นิยาย ดราม่า ดี ฮา หื่น สนุก เลิฟซีนภาษาสวย
Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
7 กันยายน 2554
 
All Blogs
 

ห้วงเสน่หา ปรารถนาแห่งหัวใจ 24

ตอนที่24 ล้างเกลือให้หายเค็ม

ขิมเข้าไปส่งสองสาวในบ้าน เขาต้องพบคุณประนาทอย่างหลบไม่ทันเสียแล้ววันนี้
ชายวัยกลางคนหากดูภูมิมิฐานสมอาชีพ นั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวบุนวมหนาปารมีหลบหลังพี่สาว ขิมชะงักเท้ากึกคนที่เขาเกรงจะพบได้พบแล้วยังไม่ทันตั้งตัว สายตาคมเขม็งจ้องขิมไม่วางตา เขารีบยกมือไหว้ ป่านแก้วแนะนำ
“ขิมค่ะพ่อลูกกำนันเขตไงค่ะ”
“ฮ้าเติบใหญ่ขนาดนี้แล้วหรือ เออไปไงมาไงล่ะดูเป็นหนุ่มไฮโซเลยเรา แล้วนี่คบหากับป่านหรืออย่างไรจึงมาถึงบ้านช่อง” ประนาทถามไม่เว้นวรรค คราแรกฟังคล้ายเอ็นดูประการหลังบอกความไม่ชอบใจนัก
ป่านแก้วนั่งใกล้บิดาดึงแขนน้องสาวนั่งข้างๆ ขิมนั่งฝั่งตรงข้ามจะเผ่นหนีก็เกรงใจทั้งพ่อตาในพฤตนัยและคนรัก สารภาพไปเลยดีกว่ารักลูกสาวเขาอย่างถอนตัวถอนใจไม่ได้แล้ว
“ผมรักป่านครับอานาทรักมานานแล้วด้วยครับ” พอเขาตอบตรงๆประนาทถึงกับอึ้ง ป่านแก้วช่วย
“ว่าจะไปหาคุณพ่อแต่คุณพ่อก็ติดราชการ จูนงานไม่ค่อยตรงกัน ทีนี้ได้รู้จักกันอีกรอบโดยบังเอิญใช่มั้ยขิม" เธอดักคอไว้เพราะถ้าบิดาเธอไม่ดอดมาเงียบๆคงยังไม่รู้หรอก
ประนาทหันมาทางปารมีซึ่งนั่งขวัญกระเจิงอยู่ ท่านเอ่ยเสียงอ่อนโยน ปลอบใจลูกสาวในที
“สบายดีมั้ยปิ๋มอยู่กับพี่ป่านทางนี้”
“ค่ะปิ๋มอยากอยู่ที่นี่ ให้ปิ๋มอยู่ซักพักนะคะคุณพ่อแล้วปิ๋มจะกลับบ้าน”
“ให้อยู่อีกเดือนเดียวนะลูกพ่อสัญญากับคุณแม่ไว้ ไม่ต้องกลัวคุณแม่จะไม่ทำอย่างที่แล้วๆมาอีก”
“นั่นแน่แสดงว่าคุณพ่อใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด” ป่านแก้วอมยิ้มนิดๆ
“ได้ผลเสียด้วย ขิมล่ะเรียนจบอะไรแล้ว ไม่ต้องกลับไปบ้านแล้วหรือ”
“ผมจบด้านงานโฆษณา”
“จากเมืองนอก” ป่านแก้วเพิ่มดีกรีตามความเป็นจริงให้”
“ก็เปิดบริษัทเล็กๆครับคุณพ่อ”
“เรียกอาเว้ย อาอย่าเพิ่งเรียกพ่อแสลงหูว่ะ”คูณประนาท ตัดไม้ข่มนามซะจนขิมหายใจไม่ทั่วท้อง
“แล้วพี่กำนันล่ะเป็นอย่างไร ที่ทางบ้านเราเมื่อหลายปีก่อนบูมมากทีเดียว”
“ก็ได้เงินมาลงทุนครับได้ไปเรียนต่อ”
“กิจการไปได้สวยมั้ย””
“โฆษณารถกับเครื่องสำอางไงค่ะพ่อ”
“ดังนี่ ไหนว่าบริษัทเล็กๆล่ะ การโฆษณาแบบนี้ใช้เงินหลายสิบล้านไม่ใช่เหรอ”
“สองอย่างก็เกือบสองร้องล้าน แต่ว่าไม่ได้เข้าบริษัททั้งหมดนะครับ พอเลี้ยงตัวได้”
“หล่อๆอย่างนี้ผู้หญิงคงร้องไห้มากสิอย่ารวมเจ้าป่านไว้ด้วยล่ะ”
“ผมรักเขาด้วยหัวใจครับ ทำร้ายเขาก็เหมือนทำร้ายตัวเอง ผมไม่มีวันทำร้ายป่านให้เสียน้ำตาเด็ดขาด แต่ผมไม่รู้ว่าป่านจะทำให้ผมเสียน้ำตาเมื่อไหร่”
“แหม แหม อ้อน อ้อนเลย ลูกไม้นี้อาใช้มาก่อนแล้วขิมหวานอย่างนี้ผู้หญิงที่อยู่ใกล้หรือจะไม่หวั่นไหว”
ชายหนุ่มหัวเราะ นั่งคุยอยู่นานส่วนใหญ่ถูกซัก ป่านแก้วเดินไปส่งขิมที่รถเย้าชายร่างใหญ่
“หายใจลำบากมั้ยคุณพ่อวางกล้ามซะ” ป่านแก้วเห็นใจที่ชายหน่ามได้พบนายพลโดยไม่ตั้งตัว
“นั่นซิ ขอออกซิเจนหน่อยสิ” เขาก้มลงแทบชิดหน้า ป่านแก้วเขย่งปลายเท้าจุ๊บคางสากด้วยไรเครา
“คิดถึงจังเลยป่านใจขิมจะขาดแล้วรู้มั้ย”
“จะให้ป่านทำยังไงน้องมาอยู่ คุณพ่อต้องจับตามองแน่เลย”
“ขิมไม่เท่าไรหรอกแต่จ๊ะสิคงศึกหนัก” เขาห่วงเพื่อนมากกว่า เป็นศิลปินในขณะที่พ่อตาเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ แม่ยายเค็มกว่าเกลือเดดซี
“ทำไมมั่นใจจังว่าจ๊ะสนใจปิ๋ม”
“ขิมว่าไม่ใช่แค่สนใจนะมองตากันก็รู้ว่า” เขาหยุดคำพูดเพียงแค่นั้น
“หมายความว่าไง” ป่านแก้วยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“ถามปิ๋มดูดีกว่า ไม่สังเกตน้องเลยหรือป่านสองคนนี่รู้จักกันแน่ๆเชื่อเหอะ”
ป่านแก้วกลับเข้าบ้านประนาทยังมาขยับเขยื้อนไปไหนคงมีเรื่องจะซักถามอีก เธอเดินเข้าไปนั่งข้างๆ บอกน้องให้ไปอาบน้ำและพักผ่อน ปารมีรีบไปทันที เพราะเธออยากไปนานแล้วแต่ไม่กล้า
“ขิมไม่เจ้าชู้หรือไง” เขายังห่วงใยลูกสาวเพราะขิมงามและเพียบพร้อมจนนึกหวั่น
“ก็เขาอยู่กับของสวยๆงามๆนี่ค่ะคุณพ่อ”
“พ่อห่วงนะป่านถึงจะเคยโตมาด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้พบกันสิบกว่าปีแล้วน่ะ”
“แล้วนั่นจะทำให้ความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันห่างเหินหรือค่ะพ่อคงไม่ทราบว่าวันเกิดของป่านปีนี้มีความหมายแค่ไหนเพื่อนๆยังรักป่านเหมือนกับป่านยังเป็นเด็กอยู่”
คนเป็นพ่อมองสำรวจลูกสาว เธอจ้องตอบไม่เบือนหนีเขาไม่ห่วงใยอะไรเท่ากับกลัวถูกหลอก
“ป่านอายุเยอะแล้วน่าจะแต่งการแต่งงานให้ถูกต้อง”
“อาจจะไม่มีพิธีก็ได้ค่ะ ป่านขอโทษนะคะที่คิดแหกคอกไปบ่าง แต่เพราะอายุไม่น้อยเลยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แต่ว่าพ่อไม่ต้องกลัวว่าป่านจะทำให้เสียเกียรติหรอกนะค่ะ รับรองด้วยเกียรติ” เธอยกมือตะเบ๊ะแบบทหาร คนเป็นพ่อไม่สนุกยังตีหน้าขรึม
“พูดอย่างนี้คงทำเหมือนฝรั่งไปแล้วล่ะซิเจ้าป่าน” ลูกสาวถอนใจยาว“น่าจับขิมมายิงเป้าแอบลักเขากินขโมยเขากิน”
“คงต้องยิงทั้งสองคน เพราะป่านเป็นคนกระโดดไปหาเขาเองด้วย”
“ขวางหู” คุณประนาทขึ้นเสียงป่านแก้วเลยไม่กล้าว่าอะไรอีก บัวศรีแอบฟังอยู่นึกเสียวไส้ครามครัน หากกลัวว่านายสาวจะถูกบ่นว่ามากกว่านี้รีบเข้าไปขัดตาทับ
“คุณท่านจะค้างที่นี่ไหมค่ะ บัวจะได้จัดห้องให้ค่ะ”
“นอนสินอน” ป่านแก้วรีบพูด “ไปบอกน้องปิ๋มมานอนห้องป่านได้เลย แล้วป่านจะโทรบอกคุณอาว่า คุณท่านมาค้างบ้านเล็กแล้วค่า”
“เจ้าป่าน” ลูกสาวหัวเราะฮาเขาเลยต้องผุดลุกสั่งพี่เลี้ยงลูก“ไปบอกคนขับจะกลับแล้ว” ก้าวปึงๆป่านแก้วรีบกอดแขนท่าน
“อย่าโกรธเลยค่ะพ่อเดี๋ยวไม่หล่อค่ะ”
“สู้ขิมไม่ได้อยู่แล้วละพ่อน่ะ” เขาพูดอย่างน้อยใจ ป่านแก้วเลยเขย่งปลายเท้าหอมแก้มท่านแรงๆ
“จะสู้ได้ไงล่ะค่ะพ่ออายุตั้ง 52 เข้าไปแล้ว” เขาหมั่นไส้ลูกสาวเลยยีผมเธอจนยุ่งเหยิง
“น้องเพิ่งยี่สิบอย่าไปทำฝรั่งให้น้องเห็นล่ะเจ้าป่านดูแลให้ดี”
“ค่ะพ่อ! ” พอท่านกลับป่านแก้วต้องทุบอกตัวเองแรงๆ บัวศรีหยิกหมับที่แขน
“คุณป่านไปกินหัวใจสิงห์มาหรือไงจึงพูดกับคุณพ่ออย่างนั้นพี่บัวกลัวท่านจะเปรี้ยงปร้างขึ้นมาเสียแล้ว”
“พ่อเขาเชิงมากไปอย่างนั้นละ ท่านใจดีอก”ป่านแก้วบอกสาวใช้แล้ว นึกถึงคำพูดของขิมจึงเดินเข้าไปในห้องของน้องสาว
ปารมีอาบน้ำแต่งตัวคล้ายจะนอนหากยังนั่งกอดเข่า พี่สาวเดินเข้าไปนั่งใกล้
“เรามีเรื่องต้องพูดกันหน่อยแล้วนะปิ๋ม”
“พี่ป่าน” ปารมีโผเข้ากอดพี่สาวจนแน่นน้ำตารินไหลพรั่งพรู
เรื่องของน้องหนักหนาสาหัสกว่าตัวเองหลายเท่า ป่านแก้วทำใจให้เยือกเย็น เพื่อนรับฟังความเดือดร้อนของน้องสาว
ฝ่ายขิมเดินล้วงกระเป๋าขึ้นมาบนคอนโดอย่างรีบเร่ง ยามเข้ามาบอก
“มีแขกมารอพบคุณขิมครับผมให้รออยู่ที่ล็อบบี้ครับไม่ให้ขึ้นไป”
ขิมเดินไปที่ล็อบบี้รับแขกซึ่งอยู่ในอาคาร จัดไว้สำหรับคนแปลกหน้าซึ่งอยู่ภายในอาคารไม่ให้เข้าถ้าเจ้าของห้องไม่ได้สั่งไว้เพื่อความปลอดภัยสัจจะนั่นเอง
“เฮ้ย...เพิ่งจากมาหยกๆ นายมาหาฉันถึงนี่ เชียว เรื่องหญิงสิท่า”
“ทำรู้มาก ไปส่งป่านนานนะ ถึงกลับเอาป่านนี้”
“ก็โดนว่าที่พ่อตาสวนน่ะสิ หายใจลำบากเลย ไปบนห้องกัน นอนค้างกับฉันที่นี่แหละ ผ้าผ่อนบนห้องมี”
ขิมทิ้งตัวสบายบนเตียงขณะที่เพื่อนนั่งเหยียดขาบนพื้นพรมปูห้อง
“นายรู้เรื่องที่ปิ๋มหนีออกจากบ้านหรือเปล่า” สัจจะถาม ขิมส่ายหน้าปฏิเสธ “เขาไปกับฉันเดือนกว่าเขาว่าแม่บังคับให้แต่งงานเลยหนี”
“นายรู้จักปิ๋มมาก่อนหรือ”
“ไม่”
“อ้าวทำไมไปด้วยกันล่ะ”
สัจจะเล่าให้เพื่อนฟังโดยมาปิดบังเสริมท้าย
“คิดว่าเขาคงจะเลิกกันไปเพราะคิดว่าเขาเป็นคนรวย”
“แต่แย่หน่อยที่ดันเป็นน้องของป่านใช่มั้ย” สัจจะพยักหน้ารับ
“แต่ฉันก็คิดว่าไม่ว่าเขาจะมาจากไหนถ้าเต็มใจจะอยู่กันฉันฉันก็จะรับแต่เขาร้องกลับบ้านจึงได้ไปส่งวันนี้พอรู้ว่าเป็นน้องของป่าน พลอยรู้สึกแย่ไปกันใหญ่ เหมือนขโมยของเพื่อนกิน” สัจจะแคร์ในเรื่องนี้ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ขิมเอ่ยเรื่อยๆ
“ฉันสังเกตเห็นแล้วจ๊ะให้ป่านไปถามปิ๋มคงได้เรื่องแน่พรุ่งนี้รับรองได้ยายป่านมาเคาะประตูเรียกฉันแน่”
ไม่ทันฟ้าสางห้องนอนถูกเคาะระรัว สัจจะสะดุ้งตื่นในขณะที่ขิมงัวเงียลุกขึ้น
“ว่าแล้วมั้ยล่ะคงมาลากไปบ้านนายแน่เตรียมใจไว้เหอะจ๊ะ”เขาลุกออกจากที่นอนไปเปิดประตู “ไงแม่ทูนหัว”
“ขิมสองคนนั้นมีอะไรกันจริงๆไปเหอะไปหาจ๊ะอย่าเฉยเลยสงสารน้อง”
“ใจเย็นก่อนให้ขิมอาบน้ำก่อน”
“ไม่ต้องอาบ”
“งั้นแค่แปรงฟันเอ้า”
“ป่านบีบยาให้” เธอตามไปที่ห้องน้ำบีบยาสีฟันให้“ไม่ต้องโกรนเครานะวันนี้เร็ว”ป่านแก้วยืนกอดอกเร่งราวกับไฟจะไหม้ ขิมต้องรีบๆแต่เมื่อเสร็จก็ออกมานั่งที่ห้องรับแขก
“นั่งก่อนป่าน”
“ไม่นั่ง ลุกขึ้นเร็วๆ”
“จ๊ะไม่หนีไปไหนหรอกน่า” เขายังอยากแกล้งต่อ
“รู้ว่าจ๊ะไม่หนีเพราะไม่ใช่คนมักง่าย ถ้าเป็นตาขิมก็ไม่แน่”
“เออขิมไม่ดีซักอย่าง อีตาพ่อตาเป่าหูมาล่ะซิ”
“แหมขิมอย่าแกล้งป่านได้มั้ย จะบ้าตายอยู่แล้วนะ”
“แล้วปิ๋มล่ะอยู่ไหน”
“หน้าห้องนี่แหละต้องเอามาด้วยเดี๋ยวเตลิดไปจะยุ่ง”
ขิมลุกไปเปิดประตูห้องเรียกปิ๋มเข้ามาในขณะเดียวกันกับที่สัจจะออกมาจากห้องนอนเข้าไปล้างหน้า เมื่อออกมาที่ห้องรับแขก ป่านแก้วทำหน้าเหมือนถูกผีหลอกในขณะที่ปิ๋มสะอึกสะอื้นขึ้นมาอีกสัจจะเดินเข้าไปหาปิ๋มจับไหล่หญิงสาวบีบเบาๆ เธอโผกอดเขาจนแน่นป่านแก้วหันมามองขิมซึ่งนั่งไม่ห่างเขาไหวไหล่เล็กน้อย ยิ้มนิดๆ
“บอกแล้วไม่ต้องรีบร้อน”
“จ๊ะมาที่นี่” เธอถาม
“เมื่อคืนนี้จ๊ะนั่งคุยกันก่อนสิพ่อตาดุชะมัด” ขิมเริ่มเรื่องป่านแก้วทุบเขา
“ฉันจะไปหาอานาทวันนี้”สัจจะอยากจะรับผิดชอบ
“เดี๋ยวก่อน ป่านแก้วโบกมือ พ่อพึ่งรับเผือกร้อนไปเมื่อคีนขืนปิ๋มอีกคนล่ะก็ตายแน่ๆเลย”
“หมายความว่าไงป่านเผือกร้อน”ขิม รีบถามคนรักเพราะเกรงจะเข้าเนื้อ
“ก็เรื่องของเรานะสิ”
“ตายห่า” ขิมตาเหลือก“อานาจว่าไง”
“ก็ไม่ว่ามั้งป่านไม่ใช่เด็กแบบปิ๋ม จ๊ะแย่หน่อยล่ะ พ่อพึ่งฝากป่านเมื่อคืนนี้เอง”
สัจจะครุ่นคิดไม่พูดอะไรออกมาสักคำ อาร์ชติสกับนายพล ดูยังไงก็ไปกันไม่ได้
“น้องปิ๋มไปอยู่บ้านดีกว่านะ” ขิมแนะนำ
“แล้วเราค่อยๆเข้าทางอานาทดีมั้ยไม่ทำลายน้ำใจผู้ใหญ่ด้วย อย่างน้อยเราวางใจได้อย่าง ป่านเคยบอกอานาทจะไม่บังคับลูกให้แต่งงาน” สัจจะเห็นดีด้วยกับขิม
“ปิ๋มกลัวคุณแม่ค่ะ”
“ฟ้องพ่อให้หมดไม่ต้องกลัวแล้ว ทีนี้คนของเราทำรู้จักกันดีก็มีทางออก ป่านต้องคอยเชียร์ด้วย” ขิมออกความคิด
“เรื่องนี้ฉันว่าจัดการเองดีกว่า” สัจจะชักเห็นว่าเพื่อนจะมาลำบากในเรื่องของตน
“ไม่ใช่เรื่องศักดิ์ศรีนะจ๊ะ รักลูกเขาเราก็ต้องหาทาง” คนพูดๆได้ดีในฐานะที่เรื่องของตัวเอง ป่านแก้วจัดการให้ เธอจึงมองค้อน
เวลาต่อมา ปารมีได้กลับไปบ้าน
เรวดีไม่มีความโกรธเหลืออยู่เลยเมื่อพบหน้าปารมีจึงดีใจยิ่งนักกอดลูกจนแน่นถามไถ่ห่วงใย
“ปิ๋มสบายดีใช่มั้ย ไปอยู่ที่ไหนมา
“ไปพักอยู่กับเพื่อนค่ะ”
“เพื่อนคนไหนทำไมแม่ไม่รู้จักล่ะ รู้มั้ยพี่ผจญมาหาบ่อยๆ”
ปารมีดึงตัวเองออกห่างจากมารดา เอ่ยกับเรวดีในถ้อยคำที่คนเป็นแม่ไม่คาดว่าจะได้ยินจากปากลูก
“ถ้าคุณแม่บังคับปิ๋มอีก ปิ๋มจะไม่หนีออกจากบ้าน แต่ปิ๋มจะตายให้คุณแม่ดู”
“ปิ๋ม”
“คุณพ่อสัญญากับปิ๋มเองว่าถ้ากลับบ้านคุณแม่จะไม่ทำแบบที่ทำกับปิ๋ม ปิ๋มถึงกลับมา”
“งั้นแกก็ไปซะปิ๋ม” เรวดีตวาดไล่หากเป็นเมื่อก่อนปิ๋มจะกลัวลาน แต่วันนี้เธอจะหมุนกายกลับจะออกไปจริงๆ เรวดีรีบเข้าไปฉุดแขนเธอจะแพ้คนจริงหากข่มใครได้ก็ข่มอยู่นั่น
“ปิ๋มทำไมถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้แม่พูดแม่ว่าอะไรไม่ได้แล้วใช่มั้ย” ปิ๋มไม่ตอบโต้ถ้อยคำใดๆ
ประนาทกลับมาจากทำงานมาพบปารมีนั่งเล่นตามลำพังที่สระน้ำหลังบ้าน โดยมีเรวดีนั่งไม่ห่าง ประนาทรู้ว่าเรวดีรักลูกแต่คงรักความต้องการของตัวเองมากกว่า ที่ผ่านมาลูกจึงไม่มีความสุข
“เตรียมอาหารเย็นเผื่อหลายคนหน่อยป่านกับเพื่อนจะมาทานข้าวด้วย อย่าให้ขายหน้าเขาล่ะ” คำสั่งสุดท้ายเรวดีไม่ชอบใจ เพราะยิ่งนานวันประนาทยิ่งแสดงออกว่าป่านแก้วสำคัญเสียนักหนา
“เอหนูป่านไม่เคยมาทานข้าวที่นี่”
“ถ้าปัญหามากฉันไปทานกับลูกนอกบ้านก็ได้ยิ่งนับวันยิ่งเบื่อเต็มที” ประนาทหงุดหงิดรำคาญ
เรวดีอยากกลั้นใจตายให้รู้แล้วไปเสียทุกวันนี้ลูกผัวดูช่างเอาแต่ใจตนเองยิ่งนักที่แค้นคือทำอะไรมาได้สักอย่างคนใช้ในบ้านแอบยิ้มกันเป็นแถว แน่นอนว่ารักคุณป่านยิ่งกว่าคุณผู้หญิงจอมเค็มแน่
ประนาทนั่งรอแขกที่ห้องนั่งเล่น วันนี้ไม่ได้มีแค่ขิมกับป่านมีผู้ชายผมรูปดั่งหินอ่อนสลัก ผมตัดสั้นดูสะอาดตาแต่งการสุภาพดูดีใครมาเห็นสัจจะในวันนี้คงจำไม่ได้
“นั่งสิลูกแล้วนั่น”
“จ๊ะค่ะพ่อจิตรกรชั้นแนวหน้าของวันนี้ เฉพาะสามเดือนที่ผ่านมาก็ซื้ออาคารหรูได้หลายห้องค่ะ” ป่านแก้วสร้างภาพให้เพื่อนกลายเป็นเศรษฐี แม่เลี้ยงที่นั่งคอแข็งนั่นแหละทำให้พูดเรื่องเงินขึ้นมา
“จ๊ะหรือนี่หล่อเสียด้วย แล้วมากันแค่นี้หรือใครนะตัวเล็กๆ”
“พันติดเวรค่ะคนนั้นเขาเป็นตำรวจ”
“อนาคตดีกันทุกคนดีใจแทนพวกนายที่ใฝ่ดีกันไม่เสียทีย่าปรางให้เป็นเพื่อนป่าน”
ปารมีเดินเข้ามานั่งป่านแก้วทำทีแนะนำให้รู้จักกับสัจจะ ซึ่งก็ได้เตี๊ยมกันแล้วอย่างดี เรวดีไม่พอใจเมื่อลูกเลี้ยงกับเพื่อนกลับไปแล้ว
“ทำเป็นแม่สื่อแม่ชักนึกว่ารู้ไม่ทันหรือ”
ประนาทก็คิดเช่นกัน แต่คิดถึงลูกสาวคนโตป่านแก้วคงมีเหตุผล ท่านพร้อมที่จะรับฟังความต้องการของลูก ยิ่งเมื่อเห็นการเลี้ยงดูอย่างล้มเหลวของเรวดียิ่งเห็นป่านแก้วสำคัญมากกว่าหลายเท่านัก!




 

Create Date : 07 กันยายน 2554
0 comments
Last Update : 7 กันยายน 2554 10:56:08 น.
Counter : 652 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นางแก้ว ดาราพร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add นางแก้ว ดาราพร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.