จะเห็นได้ว่าเจ้าผีดิบเจียงซือนั้นเป็นผีดิบที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับแวมไพร์จากฝั่งยุโรปเป็นอย่างมาก ลักษณะของเจียงซือนั้นจะเป็นผีดิบที่มีลักษณะผิวขาวซีดและมีขนยาว ซึ่งขนดังกล่าวนั้นก็มาจากการที่เชื้อราเข้าไปเจริญเติบโตในซากศพของมันนั้นเอง
ตามความเชื่อของชาวจีนนั้นมีความเชื่อว่าการที่จะหยุดเจ้าผีดิบเจียงซือได้นั้นจะต้องใช้เมล็ดข้าวปาใส่มัน เพราะเจียงซือนั้นชอบนับเมล็ดข้าวนั้นเอง วิธีนี้เป็นวิธีการที่ชาวจีนจะใช้หยุดผีดิบเจียงซือ ซึ่งหากจะว่าไปแล้วนั้นผีดิบเจียงซือนี้ก็มีลักษณะที่ค่อนข้างจะคล้ายคลึงกันกับแวมไพร์ของชาวยุโรปอยู่ไม่น้อย กล่าวได้ว่าความเชื่อเรื่องเจียงซือนั้นมีอิทธิพลมากในช่วงปี ค.ศ.1890 ช่วงปี 1911 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการปฏิวัติล้มล้างระบบศักดินาขึ้นและเกิดการปะทะกันขึ้นตามที่ต่างๆ ผลจากการปะทะนั้นส่งผลให้มีผู้ตายที่ยังไม่ได้ฝังอยู่เป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของตำนานเจ้าผีดิบเจียงซือ
ความเชื่อทางด้านไสยศาสตร์
ตามความเชื่อทางด้านไสยศาสตร์นั้นมีความเชื่อเกี่ยวกับเจ้าผีดิบเจียงซือตนนี้ว่าเป็นวิญญาณร้ายที่ยังไม่ไปสู่สุขคติและยังไม่ได้รับความเป็นทำจากสิ่งที่ตนเองถูกกระทำ ผลจึงทำให้เจ้าผีดิบเจียงซือนั้นกลายมาเป็นผีร้ายที่อาศัยอยู่ได้ด้วยพลังแห่งความโกรธแค้น นอกจากนี้ชาวจีนยังมีความเชื่อที่ว่าเจียงซือนั้นถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยพลังของนักพรตเต๋าเพื่อที่จะได้กลายมาเป็นบริวาณของนักพรตผู้นั้น หรือ ถ้าหากนักพรตผู้นั้นเป็นฝ่ายดีก็จะปลุกเจียงซือเพื่อนำไปฝังตามประเพณีด้วยการให้เจ้าผีนี้กระโดดตามนักพรตเต๋ากลับไปยังหลุมฝังศพของมันที่ญาติๆของผู้ตามเตรียมไว้ให้