นิยาย ดราม่า ดี ฮา หื่น สนุก เลิฟซีนภาษาสวย
Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
6 กันยายน 2554
 
All Blogs
 

ห้วงเสน่หา ปรารถนาแห่งหัวใจ 23


ตอนที่ 23 ยาแก้อกหัก ชื่อความเข้าใจ

ปารมีออกมาทานข้าวตาบวมช้ำจนพี่สาวต้องหาผลไม้มาประคบ หลังทานข้าวแล้ว ป้านแก้วบอกน้องสาวตามความจริงว่า
“พี่ป่านโทรบอกคุณพ่อแล้วนะ” ปารมีลุกพรวด แอ๊บเปิ้ลล่วงหล่นจนป่านแก้วต้องรีบว่า
“ใจเย็นก่อนคุณพ่อให้ปิ๋มอยู่ที่นี่ไม่ให้คุณอามารบกวน”
“จริงนะคะ”
“จ้ะ แล้วทีนี้บอกได้หรือยังว่าไปอยู่ที่ไหน”
“ปิ๋ม” เธออึกอักดังเด็กทำผิดอย่างสาหัส หน้าแดงแล้วกลับซีดสลด
“ผู้ชายที่มาส่งเป็นใครทำไมถึงแต่งเสื้อผ้าผู้ชายน้องปิ๋มบอกพี่มาให้หมด”
“พี่ป่านทราบ”
ปารมีถูกพี่สาวหลอกถามโดยไม่เฉลียวใจ ตกใจจนแทบสิ้นสติเข้าใจไปว่าป่านแก้วรู้ว่าเธอไปอยู่กับคนรักของตัวเอง
“พี่ป่านขายกโทษให้ปิ๋มด้วย ปิ๋มผิดไปแล้ว”
ป่านแก้วบีบแขนน้องสาวอย่างลืมตัว น้องสาวคงไม่เหลืออะไรแล้วกระมัง
“เขาหลอกปิ๋มไปใช่มั้ย”
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่อย่าโกรธเขานะคะ”ปารมีคนใสซื่อ ยังเข้าใจว่าพี่สาวรู้จริงอยู่ รีบสารภาพเสียงสั่น ด้วยความหวังว่าโทษหนักจะกลายเป็นเบาลงบ้าง
“ปิ๋มหนีออกจากบ้านไปกับเขา ปิ๋มทำตัวเอง เขาไม่ผิดพี่ป่านขาปิ๋มเจ็บพอแล้วปิ๋มไม่ทำอีกแล้วค่ะ”
“น้องปิ๋ม” ป่านแก้วไม่รื้อฟื้นขึ้นมาอีก เมื่อเห็นอากับกิริยาของน้องสาว
จากนี้ต้องรักษาแผลใจกันอีกจากนั้นก็สังเกตดูน้องสาวว่ามีสิ่งใดผิดปกติบ้าง ประนาทอยากมาถามลูกให้รู้เรื่องแต่ป่านแก้วเตือนไม่ให้วู่วาม
“ปิ๋มคงเตลิดไปอีกไม่ใช่ว่า แกเสียคนนะคะคุณพ่อแต่ถ้าเราบีบแกมากล่ะก็ คนอย่างปิ๋มอาจจะคิดสั้นก็ได้”
“เกิดอะไรขึ้นกับน้องแล้วหรือ น้องยังปกตีดีใช่มั้ย”
“ก็สงบมากแล้วค่ะ พี่บัวบอกว่าไม่ออกไปไหนเลย บางทีป่านว่าให้ปิ๋มอยู่กับป่านเลยก็ดีนะคะคุณพ่อ คุณอาจะจับให้ปิ๋มแต่งงาน แกบอกว่ากับใครก็ได้ที่รวยๆป่านสงสารน้อง”
“ไม่รู้มันรักลูกแบบไหนของมันกันนะยัยงกคนนี้ คงต้องปลดระวางกันแล้ว”
“คุณพ่อละก็ฮึดๆอยู่ที่นี่ พอคุณอาปฏิวัติขึ้นมาคุณพ่อก็จะรำคาญแล้วก็ออกไปข้างนอกอีก”
ป่านแก้วไม่ได้กล่าวเกินจริงสักนิด เธอรู้มาแต่เด็กจนโตประนาทนิ่งอึ้งที่ป่านแก้วกล้าพูดเรื่องจริงจนจี้ใจดำ
“น้องปิ๋มไม่มีใครนะคะป่านแก้วไม่ได้โทษคุณพ่อหรอกค่ะ ป่านก็ผิดที่หนีน้องออกมาอยู่ตามลำพัง เมื่อน้องเห็นป่านยังพอพึ่งได้ป่านก็อยากจะรับแกไว้”
“ป่าน” คุณประนาทโอบไหล่บางเข้ามาแนบชิดตัว
หากลูกคนนี้ไม่เข้มแข็ง อาจจะเสียผู้เสียคนเพราะการเลี้ยงดูของแม่เลี้ยงก็ได้ ดูทำกับลูกตัวเองเถิดเก็บกดจะระเบิดบึ้มออกมา
เรวดีสีหน้าเคร่งเครียด สามียังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์สงบใจทั้งที่ลูกหายไปทั้งคน
“ลูกปิ๋มละคะคุณนาท ฉันจะอกแตกตายอยู่แล้วนะค่ะคุณไม่ห่วงแกบ้างหรือ”
“ปลอดภัยแล้วแต่แกไม่อยากกลับบ้าน” เขาวางหนังสือเอ่ยเรียบๆแต่เรวดีเต้นผาง
“ไม่จริงลูกปิ๋มนะหรือจะกล้า ฉันจะไปเอาลูกปิ๋มกลับมาเดี๋ยวนี้” เธอพรวดพลาดลุกโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกอยู่ที่ไหน ปลายวางกระเป๋านักเรียนนายร้องลงทำความเคารพบิดามรดาแล้วนั่งฟังอยู่โดยไม่เปลี่ยนเครื่องแบบแม่ของเขาทำท่าจะเดินเรู้วออกไปแต่เหมือนนึกอะไรได้ก็หยุด
“ลูกปิ๋มอยู่ที่ไหน”เรวดี ตะคอกลืมตัวว่ากำลังพูดกับใคร คุณประนาทกระตุกหัวคิ้วเข้มเข้าหากันหงุดหงิดรำคาญ ทำท่าจะผละหนี แต่คำพูดของป่านแก้วเตือนใจขึ้นมาในส่วนลึก
เขาขี้รำคาญเรวดีจึงจัดการลับหลังเขาเสมอลูกเต้าไม่มีสุขทั้งที่บ้านหลังใหญ่โต
เรวดีคาดคั้น
“บอกมานะว่าปิ๋มอยู่ไหน”
“พี่ปิ๋มไปไหนหรือครับไหนหรือครับ” ปลายอยู่โรงเรียนไม่ได้ทราบเรื่องเลยว่าพี่สาวหนีไปจากบ้านกลับถึงบ้านแล้วแม่ก็แว้ดๆเช่นเดิม
“มันไม่รักดีหนีออกจากบ้านแต่เวลานี้ไปร่อนอยู่ ทำไมคุณไม่บอก”
“พอกันทีเรวดีเลิกความคิดที่จะเอาปิ๋มมากักขังเสียที”
“แต่ปิ๋มเป็นลูกของเร เรอยากให้มันได้ดีกว่ายัยป่าน” เธอโพล่งปาก“ปิ๋มจะต้องได้ดีกว่า”
“ได้ดีกว่าป่านหรือ ฉันอยากจะรู้นักว่าเธอจงเกลียดจงชังป่านในเรื่องอะไรนัก หรือเรื่องเงินบ้าบอคอแตกของคุณ มิน่าจึงหาผู้ชายมาให้ลูกถ้าปิ๋มแต่งงานกับคนรวยแล้วจะได้ดีกว่าป่าน นี่มันเรื่องสุดโง่เท่าที่ฟังมาเลยรู้มั้ยยัยงกหรือโง่ที่สุด”
“อย่ามาว่าฉันนะ”เธอแผดเสียงไม่ยอมลง ประนาทเงื้อมมือทำท่าจะตบ ปลายรีบกระโดดขวางบังร่างมารดาห้ามปรามบิดา
“คุณพ่อครับผมขอร้อง”
“แกมีแม่ผิดเสียแล้วปลาย ฉันไม่เห็นใครอยากจะได้จะมีเท่านี้มาก่อนเลย อยากจะรู้นักว่าเงินสำคัญกว่าความสุขของลูกหรือไง ถ้าคิดอย่างนั้นเอาสมบัติไปให้หมดแล้วเอาลูกมาไว้ที่ฉันนี่”
“คุณนาท”
“หย่าขาดนให้สิ้นเรื่องไป พอกันทีกับความเห็นแก่เงินของคุณ”
เขาออกไปอย่างเดือดดาล เพราะถ้าขืนยังอยู่อีกมีหวังได้เตะเมียโชว์ลูกบ้าง พักใหญ่ทหารรับใช้กระหืดกระหอบเข้าไปเก็บของประมุขบ้าน
ปลายทิ้งแม่ให้ร้องไห้ในห้องตามไปในห้องของบิดาซึ่งอยู่ชั้นบน เห็นท่านนั่งดูทหารรับใช้ใกล้ชิดเก็บข้าวของลงกระเป๋า
“คุณพ่อจะไปไหนครับ”
“ให้แม่แกอยู่กับเงินเสียให้พอใจ คฤหาสน์หลังนี้มันร้อนโว้ย”
“ผมไปด้วยนะครับ” ประนาทตบเตียงผัวะอย่าสะใจ และประชดเรวดี
ไม่มีลูกคนไหนคิดว่าอยู่กับเรวดีแล้วมีความสุขสักคนถ้าบ้านนี้ไม่มีพ่ออยู่ ลูกคงแย่เ ขาเห็นแก่ตัวที่ตัดความรำคาญเอาตัวรอดแต่คนเดียว จนปารมีต้องหนีออกจากบ้าน น่าจะได้คิดตั้งแต่ป่านแก้วอยู่ร่วมชายคาไม่ได้แล้ว หากเวลานั้นประนาทคิดสั้นไปแค่ เป็นเรื่องของแม่เลี้ยง กับลูกเลี้ยงจนวันนี้ลูกตัวก็อยู่ไม่ได้ จึงได้สำนึก เมียตนนั้นสุดยอดแย่แห่งสองทศวรรษ
เมื่อทหารรับใช้หอบหิ้วสัมภาระลงมาจากชั้นบน เรวดีรีบเข้ามากอดแขนสามีเหนี่ยวรั้งเขาไว้
“คุณนาทอย่าทิ้งเรแบบนี้ เรจะอยู่กับใคร”
“เงินไงฉันยกให้”
“ไม่เอาแล้วค่ะเงิน เรขอโทษ อย่าทิ้งเรไปนะคะ”
บ่าวใช้เอาไปนินทากันสนุกเมื่อนายหญิงจอมเค็มจอมแวดสิ้นฤทธิ์ เมื่อคนเป็นใหญ่กว่าเอาจริงและเรวดีก็ไม่มีทางจะเอาชนะได้ บทที่ประนาทใจดำเป็นที่รู้กันว่าใจดำได้สนิทนัก
“คุณพาฉันไปพบลูกได้มั้ยค่ะ” เสียงอ่อนลงเมื่อเข้ามาขอร้องประนาทเขาวางแก้วบรั่นดี มองเป็นเชิงถามเรวดีรับว่า
“แค่อยากเห็นลูกว่ามีความสุขดีมั้ย จะถามเขาว่าจะกลับมาอยู่บ้านมั้ยถ้าไม่ก็ไม่ว่าค่ะ”
“ทนอีกสักเดือนแล้วกันระหว่างนั้นก็คิดไปด้วยว่าการที่เสียของรักไปรู้สึกยังไงการที่ไม่ได้พบหน้าลุกทรมานแค่ไหน พอปิ๋มกลับมาจะได้ไม่บังคับหรือทุบตีลูกอีกคุณต้องรู้นะแก้วที่มันร้าวแล้วมันจะแตกได้ทุกเมื่อ”
เรวดีปากสั่นกระพริบตาถี่ ทรมานใจเหลือเกิดที่ไม่รู้ว่าลูกอยู่ที่ไหนเหมือนตัวเองถูกกักขังปกปิดการเสียของรักเป็นเช่นนี้เอง เงินทองนั้นทดแทนไม่ได้เลย

วิชาญนำรถมาขนรูปวาดของสัจจะ ท่าทางของจิตรกรที่กำลังมีชื่อเสียงในขณะนี้เหมือนคนจมอยู่ในห้วงทุกข์ คนที่เคยรู้ว่าเขาเป็นคนเงียบไม่สุงสิงกับใครวันนี้เป็นยิ่งกว่านั้น
“ไม่ได้วาดเพิ่มหรือครับโอภาพนางเหงือกนี้สวยเหลือเกิน” วิชาญจุ๊ปากให้กับภาพที่ยังวาดไม่เสร็จ แสงเงาของสีดูเงียบเหงา นางเงือกแสนงาม หากคล้ายรอใครสักคนบอกอารมณ์คนวาดได้แจ่มชัด ถ้าเปลี่ยนจากเงือกเป็นพระอภัยมณี
“ภาพขอคุณไปวางไว้ไม่เท่าไรลูกค้าทราบก็แทบจะวิ่งมาประมูลกัน เสียดายที่คุณไม่วาดออกมามากๆ”
“ก็อยากวาดครับคุณวิชาญแต่พู่กันมันไม่พาไป” เขาบอกเนือยๆ
“ธนาคารXเขาต้องการภาพคุณมากเขาติดต่อมาที่ผม จะคุยกับเขามั้ยครับให้นามบัตรไว้” วิชาญส่งให้สัจจะรับไป
“เดือนก่อนคุณไปไหนมาครับ”
“วาดภาพนางเงือก” เขาบอกไม่เต็มเสียง
วิชาญตบแขนอีกฝ่ายด้วยความสนิทสนมเพราะรู้จักกันตั้งแต่ยังไม่มีชื่อเสียง เขานี่ละกล้าเอารูปของผู้ชายคนนี้วางแกลอรี่อันมีชื่อเสียงของเขา และเขาดูคนไม่ผิดเลย สัจจะเป็นจิตรกรที่ทำเงินให้เขาอย่างไหลมาเทมา และไม่เอาเปรียบไปทำรูปขายเอง ทั้งที่เขาเคยโยนหินเสี่ยงทาย
“บุญคุณคนจะใช้ความไม่รู้คุณทดแทนไม่ได้หรอกครับ”
“อย่าคิดอย่างนั้นคนเราต้องหวังความก้าวหน้า หวังความมั่นคง”
“งั้นก็รอให้คุณไม่รับวางภาพของผมก่อนครับ” วิชาญหัวเราะชอบใจวันนี้ชายหนุ่มที่เขาผูกพันอยู่ทั้งความเอ็นดูและธุรกิจท่าทางเหมือนปลาสำลักน้ำ
“คนหนุ่มก็อย่างนี้แหละคุณธรรม ที่จะไม่เคยหักลำเลยในชีวิตไม่มีหรอก แต่คำว่าลูกผู้ชายจะมีความหมายสำหรับคนๆนั้นแค่ไหนก็คือใครจะลุกขึ้นยืนได้ก่อนกัน”
เขารับฟังโดยเงียบสงบวันนี้เขาคงล้มไม่เป็นท่าให้คุณวิชาญได้เห็นเข้าแล้วล่ะสิ ถึงพูดได้จี้ใจดำอย่างนี้
“ไม่ปล่อยไปก็ต้องแย่งชิง เลือกซักอย่างแล้วจะไม่เหมือนปลาสำลักน้ำอย่างนี้ผมไปนะอ้อ”เขาส่งเช็คให้สัจจะ ซึ่งรับมาดูตัวเลขอย่างคร่าวๆ
หลังจากแยกกันกับวิชาญแล้ว สัจจะอยากไปไหนสักแห่ง ที่ซึ่งไม่มีเขาอยู่ตามลำพัง เขาอยู่คนเดียวไม่ได้แล้วในเวลานี้
ประพันธ์รีบเข้ามาหาเพื่อน เมื่อเห็นสัจจะนั่งอยู่มุมหนึ่งบนโรงพัก
“โดนข้อหาอะไรจ๊ะไหนบอกสิ”
“เฮ่ย...จะรับไปฉลองหน่อยเท่านั้นข้อหาบ้าอะไร ผมยาวเหรอ” เขาย้อนเพื่อน
“จะไปรู้ได้ไงไม่เคยเห็นมาถึงที่ แต่เสียดายว่ะ กลางวันไม่ว่างเสียด้วย แต่โอเลี้ยงมีเวลากิน”
ท่าทางประพันธ์จะไม่ว่างจริงๆเสียด้วย ดูดน้ำรวดเดียวหมดแก้วรู้สึกเซ็งยิ่งนัก อากาศร้องเปรี้ยงหากคนร่างสูงยังเดินฃฝ่าแดดอย่างไม่กลัวไหม้เกรียม บางทีเขาไม่รู้สึกอะไรเลยก็ได้
รถสีเงินจอดข้างกายแทบจะปีนฟุตบาต สัจจะไม่ได้สนใจแต่เมื่อคนขับบีบแตรเรียกพร้อมเปิดประตูออกมาโบกมือไหวๆใจแห้งแล้งเย็นชื่นประหลาด
“ป่าน”
“ไปไหนมาขึ้นรถเร็ว ป่านจะไปส่ง”
สัจจะเดินอ้อมรถจะไปนั่งหากผงะแทบหงายหลังเมื่อเห็นปารมีนั่งอยู่ข้างหน้า หญิงสาวก็ตกใจแทบเผ่นเช่นกัน ป่านแก้วหัวเราะชอบใจไม่เข้าใจกิริยาของคนทั้งสอง
“แหมเห็นคนสวยเข้าหน่อยตะลึงเลยเหรอเดี๋ยวหยิกเนื้อเขียว” ป่านแก้วว่ากึ่งขัน
ปารมีอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆเปิดประตูอ้อมไปนั่งข้างหลังเพราะคิดเองว่า คนรักเขาก็ต้องนั่งคู่กันถึงจะถูก สัจจะก้าวขึ้นรถใจเต้นโครมๆราวกับปลาวาฬกระโดดน้ำ เหลือบมองปารมีในชุดสดใส เจ้าตัวเบือนหน้าหนีทำเหมือนคนไม่รู้จัก สัจจะอึดอัดจนหายใจไม่ทั่วท้อง
“ไปไหนล่ะเดินตากแดดทำไมกัน”
“ไม่รู้จะไปไหนว่างๆก็เลยชวนพันกินข้าวแต่ก็ไม่ว่าง”
“สมัยนี้อย่าว่าแต่เพื่อนตายเลยเพื่อนกินยังหายาก จ๊ะทานอะไรมาหรือยังป่านว่าจะไปทานนอกบ้านอยู่พอดี เออลืมไป น้องปิ๋ม นี่พี่จ๊ะรู้จักกันไว้สิ แล้วนี่ลูกคุณอาเรวดี”สัจจะหันไปมองจ้องหญิงสาว เธอยกมือไหว้แล้วนิ่งค้าง
สัจจะกลืนน้ำลายเหนียวลูกสาวคนที่ตนแสนจะเกลียดชัง ก็เขานี่แหละตะโกนลั่นทุ่งว่ากูเกลียดอีนังเลว-ดี หากว่ากับลูกสาวแล้วใจคอหวั่นไหวขึ้นมาอีกครา
ป่านแก้วเหลือบแลสบตากับสัจจะแล้วอมยิ้มเมื่อนึกถึงวันรวมกันด่าแม่ของปารมี ส่วนหญิงสาวเดจ้าปัญหาไม่รู้เรื่องหลังครั้งเก่า จึงแอบเข้าใจเอาเองอีกว่า คู่รักเขามีไมตรีต่อกัน ปารมีสะเทือนใจจึงแอบก้มหน้าร้องไห้ออกมาเสียไม่ได้
“ป่านยังไม่ทานข้าวหรือไปสิ เราเลี้ยงเอง”
“นั่นแน่ะ เศรษฐีจะเลี้ยงด้วย งั้นต้องรุมให้เข็ด” ป่านแก้วมุ่งสู่ร้านอาหารที่ตนนัดกับขิมเอาไว้
เมื่อลงจากรถปารมีเกือบจะกระโดไปข้างกายพี่สาวราวกับกลัวสัจจะจะกัด ฝ่ายชายนึกยัวะขึ้นมาเหมือนกัน เขาหมั่นไส้กับท่าทีรังเกียจรังงอนของเธอจึงต่อว่าเข้าบ้าง
“ไม่กัดหรอกน่า” ป่านแก้ว หันมาขอโทษเพื่อน
“ขอโทษนะจ๊ะ น้องปิ๋มไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน”
โธ่เอ๊ยยัยป่านบ้องตื้นตัวโดนน้องหลอกยังไม่รู้ !อีกสัจจะนึกสมเพชเพื่อน
ป่านแก้วเดินนำ โดยที่ปารมีเกาะแขนติดหนับ พนักงานต้อนรับชายเข้ามาถามทันที
“คุณป่านใช่มั้ยครับเชิญทางนี้” บริกรเดินนำป่านแก้วเข้าไป
“จองโต๊ะไว้เหรอ”
“ป่านนัดกับขิมไว้นะ มื้อใหญ่นะวันนี้”
ขิมยิ้มโชว์ฟันตัดกับสีผิวส่งมาให้คนรัก เลื่อนเก้าอี้ให้ป่านแก้ว ขณะสัจจะเลื่อนให้ปารมี ป่านแก้วแนะนำ
“นี่พี่ขิม นี่น้องปิ๋มไงที่งานศพย่า จ๊ะอุ้มแต่คุณอามาเอ็ด” ปารมีหน้าแดงเข้มเช่นเดียวกับสัจจะเมื่อถูกฟื้นความหลังซึ่งๆหน้า
“โตเป็นสาวแล้วเรียนจบหรือยัง”
“แล้วค่ะอนุปริญญาคุณแม่ไม่ให้เรียนต่อ”ปารมีตอบ เหลือบเห็นขิมโอบบ่าป่านแก้วขณะส่งเมนูให้
หญิงสาวหันไปทางสัจจะอย่างงุนงง สัจจะไล่นิ้วตามรายการอาหารทำทีว่าไม่สนใจ หากว่าแอบมองไม่ให้เจ้าตัวรู้ ปารมีทำหน้าเลิกลัก มองคนนั้นทีคนนี้ทีก่อนจะหลุบตาลงมองมือตนเอง แล้วจึงได้คิดว่า เธอเข้าใจสัจจะผิดอย่างมหันต์ทีเดียว
“สั่งอาหารมากินกันเถอะ อ่านอยู่นั่นป่านสั่งนี่ให้ขิมด้วยนะ”
ป่านแก้วสั่งให้ สัจจะวางเมนูปารมีเลื่อนไปอย่างขลาดๆ สัจจะว่า
“สั่งเงือกมาสับเล่นสักตัวคงดี” ปารมีสะดุ้งในใจ รู้ว่าเขากระทบกระเทียบ
“เขียนมาแล้วหรือรูปเงือก” ขณะถามขิมคนหัวไวตวัดตามองปารมีวูบหนึ่งแล้วจึงจับตามองเพื่อน สัจจะเลื่อนสายตาไปทางอื่น ซ่อนยิ้มไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็นชัดนัก “นายวาดให้ฉันสักรูปสิจะไปติดไว้ทีห้องหอ”
“หอไหน” ป่านแก้วย้อนถามคนข้างตัว ขิมยิ้มเห็นเขี้ยวเก๋มุมปาก
“หอระฆังมั้งป่าน”
“พูดไม่เคยทันนายสักทีสิน่า” เธอว่าคนรัก
“ฉันวาดแล้วล่ะขิมรูปอิเหนาเข้าหาบุษบา” แล้วก็เอาเจ้าตัวนั่นละเป็นแบบ
“บ๊ะรู้ใจจริงนะว่าชอบ พระเพลาทับเพลาน้องพลางชม” เขาท่องบทละครได้ขึ้นใจ
“นายเคยบอกตอนอยู่มอสี่ ว่าถ้าเลือกบทละครได้จะเป็นอิเหนาเข้าถ้ำไงไม่เสียค่าห้อง”
ป่านแก้วตาเขียวใส่คนรัก เขารีบโอบไหล่อีกฝ่ายเข้ามารัดตัวหัวเราะเก้อๆ
“อดีตน่า เด็กมันก็พูดตามประสา เรื่องตั้งเกือบสิบกว่าปียังจำไว้อีก มันน่าเตะ”
“ฉันไม่ใช่คนลืมง่ายนี่ขิม”สัจจะรวนเข้าใส่ใครคนหนึ่งที่ร่วมโต๊ะใบหน้าอ่อนเยาว์เผือดไป
“นายอยู่ที่บ้านหรือเปล่า ถ้าอยู่ เราไปเอาภาพเย็นนี้เลย”
“ขิมล่ะก็ใจร้อน” ป่านแก้วว่าเพราะถ้าอยากได้อะไรจะเอาให้ได้เดี๋ยวนั้นแม้แต่เธอก็เช่นกัน หวานหว่านล้อมจนเสียท่า
“ปิ๋มไปเที่ยวบ้านจ๊ะมั้ยบ้านมันเหมือนรีสอร์ตเลยสวย สงบเงียบดีด้วย เออแล้วนี่ปิ๋มอยู่กับป่านหรือเปล่า”
“ค่ะ” เธอรับคำ ขิมสบตาคนรักแวบหนึ่ง
มิน่าโทรไปหาก็บอกไม่ว่างยันเตจะไปหาด้วยตัวเองก็บอกว่าไม่ได้ วันนี้ตื้อให้มาทานกลางวันยอมมาได้ที่แท้มีน้องสาวมาอยู่บ้านด้วยนี่เอง
เวลาต่อมาป่านแก้วนำรถไปที่บ้านก่อนจะพาน้องไปบ้านของสัจจะ สัจจะพาขิมไปดูภาพวาดที่เขาว่า
“เฮ้ยป่านมาดูนี่” เขาฉุดข้อมือป่านแก้วให้ไปดูรูป ฉกฉวยโอกาสสอดนิ้วรัดรึงนิ้วด้วยความคิดถึงยิ่งนัก“ป่านว่าเหมือนขิมมั้ย”
“จ๊ะคงแอบเอาขิมไปเป็นแบบล่ะสิวาดซะหล่อเชียวแล้วทำไมเป็นอิเหนาด้วยล่ะ”
“ก็มันเจ้าชู้เหมือนอิเหนา” สัจจะใส่ไฟ “แล้วรูปนี้จะเอาเมื่อไรป่านบอกให้แล้วไมเอาจะยึดเก็บแล้วนะ”
“เอาสิขึ้นตั้งโชว์อย่างนี้ใครคงเข้าใจว่าเป็นคนรักนาย” ขิมพูดแทนป่านแก้วแต่จี้ใจปารมี
“เราจะเอาไปไว้ที่คอนโดเองเอาไปวันนี้แหละรูปนี้ด้วยน่ะ” เขามองรูปอิเหนาอย่างพึงพอใจยิ่ง
ปารมีแอบมองสัจจะ หลายครั้งที่สบตากันขิมกระซิบกับป่านแก้วเมื่อมานั่งคุยกัน สัจจะเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัว
“ท่าทางจะได้น้องเขยแล้วมั้งป่าน”
“อะไรกัน”
ปารมีก้มหน้างุดเมื่อสัจจะกลับมาร่วมวง น้ำตาลวิ่งถือโทรศัพท์มือถือมาให้สัจจะ
“ครับอ้อครับผมจะไปหาพรุ่งนี้ครับที่แกลอรี่ของคุณริชาก็ได้ครับ...ครับ...ครับ”
จบเรื่องงาน สัจจะวางไว้ใกล้ตัวบอกเพื่อน
“เจ้าของแกลอรี่เขาซื้อมาให้เขาบอกขี้เกียจมาตามถึงบ้าน นายบอกจะหารถให้ฉัน”
“ดูแล้วรอพระเดชพระคุณไปจ่ายเงินอยู่ สนนราคาพอสมน้ำนมเนื้อไม่แพงเกินไปสภาพดี รถขาดไฟแนนส์ของพวกๆกัน”
“นายมีพวกที่ทำรถขาดด้วยหรือ” ขิมในวันนี้เกินชั้นเพื่อนไปแล้ว
“พวกผู้จัดการไฟแนนซ์ซิโว้ย”
“ตาขิมล่ะคุยเขื่อง” ป่านแก้วค้อนคม “ตอนเป็นเด็กจ๊ะชอบโม้ตาขิมชอบขรึม โตขึ้นไหงสลับกันได้ไม่รู้
“คนมันน่ารักขึ้น” ขิมเข้าข้างตัวเองอีก ปารมีเผลอหัวเราะคิก สัจจะพลอยสดชื่นไปด้วย
“กลับเถอะ” ป่านแก้วชวนกลับ
“ทำไมรีบล่ะ” สัจจะยังเสียดายขิมรู้เท่าทัน จึงกระเซ้าอีกฝ่ายกลับไป
“ที่ว่ารีบนั้นจะให้ใครช้าล่ะพ่อจิตรกร” สัพยอกเพื่อน แต่ปลายตามองหญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา
“เดี๋ยวจะเอาไม้ซีกจิ้มไม้ซุงซะ” สัจจะว่า“พรุ่งนี้ฉันไปดูรถนะขิม”
“ตกลง”
สัจจะส่งเพื่อนขึ้นรถ โดยที่หัวใจของเขากระโดดตามไปนั่งข้างสาวคนที่เอาแต่ชายตามองมาที่ตนเองด้วยท่าทีสำนึกผิด ทำให้สัจจะอยากสารภาพกับป่านแก้ว และขิม จากนั้นคิดยึดตัวปารมีไว้ เขาคิดได้ แต่ไม่อาจทำได้ในเวลานี้เลย!!




 

Create Date : 06 กันยายน 2554
0 comments
Last Update : 6 กันยายน 2554 10:03:42 น.
Counter : 525 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นางแก้ว ดาราพร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add นางแก้ว ดาราพร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.