น า ง ฟ้ า ห น้ า ห ม ว ย
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
28 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
พิจารณา"ความตาย"ด้วยใจสงบ




ครั้งแรกที่เรารู้สึกเกี่ยวกับ"ความตาย" เกิดขึ้นเมื่อเราอายุได้เก้าขวบ มีอยู่คืนหนึ่งและอีกหลายๆ คืนที่เรานอนหลับและครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จิตใจตอนนั้นเศร้ามาก เพราะเราเติบโตมาพร้อมกับครอบครัวที่อบอุ่น เรานึกถึงพ่อ แม่ และน้องๆ คิดเลยไปว่า หากวันหนึ่งเราต้องจากกันไป คงเป็นวันที่แสนเศร้าและไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย


...ความสุขนั้นมีอยู่ แต่จิตก็กลัวว่าวันหนึ่งมันจะหายไปพร้อมกับความตายที่มาพลัดพรากจากกัน
เราร้องไห้และหวาดกลัวอยู่เงียบๆ อย่างที่เด็กเก้าขวบไม่รู้ว่าจะจัดการความคิดเรื่องนี้อย่างไร


และไม่เข้าใจตัวเองด้วยว่า ทำไมเราถึงมาคิดเรื่องน่ากลัวอย่างนี้ เป็นอย่างนี้อยู่หลายคืน แต่พอรุ่งเช้า...ความรู้สึกนั้นก็จางไป และเข้ามาแทนด้วยภาพสนุกสนานในวัยเรียนแทน เป้นเช่นนี้อยู่เป็นประจำนานหลายปี


ศาสนาพุทธที่เรารู้จักในเวลาต่อมา กลับสอนให้มองเรื่องนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำลายความกลัวเกี่ยวกับความตายไปกว่าครึ่ง ที่เรากลัว...เพราะเราไม่รู้ต่างหาก


เราไม่รู้ว่า จริงๆ แล้วเราเกิดและตายมานับอนันตชาติ ความตายเป็นประตูที่เราเดินผ่าน เข้าออกและวนเวียนอยู่ในวงจรนี้มานานแสนนานแค่ไหน


...เราบอกว่าเราเกลียดและกลัวความตาย แต่เราก็เต็มใจที่จะตายแล้วๆ เล่าๆ อย่างคนที่ตายไม่จริงเสียที เพราะเรายังไม่เข้มแข็งพอที่จะหยุดกิเลส ตรงข้าม...เรากลับยอมตายเพื่อบูชากิเลส ตัณหา ราคะ ความอยากได้ อยากเป็น อยากมี ที่ตรึงเราไว้ในวัฎสงสาร


ในเมืือเราไม่รู้...และยังหวาดกลัวอยู่ เราก็ต้องทำให้จิตตรงนี้"รู้"ให้ได้เพื่อที่จะได้ไม่หวาดกลัวอีก
น่าประหลาดที่หิ้งหนังสือธรรมะเรา มีหนังสือที่พูดถึงความตาย
อยู่หลายเล่มทีเดียว


เล่มแรกที่เราซื้อสมัยมหาวิทยาลัย...คือของท่านพุทธทาสภิกขุ "ตายก่อนตาย...ดับไม่เหลือ"
เป็นคำสอนที่เขียนไว้ง่ายๆ แต่ลึกซึ้ง ท่านสอนให้เราตายก่อนที่จะตายจริง นั่นคือ...การดับตัวกู-ของกูให้ได้ และตลอดชีวิต ท่านมุ่งสอนอยู่เรื่องเดียวจริงๆ


"เสียดาย...คนตายไม่ได้อ่าน" ปาฎิหาริย์ของหนังสือเล่มนี้แจ้งเกิดนักเขียนนาม"ดังตฤณ" จนเกิดการพิมพ์ใหม่ซ้ำแล้วซำเล่า เราไม่พลาดที่จะซื้อมาอ่านแล้วก็ไม่ผิดหวัง หนังสือเล่มนี้ทำให้เราคิดได้ว่า เราเลือกที่จะเกิดไปเป็นอะไรก็ได้ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ


"ใครกลัวตาย...ฟังทางนี้" เป็นเล่มต่อมาของ อ.ศุภวรรณ หลังจากที่เขียนเรื่อง "อวดอุตริมนุษธรรมที่มีในตน" จนเป็นที่ฮือฮาและวิพากษ์วิจารณ์กันหลากหลาย เรามองแก่นของเรื่องนี้คือ
การใช้ความตายเป็นโอกาสที่จะจับรถไฟขบวนสุดท้ายไปสู่พระนิพพาน


"ถ้าชีวิต...มิได้สิ้นสุดที่ความตาย" ก็เป็นอีกเล่มที่เรามักติดตัวเวลาไปบิน มีทั้งเรื่องเล่า เรื่องอ้างอิง
น่าสนใจมากมาย ท้งประสบการณ์หลังความตาย ฯลฯ


บางทีเราคิดว่า...ตัวเองหมกมุ่นไปหรือเปล่า แต่เมื่อเราสำรวจจิตใจแล้ว กลับพบว่า การพิจารณาความตายอยู่เนืองๆ เจริญมรณานุสติอยู่เป็นประจำ ทำให้จิตใจเราเบาขึ้น และตัดทอนกิเลสได้บางตัว แม้ไม่หมดแต่ก็จางไป


เรานำเรื่องนี้มาใข้ในการทำงาน มีอยู่หลายครั้งที่เครื่องบินตกหลุมอากาศ น่าหวาดเสียว อกสั่นขวัญแขวนหรือมีเหตุการณ์ที่เครื่องยนต์ขัดข้อง แทนที่จะตกใจ เราพบตัวเองนั่งสงบใจอยู่บน jump seat ได้แต่คิดว่า หากเกิดเหตุการณ์ที่เราจะต้องถึงแก่ชีวิตจริงๆ จิตสุดท้ายของเราจะต้องสงบ ไม่กระจัดกระจายไปไหน จิตจะต้องมีสติตลอดเวลา แต่เราก้เห็นว่าตัวเองยังมีความหวาดกลัวสารพันที่ตามมาหลงเหลืออยู่


เรากลัวว่า ยังไม่ได้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่เต็มที่ ยังไม่ได้ทำอะไรอีกหลายอย่างที่อยากจะทำ
ความคิดถึงคนข้างหลังยังมีห่วงอยู่มากมายสารพัด สารพัน ตรงนี้ที่ยังมีความรู้สึกอยู่อีกมาก


ยามคับขัน จะทำให้เราเห็นจิตตัวเองว่าแกร่ง หรือ อ่อนแอชัดเจน เหมือนครั้งที่เราต้องเผชิญกับเรื่องวิญญาณหรือแม้กระทั่ง สิ่งที่เราคิดไปเอง เราก็น้อมมามองจิตแทนที่จะเพ่งไปทีเรื่องอื่น


เรามองความตายผ่านผู้คนที่เราเกี่ยวข้องด้วย คนที่ทำไม่ดีกับเรา แม้ว่าเขาจะรำ่รวย ดูดีแค่ไหน
สุดท้าย ทุกคนก็ต้องบ่ายหน้าไปสู่ความตายเหมือนกัน จะมีแต่ความดีเท่านั้นที่เอาติดตัวไปได้ในภพหน้าเป็นเสบียง ความคิดอย่างนี้...ทำให้เราปลงได้ และให้อภัยไม่ถือสาได้ง่ายขึ้น


ความตายที่รออยู่เบื้องหน้า...ทำให้เราไม่ประมาทกับการใช้ชีวิต ความตายไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นคนแก่เฒ่า อาจเป็น...คนหนุ่มสาว หรือ แม้แต่เด็กทารก เราไม่มีวันล่วงรู้ความตายของตัวเอง และถึงแม้จะมีผู้รู้ อย่างพระอริยสงฆ์หลายรูปในอดีต ท่านก็สามารถที่จะปล่อยวางและเตรียมพร้อมที่จะตายได้ด้วยจิตใจสงบ ผิดกับเราๆ มนุษย์ที่ยังมีความหวาดกลัว หากได้รู้มรณกรรมของตัวเอง คงจะตื่นตระหนกเป็นอย่างมากถ้าไม่ได้ฝึกจิตเอาไว้


หากคนทุกคนหมั่นระลึกถึงความตาย และเตรียมพร้อมที่จะตายอย่างชาวพุทธที่เน้นการสร้างกุศล
ทำความดี มากกว่าที่จะมุ่งแสวงหา ลาภ ยศ สรรเสริญ ความสุขทางโลก ซึ่งตายไปแล้วเอาอะไรไปไม่ได้สักอย่างเดียว ชีวิตเราก็จะไม่ร้อนรุ่ม บ้านเมืองคงไม่วุ่นวายเหมือนดังเช่นทุกวันนี้


ระลึกถึง ความตาย สบายนัก
มันหักรัก หักหลง ในสงสาร
บรรเทามืด โมหันธ์ อันธการ
ทำให้หาญ หายสะดุ้ง ไม่ยุ่งใจ





Create Date : 28 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2551 9:18:45 น. 3 comments
Counter : 759 Pageviews.

 
มาลงชื่อไว้ก่อนค่ะ

"อรุณสวัสดิ์" นะคะ คุณนางฟ้าฯ


โดย: ธาร นาวา วันที่: 29 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:29:42 น.  

 
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ครับ

ตอนบังสุกุลผ้าพระท่านยังบอกเลยว่า อนิจจัง วัฏฏะสังขารา

ผมมีหนังสืองานศพของคุณตาว่าด้วยเรื่องนี้ ถ้ามีโอกาสจะส่งไปให้นะครับ


โดย: helldiver วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:1:23:44 น.  

 
อ่านแล้วได้ข้อคิดไปด้วยเลยค่ะ..


โดย: tiktoth วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:5:31:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

บินปร๋อ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นางฟ้าหน้าหมวย...

ผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้เดินตามความฝันตัวเอง ติดปีก บินปร๋อละล่อง ท่องโลกไปด้วยใจรัก มีงานอดิเรกคือการเขียนหนังสือ บทกวี นิยาย เรื่องสั้น ฯลฯ

สมัครใจที่จะเป็นพุทธบริษัทที่ดี เดินตามรอยพระพุทธองค์ ใช้ธรรมะในการดำเนินชีวิต แม้สิบกว่าปีผ่านไปก็ยังคงออกตัวว่าเตาะแตะนักในทางธรรม

และกำลังพยายามที่จะจัดการชีวิตอันมีค่านี้ ให้เข้ารูปเข้ารอยอย่างมีความสุขในทุกๆ วัน

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมบล็อคและทำให้เจ้าของยิ้มหวานและหายเหนื่อยได้หลังเครื่อง Landing ... มิตรภาพไซเบอร์น่ารักอย่างนี้นี่เอง ^^





Friends' blogs
[Add บินปร๋อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.