนะคะ เดี๋ยวหนูจัดการให้เองแป๊บเดียว”

“ช่ายค่ะป๊าอย่าคิดมากเลยนะคะ ตามหลักแล้วคงโกรธได้ไม่นานเท่าไหร่ช่วงนี้ก็ไปทำใจก่อน พอคิดได้ก็ดีเองค่ะ”โยวโยว่พูดเสริมขึ้นมา

“อืม...คนเราก็ว่ากันตามเหตุผลเขาโกรธได้เดี๋ยวก็คงหายได้ อ่อพรุ่งนี้อย่าลืมพาคนๆนั้นมาแนะนำให้พ่อรู้จักละนะ พ่อขออยู่เงียบๆสักพักก่อนนะ”


คนพูดกล่าวแล้วก็เดินออกไปจากห้อง วันของครอบครัววันนี้กลายเป็นวันอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ อาเส่นั่งหน้าเศร้าตักพุดดิ๊งเข้าปากอยู่คนเดียว เธอถอนหายใจสองสามรอบไม่รู้จะทำยังไงดี หัวมันตันไปมหมดแล้วตอนนี้คนที่คิดว่าจะช่วยได้ก็มีอยู่คนเดียว แต่ไม่รู้ว่าเขาจะเต็มใจช่วยหรือเปล่า....
.................................................................



คนใส่แว่นเดินใจลอยมาถึงห้อง มือหนึ่งกำรูปเพื่อนบิดาไว้แน่น ความจริงคืออะไรสมองเธอตอนนี้มันพยายามจะจับต่อเรื่องราว ใช่แล้วเขาคนนั้นเข้ามาเพื่อทำให้ทุกคนหัวปั่น เพื่อให้บ้านฉินล้ม เพื่อทำให้คนในบ้านเจ็บ

“ฮัลโหลครับ” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้มือเรียวกดโทรออกเบอร์ที่มีอยู่ในเครื่องเบอร์แรก

“ฮัลโหลนั่นใครคะ” อ้าว....-_-“

“I’m Ron " เชอะทำเป็นมาพูดพี่รั่งใส่นึกว่าจะหัวเราะออกหรือยังไง

“รอน รอนน้องชายคุณหลินกุหรือคะ”

“ใช่ครับคุณแฝดแว่นเป็นอะไรหรือเปล่า ใครทำอะไรให้หือผมรู้แน่ๆว่าวันนี้คุณต้องโทรหาผม เพราะว่าฝนมันตั้งเคล้ามา” ดูเขาพูดสิ เธอก็เคยโทรหาเขาตั้งครั้งหนึ่ง

“นายนี้มันกวนได้ทุกวันเชียวนะ”

“ไม่หรอกผมจำเสียงเรียกเข้าสมัยคุณยายได้ ว่าแต่มีอะไรไม่สบายใจเหรอ”

“ไม่มีหรอกแค่อยากโทรมาคุยด้วยเฉยๆ” ปลายสายยิ้มแฉ่งอารมณ์ดีขึ้นมาทันที ขนาดว่าทะเลาะกับหลินกุเพิ่งเสร็จ พอได้ยินคำแบบนี้มันก็มีความสุขขึ้นมาเชียว

“เรื่องอะไรที่มันไม่สบายใจก็พูดมันออกมาได้นะ ค่อยๆระบายให้มันหายไปจากหัวเราช้าๆ” นายพูดง่ายแต่ฉันทำยากนะยะ

“ขอให้มันหายไปเร็วๆเถอะ คุณเคยตั้งความหวังกับคนที่เรารักมากๆแล้วอยู่ๆวันหนึ่งเขาคนนั้นก็เป็นคนที่ทำให้เราเสียใจที่สุดไหม” น้ำเสียงคนพูดสั่นเครือเล็กน้อย ไม่บอกก็รู้ว่าจิตใจของเธอเป็นเช่นไร เขายิ้มคนเดียวสูดหายใจเข้าลึกๆ

“ผมพอจะเข้าใจแต่ก็พูดอะไรไม่ได้มาก แต่คนเราไม่เหมือนกันเรื่องทุกอย่างมันมีเหตุผลในตัว มันแล้วแต่ว่าเหตุผลของใครคนนั้นมันมีน้ำหนักพอให้คนอื่นเข้าใจเขาหรือเปล่า” มันก็จริงของเขา พ่อบอกว่าพ่อมีเหตุผล แต่ว่ามันมีทางเลือกที่ดีกว่านั้นไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเขาไม่ทำล่ะ

“เหรอ”

“เออสิ....คนอุตส่าห์จะปลอบใจทำเสียงหวานๆหน่อยสิ” คนฟังยิ้มออกมาหน่อย

“วันนี้ไม่ไปม่อสาวที่ไหนหรอ วันหยุดซะด้วย” ปลายสายเปลี่ยนเรื่องเพื่อแก้สถานการณ์อันหดหู่นี้

“ก็ม่ออยู่นี้ไงเล่า”

“เชอะ.....”

“เชอะทำไม อ้อ..คุณไม่ใช่สาวแล้วลืมไป ฮ่าฮ่านี้!คุณโทรหาผมผมก็ดีใจแล้ว ถึงช่วยอะไรไม่ได้แต่ก็ยังดีนะที่โทรหาผม น้ำตาคนเราบางทีมันก็เป็นเพื่อนยามท้อแท้ได้นะ ใครบอกว่าคนที่มีน้ำตาออกมาเป็นคนแพ้ จริงๆแล้วไม่ใช่เลยน้ำตาคนเราก็เหมือนกำลังใจให้เราก้าวไปได้ ร้องไห้ออกมากี่หยดจงเข้มแข็งมากกว่าเดิมเท่านั้นถึงตอนนั้นชัยชนะก็อยู่แค่เอื้อม เชื่อผมนะ” คนใส่แว่นพยักหน้ารับ ถึงเขาจะไม่เห็นก็เถอะ

“สำนวนดีจัง” หญิงสาวร้องไห้ไปด้วยบอกเขาไปด้วย วันนี้ก็ร้องได้พรุ่งนี้ก็เลิกร้อง มันต้องไม่มทีน้ำตา อดีตก็คืออดีตมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วจงตั้งหน้ารับความจริงต่อไป เรื่องอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

“นี้ๆ...”เสียงชายหนุ่มทำเสียงเล็กๆเรียก

“อะไรเหรอ”

“ผมมีอะไรจะบอก”

“มีอะไร”

“แต่ไว้วันจันทร์เดี๋ยวจะบอกนะ”

“คนบ้า.....”

“เอาน่า....”


สองคนนั่งคุยกันจนดึก การระบายกับใครสักคนนี้มันมีความรู้สึกดีขึ้นมาแบบนี้เอง จริงๆแล้วรอนก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ออกจะเจ้าบทกลอนเหมือนคนหัวโบราณด้วยซ้ำ ตอนนี้ก็ได้แต่โทษตัวเองว่าน่าจะคุยกับเขาดีๆมาตั้งนานแล้ว ไม่น่าต้องปล่อยให้ถึงเวลาแบบนี้แล้วค่อยคุยกันเลย กำลังใจจากศัตรู มีใครเขาทำกันบ้างเนี๊ย
.................................................







Create Date : 04 ตุลาคม 2550
Last Update : 4 ตุลาคม 2550 17:20:59 น. 5 comments
Counter : 389 Pageviews.

 
คนแรก เหอะๆ "พริกยายสายบ้านป่าโฮก" นี่มันเผ็ดมากเลยเหรอทั่นผู้เขียน ขำแทบตกเก้าอี้ ยังไม่เคยลองเลยอ่ะ

เริ่มเครียดและส่อเค้าลางๆ อย่าที่คาดไว้แล้ว ฮือๆ โอ้ย กำลังหนุก ไปอ่านต่อก่อนแระ ฟิ้ววววว


โดย: หลินกุ IP: 125.27.217.100 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:21:40:03 น.  

 
อ๊า... อะไรกันเนี่ย

เรื่องชักมีกลิ่นตุๆ ยังไงก็ไม่รู้

จะเกี่ยวกับพ่อแก้มบุ๋มรึเปล่าน้า...

อย่าเป็นศึกสายเลือดนะตะเองงง เค้ารับไม่ได้อ่ะ

แง้ๆๆๆ


โดย: Khaopun IP: 125.25.77.169 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:22:18:02 น.  

 
แวะมาอ่านแล้วแมร์ ขอค่อยๆละเลียดบนนรยากาศก่อน...อ้อเอ็มวีฟิคเรื่องใหม่ เนื้อเรื่องโดนใจมามิจังค่ะ ตอนนี้พี่กำลังหาเรื่องคู่พยัคฆ์สองภพมาดูค่ะ เพราะว่าจำได้ว่าแมร์ชอบเรื่องนี้มาก โดยฉพาะนางเอกนิโคลเอเป็นสาวมั่นน่ารัก อิอิ เริ่มขยับขยายวงดูหวานใจของหลายๆคน ...เอ่อได้ข่าวว่าดาราหนุ่มเกาหลีหน้าสวยบินมาเซ็นสัญญาออกเทปที่ฮ่องกง เออทำไมต้องบินมาถึงนี่ด้วยที่เกาหลีเขาก็ดังอยู่ล้วนี่นา ค่ายเดียวกะหวานใจอาแมร์ และหวาใจของพี่ เอ่อแต่หวานใจพี่คงอีกนานหรือจะเซ็นสัญญาดองเพลงไว้ก็ไม่รู้555


โดย: midori IP: 124.120.202.35 วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:12:58:58 น.  

 
มารายงานตัว โห ... 4 ตอนรวด

วันนี้เต็มอิ่มแน่ๆ

ขอแวะไปโม้ทีเดียวที่ตอน 44 เลยละกันนะคะ


โดย: O-yohyo IP: 58.9.166.254 วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:19:59:46 น.  

 
นาฬิกาในเว๊บตายหรือเปล่าคะ งงอยู่ตั้งนานว่าทำไมตอนนี้ลงตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เรายังไม่ได้อ่านหนอ


โดย: tomtam IP: 124.122.212.43 วันที่: 6 เมษายน 2551 เวลา:21:40:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Napoleonquz
Location :
เวสเทินเจ้าค่ะ Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






ลิขสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อกแห่งนี้เป็นของผู้เขียนตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดๆ ก็ตามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน
Friends' blogs
[Add Napoleonquz's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.