เมื่อความรักครั้งสุดท้ายได้ผ่านพ้นไป ผมก็ไม่รู้ว่าจะทนอยู่ได้อีกนานแค่ไหน
Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
18 กันยายน 2551
 
All Blogs
 

วิธีออกแบบการฆ่าตัวตายด้วยการอารยะขัดขืน:ตอน ออกแบบการตายด้วยโรคา(1)

ชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร???เคยถามตัวเองกันมั้ยครับ ผมมั่นใจว่าทุกๆคนต้องเคยถาม

เฮ้อ เป็นปัญหาโลกแตกที่ไม่มีใครรู้ ผมล่ะสงสัยจริงๆว่า เวลาที่คนที่เขาเจอผี เขาน่าจะรวบรวมจิตไว้สักนิดถามไปว่า โลกหลังความตายน่ะเป็นยังงัย นรกมีจริงมั้ย ???

สงสัยเอาแต่จะกลัวกันจนลืมถามไปนะ

แม้ในพระไตรปิฎก หรืพระพุทธเจ้าท่านจะเคยสอนเอาไว้ เคยบอกเอาไว้ ว่าโลกหลังความตายเป็นอย่างไร มีนรกกี่ขุม มีกี่ภพ มีกี่ชาติ แต่ของแบบนี้ อยู่ที่ศรัทธาคนจริงๆครับ ว่าจะเป็นไปอย่างนั้นจริงตามที่พระพุทธเจ้าท่านได้กล่าวไว้หรือเปล่า

ผมน่ะเป็นพวกประเภทไม่เชื่อ จนกว่าจะพิสูจน์ได้จริงๆ ประเภทที่ว่า"เขาบอกมา" หรือ "เขาเล่าให้ฟังว่า" น่ะ ผมไม่เชื่อหรอก

ไม่ได้ว่าตัวเองเป็นนักวิทยาศาสตร์อะไร แต่น่าจะเป็นนิสัยดื้อ ลองดี อวดดี อะไรพวกนี้มากกว่าครับ

ดังนั้นถ้าให้เชื่อจริงๆมีอยู่สองวิธี คือได้ยินจากคนที่เขาตายไปแล้ว หรือไม่ก็ตัวเองนั่นแหละตายไปเอง

กรณีแรกน่ะ มีหลายวิธีที่น่าลองนะครับ ไม่ว่าจะเป็นจากคนทรง ผีถ้วยแก้ว อะไรแบบนี้ (ถ้ามันไม่ใช่การแหกตาน่ะนะ ว่าแต่จะเชื่อได้ไงเนี่ยว่าไม่ได้แหกตากันจริงๆ)

มีอีกวิธีนึงซึ่งผมเองก็ลืมไป เพราะตัวเองเคยเล่นผีถ้วยแก้วตอนที่เป็นวัยรุ่น ก็มัวถามแต่อะไรก็ไม่รู้ น่าจะถามไปว่านรก สวรรค์น่ะ มีจริงมั้ย (แล้วถ้ามีจริงคุณพี่ผีมัวมาทำไรอยู่กับแก้วนี้เนี่ย) ตายแล้วจะเป็นยังงัย

ก็อย่างว่าแหละครับ ผีจริงป่าวไม่รู้อั้ยที่อยู่ในแก้วนั่นน่ะ(ส่วนมากเป็นถ้วยน้ำชา ไม่ก็แก้วเชี่ยงชุน) จริงๆมันน่าจะเป็นนิ้วของใครสักคนมากกว่า

ผมเองก็ไม่ยักกะเจอผีสักที ทั้งๆที่ก็ลุ้นๆอยู่หลายที เลยไม่มีโอกาสได้มาถาม

เอาเป็นว่าในเมื่อหาคำตอบจากผีไม่ได้ สงสัยก้ต้องใช้ตัวเองเป็นเครื่องพิสูจน์กันแล้วกระมัง ตอนผมตายไปแล้วถ้าหากมีโอกาสทำได้ จะพยายามมาบอกว่าตายแล้วเป็นยังงัย นรกสวรรค์มีจริงมั้ย

จะกลัวกันหรือปล่าวเนี่ยสิ เฮ้อ จะมาบอกดีมั้ยเนี่ย

เผื่อว่านรกมีจริง พวกที่ทำชั่วๆเลวๆอยู๋มันจะได้สำนึกกันขึ้นมาได้บ้าง

......

เกริ่นนำเสียยาวเลยครับ มาว่าถึงเนื้อหากันดีกว่า

อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า ถ้าหากอยากจะตาย แต่ใจไม่ถึงพอ(ที่บ้านเรียกขี้ขลาด) ผมก็พอนึกวิธีได้หลายอย่างเหมือนกัน เพื่อที่จะให้ความตายของเราเป็นไปตามธรรมชาติ เอาแบบว่าอย่างน้อยๆเราก็ไม่ได้เป็นคนปลิดชีพด้วยมือของเราเองล่ะน่า

นั่นคือการที่จะเสี่ยงชีวิตตัวเองให้อยู่ในสถานการณ์ที่จะมีโอกาสสูงที่จะเสียชีวิตได้

ทีนี้เราต้องมาศึกษาปัจจัยต่างๆที่จะเกิดขึ้นที่จะนำพาเราไปสู่ความตาย ว่ามีอะไรได้บ้าง

- จากการเป็นโรค ซึ่งผมแบ่งได้2อย่างคือโรคติดต่อ และโรคไม่ติดต่อ
- จากอุบัติเหตุ แต่ขอเน้นว่าเป็นอุบัติเหตุที่ต้องไม่มีคนอื่นมาเกี่ยวข้องโดยตรง
- จากสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายถึงชีวิต เช่น สงคราม การก่อการร้าย จลาจล ภัยธรรมชาติ จากสัตว์มีพิษ หรือจากแหล่งที่มีสัตว์ร้าย

แน่นอนครับว่า บางทีเราอาจต้องเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้นๆแบบชนิดที่เรียกว่า"เสี่ยงเป็นที่สุด" พูดง่ายๆว่าให้ยืนอยู่ที่ริมขอบเหวกันเลยทีเดียว แต่บางครั้ง มันอาจต้องใช้ความพยามยามมากหน่อย เพราะวิธีการเหล่านี้เราไม่สามารถบังคับมันได้ว่ามันจะเกิดขึ้นแน่ๆ หรือเกิดขึ้นจริงๆ ที่ไหน เมื่อไหร่ ดังนั้นความอดทน และความตั้งใจที่จะ"ตาย" จะต้องมีอยู่สูงมาก และแน่นอนมันไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบเหมือนตอนที่คุณกำลังจะกระโดดตึกแน่ๆ

และวันนี้ผมจะมาพูดเรื่องวิธีการออกแบบให้ตัวเองตายด้วยวิธีการใช้โรคภัยไข้เจ็บ


......

โรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายในโลกนี้มันแบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ๆเลยก็คือ โรคติดต่อ และโรคที่ไม่ติดต่อ

วันนี้ถ้าเขียนหมดจะยาวมาก ผมก็จะค่อยๆไล่ไปแล้วกันนะครับ

เริ่มจากโรคติดต่อก่อน

โรคติดต่อที่จะเป็นอันตรายถึงขนาดว่าเป็นแล้วตาย นั้น มีอยู่แทบจะทุกโรค แต่เมื่อเราตั้งใจที่จะตายแล้ว ดังนั้นถ้าเป็นโรคนั้นๆ จะต้องเป็นโรคที่มีอาการเฉียบพลันต้องได้รับการรักษารวดเร็วและทันท่วงที

หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องเป็นโรคติดต่อที่ไม่มีทางรักษาได้

ซึ่งผมจะลิสต์รายชื่อโรคติดต่อ ที่เป็นแล้วตายมาให้พอรู้ได้ดังนี้


1.อหิวาตกโรค
2. กาฬโรค
3. ไข้ทรพิษ
4. ไข้เหลือง
5. ไข้กาฬหลังแอ่น
6. ไข้หวัดใหญ่
7. ไข้สมองอักเสบ
8. บาดทะยัก
9. ไข้เลือดออก
10. พิษสุนัขบ้า
11. ตับอักเสบ
12. อาหารเป็นพิษ
13.บิด
14. ไข้รากสาด
15. วัณโรค
16. ไข้จับสั่น
17. แอนแทรกซ์
18. ทริโคโนซีส
19. ไข้หวัดนก
20. โรคซารส์
21. โรคเอดส์
22. อีโบล่า

ผมไม่แน่ใจว่าอีโบล่ามีชื่อโรคเป็นภาษาไทยว่าอะไร ถ้าซ้ำกับโรคที่ผมเขียนไว้ก่อนแล้วก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ

แล้วถ้าผมผิดพลาดอย่างอื่นใดประการใดก็ต้องขออภัยด้วย


......

แน่นอนครับว่าโรคต่างๆที่ผมเขียนขึ้นมานี้ หลายๆโรคก็รุนแรงเป็นแล้วตายแน่ๆ ไม่มีทางรักษา บ้างก็เป็นแล้วตายถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที บ้างก็เป็นแล้วไม่หนักแต่บางทีก็หนัก แล้วแต่ภูมิคุ้มกันของร่างกาย

อย่างที่เราทราบๆกันว่า บล๊อกนี้เขียนขึ้นเพื่อศึกษาวิธีการตายไม่ใช่วิธีการปลอดภัยจากโรค (แต่ก็ศึกษาไปด้วยกันได้นะ) ดังนั้นเราจึงต้องรู้ว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่เสี่ยงที่จะเป็น และต้องทำตัวยังงัยถึงจะรักษาไม่หาย

ผมไม่พูดมากไปกว่านี้สำหรับวันนี้ ไม่งั้นมันจะยาวมาก แต่มีสิ่งที่ต้องบอกไว้ก่อนว่า การเลือกที่จะใช้โรคเพื่อปลิดชีพตัวเองนั้น ถ้าเราเลือกโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้ เราต้องมั่นใจตัวเองจริงๆ ห้ามโลเลและลังเลเด็ดขาด เมื่อใดที่เราติดเชื้อไปแล้ว เราไม่มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนใจที่จะไม่ตายแล้ว

ดังนั้นต้องแน่ใจว่าเราไม่มีทางเลือกใดๆอื่นอีกแล้วจริงๆ นั่นคือมั่นใจว่ากรูตายดีกว่าอยู่ต่อไปแน่ๆ ถึงจะเลือกวิธีการนี้ เพราะโรคติดต่อเหล่านี้ มันร้ายแรงและทรมานมาก และที่สำคัญ มันอาจลุกลามไปแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นได้อีก ถ้าเราไม่หาหนทางป้องกันให้ดี

บอกแล้วว่าถ้าตัวเองจะตาย ก็จงอย่าทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน จะตายก็ตายไปคนเดียว

อีกอย่างก็คือ ผมคงไม่พูดถึงทุกโรค เพราะบางโรคเราก็ต้องตัดมันออกด้วย เช่น ถ้าเราเลือกที่จะตายด้วยโรคเอสด์ แม้จะมั่นใจว่าตายแน่ๆ แต่กว่าเราจะตาย ก็ไม่รู้อีกนานแค่ไหน ห้าปี สิบปี ยี่สิบปี ...ถ้านานขนาดนั้น อยู่ต่อไปดีกว่ามั้ย

อีกกรณีนึงก็คือ บางโรคติดต่อมันก็อาจไม่ร้างแรงสำหรับร่างกายของเรา เพราะภูมิต้านทานยังดีอยู่ ดังนั้นก็ควรเลือกโรคติดต่อที่ค่อนข้างที่จะแน่ใจว่า เป็นแล้วมีโอกาสสูงมากที่จะตาย จะด้วยรักษาไม่หาย หรือ ต้องรีบรักษาก็ตามที

ขอติดไว้ตอนหน้าครับ จะอธิบายถึงที่มาของแต่ละโรค , พาหะ , หนทางเสี่ยงที่จะเป็นโรค และหนทางที่จะทำตัวให้โรคนั้นมีอาการรุนแรงจนถึงตายได้

แต่ต้องแน่ใจและมั่นใจจริงๆ ว่าจะตาย ขอบอกไว้ก่อนครับว่าหนทางที่จะตายน่ะ ไม่มีทางไหนที่จะได้ตายสบายๆหรอกครับ

ถ้าเราเลือกที่จะตายด้วยวิธีแบบนี้ เราจะเปลี่ยนใจใดๆไม่ได้เลย

...............

สุดท้ายที่อยากจะฝากไว้ก็คือ ...ไม่มีใครหรอกครับที่อยากจะตาย ถ้าชีวิตของเขาไม่ถูกต้อนเข้าสู่มุมอับ ได้เกิดมาทั้งที ใครก็อยากจะมีชีวิตที่ดี ยืนยาวกันทั้งนั้น แม้ว่าจะสุขบ้าง ทุกข์บ้าง แต่การมีชีวิตอยู่คือเรื่องที่สวยงาม

แต่ไม่ใช่ว่าชีวิตถูกทุกอย่างชี้มาให้อยู่ในจุดอับ ชีวิตแทบไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ไม่ว่าจะพยายามลุกขึ้นยืนสักกี่ครั้ง แต่ก็เหมือนกับว่าโลกนี้ไม่เคยมีที่ให้ยืน

ดังนั้น หากจะมีจิตใจที่พอจะมีเมตตาแก่กันบ้างในฐานะเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก อย่าดูถูกหรือด่า เวทนา หรือสมเพชคนที่เขาฆ่าตัวตายเลยนะครับ เปิดใจให้กว้าง มองเขาอย่างเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ

ผมไม่หวังหรอกว่าจะมีใครได้มายืนอยู่ในจุดนี้ เพื่อที่จะเข้าใจคนที่ฆ่าตัวตาย แต่ถ้าเป็นไปได้ อยากให้เข้าใจตั้งแต่ในจุดที่คุณยืนอยู่ในปัจจุบัน

เท่านั้นก็พอแล้วครับ




 

Create Date : 18 กันยายน 2551
1 comments
Last Update : 24 กันยายน 2551 7:18:13 น.
Counter : 359 Pageviews.

 

แต่ละโรค ไม่น่าเป็นเล้ย...
ก่อนตาย ทรมานทั้งนั้นเลยค่ะ

 

โดย: โสดในซอย 18 กันยายน 2551 21:48:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คนเล็กของเล่นใหญ่
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add คนเล็กของเล่นใหญ่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.