Youth Activist 2 # ตอนที่สอง เชื่อมสัมพันธ์ด้วยหัวใจ
ว่าด้วยเรื่องราวต่อจากเมื่อวานนี้.... กิจกรรมที่จะพูดถึง เริ่มต้นด้วย "กิจกรรมละลายพฤติกรรมและเชื่อมความสัมพันธ์" ว้าวๆๆๆๆ...ใครเป็นคนตั้งชื่อนะ ข้าน้อยขอคาราวะ กิจกรรมนี้ก็อย่างที่บอก ว่าด้วยเรื่องของการทะลายกำแพงของแต่ละคน ที่ตั้งกันไว้สูงยิ่งนัก อันที่จริงแล้ว...กิจกรรมนี้น่าจะเริ่มต้นเล่นจากกลุ่มพี่เลี้ยงนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เพลงนั่นเพลงนี่ ท่านั้นท่านี้ ถูกนำเอามาประกอบกิจกรรม โดยหลักๆผู้นำกระบวนการ ก็คือ พี่โป้ง ต้าร์ โจ๊ก เพิ่งเห็นกับตาว่าสามคนนี้พลังเยอะมากๆ พลังที่ฉันพูดถึงไม่ได้หมายความว่าบ้าพลังนะ แต่มันเป็นพลังอะไรบางอย่าง หรือที่บ้านๆเค้าเรียกกันว่า "ออร่า" (อย่าเรียกผิด ไม่งั้นความหมายจะผิดทันที) น้องๆทุกคนต่างโฟกัสมาที่สามคนนี้ โอ้วววว...เยี่ยมมากๆๆๆ เอออ...ลืมบอกไปเนื่องจากฉันได้รับมอบหมายให้เป็นฝ่ายข้อมูลของค่ายนี้ โดยมีน้องเหมียว เหมียวเป็นครูใหญ่ อิอิ!! ฉันและน้องๆอีกสามสี่คนเป็นนักเรียนค่ะ และนักเรียนอย่างพวกเราอย่าได้เผลอนะขอบอก...เพราะเผลอนี่เป็นหายหัว บ้างก็หนีไปลัลล้าบนเวที หรือไม่ก็หนีไปลัลล้ากับกลุ่มอื่นมั่งล่ะ อย่าโกรธนะคะคุณครู นี่แหละคร่า คือฝ่ายข้อมูล เข้าเรื่องของเรากันต่อ.... ฝ่ายข้อมูลอย่างฉันก็เก็บข้อมูลไปสิคะ... จากการประเมินทางสายตาและการรับรู้ต่างๆที่เกิดขึ้น ถือว่ากิจกรรมแรกเป็นก้าวที่เริ่มต้นที่ดีระหว่างชาวค่ายที่รวมตัวกันอยู่ ณ ขณะนี้ ไม่มีแบ่งภาค ไม่มีชนชั้น ไม่มีคนรวย ไม่มีคนจน สิ่งที่มีเหมือนกันก็คือความเป็น "เยาวชน" ที่สัญญาว่าจะกลมเกลียวกัน เป็นแรงขับเคลื่อนเพื่อเยาวชนต่อไป จากกิจกรรมแรก เดินทางสู่กิจกรรมที่สอง....-------->>>>> กิจกรรมนี้ถูกแบ่งน้องๆให้ออกเป็นกลุ่มย่อยๆ 12 กลุ่ม โดยแบ่งกันตามภาค บ้านใคร บ้านมัน... ตอนที่ฉันคิด...---->>> ไหนว่าจะละลายพฤติกรรม แล้วแบ่งตามภาค จะละลายยังไง ????? และแล้ว คำตอบมันก็มีมาให้เราเห็น ว่ามันเป็นยังไง กิจกรรมนี้เหมือนรวบเอาคำว่า "สามัคคี คือ พลัง" มาเป็นหัวใจ ถึงอยู่บ้านเดียวกัน ภาคเดียวกัน หากคุณไม่เกิดความสามัคคีในหมู่มวล มันจะเกิดพลังได้อย่างไร เรามีพลังอยู่แล้ว...จะทำอย่างไรให้พลังเราเพิ่มมากขึ้นและมีศักยภาพในการใช้ชีวิต กิจกรรมนี้แต่ละกลุ่มน่ารักมาก อันนี้จากใจจริง "การร่วมด้วยช่วยกัน ร่วมแรงร่วมใจ มันจะชนะทุกสิ่ง"...เชื่อฉันดิ การที่คนในบ้านเมืองยังคงพ่ายแพ้อยู่ทุกวันนี้เพราะขาดความสามัคคี ต่างแก่งแย่งความเป็นหนึ่งให้ตัวเอง โดยใช้อำนาจหน้าที่ที่ตัวเองมี ใครที่มีเงินก็อยากจะมีอำนาจ ใครที่มีอำนาจมีเงินก็อยากจะมีอะไรที่เหนือกว่านั้น ไม่รู้จักพอใจ ไม่รู้จักใช้ชีวิตของตัวเองอย่างมีความสุข ฉันว่าคนพวกนี้เกิดมามีกรรม ความสุขของเค้าคือการครอบครอง น่าสมเพชเสียจริง....!!! น่าจะส่งเด็กเยาวชนพวกนี้ไปสอนผู้ใหญ่พวกนั้นว่า คำว่า "สามัคคี" สะกดยังไง นอกเรื่องอีกแล้วกรู = =" ตัดเข้ามาที่กิจกรรม... น้องพีซ..SSSSแห่งตะขบป่า (ต้องออกเสียง S ต่อท้ายด้วย) ได้ให้น้องๆแต่ละคนตั้งชื่อกลุ่ม ออกแบบโลโก้ คิดท่าเต้นพร้อมเพลง และกฏแห่งการอยู่ร่วม... และเมื่อเวลาผ่านไป.... ทั้งชื่อกลุ่ม เพลง ท่าเต้น และโลโก้ ก็ถูกความสามัคคีของแต่ละคนประมวลออกมาได้อย่างสวยงาม ไม่มีที่ติ มันทำให้เห็นว่า...ในแต่ละภาคของแต่ละคน สิ่งที่พวกเค้าไม่ละทิ้งก็คือ ประเพณี ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็น เหนือ กลาง อีสาน ใต้ ต่างถูกออกแบบและประยุกต์ให้เข้ากัน ไม่มีการแบ่งแยก เพราะเราอยู่กันบนพื้นฐานเดียวกันคือ "คนไทย" ระหว่างที่ต่างคนต่างขมักเขม้นกับหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมาย... อะไรบางอย่างกลับวิ่งเข้ามากระแทกกำแพงของหัวใจของตัวเอง...โชะ โชะ... ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ที่รู้ๆอยู่ตอนนี้ก็คือ... เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว จะควบคุมยังไงไม่ให้เกิดความเจ็บปวดก็แค่นั้น แล้วจู่ๆ...เพลงช้าๆ เศร้าๆ ของตอง ภัครมัย ก็ดังขึ้นในโสตประสาท "When you're fall.I'm beside you." ฉันไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่า...ยืนและมองอยู่ตรงนี้ ฮิ้วววๆๆๆๆๆ กว่ากิจกรรมนี้จะครบทุกหมู่เหล่า เล่นเอาเกินเวลาไปนิสสสสส กิจกรรมนี้สิ...เป็นอะไรที่น่าทึ่งโคดๆ กิจกรรมนี้ชื่อว่า "เรียนรู้ตัวเองและผู้อื่น" นำเสนอโดย พี่โป้ง ขั้นตอนของกิจกรรมในตอนแรกก็คือ ให้น้องๆจับคู่แล้ววาดรูปตัวเองลงบนกระดาษปรู๊ฟที่พี่ๆแจก พอร่างโครงเสร็จก็ให้ใส่ความเป็นตัวเองลงไปในโครงนั้น... เอ้า....ต่างคนต่างวาดกันใหญ่ ท่าใครท่ามัน จะหันซ้ายหันขวาหรือตีลังกา ตามแต่ใจจะปรารถนาเลย อิอิ!!! สารภาพว่า ด้วยเหตุและผลที่มีมากมาย อาการอ่อนไหวเริ่มก่อตัว แรงลมทะลที่พัดสอบมากระทบผิวกาย จนเหนียวเหนอะหนะ ก่อให้เกิดอาการบางอย่าง เชร็ดดดดดดดดดดดดดดดด....ไม่เข้าใจตัวเอง ขอเวลาไปรีเซ็ทระบบแป๊บนุง ฟิ้วววววววววววววววววว!!!! ---->>> ไปไปมามา มามาไปไป...เลยไปนั่งอยู่ด้านหลังนู่นนนนนน ทิ้งงานๆๆๆๆๆๆ และเมื่อเวลาผ่านไป... ลมทะเลที่พัดผ่านไปเรื่อยๆ กลับไม่ได้พัดความรู้สึกที่เกิดขึ้นไปด้วย คนเรานี่ก็แปลก...ชนะแมร่งทุกอย่าง นอกจากหัวใจตัวเอง กลับมาเรียนรู้ตัวเองต่อ.... เรื่องราวตรงนี้เป็นเรื่องของจินตนาการและสมองล้วนๆ เป็นอะไรที่น่าทึ่งมากๆ เกี่ยวกับความทรงจำของมนุษย์ จะว่าไปมันก็อยู่ที่บรรยากาศและขณะจิตที่อยู่ตรงนั้นด้วย (อันนี้คิดเอง) พี่โป้งให้น้องๆคิดและจินตนาการตามที่บอก ถึงการสร้างเจ้าแมมโบ้ขึ้นมาในสมอง...ซึ่งเราก็ทำตามนั้น กิจกรรมนี้เป็นการเล่นกับจิตใต้สำนึก เรื่องราวของความทรงจำที่ถูกบันทึกไว้ในหัว ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ความทรงจำนั้นมันยังคงชัดเจนอยู่เสมอ ความทรงจำบางอย่างที่เจ็บปวด ทำไมเรากลับไม่ยอมลืมมันไป แต่กับความทรงจำบางอย่างที่แสนดี ทำไมบางทีกลับลบเลือน แปลกนะ...คนเราส่วนใหญ่เลือกที่จะจดจำเรื่องราวที่แย่ๆ เลือกที่จะรักคนที่ไม่ค่อยใยดีเรา เอาเข้าไป...วันนี้เป็นวันอะไร เรื่องราวมากมายกลับมาครุกรุ่นภายในจิตใจอีกครั้ง ผ่านๆๆๆๆๆ...สรุปแล้ว วันนี้เครื่องรวน รีเซ็ทอย่างเดียวคงไม่พอ สงสัยต้องฟอร์แมท ลงวินโดว์ใหม่อีกรอบ สรุปแล้ว...ฮ่า ฮ่า ฮ่า มาต่อที่พิธีรับขวัญชาวค่ายกันเลยละกัน ที่ผ่านมา ละไว้ในฐานที่เข้าใจเนาะๆ จะว่าไปแล้ว ทุกครั้งที่ฉันมีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในพิธีกรรมนี้ มันรู้สึกได้ถึงความขลังทุกครั้ง ครั้งนี้เองก็เช่นกัน เทียนเล่มเล็กๆได้ถูกส่งต่อ จากพี่เลี้ยงสู่น้องๆอย่างทั่วถึง เสียงเพลงแต่ละเพลงล้วนแล้วแต่มีความอบอุ่นอยู่ในนั้นถูกส่งผ่านเส้นเสียงของพี่เลี้ยงด้วยความไพเราะ หอประชุมกว้างใหญ่ที่มืดสนิท ค่อยๆสว่างขึ้นจากจุดเล็กๆของเปลวไฟที่อยู่บนปลายเทียน จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม เรื่อยมาจนครบถ้วน แสงไฟสีส้มบ่งบอกถึงความรัก ความผูกพัน และความเข้าใจระหว่างพวกเรา ที่ส่งผ่านถึงกันด้วยความรู้สึกนึกคิด ตอกย้ำให้พวกเราทุกคนรู้ว่า เราเดินทางกันไกลแสนไกล เหนื่อยแสนเหนื่อยมาที่นี่ เพื่ออะไร ???? ด้ายสีขาวที่ก่อนหน้านั้นดูเหมือนเป็นด้ายธรรมดา ได้ถูกจัดเรียงให้เป็นสายใยที่เชื่อมใจ พี่เลี้ยงแต่ละคนผูกข้อมือให้กับน้องๆเยาวชน พร้อมกับเปล่งเสียงคำอวยพรออกไป บางคนมีรอยยิ้ม บางคนมีน้ำตา บางคนหัวเราะ บางคนกลั้นเอาไว้ มันเป็นภาพที่แสนประทับใจเหลือเกิน รอยน้ำตาแต่ละหยดที่ไหลรินอาบแก้ม ไม่ได้ออกมาเพราะความปวดร้าวจากคนที่ทำให้เจ็บปวด ไม่ได้ออกมาเพราะความเหนื่อยล้าจากการใช้ชีวิต แต่มันออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ ด้วยความปลาบปลื้มและยินดี เสียงเพลงยังคงขับกล่อมไปเรื่อยๆ แสงไฟจากปลายเทียนค่อยมอดลงตามระยะเวลาของมัน แต่ประกายไฟที่อยู่ในหัวใจของเราทุกคน จะสุกไสวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด.... ค่ำคืนนี้ทุกคนต่างอิ่มในรัก อิ่มในมิตรภาพ ไม่มีใครปฎิเสธได้ว่า... สายสัมพันธ์ของพวกเรา เริ่มกระชับแน่นขึ้น อย่างไม่รู้ตัว ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ฉันมีวันนี้.... ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่นำพาพวกเรามารู้จักกัน ขอบคุณความอ่อนแอที่เกิดขึ้น ขอบคุณเธอ... ที่ผ่านเข้ามาในวันเหงาๆ ตอนนี้ตีหนึ่งครึ่ง เข้าวันที่ 28 ตุลาคม 2551 วันเกิดของเธออีกปีแล้วสินะ... วันเกิดของเธอ ที่ไม่มีเธออยู่ตรงนี้ กี่ปีแล้วนะ...ที่เธอไม่อยู่ แต่ก็เหมือนเดิม ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปี ฉันก็ยังคงเป็นคนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง... ถึงเราไม่มีโอกาสได้เจอกัน ในความเป็นจริง แต่ทุกครั้งที่ฉันหลับตา..เธอจะอยู่ตรงนี้ นิรันดร
ติดตามตอนต่อไปได้ในเร็ววัน
ตอนนี้ต้องเร่งเขียนงานส่งก่อน ๕๕๕
ก่อนที่จะหันจากกินข้าวไปกินแกลบบบ
Create Date : 28 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 30 ตุลาคม 2551 1:30:41 น. |
|
10 comments
|
Counter : 424 Pageviews. |
|
|