นานาสาระ
จิปาถะ
เรื่องรัก-เรื่องลับ
บ่น บ่น
Travel By Nana
My Food
กันยายน 2551
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
17 กันยายน 2551
แม่จ๋า ทำไม ทำไม&ทำไม !??
5 วิธีง่ายๆ ในการลดความอ้วน
เกี๊ยวทอดปูอัดชีส
ต๋ง หม่ง เหมียว ขื่อ
คำทำนาย ทายนิสัย จากน้ำที่ชอบกิน
สไตล์การแต่งตัวของแต่ละราศี
แม่จ๋า ทำไม ทำไม&ทำไม !??
5 วิธีง่ายๆ ในการลดความอ้วน
แม่จ๋า ทำไม ทำไม&ทำไม !??
เมื่อเจ้าตัวน้อยวัย 2-3 ขวบของเราเริ่มพูดได้ดีขึ้น ก็เริ่มจะมีพฤติกรรมบางอย่างที่บางทีทำให้พ่อแม่อย่างเรารู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเจ้าตัวน้อยช่างซักช่างถามดี ช่วงแรกๆ ก็เริ่มจากคำถามว่าโน่นอะไร นี่อะไรมาให้เราตอบ พอสักประมาณ 3 ขวบขึ้นไปคำถามว่า อะไรก็จะกลายมาเป็น ทำไมอย่างนั้น ทำไมอย่างนี้ ทำไม ทำไม และทำไม เล่นเอาเราจนต่อคำถามไปเลยก็มี
เจ้าหนู 100 คำถาม
เคยสังเกตกันไหมเอ่ยว่าในแต่ละช่วงวัยคำถามติดปากของลูกคืออะไร
ลูกเรากลายเป็นเจ้าตัวน้อยที่เต็มไปด้วยคำถามเมื่อไหร่กัน
คุณหมออัมพรเฉลยให้ฟังว่า...
พอเจ้าตัวเล็กสุดที่รักของเราอายุย่างเข้าขวบปีที่ 2 ลูกจะพูดได้ดีขึ้น
รู้คำศัพท์เพิ่มมากขึ้น ในช่วงนี้เจ้าตัวเล็กก็ดูเหมือนจะอยากรู้จักสิ่งรอบๆ ตัวไปหมด
เมื่อเห็นอะไรที่เขายังไม่รู้จัก ก็จะชี้นิ้วไปแล้วถามว่า "นี่อะไร" "นั่นอะไร" เพราะว่าในช่วงนี้เจ้าตัวน้อยกำลังรับข้อมูลเข้าสู่สมอง
อยากรู้ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เขาเรียกว่าอะไรกัน
เพื่อที่จะได้เรียนรู้ศัพท์ต่างๆ ให้มากขึ้น
รวมถึงอยากที่จะหัดพูดคำต่างๆ ให้มากขึ้นด้วยค่ะ
วัยที่ลูกเริ่มต้นคำถาม ทำไม นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 3 ขวบไปแล้ว
เพราะวัยนี้ลูกจะพยายามเชื่อมโยงเหตุการณ์หนึ่งๆ เข้ากับอีกเหตุการณ์หนึ่ง และคำถามว่าทำไมของลูกเป็นตัวสะท้อนถึงเหตุและผลของปรากฏการณ์นั้นๆ
ลูกเริ่มมีความอยากรู้อยากเห็นเกีร่ยวกับที่มาที่ไปของสิ่งรอบๆ ตัว
อย่างเวลาที่ลูกพบเห็นอะไรก็จะมาถามเราว่า ทำไม ทำไม
"ทำไมพระอาทิตย์ขึ้น"
"ทำไมหนูชื่อลูกเจี๊ยบ" อย่างนี้เป็นต้น
"ลูกจะเริ่มเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ ในลักษณะของการเป็นเหตุเป็นผล
มีความต่อเนื่อง ความสนใจของลูกในช่วงนี้เรียกว่าเป็นพัฒนาการทางด้านสติปัญญาสัมพันธ์กับพัฒนาการทางด้านภาษา"
ส่วนเจ้าตัวเล็กวัย 2 ขวบที่ชอบถามคุณพ่อคุณแม่ว่าทำไมนั้น
ในช่วงนี้เป็นช่วงวัยแห่งการเลียนแบบค่ะ
ดังนั้นคำถาม ทำไม ของลูกจึงเป็นคำถามแบบติดปาก
หรือว่าพูดตามผู้ใหญ่เสียมากกว่า ยังไม่อยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจอย่างแท้จริง
หรือว่ายังไม่อยากรู้คำตอบที่แท้จริงค่ะ อย่างบางบ้านที่คุณพ่อคุณแม่ติดคำถามว่า "ทำไม" ลูกก็จะพูดคำว่า "ทำไม ทำไม" ตาม
เหมือนกับคุณพ่อคุณแม่ที่ติดคำพูดว่า "อย่า" "ไม่" ลูกก็จะ "อย่า" หรือ "ไม่" ตาม
เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่นั้นคือต้นแบบของลูกนั่นเอง
อย่างนี้คงจะเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นได้ใช่ไหมนี่
พอจะรู้ที่มาที่ไปของคำถาม ทำไม ของเจ้าตัวเล็กแล้วเรามาดูวิธีรับมือกับรถด่วนขบวนคำถามของลูกกันค่ะ
ตอบสั้นๆ ง่ายๆ แต่เข้าใจ
คำถามว่าทำไมของลูกเราอยู่บนพื้นฐานของความอยากรู้ของเด็ก
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จะต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า
นี่เป็นความน่าชื่นชมอย่างหนึ่งของลูก และคำถามที่ออกมานั้นแสดงให้เห็นว่าลูกของเราโตขึ้น พัฒนาขึ้น
และเราก็มีหน้าที่ที่จะต้องตอบสนองพัฒนาการตรงส่วนนี้ของลูก
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราควรจะทำเมื่อเจ้าตัวเล็กยิงคำถามมาก็คือ การให้ข้อมูลแก่ลูก
ปัญหาของคุณพ่อคุณแม่ที่เผชิญในช่วงนี้ก็คือ
ควรจะตอบลูกอย่างไรดี คำแนะนำคือให้ตอบสั้นๆ ง่ายๆ
ใช้เหตุผลที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ไม่ต้องอธิบายกันให้มากความ
เช่นถ้าลูกถามว่า "ทำไมหนูถึงชื่อลูกเจี๊ยบ"
ก็อาจจะตอบเพียงสั้นๆ ได้ใจความว่า
"ก็เพราะว่าพ่อแม่ตั้งให้หนู หนูเลยชื่อลูกเจี๊ยบ"
ลูกก็จะเข้าใจได้ง่ายว่า อ้อ เพราะคุณพ่อคุณแม่ตั้งให้นั่นเอง
ไปเล่นกันเถอะ
ถึงแม้เราจะตอบคำถามลูกคำตอบแล้วคำตอบเล่า
ลูกก็ยังไม่หายสงสัยอยู่ดี เราที่เป็นพ่อแม่ก็อาจจะรู้สึกเหนื่อยล้า
หรืออาจจะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาได้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ต้องระวังเจ้าความรู้สึกหงุดหงิด
ความรู้สึกรำคาญของเราเอาไว้ให้ดี เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นอาจทำให้เราตอบคำถามลูกอย่างผ่านๆ
หรือตอบประชดประชันกันได้ ซึ่งบางครั้งคำตอบในลักษณะนี้ของเราจะยิ่งไปยั่วยุให้ลูกรู้สึกอยากถามมากขึ้น
กลายเป็นการเอาชนะกันทางอารมณ์ไป
คำแนะนำสำหรับเรื่องนี้ คือคุณพ่อคุณแม่ควรจะรู้อารมณ์ของตัวเองก่อนว่า ตอนนี้เราอยู่ในอารมณ์แบบไหน
ถ้ายังไม่พร้อมที่จะมานั่งตอบคำถามลูกแบบดีๆ
ก็ให้เบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าตัวน้อยไปเรื่องอื่นเสียเถอะค่ะ
และถ้าเราเริ่มจะจนกับคำถามของลูกแล้วละก็
ให้ใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจไปเรื่องอื่น
แล้วก็ขอติดคำถามของลูกเอาไว้ก่อน ไว้ไปตอบคราวหน้าก็ได้ค่ะ
ย้อนถามกลับไป
อีกวิธีหนึ่งที่ใช้ได้ก็คือ ย้อนถามกลับไปให้ลูกได้คิดเองด้วย
แทนที่จะเป็นฝ่ายถามเราฝ่ายเดียว เราก็ลองย้อนถามกลับ
"แล้วหนูคิดว่ายังไง หรือ คิดว่าเพราะอะไร"
ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งค่ะ
แต่ก่อนที่เราจะย้อนถามลูกกลับนั้น เราควรจะให้ข้อมูลเบื้องต้น
ง่ายๆ สั้นๆ แก่ลูกก่อนค่ะ เมื่อลูกเริ่มมีความเข้าใจทางภาษาดีแล้ว
ก็อาจจะย้อนถามเขาว่า "แล้วหนูคิดว่ายังไง หนูว่าเป็นเพราะอะไร"
พร้อมกับสอนให้ลูกได้ใช้คำให้หลากหลายในการเชื่อมโยงเหตุผล
จาก ทำไม มาเป็น เพราะอะไร แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป ฯลฯ
Create Date : 17 กันยายน 2551
Last Update : 4 ตุลาคม 2551 0:49:26 น.
0 comments
Counter : 389 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
na2sayjin
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Tang_Siri
ปลายฟากฟ้า
เกดจัง
ellie@aggie
helldiver
benopenair
fuku
Daytime Lantern
นู๋Poopy
YuRaGi
fahtsuki
แมวจอมกวน
tuk-tuk@korat
ก้าบ ก้าบ
shindomaru
peacelili
cream20th
some dance to remember
porpoise
Favorite Nightmare
jeabjajeab
Omiya
Pattylala
zuling68
ChocoRune
UnderSunShine*
แม่อบเชย
พระจันทร์สัญจร
สาวญี่ปุ่น
บ้านอุ่นรัก
matsudo
sugarrain
rsupa
wicsir
Prune
Jeban
-ทำเป็นเล่นไป-
omechina
กล้วยหอมรสนม
เลขาตัวซน
cutie_nitty
Webmaster - BlogGang
[Add na2sayjin's blog to your web]
เมียจิน
คุณนายอาคานิชิ
nana
nesumi
pukku
fat-but-cool
คุณนายคาเมะนาชิ
hisano
ba-ba-li
killer-club
Bloggang.com