“ในฐานะนักทำหนังคนหนึ่ง ผมปฏิบัติกับหนังของผมประดุจลูกชายและลูกสาว เมื่อผมให้กำเนิดเขา พวกเขาก็มีชีวิตเป็นของตนเอง ผมไม่ใส่ใจว่าผู้คนจะรักหรือเกลียดลูกของผม ตราบใดที่ผมสร้างเขาขึ้นมาด้วยความตั้งใจและความพยายามอย่างสูงสุด ถ้าลูกๆ ของผมไม่สามารถอาศัยอยู่ในประเทศของเขาเองไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใดก็ตาม ก็ปล่อยเขาเป็นอิสระเถิด เพราะมันยังมีพื้นที่อื่นๆ ที่ต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นในแบบอย่างที่เขาเป็น มันไม่มีเหตุผลเลยที่ต้องทำให้พวกเขาพิกลพิการจากระบบแห่งความกลัวหรือความละโมบ มิฉะนั้นแล้วมันก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่คนสักคนหนึ่งจะสร้างงานศิลปะต่อไป”
-- อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล
(คำปรารภหลังจาก "แสงศตวรรษ" ผลงานภาพยนตร์จากผู้กำกับคนไทย พูดภาษาไทย ใช้ดาราคนไทย ถูกกองเซนเซ่อประเทศไทยบังคับให้ตัดฉากสำคัญ 4 ฉากออกหากต้องการฉายในโรงภาพยนตร์ของประเทศไทย)




“ผมคิดว่าพระกลุ่มนี้โดนจี้จุดจึงร้อนตัวเกินไป หรือเป็นพวกอยากดัง จึงต้องทำตัวเป็นข่าว อยากถามว่าทำไมไม่ไปเรียกร้องหรือแก้ปัญหาพระที่ออกมาแก้ผ้า มั่วสีกา หรือใช้มีดกรีดร่างกาย หลอกลวงประชาชน ทั้งนี้หากจะฟ้องก็ยินดีให้ฟ้องได้ทุกศาล หรือว่าจะไปฟ้องจตุคาม ศาลเจ้าแม่กวนอิม พระอินทร์ พระอิศวร ก็เชิญ ผมไม่สนใจ แต่เห็นว่าพระกลุ่มนี้ไม่เหมาะสมในสมณะ และเป็นพระหน้าเดิมที่ออกมาเดินขบวนเรียกร้องการบรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ”
-- ถวัลย์ ดัชนี
(คำตอบโต้ภายหลังกลุ่มพระสงฆ์ที่ชุมนุมประท้วง ขู่ฟ้องคดีอาญาต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร นายอนุพงษ์ผู้วาดภาพภิกษุสันดานกาและหมานุษย์ และคณะกรรมการที่ตัดสินรางวัลศิลปกรรมแห่งชาติ ในข้อหาหมิ่นศาสนา)
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
8 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 

เรื่องผ้าเหลือง กับ สังคมเครื่องแบบ

วันนี้นัดกับ S e m a k u t e k ! ไปเอาใบนำปลด ที่ศูนย์ รด.วิภาวดี เพื่อที่จะได้รีบๆหาเวลากลับบ้านซักสามสี่วันช่วงปิดเทอมเล็ก เอาไอ้ใบนี่ไปยื่นสัสดีอำเภอเมืองอุดรธานี แล้วจะได้ไม่ต้องไปเกณฑ์ทหารตอนปีหน้า ถ้าเกิดเจียมตัวเรียนอยู่ที่อุดรซะตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องกลับไปกลับมาแบบนี้สินะ ใครใช้ให้กระแดะลงมาเรียนกรุงเทพ? ไม่รู้ รู้แค่ว่าวุ่นวายชิบหาย เพราะระบบทหารคือการเกื้อหนุนปิตาธิปไตย ใช้ที่อยู่ของพ่อมาคุมชีวิตการเป็นทหารของประชาชนแต่ละคน เจริญ!!!

ตอนแรกนัดกันดิบดีเก้าโมงเช้า ปรากฏว่าตื่นเที่ยงทั้งคู่ กว่าจะเจอกันก็บ่ายสองครึ่ง นั่งแท็กซี่ขึ้นทางด่วนไปแบบเร่งรีบสุดๆ เพราะได้ข่าวว่ามันจะปิดรับตอนบ่ายสาม (ไอ้ห่า... จะรีบไปไหน กูล่ะเบื่อ Bureaucracy จริงๆ) วิ่งเข้าไปถึงตอนประมาณสองโมงห้าสิบ เหนื่อยชิบหายเหงื่อก็แตก อารมณ์ก็เสีย ขุ่นมัวอยู่ตลอดเวลา ก่อนที่ทหารยามจะบอกว่า

"รองเท้าแตะเข้าไม่ได้นะครับ"

อ้าว เชี่ยเลย... กูเรียนจบมาสองปีเพิ่งจะรู้ว่ารองเท้าแตะเข้าไม่ได้ อารมณ์ตอนนั้นคือ ไอ้เหี้ยย เสียเที่ยวชิบหาย เสียเงินทั้งบีทีเอสทั้งแท็กซี่แล้วเข้าไม่ได้ นอยอยู่แป๊บนึงถึงรู้ว่า แถวๆนั้นมีร้ายเมียทหารให้ "เช่ารองเท้าผ้าใบ" คู่ละสิบบาท สำหรับกรณีนี้โดยเฉพาะ (เชี่ยมาก ทำมาหาแดกครบวงจร ลองคิดว่าแค่เดือนตุลาที่ปิดเทอมกันเดือนนึงสามสิบเอ็ดวัน สมมติมีคนมาเช่าผ้าใบวันละ 50 คน ก็ได้เหนาะๆแล้วหมื่นห้า ลงทุนแค่รองเท้านักเรียนเน่าๆไม่กี่คู่)

หลังจากเดินฟัง "ภูมิแผ่นดิน นวมินทร์มหาราชา" ไปเกือบครึ่งเพลงก็มาถึงตึกสำนักงาน เข้าไป เอาหลักฐานยื่นไป เพื่อที่จะได้รู้ว่า กูต้องกลับมาอีกทีตอนต้นเดือน พย. เพราะว่ารายชื่อจากอุดรยังส่งลงมาไม่ถึงที่นี่ (เพราะไม่มีระบบข้อมูลสารสนเทศ เรียกว่าเป็น Conservative Bureaucracy หรือระบบราชการแบบอนุรักษ์นิยม นั่งเก็บข้อมูลใส่แฟ้ม ใช้ระบบพิมพ์ดีดต๊อกแต๊กๆ) ระหว่างที่นั่งรอไอ้เซมากุเตะนั่งทำเรื่องอยู่ก็คิดในใจว่านี่กูมาเพื่ออะไร กูเสียเงินค่าเดินทางมาเพื่อรับรู้ว่าระบบราชการมันช้า ชื่อมึงเลยยังมาไม่ถึงเลยนะจ๊ะ

ไอ้ห่า... ความผิดกูมั้ยเนี่ย สาดดดดด

เอาเถอะ ระบบราชการอนุรักษ์นิยมแบบนี้แม่งคิดไม่เป็นหรอกว่าคนอย่างกูก็ต้องเดือดร้อนจากความล่าช้าของมัน พวกที่อยู่ในกรุงเทพ ชื่อพ่ออยู่กรุงเทพมันยื่นในกรุงเทพเมื่อไหร่ก็ได้ ยิ่งพวกที่เกิด 2531 ยิ่งสบายใหญ่ มีเวลาไปยื่นอะไรต่อมิอะไรอีกหนึ่งปีเต็มๆ แต่คนที่เกิด 2530 อย่างกูมีเวลาถึงแค่สิ้นปีนี้เท่านั้น แม้ว่ากูจะเกิดเดือนธันวาปลายปีสุดโต่ง แต่ทหารมันขี้เกียจและโง่เลข บวกลบเป็นแต่ปีเท่านั้น เพราะฉะนั้นแม้กูจะอายุแค่ 20 ปี 1 เดือนในเดือนมกราคม มันก็จะนับกูว่าอายุ 21 แล้วถ้าไม่ยื่นก็เกิดการชิบหาย โดนเกณฑ์ทหารชัวร์ๆ

เมื่อกว่าชื่อกูจะยุรยาตรลงมาจากอุดรธานี ใช้เวลาถึงต้นเดือนหน้า แล้วแทนที่กูจะได้ใช้เวลาปิดเทอมไปจัดการชีวิตทหารๆของกูให้จบสิ้น เพื่อจะได้ไม่เบียดเบียนชีวิตการเรียนของกูในวันทำการของราชการ แล้วทีนี้แม่งกว่าจะมาก็เดือนหน้า กูก็ต้องเอาเวลาเรียนกูกลับไปยื่นเรื่องชีวิตทหารของกู เพราะไปวันพ่อแม่งก็หยุด ไปปีใหม่แม่งก็หยุดอีก เชี่ยเอ๊ย....

แล้วทำไมมันต้องเอาการเป็นทหารของกูไปผูกกับพ่อด้วย รู้สึก nonsense มาก... กูเลยต้องมาขึ้นๆลงๆอยู่แบบนี้ เพื่อกระดาษแค่แผ่นเดียว (เหมือนตอนที่ไปเอา สด.9 นั่นแหละ เสียเวลาชีวิตมาก)



ระหว่างที่นั่งคิดๆอยู่นั้น ก็จะมีเสียง background เป็นทหารแก่ๆคนหนึ่งนั่งด่า นศท. ที่เข้าไปถ่ายรูปแค่ลืมเลข ติดกระดุมไม่ถูก (ก็คนมันไม่รู้) ก็ด่าไปถึงขั้นว่า "ทีเรื่องชิบหายๆล่ะจำได้ ไปขี่รถซิ่งไปหลีหญิงล่ะจำได้ ทีไปพ่นสีว่าโรงเรียนมึงเป็นน้องเมียโรงเรียนกูล่ะจำได้" (ถ้ากูเป็นไอ้นั่นกูคงด่าอยู่ในใจว่ามึงมาเสือกรู้อะไรกับกู กูไม่ได้ไปซิ่งเหมือนมึงตอนวัยรุ่นนี่ไอ้ห่า)

แน่นอนว่า นศท. ทำอะไรไม่ได้ว่ะ เพราะระเบียบวินัยแบบทหารๆ คนแก่ว่าอะไรต้องถูกหมด แม้ว่าจะละเมิดสิทธิมนุษยชนและหมิ่นประมาทแค่ไหนก็ตาม

ชวนให้นึกถึงสังคมเครื่องแบบจัดๆ ของบ้านเรามากๆ...



ชีวิตนี้เราเจอเครื่องแบบกันมากี่ล้านรูปแบบ?

เอาตั้งแต่เด็ก เราทุกคนต้องใส่ชุดนักเรียนเพื่อไปโรงเรียน ภายใต้มายาคติที่บอกเราว่า นี่คือการทำให้นักเรียนทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีใครเหนือกว่าใครแม้ว่าฐานะทางการเงินจะต่างกัน แต่ถามหน่อยเถอะว่าแล้วบ้านที่เขายากจน จนต้องเอาของไปจำนำทุกเทอมๆ เพื่อหาอุปกรณ์การเรียน และโดยเฉพาะสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นใดๆทั้งสิ้นอย่างชุดนักเรียนที่ขึ้นราคาอย่างสม่ำเสมอ แบบนี้คือการทำให้เกิดความเท่าเทียม หรือว่าการถ่างช่องว่างทางสังคมให้กว้างขึ้น?

ถ้าจะเท่าเทียมจริง ทำไมไม่ยกเลิกเครื่องแบบไปซะ? เพราะในสายตาผมแล้วเครื่องแบบนักเรียนพวกนี้เป็นสินค้าสิ้นเปลืองสำหรับคนที่ฐานะทางการเงินไม่ค่อยดีเอามากๆ เสื้อตัวหนึ่งแพงกว่าเสื้อยืดสกรีนที่ใส่ๆกันอยู่นี่อีก ทั้งๆที่เป็นสินค้าที่คนทุกคนที่เข้าสู่ระบบการศึกษาต้องใช้ แต่ทำไมราคาดันแพงขึ้นๆ โดยที่รัฐบาลผู้กำหนดไม่เข้ามาช่วยอะไรเลย...

ยิ่งเห็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ยิ่งขำเข้าไปใหญ่ บอกจะมีชุดนักเรียนฟรี เปลืองงบประมาณและภาษีประชาชนมากๆ ยกเลิกเครื่องแบบซะก็สิ้นเรื่อง เอาภาษีประชาชนไปทำอะไรที่มันมีประโยชน์มากกว่านี้ดีกว่า เช่นซื้อคอมมาให้เด็กเรียนอะไรแบบนั้น คนทุกคนก็เท่าเทียมกัน ใส่ไปรเวตไปเรียน มีผลวิจัยที่ไหนบอกหรือเปล่าว่าการใส่ชุดไปรเวตรองเท้าแตะ(รวมไปถึงการไว้ผมยาว เจาะหู) จะทำให้นักเรียนเรียนหนังสือไม่ได้ หรือว่าโง่ลง

นอกจากนี้ยิ่งในสังคมเมืองทุนนิยม เครื่องแบบกลายเป็นตัวชี้วัดแบ่งแยกฐานะคน ใครได้ใส่เครื่องแบบโรงเรียนดังก็มีทุนทางสังคมสูงไปโดยปริยาย ทั้งที่จริงๆแล้วอาจจะมีพฤติกรรมชิบหายเสื่อมทรามบัดซบ กลายเป็นการแบ่งแยกสังคมไฮโซโลโซ แค่สถานที่เรียนและตัวอักษรที่ปักอยู่บนหน้าอก พร้อมกับประจานว่าเราชื่อแซ่อะไร

สิ่งที่ตามมาคือการควบคุมเราในระบบที่ไม่ต่างกับระบบทหาร การปลูกฝังมายาคติเรื่องความภาคภูมิใจของเครื่องแบบเข้าไปในหัวสมอง ไม่ต่างกับทหารหรือตำรวจ (โดยเฉพาะของจุฬาฯ ที่ว่า "เครื่องแบบนิสิตคือความภาคภูมิใจ เพราะเป็นเครื่องแบบพระราชทาน" อะร้ายยยยย!!!!) ทั้งๆที่จริงๆแล้วเสื้อนักเรียนและเสื้อนิสิตนักศึกษามันก็เสื้อขาวเหมือนกัน ทำมาจากฝ้ายเหมือนกัน แทบไม่ต่างกับเสื้อเชิ้ตอื่นๆที่ทำจากฝ้าย แต่กลายเป็นว่าเมื่อคุณเข้ามาสู่ระบบนี้ คุณกลับต้องนั่งยัดเสื้อเข้าในกางเกง แม้ว่ามันจะทำให้คุณดูลงพุงยิ่งกว่าหมูป่า เอวขยายชิบหายยิ่งกว่าราชินีช้าง แต่ก็ต้องทำเพราะมันคือความภาคภูมิใจ?????? (โถ.. กูคงภูมิใจมากที่เครื่องแบบทำให้กูดูต่ำต้อยได้ขนาดนี้)

ที่สำคัญไปกว่านั้น มันไม่ได้มาควบคุมแค่การแต่งตัวของเรา แต่มันเข้ามาควบคุม lifestyle ของเราไปด้วย ด้วยการบังคับให้เรากลายเป็นเกรียน บังคับให้เรากลายเป็นคนที่เหมือนไว้ทุกข์ตลอดเวลาด้วยการห้ามผูกโบว์เป็นสี ห้ามใส่นาฬิกาสวยๆ ทั้งที่ก็ถามหน่อยเถอะว่าโบว์สีอื่นมันผูกผมนักเรียนหญิงไม่ดีเท่าสีดำ? หรือว่านาฬิกาอื่นมันจะบอกเวลาไม่ได้ แล้วมันส่งผลกระทบกับการเรียนอย่างไร?

ทั้งหมดนี้กลายเป็นการปลูกฝังให้เรายอมรับกับอะไรที่ไร้เหตุผล ด้วยเหตุผลที่ว่า "มันเป็นเรื่องหน้าตาและศักดิ์ศรี" ของสถานที่นั้นๆ และกลายเป็นว่าเรากำลังมองคนกันที่ภายนอก และไม่ได้สนใจสิ่งอื่นภายใน

เราคงจะเคยได้ยินกฎบ้าๆ ตั้งแต่สมัยประถมประเภทที่ว่า "นักเรียนต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยจนถึงบ้านนะคะ" กันมาบ้างแล้วใช่ไหม?

นี่คือสิ่งที่น่ากลัวมาก เพราะเราถูกปลูกฝังในวัยที่ไม่รู้อะไรเลย ให้ยอมรับการละเมิดสิทธิของเรา ถามหน่อยเถอะว่าเมื่อเราออกนอกโรงเรียนแล้วชีวิตเราไม่เป็นของเราจริงๆหรือ? การที่เราจะแต่งตัวอย่างไรมันใช่เรื่องของใครที่จะเข้ามาเสือกมายุ่ง และถ้าหากสถานศึกษาจะเต้นเร่าๆ สะดีดสะดิ้ง เมื่อเจอคนโลกแคบสองสามคนมาบ่นๆว่า "เฮ้ย.. เดี๋ยวนี้ทำไมโรงเรียนคุณถึงมีเด็กใส่เสื้อหลุดนอกกางเกงเยอะแบบนี้ โรงเรียนคุณแย่มากนะ" ก็เท่ากับว่าสถานศึกษากำลังสนับสนุนให้คนตัดสินผู้คนจากภาพภายนอกที่เคลือบเราอยู่ ใช่หรือไม่?

ไม่แปลกใจที่จะมีคนประเภท "เห้ย.. มึงเกลียดรัฐประหาร งั้นมึงต้องโปรทักษิณ" อยู่ในประเทศนี้กลาดเกลื่อนไปหมด ผลมันมาจากการปลูกฝังแบบน้ำซึมบ่อทรายนี่เอง เพราะในเมื่อยังมีคนประเภทที่ตัดสินภาพรวมทั้งสถานศึกษาจากนักเรียนที่เสื้อหลุดออกนอกกางเกงแค่ไม่กี่คน

ยิ่งตอนนี้นอกจากเครื่องแบบทหาร ตำรวจ นักศึกษา นิสิต นักเรียน ก็มีเครื่องแบบเสื้อเหลืองที่ต้องใส่ทุกวันจันทร์ในแทบทุกองค์กรทั้งประเทศอีกด้วย... เอาเถอะ จะพยายามปลง เพราะสองแบรนด์อย่าง Arrow และ La Coste ก็หันมาทำแคมเปญเสื้อเหลืองเทิดพระเกียรติกันยกใหญ่ โฆษณาออกทีวีอย่างครึกโครมและโจ่งแจ้ง

สังคมไทย กำลังกลายเป็นสังคมเครื่องแบบ อย่างเต็มตัว และเริ่มจะถึงจุดสูงสุดแล้ว หลังการปลูกฝังอย่างยาวนานและหยั่งรากลึก

เพราะเครื่องแบบจะไม่ได้เป็นแค่เรื่องของสถานศึกษาและสถาบันอีกต่อไป แต่การตัดสินคนจากเครื่องแบบนั้น จะลามไปถึงเรื่องขององค์กรระดับชาติ และสถาบันเหนือเกล้าอีกด้วย

เมื่อก่อนอาจไม่เป็นเรื่องประหลาด แต่เมื่อช่วงครองราชย์ 60 ปีผ่านไป การใส่เสื้อสีดำในวันที่ 5 ธันวาคมอาจกลายเป็นความผิดขั้นอุกฤษฎิ์ ที่คนผู้นั้นจะถูกพิพากษาอย่างรุนแรงถึงความไม่จงรักภักดี จากผู้คนในลัทธิ "บ้าเครื่องแบบ" บางส่วน ที่ดูจะลืมไปแล้วว่าเสื้อตัวเดียวตัดสินชีวิตคนไม่ได้

เพราะเครื่องแบบกลายเป็นเครื่องมือที่ใช้รักษาภาพลักษณ์ขององค์กร ด้วยการสร้างมายาคติกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก โดยตัวเครื่องแบบเองก็เป็นเครื่องมือควบคุมชั้นแรก ซึ่งขั้นต่อมาคือ ทำให้องค์กรเหล่านั้นอ้างสิทธิเพื่อละเมิดสิทธิของเราได้อย่างชอบธรรม ด้วยคำว่า "เพื่อภาพลักษณ์ขององค์กร"

ไม่แน่... ต่อไปหากมีคนไม่ใส่เสื้อเหลืองในวันจันทร์ ภาพลักษณ์องค์กรนั้นอาจจะถึงขั้นชิบหาย เพราะไม่เทิดทูนสถาบันก็เป็นไปได้ หึหึ.. (คิดเล่นๆไปงั้นแหละ อย่าใส่ใจความเพ้อเจ้อของเจ้าของบล๊อกนี้เลย)

เพราะสิ่งที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ก็มีหลายเครื่องแบบเหลือเกินที่พยายามรักษาภาพลักษณ์ขององค์กรด้วยวิธีการเวรๆต่างๆนานามากมายมหาศาลตามแต่จะสรรหามาได้ ทั้งแพทยสภาที่คอยออกมาปกป้องแพทย์ให้ดูสูงส่งอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเคสที่ชิบหายที่สุดอย่างการเข้ามาในกองเซนเซอร์ และสั่งให้หนังเรื่อง "แสงศตวรรษ" ตัดฉากหมอกินเหล้า กับหมออวัยวะเพศแข็งตัวตอนจูบกับแฟนออกไป หรืออย่างกรมการศาสนาที่เข้ามาในกองเซนเซอร์ และสั่งให้หนังเรื่องเดียวกันตัดฉากพระเล่นกีตาร์ และพระเล่นจานร่อนฟริสบี้ ออกไป...

นอกจากแค่รักษาภาพลักษณ์องค์กรแล้ว ยังกลายเป็นเครื่องมือในการยกระดับองค์กรให้สูงเหนือจริงอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย โดยเฉพาะเครื่องแบบที่พัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาจนมีทุนทางสังคมสูง เช่นพระและแพทย์อย่างที่ได้ยกตัวอย่างไปแล้ว..

สี่ฉากที่เรียกร้องให้ตัดออกไปนั้น ชวนให้คิดเหลือเกิน ว่านี่คือกระบวนการยกระดับองค์กรให้ "เหนือมนุษย์" หรือเปล่า? เพราะทั้งสี่ฉากนั้นคือสิ่งที่ปุถุชนธรรมดาเองก็ใช่ว่าจะไม่สามารถทำได้ พระที่ทำผิดศีลยิ่งกว่าเล่นกีตาร์ก็ใช่ว่าจะไม่มี คนเล่นจานร่อนฟริสบี้ที่ประเทศไหนเป็นเรื่องผิดกฎหมาย? หรือว่าองค์กรแพทย์ทั้งองค์กร ไม่มีใครคนไหนเลยที่เกิด morning erection ในยามเช้าของทุกวัน ยกเว้นผู้ที่ใช้งานไม่ได้อีกต่อไป?

ยิ่งเมื่อรวมกับกรณีประท้วงภาพภิกษุสันดานกาและหมานุษย์ของ อนุพงษ์ จันทร ซึ่งภาพแรกนั้นได้รางวัลศิลปกรรมแห่งชาติประจำปี 2550 ยิ่งแสดงถึงความต้องการ "เหนือมนุษย์" ของอาชีพพระสงฆ์มหานิกายได้เป็นอย่างดี เพราะเกรียนห่มเหลืองเหล่านั้นเรียกร้องที่จะไม่ให้มีการเผยแพร่ และชมเชยสิ่งใดๆที่ตีแผ่จุดบอด จุดเสีย ที่แฝงเร้นอยู่ในวงการพระพุทธศาสนา เพียงเพราะกลัวว่าคนจะมองศาสนาในแง่ลบ ทั้งๆที่คนปกติทุกคนทุกองค์กรก็ไม่เคยมีองค์กรใดดีร้อยเปอร์เซนต์ (แน่นอน รวมถึงสถาบัน "นั้น" ด้วย)

แล้วสิ่งที่พวกเขาต้องการคือ Pure Image หรืออย่างไร? ต้องการให้ปกปิดความชั่วร้ายที่แฝงเร้นอยู่ แล้วดำรงอยู่ต่อไปแบบเชิดหน้าชูตารักษาภาพลักษณ์ว่ากูดี กูเลิศ กูน่านับถือ แต่ทำเพิกเฉยกับความชิบหายในองค์กรของตัวเอง ทั้งที่การตีแผ่ความชิบหายนี่แหละคืออีกหนทางหนึ่งของการช่วยทำให้องค์กรดีขึ้น

พวกเกรียนเหล่านั้นออกมาเรียกร้องให้เลิกการแสดงภาพที่ได้รางวัล ที่สื่อถึงความชิบหายในวงการศาสนา ตีแผ่พระชั่วๆบางตัวออกมาในรูปแบบผลงานศิลปะ เกรียนเหล่านี้เมินเฉยต่อภาพที่พวกเดียวกันที่ออกมาแสดงอภินิหารในงานปลุกเสกก้อนดินหลอกลวงประชาชน และได้รับปัจจัยนับล้านต่อการออกงานหนึ่งครั้ง รวมไปถึงเกรียนพวกเดียวกันที่มั่วสีกา จนคนศรัทธาในศาสนาเริ่มอิดหนาระอาใจ โดยไม่แม้แต่จะ mention ถึงว่านี่ก็คือหนึ่งในผู้ทำลายศาสนา

สิ่งที่เกรียนเหล่านั้นทำ คือการอ้างว่า "พิทักษ์ศาสนา" ด้วยการละเมิดสิทธิในการสรรค์สร้างงานศิลปะ และกล่าวหาทั้งศิลปิน ผู้จัดงาน ลามไปถึงกรรมการตัดสินรางวัลว่าเป็นผู้ "หมิ่นศาสนา" แบบยกกระบิจนถึงขั้นจะฟ้องคดีอาญา

น่าขัน เกรียนพวกนี้ alert มากเมื่อมีภาพที่แสดงความชั่วร้ายของวงการตัวเองออกมา ทั้งๆที่ภาพเหล่านั้นก็มีให้เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และน่าขันยิ่งกว่า เมื่อเกรียนเหล่านี้ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนใดใด กับภาพพระสงฆ์พม่าถูกตำรวจและทหารทำร้าย หรือยิงจนตายห่าอยู่ในกรุงย่างกุ้ง ไม่มีแม้แต่ท่าทีจน NGO อดรนทนไม่ไหว ต้องไปยื่นจดหมายขอให้สงฆ์ไทยแสดงท่าที!!!

นี่หรือ คือสงฆ์ในเมืองที่อ้างตนว่าเป็นเมืองหลวงศาสนาพุทธของโลก?

ลืมไป... มันไม่ใช่สงฆ์ แต่มันเป็นเกรียนที่อาศัย "เครื่องแบบสงฆ์" หากินไปวันๆ




 

Create Date : 08 ตุลาคม 2550
60 comments
Last Update : 8 ตุลาคม 2550 19:49:08 น.
Counter : 1796 Pageviews.

 

มาเม้นท์รอบแรกก่อน...มาเม้นท์เพื่อที่จะบอกว่า..เข้ามาอ่านแล้วนะ

แต่อ่านไปได้นิดนึง ขอดูบอลก่อน

มาเก๊ากองหลัง10ตัว ห้อยประตูไว้คนนึง...สุดๆ

แต่โอ๊ย ทีมชาติไทยบทจะเสียประตูก้ง่ายเกิ๊น...เพราะบอลหลุดมือครับท่าน

 

โดย: squidy ying IP: 210.86.214.171 8 ตุลาคม 2550 19:44:52 น.  

 

ชอบประเด็นเครื่องแบบกับสถาบันแฮะ

คงเปรียบได้กับ ความพยายามทำให้โลกนี้เหลือแค่สีขาวกับสีดำ...

เรื่องนี้ สิ่งนี้ สถาบันนี้ หัวข้อนี้ ต้องเป็นสิ่งสวยงาม หรูเลิศ ดีงพร้อม น่าเลื่อมใส จะทำลายภาพพจน์นี้ไม่ได้

ส่วนเรื่องอีกเรื่อง ต้องเลว ต้องชั่วร้าย ต้องไร้สาระ ไม่ควรค่าแก่การสนใจ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ยุคสมัยก็ตาม

แล้วก็พร่ำสอนกันไปสิ ว่าคิดแบบนี้อ่ะถูกต้อง ตามครรลองครองธรรม ตามประเพณี ตามที่คิดกันไว้ในอดีตว่าดีเลิศ

ไม่แปลกใจถ้าอนาคตจะมีคนบางกลุ่มที่เลิกคิดอะไรด้วยตัวเอง

 

โดย: HeliumHe IP: 58.9.94.134 8 ตุลาคม 2550 19:49:07 น.  

 

อิอิ.....มาเม้นและนะ
เออ...พูดด้ายคำเดียวว่า
ระบบทหาร ...มัน..."แย่"
ส่วนสังคมอัน มองภาพลักษณ์องค์กร สำคัญยิ่งยวด ก้อปลงๆไปเถอะเมิง....แต่กรูชอบนะ ใส่เครื่องแบบ ม่ายงั้น กรูคงใช้เวลาแต่งตัว เพิ่มอีก 20 นาทีเพื่อดูว่า วันนี้กรูจาแต่งชุดอารายดี...คริคริ

 

โดย: ~oh~of~TFC~ IP: 125.26.18.131 8 ตุลาคม 2550 20:01:27 น.  

 

เกรียน...

 

โดย: renton_renton 8 ตุลาคม 2550 21:43:35 น.  

 

มาเม้นท์(ยาวๆ ตามสันดาน)แล้วนะ

บอลจบไปละ...ถ้ามันเล็งแม่นสักหน่อย กูว่า10-1 อาจเกิดขึ้นได้ แต่นี่ ประตูมันเคลื่อนที่หรือไงไม่รู้ เฉียดไปเฉียดมาอยู่ได้

เรื่องเครื่องแบอ่ะกุมีทั้งเห้นด้วยและไม่เห็นด้วยว่ะ

เห็นด้วยเพราะ 1.เครื่องแบบนักเรียนมันกลายเป็นวัตถุทางสังคมที่เป็นตัวแบ่งแยกฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมของคนที่ใส่ไปโดยปริยาย...เพราะกูเองก็เป็น กูอยู๋พระหฤทัยมาตั้งแต่อนุบาลยันม.6 แล้วโรงเรียนข้างๆคือคลองเตยวิทยา...แกเอ๊ย ชั้นมองเค้าโคตรดูถูก(...มันคือความคิดสมัยนั้น)
2.เครื่องแบบมันทำให้คน(ครอบครัวที่ไม่ค่อยจะมี)ต้องมาเดือดร้อนกู้หนี้ยืมสินเพื่อเครื่องแบบนักเรียน2-3ชุด...ตามข่าสวเยอะแยะไป ขอบริจาคชุดนักเรียน...ดูแล้วมันป่วงจิต แล้วนี่สมัยนี้มีบังคับใส่เสื้อเหลือทุกวันจันทร์ ใส่เสื้อม่อฮ่อมทุกวันศุกร์...มันจะอะไรนักหนา

แต่ไม่เห็นด้วยเพราะ กูก็นิสิตจุฬา ที่เค้าสร้างมายาคติว่ามันป็นเครื่องแบบที่มีเกียรติก็เพราะอยากให้แต่งตัวเรียบร้อย...โตๆกันแล้ว มาเรียนหนังสือไม่ใช่มาเสริมสวย...กูว่ามันเป็นกุศโลบายอย่างนึง...ซึ่งไอ้กุศโลบายเหล่านี้อ่ะ คนที่นำมาใช้มันอาจจะมากไปหน่อย...พอมันมากไปมันก็เก่อ+โอเว่อร์ไง

ไปล่ะๆ...เรื่องทหารอะไรไม่รู้ กูไม่เคนเรียนรด.เว้ย...แต่ๆๆ ศูนย์ฝึกรด.ตรงวิภาวดีอ่ะ อยู่ใกล้บ้านกุว่ะ 10นาทีขี่จักรยานถึง 555+...กูรู้แค่เนี้ยแหละ เพราะกูชอบส่งเด็กหนุ่มๆ ทุกเย็น...ก๊ากกกกกกก

 

โดย: squidy ying II IP: 210.86.214.171 8 ตุลาคม 2550 21:47:41 น.  

 

ชั้นไม่เห็นด้วย
การมีเครื่องแบบทำให้เด็กอยู่ในระเบียบมากขึ้น
(อย่างน้อยเด็กที่ไม่ควรเสียก็ไม่เสียอะ)

แบบอย่างน้อยชั้นก็ว่า มันเร็วเกินที่จะย้อมผมแต่ม.ปลาย หรือเจาะหูเยอะๆตั้งแต่มัธยม
เด็กมันยังคิดกันไม่เป็นหรอกหวะ

ระเบียบมีประโยชน์เสมอเว่ย
นอกจากเด็กแม่งแรดกันเอง

ปล.เสียใจกะเรื่องทหารแกด้วย

 

โดย: พระเจ้า** IP: 58.9.6.111 8 ตุลาคม 2550 21:58:20 น.  

 

เห็นด้วยนะคับ
ว่าระบบราชการไทยโดยเฉพาะระบบที่
เกี่ยวข้องกับทะเบียนทหารเราัมันโบราณมากๆ

แต่ถ้า จขบ. จะคิดให้เยอะหน่อย
อันนี้ก็เนื่องมาจาก รัฐบาลไม่เห็นความสำคัญ
ไม่พยายามพัฒนาระบบให้มันดี
โดยโยนมาให้เป็นวามรับผิดชอบของกองทัพ
มันก็จบล่ะคับ

ส่วนเรื่องของเครื่องแบบ
ผมกลับเห็นว่าการบังคับให้เด็ก
รู้จักการปฏิบัติตามระเบียบเสียแต่ยังเด็กๆ
เป็นการปลูกฝังสิ่งดีๆให้กับตัวเด็กเอง
จะมายัดใส่ให้ตอนโตแล้วคงไม่ทัน

ส่วนประเด็นของเรื่องพระสงฆ์
ค่อนข้างเห็นด้วยนะคับ
แต่ไม่วิจารณ์ต่อดีกว่า
ตามประสาพุทธบริษัทที่ดี

ปล.ไม่รู้ จขบ.จะโกรธรึปล่าวที่ผม
ไม่เห็นด้วยในหลายประเด็น
ถ้าสร้างความไม่พอใจอย่างไร
ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ

 

โดย: เก่งกว่าผมตายไปหมดแล้ว 8 ตุลาคม 2550 23:44:23 น.  

 

ก็ดูไปแล้วน่ะสิ
เลยกลายเป็นประเด็นให้ทุกคนพูดถึง

เลยโคตรรรรรร...เบื่อ



เม้นท์ไว้ก่อน
เดี๋ยวขอกลับขึ้นไปอ่านนะ

 

โดย: Unravel 8 ตุลาคม 2550 23:56:00 น.  

 

สังคมทุกวันนี้ เขามองกันที่ภายนอกครับ

ไม่มีเวลาดูกันที่ภายในหรอก ต้องรีบทำงานเก็บเงิน เดี๋ยวไม่รวย

 

โดย: ฟ้าดิน IP: 58.8.90.213 9 ตุลาคม 2550 3:04:54 น.  

 

พระไร้สาระมากมายยยยยยย
เอออ บล็อคมึ งใช้คำหยาบได้ป่าว...
แบบรูปก็สวยดีอ่ะทำไมการวิจารณ์สังคมเป็นเรื่องธรรมดา คนเรายิ่งห้ามยิ่งยุพระไปห้ามากๆเค้าจายิ่งเกลียดพรกันป่าวๆระวังเจอแบบ แยกนิการอีกซักอันแล้วจะสาแก่ใจ

(เฮ้อ....สังคสมาคมจรู้ตัวไหมว่า ตัวสังฐสมาคมทำรายวัฒนธรรมท้องถิ่นไปเท่าไหร่ "สมเพช" จังเลย)

 

โดย: poomeeeeeeee IP: 58.9.163.76 9 ตุลาคม 2550 3:42:45 น.  

 

ผมเคยฝึกรด.ที่ศูนย์ฝึกนี้ครับ
ภาพศูนย์ฝึกยังติดตาอยู่เลย


ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ
ทหารเป็นอาชีพที่ต้องเสี่ยงชีวิตในศึกสงคราม
พวกเขาจึงต้องเชื่อฟังผู้บังคับบัญชา มิเช่นนั้นทหารทั้งอาจเกิดอันตราย หรือเกิดเหตุผิดหลาดในการสู้รบได้

ด้วยเหตุนี้ ทหารจึงถูกฝึกให้เชื่อฟังผู้บังคับบัญชาทุกประการ ห้ามตั้งคำถาม และต้องตั้งลักษณะศัตรูให้ชัดเจน อย่าสงสารศัตรู

ด้วยลักษณะเฉียบขาดนี้ ทำให้ทหารเหมาะกับการทำงานที่ต้องอาศัยความรวดเร็วเด็ดขาด
แต่ไม่เหมาะอย่างยิ่งกับการเล่นการเมือง

 

โดย: ฟ้าดิน (ฟ้าดิน ) 9 ตุลาคม 2550 4:28:08 น.  

 

ตี้คือเมิงเขียนยาวมากกกกก
แต่ว่ามากกกกกกก
มากกกกกกอะ
สังเกตได้จากคนแต่ละคนที่เข้ามาเม้น เห็นแล้วต้องขอชิ่งไปทำอย่างอื่นก่อนแล้วกลับมาอ่านต่อ พอดีกุรุสึกว่าโดนบังคับโดยเมิงกุเลยนั่งอ่านจนจบ 555 ล้อเล่นๆ เปนเพราะมันอ่านแล้วสนุกดี... คือเราเคยพูดเรื่องเครื่องแบบในแนวๆ แกตอนเราไปญี่ปุ่นว่ะว่าเด็กญี่ปุ่นแต่งหน้าแต่งตา ใส่กระโปรงสั้นทำผิดระเบียบแต่พอถึงเวลาเรียนเค้าก็ตั้งใจกัน ประเทศเค้าก็เจริญด้วย พูดแล้วมองย้อนตัวเรา.. ประเทศเราไม่เห็นเป็นอย่างนั้นเลยแฮะ แต่งตัวดีก็ยังไม่ตั้งใจเรียนอยู่ดี แต่งตัวไม่ดีก็ยิ่งแล้วใหญ่.. แต่มันก็ขัดๆ กะแกนิดหน่อยเพราะเรามองเรื่องเสื้อเหลืองในอีกแง่นึง แต่ก็นะ ความคิดใครความคิดมัน.. ไม่อยากใส่ ก็ไม่มีใครที่ไหนมาจับเราเข้าคุก.. จริงไม๊

 

โดย: BoW_ZaABlueDragon IP: 77.209.77.23 9 ตุลาคม 2550 4:42:58 น.  

 

เขียนเรื่องพระได้สะใจดีครับ
ส่วนเรื่องทหาร ถือว่ามาฟังคุณบ่น ก็แล้วกัน

 

โดย: รถเล็ก IP: 124.121.110.206 9 ตุลาคม 2550 6:54:20 น.  

 

อื้มมมม...เพิ่งเข้ามาอ่านอีกครั้ง
อ่านจบแล้วล่ะ
แต่ไม่อยากคอมเม้นท์อะไร
เพราะคงไม่ช่วยอะไรมาก
เหตุผลแต่ละอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละคน...

 

โดย: Unravel 9 ตุลาคม 2550 9:45:51 น.  

 

ก็ไม่มีอะไจคอมเมนท์มากมาย รูแต่ว่าฉันจะแต่งอะไรก็สไตล์ของฉัน
นึกถึง ตอนไหนก็ไม่รู้ จะไปเรียน ปรากฏว่าเครื่องแบบมหาลัยซักหมดแล้ว เลยเอาเสื้อเชิ้ตสีขาว ตัวยาวๆ กับกางเกงยีนมาใส่ซะเลย(จากอักษรกลายเป็นวิศวะ ฮา) พอไปแล้ว เพื่อนเห็นถามยกใหญ่ โห!ถามกันยกใหญ่ว่าทำไมไม่แต่งเครื่องแบบๆ ช
ส่วนเรื่องเกรียนผ้าเหลืองที่มาประท้วงภาพเขียนเป็นอะไรที่เหลือทนจริง วงการศิลปะไทยจะไม่เจริญก็พวกนี้แหละ

เซ็งเป็ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

โดย: initial A IP: 161.200.255.162 9 ตุลาคม 2550 11:52:57 น.  

 

+ หุๆ ... ต้องขอออกตัวกับตี้ก่อนนะครับว่า พี่เคยคิดเหมือนกันว่าแนวคิดของพี่เองนั้นจัดอยู่ในกลุ่มไหน และก็เลยนิยามตัวเองว่าเป็นพวก "เสรี-อนุรักษ์นิยม" ... คือแนวคิดหลายๆ เรื่องออกจะเป็นพวกอนุรักษ์นิยมก็จริง แต่พี่ก็เปิดกว้างเพียงพอที่จะยอมรับแนวคิดอื่นๆ ด้วยในแต่ละเรื่อง ถ้าเรื่องนั้นๆ มัน make-sense สมเหตุสมผล ... คือยืดหยุ่นตามสถานการณ์นั่นแหละครับ เป็นกรณีๆ ไป ... ดังนั้นแนวคิดบางเรื่องของพี่ ก็อาจดูแย้งๆ กับตี้อยู่บ้าง ก็ถือว่าถกกันโดยใช้สติแล้วกันน้า
+ เรื่อง "มายาคติ" พี่มองว่ามันอยู่คู่กับสังคมไทยมานานแล้วล่ะ ... เพราะฉะนั้นกว่ามันจะเปลี่ยนแปลงหรือล้มหายตายจากไป เราอาจต้องรอนานจนกว่าเจนเนอเรชั่นนั้นๆ จะหายสาบสูญไป แล้วมีคนรุ่นใหม่ที่มีความเชื่อและวิถีการกระทำแบบใหม่ๆ เข้ามาแทนที่
... คตินึงสำหรับพี่ก็คือ "การจะคิดเปลี่ยนแปลงโลกในชั่วข้ามวัน บางทีอาจเป็นเรื่องใหญ่และหนักหนาสาหัสเกินกำลังของคนเพียง 1 คน ... ดังนั้นจงปรับตัวเราให้เข้ากับโลก" ... แต่ถ้าวันใดก็ตามที่โอกาสนั้นมาถึง ... ก็จงลงมือทำโดยพลันครับ ... เพราะฉะนั้นหงุดหงิดไปก็เท่านั้นแหละ ขนาดองค์กรแค่เล็กๆ บางทีการจะเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรนั้นยังยากแสนยากเลยครับ
+ เรื่องระบบราชการ ... ต้องขอแสดงความเสียใจด้วย แต่มันก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว (เช่นกัน) ... คงต้องรอจนกว่าใครสักคนที่ "ไบรท์" พอขึ้นมามีอำนาจ และทำการ 'ยกเครื่อง' มันซะทีอ่า
+ เรื่องทหาร ... ในยามบ้านเมืองสงบ อาจดูไม่สำคัญ แต่ในยามสงคราม (ซึ่งเราก็อาจะไม่ได้เห็นในชั่วชีวิตนี้) มันอาจเป็นอีกเรื่องนึงก็ได้นะครับ
+ เรื่องเซ็นเซอร์ เห็นด้วยครับ ... กองเซ็นเซ่อ ที่ทำหน้าที่ในปัจจุบันนี่ต้องถือว่า 'ตกยุค' ไปแล้วล่ะ สมควรอัพเกรดให้คนรุ่นใหม่ (กว่านี้) มาทำหน้าที่แทนได้แล้ว
+ เรื่องสงฆ์ ทุกวันนี้กลายเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ พระจำพวกที่ตี้พูดถึงได้ยึดพื้นที่สื่อ อยู่ใน 'กระแส' และการรับรู้ของสังคม ... แต่ "พระอริยสงฆ์" จริงๆ กลับมีคนเพียงจำนวนน้อยนิดที่ได้เคารพ กราบไหว้และสนทนาธรรมกับท่าน เพื่อเพิ่ม "ปัญญาทางธรรม" ให้แก่ตนเอง ... สังคมมันถึงได้เสื่อมลงๆ อย่างทุกวันนี้ไงครับ
+ เรื่อง 'สิทธิ' พี่กลับมองไม่ค่อยเหมือนตี้นะ (คงเพราะแนวคิดคนละขั้วนั่นแหละ) ... พี่มองว่าทุกวันนี้หลายๆ คนก็เรียกร้อง 'สิทธิของตัวเอง' กันมากเกินขอบเขตไป เพราะสิทธิ์ที่แท้จริงนั้น ถึงจะมีเสรีภาพแต่ก็ต้องไม่กระทบสิทธิของผู้อื่นด้วย ... อย่างกรณีที่ตี้บ่น พี่ไม่เถียงนะ มันอาจจะดูน่ารำคาญ ที่ต้องมาทำอย่างนั้นอย่างนี้ตามกรอบที่มีการกำหนดไว้ ... แต่คงจะมีเด็กอีกจำนวนไม่ใช่น้อยที่ยังไม่มี 'วุฒิภาวะ' เพียงพอในการแยกแยะว่าอะไรเป็นอะไร แยกแยะไม่ออกระหว่างความเหมาะสม-ไม่เหมาะสมของอะไรหลายๆ อย่าง ... ดังนั้นถึงต้องมีกรอบกว้างๆ มาครอบเอาไว้อีกทีไงครับ

+ เอ่อ ... อันนี้ไม่ใช่ 'การสอน' นะครับ (เด๋วจะโดนเจ้าเติ้งแซวอีก ต้องบอกไว้ก่อน) ... ถือว่าเป็นการถกกันด้วยเหตุด้วยผลมากกว่า เห็นแย้งเรื่องใดก็ถกต่อได้นะครับผม

 

โดย: บลูยอชท์ 9 ตุลาคม 2550 14:11:50 น.  

 

นานโนกาย
ผู้ลากยาวเรื่อง ส.ด.8 ไล่ไปจนเครื่องแบบนิสิต
ลากมาเรื่องชุดเหลือง
และวกมาสันดานกา

โอวววว

ไกลมาก

ปล. สถาบัน "นั้น"........หมายความว่าอะไรนะ
เหมือนที่เราคิดรึเปล่าเนี่ย

ปลล. ตอนนี้เราถูกล้างสมองเต็มที่กับเรื่องเครื่องแบบแล้วละ

ได้ข่าวมาว่าภาคใต้ ใส่เสื้อกาวน์เดินไปมาแล้วจะปลอดภัยจากการโดนระเบิด(ข้อดีข้อนึง ของเครื่องแบบ ต่อชีวิตหมอ)

ถ้าหมอนุ่งกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อกล้ามไปตัดผม
หมอคงโดนระเบิดได้ง่ายกว่าช่างตัดผม

 

โดย: 125 66 IP: 58.9.49.58 9 ตุลาคม 2550 20:19:03 น.  

 

ขออัพอีกที หลังอ่านเม้นจบ
(ขอเม้น 2 รอบ จะได้แยกชัดว่าอันนี้เม้นบลอคแก อันนี้เม้นเม้นแก)

เรา อย่างที่บอกไปแล้วว่าอนุรักษ์นิยม

ก็เห็นด้วยกับเครื่องแบบ
เพราะขอพูดตามตรง

เด็กไทยสมัยนี้ ส่วนมากของประเทศ
ยังคิดอะไรไม่ได้แบบนี้หรอก

ต้องกำหนดกรอบเอาไว้ เพื่อความปลอดภัย
(ออกแนวเรื่องเซนเซอร์เรย)

จะปล่อยเด็กแรดแต่เด็ก มันจะเลวร้ายใหญ่
ขนาดไม่ให้แรด ยังเลวร้ายขนาดนี้เลย

แกเอ๊ยยยย มาดู รร.แถวยบ้านเราสิ
นร.ญ. มาเรียน แต่งหน้ายังกะเพิ่งกลับจากงานกลางคืน

 

โดย: 125 66 IP: 58.9.49.58 9 ตุลาคม 2550 20:32:24 น.  

 

แต่เราชอบชุดนิสิตอ๊าาาาาา

แต่เกลียดชุดนักเรียนม ต้น ได้ป่ะ??

 

โดย: >>..JoY~*..<< IP: 58.8.252.16 9 ตุลาคม 2550 23:53:57 น.  

 

รู้สึกอ่านบล็อคเรื่องนี้ของตี้แล้ว
เหมือนเรียนอารยธรรมไทยกับอาจารย์บุญส่งอยู่เลยอ่ะ จริงๆนะ

 

โดย: ดอกส้ม IP: 124.120.73.93 10 ตุลาคม 2550 0:24:52 น.  

 

โนคอนเม้นท์ว่ะ แต่ประเด็นเรื่องเครื่องแบบ เราเคยยกมาถกกับแม่หลายทีแล้ว มันแล้วแต่ว่าจะมองจากมุมไหนมากกว่า


ลองมองในประเด็นที่ว่าเครื่องแบบหรือกฎระเบียบมีไว้เพื่อฝึกให้คนอยู่ในสังคมที่มีระเบียบที่ขัดกับความต้องการโดยทั่วไปของคน เพราะการอยู่ในสังคมใหญ่ แน่นอนว่ามันต้องมีเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ แม้ว่าอยากจะทำมากๆก็เถอะ

แล้วแกลองคิดดู หากว่าไม่มีกฎระเบียบเรื่องเครื่องแต่งกายออกมา อาจจะเกิดช่องว่างทางสังคมมากขึ้นอีกก็ได้ ลองดูคนรอบตัวก็ได้แก คนที่มีฐานะ จะแต่งตัวมากกว่าคนที่ฐานะไม่ค่อยดีเสียส่วนใหญ่ ดูรุ่นน้องบางคนสิแกขนาดมีเครื่องแบบให้ใส่ยังคงข่มกันด้วยเครื่องสำอางค์ บางคนใช้red earthตั้งแต่ม.สี่ ในขณะที่บางคนยังใช้แป้งเด็กอยู่เลย

นั่นแหละ ...หากมันมีเครื่องแบบ แล้วทุกคนแต่งตามเครื่องแบบ มันก็จะไม่มีการแบ่งแยก ทุคนก็เหมือนกันหมด เสื้อนกเรียน โบว์ดำ นาฬิกาดำ หูก็เจาะเท่ากันทุกรู

แล้วมันก็มาถึงคำภามว่า จะเหมือนกนไปเพื่ออะไร??

บางคนมองว่าเพื่อไม่ใหเด็กเกิดความฟุ้งซ่านทางจิตใจ เพราะเมื่อเหมือนกันหมด ก็ไม่ต้องไปสรรหาของมาแข่งขันกัน เด็กก็จะมีสมาธิกับการเรียน


.....ซึ่งโดยส่วนตัว เราว่ามันขึ้นอยู่กับวุฒิภาวะทางสมองของแต่ละคนว่ะ อย่างที่แกว่า บางคนที่แต่งตัวก็มีสมองงมากกว่าคนอรกหลายคนที่ทำตัวในระเบียบ



....ระบบแบบนี้มันก็ยังคงจะเป็นต่อไปแหละ จนกว่าจะมีใครซักคนกล้าลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยน อย่างตอน2475 ละมัง

p.s.แต่เราชอบแบบไม่มีการบังคับอย่างที่มหาลัยเรามากกว่าว่ะ ใครพอใจจะใส่เครื่องแบบก็ได้ ไม่ใส่ก็ได้ ...อิอิ

 

โดย: ตาล ณ เสือเหลือง IP: 125.25.68.183 10 ตุลาคม 2550 5:45:34 น.  

 

สวัสดีตอนเช้าครับ

เมื่อกี้ที่ไปโพสที่บล๊อกผม สงสัยจะติดคำที่แบนไว้ พอดีมีคนมาว่าคุณแอน ทองฯว่าตอแหล ผมเลยต้องแบนคำนี้ไว้ 555

เอาเป็นว่าถ้าผมดูสุดเสน่หาแล้วชอบ ไม่เบื่อเหมือนคนอื่น ผมจะเบื่อเรื่องwitnessesหรือเปล่าครับ

เอ้อ...เมื่อคืนผมหยิบ Before Night Fallมาดู พอดีว่าซื้อไว้นานแล้วแต่ไม่มีโอกาสดู ผมว่าก็โอเคนะ ดูการแสดงล้วนๆเลย ผมชอบOlivier Martinezป็นทุนเดิม เลยค่อนข้างชอบ บทส่งมาก บทคล้ายๆกับหนังจีนเรื่องหนึ่งที่ตัวเอกพยายามเดินทางไปหาคนที่เคยฆ่าพ่อแม่เธอ เพื่อให้คนเหล่านั้นพูดคำว่า"ขอโทษ"

หนังแบบนี้ผมโคตรชอบเลย พวกตามหาความเป็นธรรมเนี่ย 555
_________________________________
ขอกดส่งข้อความก่อน เผื่อคอมแฮ้งค์ ข้อความหาย เดี๋ยวมาแชร์ความคิดเรื่องเครื่องแบบนะ ขอเวลาอ่านหน่อยครับ

 

โดย: yibby 10 ตุลาคม 2550 8:46:26 น.  

 

ก่อนอ่านบล็อกนี้ พี่ถึงขั้นทำใจว่า"ตูจะปวดหัวไหมเนี่ย?" เพราะช่วงนี้พี่เครียดมากๆ ครับ

แต่พออ่านจริงๆ กลับเป็นเรื่องขำๆ ซะงั้น (ที่โดนเข้ากับตัวเองบ่อยเหมือนกัน)
ขอแจงความคิดเห็นเป็นข้อๆ แบบขำๆ ดังนี้ครับ

- เรื่องชุดนักเรียน พี่ไม่เคยยัดเลยครับ ตอนอยู่ม.ปลาย ถ้าอยู่กับเพื่อนๆ นะ....ด้วยเหตุนี้หลายคนที่เคยรู้จักพี่ตอนม.ต้น กลับมองว่าพี่เป็นเด็กใจแตกตอนม.ปลายซะงั้น??? เกี่ยวอะไรกับการไม่ยัดเสื้อแล้วขี่มอไซด์ซ้อนสามด้วยวะ ฮ่วย!!! - - - อย่างน้อยตูก็เอ็นติดล่ะว้า หึๆ

- พี่ชอบใส่เสื้อดำ(เพราะพี่ชอบสีดำ) แล้วก็ใส่เกือบทุกวันนะ ไม่สังเกตหรอกว่าวันนั้นมันเป็นวันอะไร เคยมีครั้งใส่วันจันทร์ก็รู้นะว่าวันอะไร ไปเดินขึ้นรถเมล์หน้าปากซอยตอนเย็นๆ คนเดินสวนมามีแต่เสื้อเหลือง มองหน้าพี่ตั้งหัวจรดเท้าทีเดียวเชียว.... สงสัยพี่จะดูหล่อเป็นพิเศษก็วันจันทร์ล่ะมั๊ง แต่เหตุการณ์นี้มันเกิดมานานแล้วนะ สมัยที่เสื้อเหลืองกำลังอินเทรนด์... แต่เดี๋ยวนี้พี่ใส่อะไรเขาก็ไม่มองแล้วล่ะ

- พระเล่นเครื่องบินบังคับนะครับ ไม่ได้เล่นจานร่อน แต่พี่ดูแล้วหนังมันก็ไม่ได้ลบหลู่อ่ะไร ออกจะเป้นฉากออกฝันๆ มากกว่า

- เรื่องภาพศิลปะที่เป็นข่าว พี่ก็ไม่ชอบหรอกที่พระออกมาประท้วงอะไรบ้าบอ เพราะมันแค่สะท้อนมุมมองของพระที่ไม่ดี...
แต่ครับแต่..... เรื่องหมา นี่พี่เห็นพระบอกว่ามันเป็นสัตว์ที่คนอิสลามเขาไม่ชอบกัน (อันนี้ต้องรอน้อง yibby มาช่วยยืนยัน) แล้วตัวคนที่มีรูปร่างเป็นคนส่วนหัวเป็นหมา เป็นสัญลักษณ์ของปีศาจในศาสนาอิสลาม(อันนี้พี่ก็ฟังมาจากพระอีกที) พี่ว่าที่กำลังเป็นเรื่องกันอยู่ทุกวันนี้ เพราะเป็นมายาอคติทางศาสนาล้วนๆ ครับ ตั้งแต่ตัวผู้นำคมช.ที่คนละขั้วศาสนาด้วยแล้ว ยิ่งทำให้พระกลุ่มนั้นคิดมากไปกันใหญ่ เห็นข่าวแล้วก็ได้แต่ปลง.... ว่าพระนี่ควรคิดมากด้วยเหรอ ไม่ผิดศีลหรือไงวะ!

- ส่วนเรื่อง"ทหาร" คุณฟ้าดินได้พูดไว้นั่นถูกต้องแล้วครับ มันเป็นแบบนี้ทุกประเทศแหล่ะน้องเอ๊ย.....

 

โดย: คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก 10 ตุลาคม 2550 9:54:35 น.  

 

มาแล้ว เชื่อมั้ยว่าเมื่อกี้นั่งเขียนนานมากๆ พอจะกดส่ง ไฟดับ โทรศัพท์บ้านมันเป็นแบบเข้าบล๊อก(เบอร์เดียวใช้หลายเคื่รื่อง)เลยดับไปด้วย ให้มันได้แบบนี้สิ

ขอตอบพี่คำห้วนเรื่องหมาก่อนนะครับ
...เป็นความรู้ที่มีที่เคยอ่านหนังสือนะครับ อาจจะไม่เป๊ะเหมือนคนที่รู้ที่ท่องตำรา...

คือเรื่องหมาๆเนี่ยนะครับ ทางศาสนาอิสลามถือว่าเป็นสัตว์สกปรก อาจจะเห็นว่าอิสลามชอบเลี้ยงแมว แล้วบางคนอาจจะคิดว่าแมวกับหมาก็เหมือนกันน่ะแหละ แต่ความจริงแล้วไหมือนเลยครับ

ลองนึกถึงการเป็นอยู่ การกิน และการดำรงชีวิตของมันดูนะครับ อธิบายให้เห็นภาพง่ายๆก็คือ หมามันกินทุกอย่าง ของสกปรกก็กิน อุนจิก็กิน แต่ถ้าเป็นแมว แมวจะไม่กินของเน่าครับ ถึงแม้มันจะจับหนูกิน แต่มันก็เป็นหนูสด การกินของเน่ากับของสด ผลที่ออกมามันก็ต่างกันแล้วครับ

อิสลามไม่ได้กลัวหมาครับ แต่แค่ไม่อยากถูกหรือใกล้มัน เพาะถ้าโดนหรือสัมผัสน้ำลายหรือส่วนที่เปียกของมัน จะต้องมีขั้นตอนการชำระล้าง ซึ่งจะวุ่นวายหากไปโดยในที่ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการล้าง

แต่ก็มีอิสลามบางนิกายเลี้ยงนะครับ จะเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน ไม่ได้เลี้ยงไว้เล่นด้วย

ส่วนเรื่องคนที่มีหัวเป็นหมา เพราะเชื่อว่าโดนสาป ตามศาสานาอิสลามแล้วไม่มีเรื่องนี้แน่นอนครับ ที่พูดกันไปอาจเป็นเพราะความคลาดเคลื่อนทางด้านข้อมูล พอคนพูดหรือลือกันมากๆ ก็นึกว่าเรื่องจริง และก็ทึกทักเอาครับ

สำหรับผมนะ เรื่องพระเนี่ย ผมเฉยๆเลย สมันนี้มันมีดีมีชั่วทุกวงการจริงๆ ทุกศาสนาด้วย ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นพุทธ คริสต์ อิสลาม หรืออะไรก็ตาม

ผมก็เสียใจ เวลาเห็นเหตุการณ์ภาคใต้ เพราะทุกชีวิตไม่ว่าจะใครก็ตามก็มีค่าทั้งนั้น คนที่ฆ่าคนอื่น ผมก็ไม่นับว่าพวกมันมีศาสนาหรอกครับ ถึงมันจะบอกว่ามันเป็นพุทธ เป็นอิสลาม แต่ถ้ามันฆ่าคน มันไม่เหลือความเป็นคนแล้วครับ ก็เหมือนสัตว์ที่ไม่มีศาสนา

ผมเดินคลองถม เจอพระซื้อหนังโป๊ ผมก็เซ็งแทนนะ รู้สึกว่ามันจะถอดผ้าเหลืองออกก่อนไม่ได้เลยเหรอ มันน่าสมเพชมากจริงๆ ผมก็ไม่เคยคิดนะว่าพวกนี้มันเป็นพระ จะมองว่ามันไม่ใช่คนน่ะ

กรณีเรื่องภาพวาด ถ้าถามผมว่ามันละเอียดอ่อนมั้ย มันแน่นอนเลยครับ ศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

แต่ที่เห็นการเคลื่อนไหวของพระบางจำพวก ผมว่ามันตลก คือมันไม่ใช่กิจของสงฆ์เลย จะมายุ่งทางโลกอีกทำไม ไม่ใช่เรื่องแท้ๆ

ผมว่าการcombinationของศาสนาในไทยยังไม่ดีพอ ยังมีการแบ่งกันอยู่ ไม่เคารพซึ่งกันและกัน แถมมีพวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำเพิ่มมาอีก เป็นพวกบ่างช่างยุ ยุให้คนตีกัน ประเทศมันถึงได้เจริญลงอย่างทุกวันนี้

...เดี๋ยวมาต่อนะครับ ต้องกดส่งก่อน เดี๋ยวหายอีก...

 

โดย: yibby 10 ตุลาคม 2550 12:00:06 น.  

 

ลืมเลยว่าจะเขียนอะไร มึนๆ ไว้มาต่อละกัน ขอตัวก่อนเน้อ

 

โดย: yibby 10 ตุลาคม 2550 12:11:15 น.  

 

เราทุกคนกลายเป็นเหยื่อครับ.... น้องอั๊ต....

เหยื่อของอะไรก็ไม่รู้
ที่ทำให้คนไทยแตกแยกกันอยู่นั่นล่ะ.....

 

โดย: คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก 10 ตุลาคม 2550 12:56:50 น.  

 

ตอบรวมๆนะคร้าบ

ทุกคนที่ไม่เห็นด้วยเรื่องเครื่องแบบก็ว่ากันไปเน่อ เราไม่มีปฏิบัติการด่ากราดคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรา แต่ไม่ได้หยาบคายกับเราก่อน โฮะๆๆ



ตอบพี่เติ้งกับพี่อั๊ต

ทุกอย่างที่ผมเขียนไปและกำลังถกกันอยู่นี้ชวนให้นึกถึงประโยคเปิดเรื่องของ Apocalypto เลยครับ

"ไม่มีอารยธรรมใดจะเสื่อมสลาย หากมันไม่เน่าเฟะเละฉิบหายออกมาจากภายในของมันเอง" (แปลเอง 55+)

คาดว่าตอนนี้ศาสนาแต่ละศาสนาก้กำลังค่อยๆเน่าเฟะออกมาจากภายในอยู๋อย่างช้าๆ คนจะเริ่มปฏิเสธคำว่าศาสนาไปเรื่อยๆ เพราะมันเริ่มไม่น่าศรัทธาอีกต่อไป มันไม่ใช่เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนอย่างบริสุทธิ์อีกต่อไปแล้วครับ มันจะเริ่มกลายเป็นเครื่องมือให้คนเอามาสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองไปทุกทีๆ ไม่ต่างกับ "กำแพงวัง" เลยสักนิด (และคาดว่ากำแพงวังเองก็คงผุกร่อน พังทลายลงในไม่ช้า หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป)

ผมเห็นด้วยมากๆ ที่พี่อั๊ตว่ามาเรื่องศาสนา ประเทศไทยชอบอ้างตัวเองว่าเป็นเมืองหลวงศาสนาพุทธของโลก แล้วก็ชอบอ้างว่าศาสนาพุทธมีความเป็นธรรม ไม่เบียดเบียนศาสนาอื่น (และตำราก็จะอ้างถึงการทำลายศาสนสถาน ทำลายวัด ของอิสลามในช่วงที่เติบโตแถวอินโดมาเลย์ แล้วก็การแบ่งชั้นวรรณะของฮินดู) แต่เอาเข้าจริงแล้ว พวกคนที่อ้างว่าไม่เบียดเบียน โดยเอาศาสนาพุทธมาเป็นข้ออ้างนี้ เป็นพวกที่ discriminate ศาสนาอื่นได้อย่างไม่อายฟ้าดินเลยครับ ยิ่งโดยเฉพาะช่วงที่เกรียนพวกนั้นออกมาเรียกร้องให้บรรจุศาสนาพุทธในรัฐธรรมนูญ(โดยมีธรรมกายเป็นกองทุนหลัก) พวกนั้นก็อาศัยอ้างทันทีที่ใน สสร.ฝ่ายศาสนาหรือไงเนี่ย มีอิสลามถึง 8 คน แล้วก็การที่สนธิบังดันเป็นอิสลาม ตั้งมายาคติเลยว่า "ศาสนาอิสลามกำลังพยายามตั้งตัวเองเป็นศาสนาประจำชาติ"

ทั้งมายาคติดั้งเดิมว่า คนไทยต้องเป็นพุทธ + คนพุทธไม่เบียดเบียนใคร ศาสนาพุทธดีที่สุดในจักรวาล + มายาคติเกี่ยวกับอิสลามหลังเหตุการณ์ 11 กันยา และภาคใต้ กลับทำให้การที่คนพุทธรวมถึงผู้ที่อ้างตัวเป็นนักบวชออกมา discriminate ศาสนาอื่นอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้ ทั้งการเดินขบวนและในเว็บบอร์ดที่โลกแคบกันอย่างเหลือเชื่อ (ไม่เชื่อไปห้องศาสนาสิ แล้วคุณจะอึ้ง)

ผมเคยคุยกับเพื่อนว่ามีพระที่ไปสอนพระพุทธศาสนาตามโรงเรียน (คาดว่าเกือบทุกโรงเรียนต้องมี) บางรูปก็ทำตัวไม่สมกับเป็นพระ หากแต่เป็นเกรียน มีเกรียนตัวหนึ่งไปสอนเพื่อนผมสมัยเด็ก แล้วก็สอนพระพุทธศาสนาด้วยการเอาเรื่องพระเยซูมาล้อเล่น ด่าว่าโง่ ยอมให้เค้าหลอก ยอมให้เค้าเอาตะปูมาตอกมือ สู้พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ บลาๆๆๆ

ฟังเพื่อนเล่าแล้วผมก็ตลกนะพี่ คือศาสดาคนอื่นด่าได้ด่าไป แต่ศาสดาตัวเองแตะไม่ได้... และไม่พยายามจะเข้าใจศาสนาอื่นด้วย

เขียนมาถึงตรงนี้นึกถึงมายาคติได้อีกอย่าง คือศาสนาคริสต์เป็นเครื่องมือในการล่าอาณานิคม ตั้งแต่สมัยเมื่อชาติที่แล้วน่ะครับ คนเลยมักจะมองว่าการเผยแผ่ศาสนาอื่นจะกลายเป็นการกลืนชาติไทย (ที่ยังไงก็ต้องเป็นพุทธเท่านั้น ใครคิดไว้ก็ไม่รู้น่ะ หึหึ)

เอาแค่ในโรงเรียน พระพุทธศาสนายังเป็นวิชาบังคับเลย เรียนกันจนจะกลายเป็นอรหันต์อยู่แล้ว ถามว่าเราซึมซับหลักธรรมมากแค่ไหนกัน จากการมาบังคับให้คนทุกศาสนาเรียนศาสนาพุทธ ราวกับหวังว่าเขาจะบรรลุในธรรมแล้วเปลี่ยนศาสนามาอย่างที่พวกแก่ๆส่วนกลางอยากให้เป็นน่ะ



ส่วนเรื่องที่มีคนคิดว่าอิสลามทำผิดจะถูกสาปให้หัวเป็นหมานั้น ผมเดาว่ามัน mix กันมั่วจากพวกภาพประติมากรรมฝาผนังของอียิปต์หรือเปล่าครับ?



เรื่องภาคใต้ ผมเองก็ sick มากกับความคิดของคนบางกลุ่มที่ออกมาแสดงความสะใจในกรณีตากใบหรือกรือเซะ ว่าตายๆไปซะได้ก็ดีมุสลิมสวะพวกนี้ (ทำนองนั้น) เพราะคนพวกนี้โดนมายาคติแบ่งแยกทางศาสนาของพวกกระแสหลักทางสังคมบางกลุ่มไปเสียแล้ว กลายเป็นว่ามุสลิมต้องผิดทุกอย่าง และสมควรที่จะตายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรมใดๆ

ทั้งที่เอาเข้าจริงๆแล้ว นี่เป็นเรื่องของศาสนาจริงหรือไม่ เพราะถึงแม้คนพุทธจะตายเอาๆ แต่อิสลามในพื้นที่ก็ตายเหมือนกัน ถ้าเป็นสงครามศาสนา มันจะฆ่าพวกเดียวกันเองเพื่ออะไร ทำไมถึงละเลยความจริงข้อนี้ ราวกับต้องการผลักความชิบหายทั้งหมดให้ศาสนาอิสลามเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งที่ศาสนานี้รับมาทุกอย่างหลัง 11 กันยายน 2544

 

โดย: nanoguy 10 ตุลาคม 2550 14:07:07 น.  

 

บล็อกนี้มีสาระ จริงๆ เเฮะ
จะให้มาไรสาระ ก็ยังงัยอยุ่อะนะ
เห็นมีเพื่อนๆ บอกมาว่า บล็อกนี้มีดี
ก็ไม่รอช้า เลยรีบคลิกเข้าทันที

ว่าแล้วก็ไม่เสียหลายเลยกับการที่เจอบล็อกนี้
อิอิ......แต่ผมมันคนไรสาระ น่ะ

 

โดย: haro_haro 10 ตุลาคม 2550 14:17:07 น.  

 

เออ หวัดดี ถ้าวันนั้นไม่มีเราไป มืงคงเซ็ง นอยกลับบ้านตั้งต้นล่ะ เราบอกล่ะ ว่าอย่าเพิ่งหงุดหงิด ใช้อารมณ์
มันจะแก้ปัญหาไม่ถูก (ถ้าวันนั้นไม่มีเรา เดาว่ามืงก็คงกลับบ้านไปล่ะซินะ555)

พูดถึงเรื่องผ้าใบให้เช่า กะเครื่องเจีย ไว้ขัดหัวเข็มขัด
เราว่าแม่งโครตกำไรอะ

เรื่องระบบราชการก็นะ กูก็เคยคิดนานละ ทำไมมันไม่ใช้ระบบ online คีย์ข้อมูลลงดิจิตอลวะ
พูดไปที่ว่ามันกลัวระบบล่ม server พัง hdd เจ๊ง คน hack กุว่า ถ้าไฟไหม้คลังทะเบียน มันก็ไม่เหลือแหล่ะว้า แค่กระดาษแผ่นเดียว ต้องเดินทางไปทางกรุงเทพ - อุดร กรุงเทพ - อุดร - -“
เปลืองทรัพยากรองค์กร ทรัพยากรคน เวลา ทั้งพนักงานเดินเอกสาร การใช้เครื่องพิมพ์ดีด มีลายเซ็น = =’
อย่างที่ว่าแหล่ะ องค์กรทหารปฏิรูประบบราชการได้ช้าที่สุด จนแท่บจะไม่เกิดอะไรเลย
เพราะทหารมันไม่ยอมเปลี่ยน ธรรมชาติของคนแหล่ะ ที่ยังยึดติดกับความเคยชิน
เป็นพวกขวา อนุรักษ์นิยม

เรื่องเครื่องแบบเราว่าไม่จำเป็นก็จริง แต่บางสังคมก็ยังจำเป็นนะ เหมือนกับการฝึกกฎระเบียบการเข้าสังคมแหล่ะ
เอาไรมาก เสื้อนักเรียนซื้อมา มันก็ยังได้ใช้ กางเกงนักเรียน เรายังเอามาใส่อยู่เลย - -
เราคงต้องปฏิเสธไม่ได้ว่ามนุษย์เมื่ออยู่รวมกันเป็นสังคม มันก็ต้องเลี่ยงกฎระเบียบไม่ได้ ใช่ปะ?
เครื่องแบบนักเรียน เราว่ามันก็มีไว้เพือ่ความเรียบร้อย การควบคุมประพฤติเยาวชนอีกทาง (ด้วยระบบทหาร)
เราว่าเรื่องบางเรื่องมันมีที่มาที่ไปอย่างมีเหตุผล แต่คนที่เอามาใช้ มาใช้บังคับอย่างไม่เข้าใจเจตนาของจุดประสงค์แรกเริ่ม
เครื่องแบบที่ว่าราคาแพง มันก็สืบเนื่องมาจากระบบทุนนิยมแหล่ะ สินค้ามันขายได้เรื่อยๆ ดีมานเยอะ มันก็แพง
พ่อค้าแม่ค้าก็โขกสับเอาๆ เรื่องนี้ รบต้องเข้ามาช่วยหว่ะ แต่จะว่าไปเราซื้อเสื้อนิสิตตัวละ ร้อยสี่เองนะ - -
ส่วนเรื่องหลังออกจาก โรงเรียน สถานที่ราชการ ต้องแต่งกายให้ถูกระเบียบเรียบร้อยตลอดเวลา อันนี้เราว่าเกินไปอ่ะ เรื่องเครื่องแบบพระราชทาน อันนี้เราก็ว่าเกินไป มันก็แค่ผ้าธรรมดา เราเสียตังซื้อมาเอง แล้วจะได้พระราชทานมาจากใครฟะ??

เรื่องภาพลักษณ์องค์กร มันก็เหมือนกะที่แกพยายามรักษาภาพลักษณ์ตัวเองน่ะแหล่ะ
เพียงแต่ว่าพวกนี้มันเอาตัวเอง หรือเสียงข้างมากมาอ้างความชอบธรรม กำหนดเป็นบรรทัดฐานสังคม
เรื่องพระสันดานกานั่นเห็นด้วยอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์เลยแหล่ะ คนเราพยายามมองตัดสินสังคม จากมุมมองของตัวเองที่ควรเป็น คิดว่าการทำดีคือการทำสิ่งที่คิดว่าดี โดยไม่ได้คำนึงถึงว่าสิ่งที่ตนกำลังทำอาจเป็นสิ่งที่ผิดก็ได้
รูปพระสันดานกา เราว่า ถ้าจะแบนจริง แน่จริงก็ต้องไล่แบนพวกโฆษณาพระเครื่อง ไล่ลบพระเขียนตามอุโบสถ ที่เป็นฉากวรรณคดี มีฉากร่วมสังวาสกัน หึหึ

เรื่องสงฆ์พวกนี้ ความหมายบาลีจะรู้สักกี่คำกันเชียว เบื่อเหมือนกัน หวังดี อยากให้ประเทศเราเป็นเหมือนฑิเบต
แล้วอ้างสนับสนุน ปชต เหอๆ

บางครั้งการกระทำกับวาจาคนเรามักสวนทางกันเสมอ ว่ามะ nanoguy

เอ่อ ว่าแต่เครื่องแบบ ร.ร.มืง กุไม่เห็นมันจะประจานว่าชื่อไร ร.ร.ไรเลยหนิหว่า เสื้อเชิ้ตขาวโพลน กร้ากๆ

ป.ล โยงเรื่องเก่งดีแหะ

 

โดย: S e m a k u t e k ! IP: 124.120.93.39 10 ตุลาคม 2550 14:51:07 น.  

 

รีบๆพิมพ์ ลืมจัดฟร้อนหว่ะ

ช่างมันเหอะ

 

โดย: S e m a k u t e k ! IP: 124.120.93.39 10 ตุลาคม 2550 14:57:06 น.  

 



ใช่เลย เรื่องที่คนกำลังใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือบ่อนทำลายกันเอง คนไม่ได้นับถือเพื่อเป็นที่พึ่งอีกต่อไปแล้ว มีทุกศาสนา ไม่ใช่เฉพาะพุทธ

อิสลามก็มี ชัดๆก็สองนิกายที่ทะเลาะเพราะหลักการปฏิบัติไม่ตรงกัน มีต่างกันบ้างในบางจุด ชีอะห์กับซุนหนี่ถึงตีกันตายอู่ทุกวันนี้

โดยลืมไปว่าเรานับถือศาสนาเพื่ออะไร...

โดยมุมมองพี่ต่อศาสนาพุทธ พี่ว่าศีลที่กำหนดมามันหลวมและแน่นไปหรือเปล่า มันเหมือนหาจุดพอดียังไม่ได้ ยกตัวอย่างศีลห้า การไม่ประพฤติผิดในกาม(ข้อไหนก็ไม่รู้) และการไม่ฆ่าสัตว์(ข้อไหนก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ)

คนเรา โดยลักษณะนิสัยของมนุษย์ เราชอบแหกกฎ พอบอกว่าห้ามประพฤติผิดในกาม กลับไปตีความว่าห้ามมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีสามีหรือภรรยาแล้ว แต่ถ้าหากว่าเขา/เธอ ยังไม่มีภรรยา/สามี ก็ไม่เป็นการเข้าข่ายทำผิดศีล เพราะเราไม่ได้ไปมีsexกับคนที่มีพันธะ

เพราะแบบนี้หรือเปล่า ชายหญิงถึงมีsexกันเป็นว่าเล่น เปลี่ยนคู่นอนกันตลอด

ส่วนเรื่องห้ามฆ่าสัตว์ พี่ว่าบางทีก็เกินไป ห้ามฆ่ามันทุกชนิดที่เป็นสัตว์ ขนาดสัตว์ที่จะนำมาเป็นอาหารก็ห้ามฆ่า

คือบางทีพี่ก็งง เพราะตอนนี้เพื่อนสนิทแต่ไม่ใช่แฟน เธอก็เป็นพุทธ พี่ก็ถามนะว่าทำไมศีลมันถูกกำหนดมาแปลกๆ บางข้อก็หย่อนไป บางข้อก็ตึงเกิน พอมันไม่พอดี มันก็ทำไม่ได้


อย่างที่พี่ตั้งข้อสงสัยไป ถ้าพี่คุยกับคนที่ไม่มีสติ ก็จะหาว่าพี่ไปว่าศาสนาเขา ทั้งๆที่ความจริงคือสงสัยไง พี่อยากเรียนรู้ว่าคนอื่นเป็นยังไง เขามีหลักการปฏิบัติยังไง

บางทีพอรู้ แล้วเราเห็นข้อดีของแต่ละศาสนา เรานำมาใช้ โดยที่เรายังมีแก่นของศาสนาเดิมที่เรายังนับถืออยู่(ไม่ใช่เปลี่ยน แต่เลือกสิ่งที่ดี และไม่ขัดกับศาสนาเรามาใช้น่ะ) พี่ว่ามันน่าจะเกิดประโยชน์มากเลย

พอเราเรียนรู้กันและกัน ยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น ไม่ใช่ว่ากูต้องชนะ มึงต้องแพ้ (ก็เพราะไอ้แบบนี้แหละ มันถึงแพ้กันตลอด ไม่มีวันชนะหรอก) พี่ว่ามันคงดี แต่คงได้แต่ฝันล่ะครับ


เรื่องภาคใต้(คุยอีกสักที) พี่ว่าถ้าเรามอง อย่างที่บอกไป ว่าไอ้พวกโจรมันไม่มีศาสนาหรอก (เพราะฆ่าคนเนี่ยใจมันไม่ใช่คนแล้ว) ปัญหามันน่าจะแก้ง่าย แต่กลับกลายเป็นว่า พอมีข่าวโจรใต้ ก็ต้องกลายเป็นมุสลิมที่เป็นฝ่ายกระทำทุกที พอคนมันโดนกดดันมากๆ มันก็ตอบโต้กันไปมา แค้นกันไปมา พาลมาเกลียดชังกัน

ก็เป็นแบบนี้แหละ ตอนนี้มันเกินเยียวยาแล้ว ยากมากที่จะแก้ไข แค่ปัญหากันเองก็มากพอ มีพวกเติมถ่านลงไปอีก ไฟมันก็ยิ่งลุก

พี่พูดกับที่บ้านประจำเวลาที่เห็นข่าว ว่าไอ้พวกบินลาเดน อัลกออิดะห์ มันไม่ใช่มุสลิม มันเป็นแค่สัตว์ที่มาอาศัยศาสนาปกป้องตัวมันเองมากกว่า ว่ามันทำถูกทำเพื่อพระเจ้า



เรื่องคนที่มีหัวเป็นหมา พี่เคยดูรายการๆนึง เขาพาไปดูต้นกำเนิด ซึ่งความจริงมันเป็นแค่งานศิลปะของผู้หญิงชาวออสซี่คนหนึ่ง แต่มีคนมาถ่ายรูปไป และไปทึกทักกันเองว่ามาจากนั้นจากนี้ เป็นทั้งการผิดพลาดและการจงใจผิดทางการสื่อสารมากกว่าน่ะครับ

ขอยืมคำหน่อยนะครับ ชอบจังเลย โดนดี
"ไม่มีอารยธรรมใดจะเสื่อมสลาย หากมันไม่เน่าเฟะเละฉิบหายออกมาจากภายในของมันเอง"

 

โดย: yibby 10 ตุลาคม 2550 15:15:49 น.  

 

พี่นาโนตรงไปตรงมาดี

เรื่องเครื่องแบบ ต้องมองมาตั้งแต่ "การปลูกฝังและการคิด" เป็นนักเรียนเข้าโรงเรียน ตั้งแต่อนุบาลจนถึงม.6 ทุกสถาบันสอนให้รักในชุดที่สวม

มัธยมมาเรียนโรงเรียนชื่อพระราชทาน ยิ่งสอนให้เรารักศักด์ศรี คนที่อีโก้จัดจะคิดว่าข้าแน่แล้ว มีหลายคนมองคนอื่นต่ำค่าไปเลย

อันนี้หนูว่ามันอยู่ที่ระบบแล้วล่ะ ไม่ใช่ตัวบุคคล

มาอ่านบล็อกครั้งนี้โดนมาก ก็เรื่องนโยบายประชานิยม นี่แหละ เออคนเรามันจะเท่าเทียมกันได้ไง สลดอ่ะ! แถวบ้านก็มีเยอะ พ่อแม่ดิ้นรนเลือดตาแทบกระเด็น กว่าจะหาเงินมาให้ลูก พ่อแปงเป็นครู สอนโรงเรียนบ้านๆมาก
เด็กที่มาเรียนมอมแมมทั้งนั้น พ่อบอกว่าแค่มีรองเท้าใส่มาเรียน มีเสื้อผ้าพอจะใส่มาได้ก็บุญแล้ว

เรื่องการเมืองพม่าโหดร้ายชิบ เซง+อกหัก

ปล. ตัน ส่วย ไรนั่น หน้าเหมือน บลูด็อก เลย

เม้นท์ได้แล้วนะพี่ตี้ โอ้วอยากไปอุดร 55


 

โดย: pangz 10 ตุลาคม 2550 16:39:41 น.  

 

ดู Inconvenient Truth แล้วหลับสนิทเลย
ชอบนะคอนเซปต์มันน่ะ แต่ก็อดบ่นไม่ได้ว่าหนังมันทำออกมาน่าเบื่อเกินไป


ปล. เห็นด้วยกับเม้นท์ของพี่วินนะ คือ...ถึงแม้บางทีเรื่องเครื่องแบบนักเรียนอาจจะเป็นปัญหาสำหรับคนจน แต่ในโรงเรียนที่มีเด็กไฮโซถ้าไม่มีกรอบของชุดนักเรียนมากั้นเอาไว้ ก็คงจะเป็นปัญหาฉิบหายได้จริงๆ ขนาดเดี๋ยวนี้ที่โรงเรียนยังสะพายหลุยส์ วิตตอง Roxy Billabong NorthFace มาอวดกันจะตาย แล้วไหนจะโทรศัพท์มือถืออีก นี่ถ้าให้ใส่ไปรเวตคงยกเซทเป็นหมื่นๆมากันเลยทีเดียวล่ะ

 

โดย: Unravel 10 ตุลาคม 2550 18:23:19 น.  

 

เข้ามาดูอีกรอบ

เอ่ออ เห็นด้วยกับความเห็นคุณ Unravel แหะ


ตอนเราอยู่ ร.ร.มัธยม ร.ร.รัฐแห่งหนึ่งอะ
กระเป๋าประจำ ร.ร.ตูแมร่งเป็นจาคอป กะ ถุงย่าม ร.ร. อ่ะ (ร.ร.เรามีกฎว่า ห้ามใช้กระเป๋าแบบอื่นนอกจากกระเป๋าสะพายของ ร.ร. ถุงย่าม ร.ร. และ"กระเป๋าหนังแบบถือสีดำ และเรียบร้อย")

แล้วแบบ กระเป๋าเชี่ยไร ใบสองพัน
ใช้กันทั้ง ร.ร. แฟชั่นแต่งกระเป๋า ฯลฯ

เวลาเรียนพวกวิชาต่าง แบบวิชาพละ บังคับเรียนแบตมินตัน พวกอะไรที่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ ก็จะขนมาสารพัดแบบยี่ห้อแบรนเนมแพงๆ
มือถือ แมร่งเปลี่ยนกัน 3-4 เครื่องต่อเดือน

เออ แต่ตูจน เห็นปัญหาอ่ะนะ
เราว่าถ้าไม่มีกฎบังคับออกมา ตูว่ามันคงยิ่งกว่านี้อีกหว่ะ


เราว่านะ แป้งทาหน้าเด็กมัธยม แพงกว่าเครื่องแบบนักเรียนอีกม้าง

ถามเพื่อน แป้งฝุ่นโปะหน้า ตลับละ พัน
โอ้ ชิท

 

โดย: S e m a k u t e k ! IP: 124.120.93.39 10 ตุลาคม 2550 21:22:22 น.  

 

พูดถึงเรื่องเครื่องแบบ(ต่อ) เราว่า

คงไม่มีใครมานั่ง fix กฎแบบเข้มงวดหรอก
อีกอย่างของพวกนี้มันรับเอามาจากที่เค้าบริจาค

มาใช้ต่อๆกันได้ หรือแบบพี่ส่งให้น้องใช้ต่ออะ
เสื้อนักเรียนกางเกงนักเรียน นันยางเรายังเอาไปบริจาคต่อเลย

 

โดย: S e m a k u t e k ! IP: 124.120.93.119 10 ตุลาคม 2550 21:29:00 น.  

 

เจ้าต้น และ ไอ้แบงค์

ลืมไป รร.ตูก็บังคับจาค็อบเหมือนกัน กระเป๋าเชี่ยไรแพงชิบหาย แล้วเวลามาเรียนต้องมีกระเป๋าตลอดด้วยนะ หิ้วมาแต่หนังสือกับแฮร์รอดส์ไม่ได้ ไม่รู้เพราะอะไร ทั้งที่ทั้งโรงเรียนมันไม่มีแฮร์รอดส์แท้กันมากมายนักหรอก ของเก๊ทั้งนั้น

ส่วนเรื่องชุดนักเรียนน่ะ ไอ้ไม่มีชื่อแซ่เสื้อขาวนี่แหละตัวดี กูเบื่อ motto เหลือเกินไอ้ประเภท "เห็นข้างหลังก็รู้ว่าเป็นนักเรียนเตรียม" แล้วก็เอากฎต้องแต่งตัวเรียบร้อยถึงบ้านแบบทหารมานั่งบังคับกูเหมือนตอนปอหนึ่ง sick สุดๆ - -*

แล้วช่วยดูด้วย รร.กูตอนมอห้าเรียนกีฬาเป็นเทนนิสว่ะ 555 ไม่มีเงินจริงมาอยู่เตรียมฯ นี่ถึงขั้นชิบหายได้เลย กู้หนี้ยืมสินให้ลูกมาเรียนเทนนิส โอ้ว... เจริญ!!

นี่ขนาดมีเครื่องแบบตีกรอบไว้แล้วนะเนี่ย... เพราะงั้นใส่ไม่ใส่เครื่องแบบมันไม่มีผลต่อการแสดงความไฮโซมากเท่าไหร่แล้วล่ะ

มันขึ้นกับธาตุไฮโซที่พ่อแม่จะแพร่ใส่ลูกมากกว่า... ถ้าบ้านไหนเป็นไฮโซสมถะก็จะไม่อวดอะไรมาก แต่ถ้าบ้านไหนมันเสือกอยากอวดร่ำอวดรวย ก็ว่ากันไป... ซึ่งก็เห็นอยู่แล้วว่าการมีเครื่องแบบไม่ได้ช่วยอะไรเลย 555555

เอาอะไรมากมาย จุฬาฯยังด่าธรรมศาสตร์อยู่ทุกวันว่า "บ้านนอก" (เหตุผลประกอบก็คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับ "สองรัชกาล" ด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งขี้เกียจพูดเดี๋ยวยาวอีก แต่ยังไง 23 ตุลาอิชั้นไม่ไปกราบพระรูปแน่นอนฮ่ะ ขี้เกียจตื่น) แค่ location อยู่ใกล้สยามไม่เท่ากัน

 

โดย: nanoguy 10 ตุลาคม 2550 22:43:49 น.  

 

พี่อั๊ต

เพราะแบบนี้ไงครับผมถึงไม่เชื่อในการนับถือศาสนา

การที่เรามานั่ง define ว่า เฮ้ยกูเป็นพุทธ เป็นคริสต์ เป็นอิสลาม อะไรแบบนี้ ถ้าคนคนนั้นเป็นคนที่คิดไม่เป็น มันจะกลายเป็นการตีกรอบให้เราต้องคิดว่าทุกอย่างที่เรายึดถือคือความถูกต้อง ทั้งที่จริงๆสัจธรรมของโลกคือไม่มีอะไรดีร้อยเปอร์เซนต์

แต่แม้แต่ศาสนาพุทธที่มีหลักกาลามสูตร ก็ยังทำข้อนี้ไม่ได้เต็มที่ เพราะคนนับถือที่ไม่มีหัวคิดบางส่วนมันเชี่ย ชอบ define ว่าอะไรที่ไม่ใช่พุทธก็คือไม่ดีทั้งนั้น ถึงแม้ว่าคริสต์ อิสลาม เขาจะมีพระเจ้า ซึ่งขัดกับศาสนาพุทธ (ยังไม่พูดถึงความน่ากังขาเรื่องเกิดมาแล้วเดินได้เจ็ดก้าวมีดอกบัวรองรับ) แต่สิ่งที่ทุเรศที่สุดคือการพยายามบอกว่าหลักธรรมศาสนาอื่นสู้ศาสนาพุทธไม่ได้... มันคืออะไรกัน??? เพียงเพราะเขามีพระเจ้า เลยไม่รับฟังคำสอนของเขาแล้วเอามาคิดเลยหรือ?

พ่อเพื่อนผมเคยเจอเคส ไปสมัครเข้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง พอเขาเห็นในบัตรประชาชนว่าเป็นคริสต์ เขาก็ไม่เอาทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีทีท่าจะปฏิเสธ... มันคืออะไรกัน???

 

โดย: nanoguy 10 ตุลาคม 2550 23:06:09 น.  

 

เห็นด้วยกับเรื่องเครื่องแบบ
และก็เรื่องสันดานรกานะ

โดยส่วนตัวเกลียดเครื่องแบบมากๆ
((เรียน มธ. สบายไป))
เพราะมันเป็นการขังเอาไว้ในอุปาทานและมายาคติ

โดยเฉพาะนักเรียน นิสิต นักศึกษาเนี่ย
ใส่เครื่องแบบทีเดินเบ่งเชียว
กูเรียนที่....นะ มึงรู้จักป่ะ เนี่ยดูเข็มๆ

อะไรประมาณนั้น

 

โดย: necromancer IP: 58.137.54.35 11 ตุลาคม 2550 0:31:45 น.  

 

ลืมบอกไปว่าผมเกลียดเพลงหนักแผ่นดินมาก
นอกจากชาตินิยมจ๋า
แล้วยังอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง
แต่งมาได้ไง...

 

โดย: necromancer IP: 58.137.54.35 11 ตุลาคม 2550 0:33:38 น.  

 

^
^
โฮะๆๆๆ เพลงนี้จริงๆตอนแรกเค้าเอาไว้ propaganda ต่อต้านสังคมนิยมน่ะครับ
แต่มัน refer สังคมบ้านเราสมัยนี้ได้โอเคทีเดียว หึหึหึ

 

โดย: nanoguy 11 ตุลาคม 2550 0:51:17 น.  

 

โอ๊สต์...บล๊อกสาระอลังการมากๆ ปล่อยออกมาด้วยภาษาทีีรุนแรงได้อารมณ์จริงๆ

เห็นด้วยในบางเรื่องค่ะ (ระบบราชการไทย..อันนี้อ่านละสะใจมาก สาดเอ๊ย โคตรน่ารำคาญเลยให้ดิ้นตาย)

แต่ก็..แอบเถียงๆในใจในบางเรื่อง แหะๆ
เรื่องแบบนี้มันต่างคนต่างมุมมองต่างความคิดน่ะเนอะ

 

โดย: N'sinE IP: 210.75.123.194 11 ตุลาคม 2550 0:53:18 น.  

 

พูดถึงเทนนิส

กุเสียตังซื้อไม้เทนนิสมากอง หว่ะ

ใช้เรียนแค่ 1 เทอม เรียน สัปดาห์ละ 1 วัน

แมร่ง กีฬาคนมีกะตังชัดๆ
ไม้อันละพัน(เป็นอย่างตํ่า)



กุเกลียดเทนนิส
(แมร่งตีพลาดตลอด
) อายน้องๆ เพื่อนชิบ

อ่อ ตอนกุเรียน ม.ต้น
อาจารย์บังคับทำรายงานด้วยการพิมพ์คอม ปริ้นจากคอม (พอดีกุลืมทำรายงาน มารู้อีกทีวันสุดท้าย กุเลยรีบปั่นด้วยมือ 8 โมงปั่นเสร็จ 4 โมง) เอาไปส่ง


อาจารย์ไล่ไปทำใหม่ บอกชั้นไม่อ่านลายมือพวกเธอ ไปทำมาใหม่ พิมพ์คอมมาให้เรียบร้อย !!!!!

กลับมาบ้านต้องมาแย่งคอมกะพี่
โห แมร่งงี้ใครไม่มีคอม ไม่ซวยหรอไงวะ
(ตอนนั้นปี 2544)


เออ กุก็สงสัยหว่ะ ถ้าเด็ก บ้านนอกยากจนมาเรียน ร.ร.รัฐ ในกรุงเทพ ไม่ฉิบหายหรอวะ



อ่อ แต่มืงรู้ปะ ปี 2550 กุเรียน อาจารย์สั่งทำงาน ทำเปเปอร์ อาจารย์มหาลัยกลับสั่งห้ามใช้คอมพิวเตอร์ ให้เขียนด้วยมือหว่ะ 5555+

โหดเหี้-ๆ มีเช็คลายมือด้วยนะเว้ย

 

โดย: S e m a k u t e k ! IP: 124.120.92.81 11 ตุลาคม 2550 8:13:07 น.  

 

แวะเข้ามาตอนเที่ยงๆ

โห...จริงดิ่ ไม่รับคนเข้าพรรคเพราะนับถือศาสนาต่างจากที่เราเป็นอยู่
แย่จังที่ได้ยินเรื่องแบบนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ถ้าถามพี่นะ เรื่องศาสนาน่ะดีมั้ย พี่ก็คงตอบว่าดีแหละ เพราะเอาไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ คนเราเกิดมาบางทีต้องหาสิ่งยึดเหนี่ยว เราจะต้องมีช่วงที่failทุกคน

แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้น ณ ตอนนี้คือ ทุกคนใช้ศาสนาไม่เป็นกัน มันเลยทำให้มัวหมองไปหมด

ทางแก้ง่ายๆแต่ทำยาก คือ เราต้องเคารพกัน(อย่างที่บอกไปน่ะนะ) ไม่ใช่แค่เรื่องศาสนาเรื่องเดียว หากเราเคารพกัน ไม่ล้ำเส้นกัน ทุกเรื่องมันก็จะดีหมด

พี่ชอบคำว่าไม่ล้ำเส้นกันมากๆเลย ดูอย่างการณ์วิจารณ์หนังในห้องเฉลิมไทยสิ บางคนวิจารณ์แบบล้ำเส้น การวิจารณ์หรือพูดถึงผลงาน มันมีทางพูดที่ดี แต่กลับไม่ทำ ไปล้าเส้นในส่วนของคนอื่น

เราเก่งหรือมีดีด้านไหน เราก็อยู่ตรงนั้น ไม่ใช่ว่าพอเห็นอีกคนไม่เก่งเหมือนเรา คิดไม่เหมือนเราก็หาว่าเขาโง่ หาว่าเขาไม่รู้เรื่อง ถ้าลองมองดู คนที่เขากำลังว่า อาจจะเก่งในเรื่องอื่นที่เขาไม่รู้ก็ได้ แต่คนเราชอบที่จะไปเปลี่ยนคนอื่นให้เป็นแบบตัวเองไง
คนสองคนพยายามจะเปลี่ยนอีกฝ่ายให้เป็นเหมือนตัวเอง แค่นี้ก็แย่แล้ว เถยงกันไปเถอะ ไม่จบ ไม่สิ้น แล้วนี่คนทั้งประเทศ ทั้งโลก มันจึงเกิดปัญหา

พี่จะมีเป็นชาร์ตคอยเตือนสติอยู่ที่บ้านเลยนะ
a.นักวิทยาศาสตร์
b.นักคณิตศาสตร์
c.นักภาษาศาสตร์

a.พุทธ
b.คริสต์
c.อิสลาม

มันแน่นอนอยู่แล้ว หากพี่เป็นคนในข้อc. พี่ก็จะไม่มีวันเข้าใจคนในข้ออื่นๆ นอกจากจะเรียนรู้ ไม่ใช่ไปเปลี่ยนให้เขามาเป็นเหมือนพี่
แค่เรื่องแค่นี้ บางคนมันกลับคิดไม่ได้ไง

ที่บ้านพี่ก็เป็น มีคนที่คิดไม่ได้จั้งหลายคน พี่ก็เหนื่อยนะ กับการพยายามอธิบาย แต่ก็คงต้องทำต่อไป 555

ไปแล้ว มาบล๊อกนี้ทีไร นานาทุกที ฮิฮิ
โชคดี มีความสุขด้วยน้าาาา

 

โดย: yibby 11 ตุลาคม 2550 12:32:11 น.  

 

มาเพิ่มคอมเม้นท์

อะคริ อะคริ

 

โดย: pangz 12 ตุลาคม 2550 0:31:17 น.  

 

มันจะยาวเกิ๊นนนนนนนนน เหอๆ

เรื่องศาสนา เมื่อก่อนพี่คิดแบบเจ้าที่นั่นล่ะ

แต่ตอนนี้ ชีวาใกล้มลาย ไม่ได้กลับบาปหรืออะไรหรอกนะ(เพราะพี่ไม่เชื่อเรื่องนรก+สวรรค์)

แต่ถ้ามีอะไรไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจก็ดีเหมือนกัน
อย่างเรื่องการนั่งสมาธิพี่ว่ามันช่วยเราได้หลายอย่าง
หรือการถือศีลอดของอิสลาม มันก็ให้อะไรเยอะเหมือนกัน

ตอนนี้พี่กลายเป็น Multi-religion แล้วมั๊ง เอาส่วนดีๆ ของทุกศาสนามาใช้ละกัน

แต่เห็นด้วยว่ามันต้องมี
แต่คนที่มีมัน ก็มักเอามันไปอ้างในการทำผิดอยู่เรื่อยๆ อย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ล่ะครับ........

 

โดย: คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก 12 ตุลาคม 2550 7:47:12 น.  

 

เรืองเครื่องแบบมีเขียนในบล็อกกูเหมือนกัน แต่เก่าหน่อย

กูก็ไม่ชอบระบบทหารเหมือนกันว่ะ แต่จะว่าไปรด. มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีนะเว่ย กูบอกฝรั่งว่ากูเคยฝึกทหาร แม่งทำหน้าไม่เชื่อทุกคน เพราะกูกล้ามเล็ก

กูว่ายิ่งถ้าไม่มีเครื่องแบบนักเรียน มันยิ่งทำให้การแบ่งชนชั้นในสังคมสูงขึ้นนะ เพราะชุดนักเรียนที่ไหนราคามันก็พอๆกัน แต่ชุดไปรเวทมันมีเรนจ์ราคากว้าง

 

โดย: iaiapprentice IP: 59.141.98.178 12 ตุลาคม 2550 18:55:08 น.  

 

แวะมาลากลับบ้าน(อีกคน)

กลับไปสอบวัดแววความเป็นครูเด้อ

กลับมา

จะเอาของมาเซ่นไหว้น้า

อะครึ อะครึ

 

โดย: pangz 13 ตุลาคม 2550 11:29:11 น.  

 

แวะมาหา คาดว่าจะไม่ได้เล่นเนทอีกหลายวัน(มั้ง) เลยชิงมาหาก่อน
เดี๋ยวกลับจากไปเที่ยวแล้วจะมาอ่านบล๊อกหนังคร้าบบ

เรื่องทหารนะ ไปสมัครเลย ได้อะไรมากกว่าที่คิด(ถ้าได้อะไรแล้วมาบอกกันด้วย พี่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้ายทหารเลย ร.ด.ก็ไม่เรียน ทหารก็ไม่เป็น555)

โชคดี มีความสุขด้วยน้าาา ฝนตกดูแลสุขภาพด้วย อย่าให้ป่วยเหมือนพี่

 

โดย: yibby 13 ตุลาคม 2550 14:44:12 น.  

 

เป็นระบบที่ไม่รู้จะแก้ไขได้อีกกี่ปีแสง แวะมาเยี่ยมบล็อคค่ะ

 

โดย: มารีออง 14 ตุลาคม 2550 0:05:23 น.  

 

โอ้..บ่นยาวเลยท่าน หุๆๆ

ไม่ได้แวะมานานเนาะ คิดถึงง่ะ


มาตอบที่ถามไว้

หมูอ้วนอยู่ปอสามน่ะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 14 ตุลาคม 2550 11:31:49 น.  

 

เครียดเลย ไม่รู้จะเม้นท์อะไรไป ถ้าเม้นท์มันต้องแรงแน่ๆเลยจ้า

 

โดย: joblovenuk 14 ตุลาคม 2550 14:27:05 น.  

 

พี่ครับ ผมขอบคุณพี่นะครับที่ช่วยตอบ
ปัญหาในกระทู้แฮรี่พอเตอร์กับรัฐศาสตร์
เป็นประโยชน์กับผมมาก

 

โดย: บาส IP: 58.8.145.81 14 ตุลาคม 2550 21:54:46 น.  

 

เหนด้วยกะเรื่อง Bureaucraycy, hierarchy อ่ะ
รำคาญพวกคนแก่กว่าแต่เสือกรู้ชิบ นึกว่า
ฉลาดกว่าคนอายุน้อยกว่าหรือไงวะไอ้สาด
ประเด็นสถาบันน่าสนใจมาก
เห็นด้วยอย่างแรง แต่ก่อนมีแต่คนบอกว่า โอ้ย เครื่องแบบมันทำให้ไม่ต้องมานั่งแก่งแย่งมีเสื้อผ้าสวยๆใส่กัน แต่อ๊าว มาดูโลกแห่งความเปนจิง พวกเดกกางเกงน้ำเงินมันยังด่าเดกกางเกงสีกากีได้เลย เลว

 

โดย: PPpIRCU (PPpIRCU ) 14 ตุลาคม 2550 22:58:09 น.  

 

บ่นได้ยาวและมีเนื้อมีหนังเอามากๆ...

อ่านที่คุณเขียนแล้วก็สบายใจขึ้นมานิดนึง เพราะแสดงว่าไม่ได้มีแค่เราที่อึดอัดกับอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้นอกจากบ่นกับทนแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงดี

 

โดย: แฟนผมตัวดำ 15 ตุลาคม 2550 9:09:06 น.  

 

พ่อตี้ดูThe Kingdom แล้วเหรอ?

วัดแววเห็นทีจะรุ่ง(ริ่ง) เลขยากอ่ะ

 

โดย: pangz 15 ตุลาคม 2550 9:30:18 น.  

 

 

โดย: Darksingha 15 ตุลาคม 2550 10:48:51 น.  

 

+ กรั่กๆ นู๋แปงเปลี่ยนสรรพนามจาก 'พี่ตี้' กลายเป็น 'พ่อตี้' ไปแว้วเหรอเนี่ย? 555

 

โดย: บลูยอชท์ 15 ตุลาคม 2550 11:19:00 น.  

 

เฮ้อ เฮ้อ เฮ้อ
ง่วงนอน

 

โดย: Unravel 16 ตุลาคม 2550 0:04:37 น.  

 

เข้ามาอีกครั้ง
เผื่อจะมีสาระให้กิน

อะคริ อะคริ


 

โดย: pangz 16 ตุลาคม 2550 18:12:05 น.  

 

ดฟหหกฟ

 

โดย: ดฟหกดฟห IP: 58.64.70.166 6 ธันวาคม 2550 22:26:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


nanoguy
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คนในสังคมจารีตที่มีความคิดทางเวลาแบบไตรภูมิจะไม่ให้ความสำคัญแก่เวลาตามประสบการณ์ กล่าวคือไม่ให้ความสำคัญแก่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นจริงของชีวิตและสังคมว่าดำเนินมาและดำเนินไปอย่างไร เชื่อในการคลี่คลายเปลี่ยนแปลงของชีวิตและสังคมซึ่งจะต้องเป็นเช่นนั้นตามกฎแห่งเวลาของพุทธศาสนา

- อรรถจักร สัตยานุรักษ์
(จากบทความ "ความเปลี่ยนแปลงความคิดทางเวลาในสังคมไทย" วารสารเศรษฐศาสตร์การเมือง 4 ตุลาคม 2531)




Let this song rhyme our souls
when your voice and mine become one and whole.

Let it carry us high above
When we recite our poetry of love
that when there's love then there's hope.

Your love is my light,
and it'll get us through this lonely night.

- รักแห่งสยาม (ซับไตเติ้ลอังกฤษเพลง กันและกัน ท่อนฮุค)









Friends' blogs
[Add nanoguy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.