<<
สิงหาคม 2557
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
20 สิงหาคม 2557
 

เมื่อสุนัขเป็นพยาธิเม็ดเลือดแบบเฉียบพลันเกือบตาย แต่รักษาหายได้


สวัสดีเพื่อนชาว Blog ทุกคนค่ะ ห่างหายไปนานเพราะสารพัดปัญหาจะรุมทึ้ง ล่าสุดเมื่อลูกชายสี่ขาสุดที่รัก เป็นโรคพยาธิเม็ดเลือดแบบเฉียบพลัน กะทันหันและทรุดอย่างรวดเร็ว

 
 
สาเหตุก็คงมาจากความสงสารและฟีโรโมนด้านการเรียกฝูงหมาของตัวเราเอง  ปกติหน้าบ้านก็จะมีบรรดาสุนัขจรมานอนอยู่บ่อยๆเพราะมีต้นไม้เยอะร่มเย็นและเราที่มีใจรักอยู่แล้วก็จะมีสุนัขจรผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเรื่อย ซึ่งการมีหมาจรมานอนแบบนี้ก็เสี่ยงต่อโรคและเห็บหมัดอยู่แล้ว แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจในศักยภาพการป้องกันหมาตัวเอง แต่อย่างว่าชะล่าใจและมั่นใจมากไปหน่อย สวรรค์จึงส่งบทลงโทษมาให้รู้ว่า"อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ" 
 
ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ก็มีแม่หมาตัวนึงที่กำลังอุ้มท้องก็มายึดพื้นที่หน้าบ้านและไม่นานก็คลอดลูก ซึ่งลูกหมานั้นก็โตอย่างรวดเร็ว ซึ่งจริงๆแล้วในซอยบ้านจะมีคนใจบุญ(แบบห่างๆอย่างห่วงๆฮึๆ) คือมีหมาหลงมาก็จะให้ข้าวจนหมาก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆแต่ถ้าป่วยไม่รักษา เวลาหมาพวกนั้นไปนอนที่บ้านเค้าก็จะไล่มัน พวกมันก็เลยมานอนที่บ้านเรา แต่ไม่นานลูกหมาก็ตายโดยไม่ทราบสาเหตุและตัวแม่มีเลือดไหลจากตัวอยู่บ่อยๆ เราก็ยังสงสัยว่าเกิดจากอะไรโดนหมาอื่นกัดไหมก็ไ่ม่น่าจะใช่..จะเอาไปหาหมอมันก็วิ่งหนีเข้าป่าเวลาเราเข้าใกล้
 
 
ส่วนตัวเคยได้ยินชื่อ "พยาธิเม็ดเลือด "มานานแต่ไม่รู้ลึกและไม่รู้ถึงอาการที่เป็น และค่อนข้างกลัวโรคนี้แต่ไม่มีวัคซีนใดป้องกันได้จริง จากที่เคยเลี้ยงสุนัขมาจำนวนมากมาก่อนแต่เลี้ยงในบ้านสวนที่มีการแบ่งสัดส่วนและค่อนข้างห่างไกลผู้คนและสุนัขตัวอื่นๆ มีเห็บหมัดเยอะบ้าง น้อยบ้างเป็นเรื่องปกติของการเลี้ยงจำนวนมากแต่ก็ไม่เคยมีตัวไหนเป็นโรคพยาธิเม็ดเลือดเลย ดังนั้นการที่สุนัขจะเป็นโรคพยาธิเม็ดเลือดได้ไม่ใช่เพราะมีเห็บหมัดเยอะ แต่เพราะถูกเห็บที่มีเชื้อกัด แค่เพียงตัวเดียวเท่านั้นก็ติดเชื้อได้เลย บางครั้งสุนัขอาจถูกกัดมานานแล้วเชื้อแฝงตัวอยู่รอวันที่ร่างกายอ่อนแอแล้วกำเริบ หรือโดนกัดและออกอาการทันที แม้แต่เครื่อง Test ( SNAP® 4Dx® Plus Test)  ที่ใช้ตรวจโรคนี้เฉพาะก็ไม่แสดงผล วิธีที่จะป้องกันได้บ้างคือการตรวจเลือดสุนัขทุก 6 เดือน ถ้าเกล็ดเลือดต่ำก็เข้าข่ายโรคนี้ได้
 
ซึ่งชุดตรวจจะมีราคาค่อนข้างสูง ราคาอยู่ประมาณ 500 -ขึ้นไป แต่ความน่าเชื่อถือสูง สามารถบอกได้ว่าสุนัขเป็นพยาธิเม็ดเลือดชนิดใด แต่บางครั้งถ้าเป็นชนิดฉับพลันก็จะไม่แสดงผล
 
 
 
จุดเม็ดแรก คือจุดที่บ่งบอกว่าเครื่องทดสอบนี้สามารถใช้งานได้ และจุดอื่นๆคือจุดที่บอกชนิดของพยาธิ ซึ่งวิธีตรวจคือการเจาะเลือดสุนัขและหยอดลงไปตรงช่องสีแดง ซึ่งวิธีการให้สัตวแพทย์เป็นผู้ทำจะดีกว่านะคะ
 
 
 
ชนิดความร้ายกาจของพยาธิ จะไม่ขอพูดถึงนะคะ สามารถหาได้จาก google แต่ไม่ว่าจะเป็นชนิดไหนอาการก็แสดงออกคล้ายๆกัน ซึม เบื่ออาหาร เยื่อเมือกจาง ลิ้นซีด เหงือกซีด อ่อนแรง ไข้สูง บางตัวถึงขั้นมีเลือดกำเดาไหล มีจ้ำเลือดที่ผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณท้อง อาการหลักที่น่ากลัวคือโลหิตจาง เกล็ดเลือดต่ำ ที่ทำให้สุนัขเสียชีวิตได้
 
 
จากนี้ เป็นเรื่องราวของลาเต้นะคะ ว่าเกิดขึ้นอย่างไรและรักษากันยังไง
 
15 ส.ค.57 
 
ปกติแล้วลาต้จะตื่นเป็นตัวแรกและมาปลุกเราให้ตื่น แต่วันนี้ไม่ยอมออกจากที่นอนและดูไม่ร่าเริงเหมือนทุกวัน แต่ก็ยังเดินไปมาและเล่นกับเจ้าคาปูชิบ้าง แต่ลาเต้ไม่กินน้ำและขนมที่ชอบเลย จนฉี่มีสีเหลืองเข้ม
 
 
 
และช่วงบ่าย นอนเยอะผิดปกติ เริ่มไม่ขยับตัวและหายใจเหนื่อยๆ ฉี่เริ่มสีเข้มขึ้นเรื่อยๆจนออกสีส้มและไม่ทานอาหารเลย แม้จะต้มเนื้อไก่แบบไม่ปรุงรสให้ก็ไม่กิน ตัวเริ่มอุ่นๆมากขึ้น แต่ต้องรอคุณหมอประจำที่จะเปิดคลีนิคตอนเย็น จึงคอยป้อนน้ำและเช็ดตัว แต่ไม่ยอมกินน้ำเลย
 
ฉี่สีเข้มขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นสีเลือด
 
จนกระทั่งพาไปหาคุณหมอ ก็มีไข้สูงแล้วมีสภาพอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด ลิ้นเและเหงือกเริ่มซีดลง ด้วยความที่เป็นคุณหมอประจำก็มีประวัติอยุ่แล้วการซักอาการและการวินิจฉัยก็เร็วขึ้น เริ่มแรกคุณหมอวัดไข้แล้ว ได้ 104.7  ซึ่งถือว่าไข้สูงมาก ขนาดเช็ดตัวบ้างแล้วนะ 
 
อุณหภูมิ
(ฟาเรนไฮท์)
อันตรายที่มีต่อหมา 
100.5-102.5 ปกติดี
103 ไข้ปานกลาง
 104  ไข้สูง
105  ไข้สูงมาก
 106  อันตรายโคม่า
 107  สมองถูกทำลาย
108.5   แย่มากอาจตายได้

คุณหมอจึงฉีดยาเพื่อลดไข้ก่อนอันดับแรก และมีข้อสงสัยในเรื่องเห็บหมัด เป็นสิ่งที่เห็นตรงกันกับคุณหมอเพราะเป็นสิ่งที่กังวลมาเสมอ เนื่องจากมีหมาจรมานอนเกาเห็บหมัดหน้าบ้านและเราได้ปล่อยออกไปวิ่งเล่นแล้วเห็นเห็บหมัดเดินเข้ามาในรั้วบ้านหลายตัวจึงรีบพาสุนัขเข้าบ้าน แม้ตัวสุนัขของเราจะหยอดฟร้อนไลน์พลัสและฉีดกันแล้วก็ตาม คุณหมอจึงได้เจาะเลือด ทันทีที่เจาะเลือดก็พบว่าเลือดจางและเลือดน้อยมาก เข้าข่ายโรคนี้ทันที 
 
เลือดส่วนนึง จะใช้ในการตรวจเครื่อง Test ( SNAP® 4Dx® Plus Test) และเลือดอีกส่วนนึงส่งแลปเพราะตรวจความสมบูรณ์ของเลือดจะรู้ผลในวันถัดไป พอตรวจเครื่องเทสแล้วไม่ขึ้นจุดเลย คุณหมอคิดว่าน่าจะเป็นพยาธิชนิดเฉียบพลัน ไม่ตัดประเด็นพยาธิเม็ดเลือด คุณจ่ายยา 2 ตัว คือยาบำรุงเลือด และยาฆ่าเชื้อแบบก้างปลา
 
กลับถึงบ้านจึงได้แค่ป้อนน้ำแดงและให้พักผ่อนนอนหลับไป
 
 
16 ส.ค. 57 
 
ตอนเช้าตื่นมาพบว่าลาเต้ไม่สามารถยืนได้ ขาอ่อนแรงมากๆ ตัวแข็งและคอพับ ไม่สามารถพยุงศีรษะตัวเองได้ ฉี่เป็นสีเลือด ลิ้นซีดขาวออกม่วงและเหงือกซีดคล้ำ ป้อนยาบำรุงเลือด รอคลีนิคเปิด 9.00 จึงพาไปหาคุณหมอทันที (โชคดีคุณหมอจะเปิดคลีนิคเต็มวัน ส.-อา) คุณหมอบอกอาการแย่มาก เราใจเสีย เหมือนหัวใจหลุดหายไปเลย คุณหมอแนะนำให้น้ำเกลือเพราะลาเต้ขาดน้ำและอาหารรุนแรง พร้อมทั้งให้ยาห้ามเลือดภายในด้วย จำต้องฝากลาเต้ไว้คุณหมอก่อนเพราะให้น้ำเกลือหลายชม. 
 
พอออกจากคลีนิคได้ก็น้ำตาท่วมทุ่งทันที กลับมาถึงบ้านร้องไห้ไม่หยุดจนถึงเที่ยง ร้องจนตาบวมปิดลืมไม่ขึ้น ใจจะขาดมันเป็นแบบนี้เอง ตั้งแต่เลี้ยงสุนัขมาไม่เคยมีตัวไหนต้องให้น้ำเกลือและอาการแย่ขนาดนี้มาก่อน จากนั้นก็ฮึดขึ้นมาหาข้อมูลในเน็ต พยาธิเม็ดเลือดคืออะไร อาการแย่แค่ไหน ต้องบำรุงรักษายังไง ใครเคยเป็นแล้วหายบ้าง ปริ้นมาอ่านทำความเข้าใจและออกไปซื้อหาอาหารบำรุงและอุปกรณ์ที่ต้องใช้เตรียมไว้ก่อนที่จะรับลาเต้กลับมาบ้านช่วงเย็นๆ ทำความสะอาดฆ่าเชื้อในบ้าน หายาฆ่าเห็บหมัดมาฉีดรอบรั้ว 
 
ช่วงเช้าร้องไห้หมดแรงเป็นผีบ้าสภาพแย่กว่าหมา (แฟนว่าเยี่ยงนี้) ช่วงบ่ายก็เป็นผีบ้าอีกเอาแรงที่ไหนมาหาข้อมูลทำความสะอาดบ้าน ออกไปซื้อของเซเว่นหัวฟู ตาจมูกบวมแดง อาหารบำรุงที่จัดสรรมาคือ แบรนด์ซุปไก่สกัด ไข่ต้ม สลิงป้อนยา เกลือแร่ ฯลฯ 
 
โทรหาคุณหมอก็ได้คำตอบว่าดีขึ้นและทานอหารเจลไปได้เยอะ และนัดเวลาไปรับลาเต้กลับบ้าน และจัดอาหารแบบ a/d จากคุณหมอมาด้วย กลับมาถึงก็แกะไข่ต้มเอาแต่ไข่แดงให้ทานและป้อนแบรนด์ไป 2 สลิง ป้อนอาหาร a/d ได้นิดหน่อยกลัวจะอ้วกและพยายามป้อนน้ำโดยสลิง จากนั้นป้อนยาก้างปลา (ควรป้อนหลังอาหาร เพราะยามันระคายกระเพาะ ถ้ากินก่อนอาหารจะอ้วกได้)ลาเต้ยังอ่อนเพลียค่อนข้างมาก เดินเซและทรงตัวไม่ได้ จึงนอนเร็วทั้งคนและหมา สภาพทรุดไม่ต่างกัน
 
 
 
17 ส.ค. 57 
 
เช้านี้ลาเต้ดูมีแรงขึ้นนิดหน่อย คอไม่พับเอียงแล้ว แต่ยังเดินเซ เดินล้มแผละ และลุกขึ้นเองไม่ค่อยได้ ฉี่ยังสีเข้มมากเหมือนเลือด ไม่ขับถ่าย หายใจเหนื่อย วันนี้จึงป้อนอาหาร a/d พยายามป้อนไก่ต้มและอาหารอื่นๆแล้วไม่เอา เบือนหน้าหนี ต้องป้อนอาหารเหลวโดยสลิงก็กัดฟันแน่นต้องง้างปากและพูดหว่านล้อม ป้อนแค่ 5 สลิงใช้เวลาร่วมครึ่งชม. แรงเดินไม่มีแต่แรงกัดฟันไม่ยอมกินนี่มหาศาลเหลือเกิน ป้อนยาบำรุงเลือด แบรนด์ซุปไก่ก็ไม่ค่อยจะกลืน ขนตรงคอเปียกเละเทะเลย ทุลักทุเลมากๆ โดยเฉพาะเราใจอ่อนด้วยเลยไม่อยากบังคับ ช่วงนี้พอสนใจลาเต้มากๆตัวอื่นเริ่มมีปัญหา งอลและไม่ค่อยทานอาหารกัน เรื่องของเรื่องคืออยากจะกินอาหารลาเต้ มาแย่งกินและพัวพันอิรุงตุงนังตอนป้อนตลอด (โอ๊ยย อีแม่มันเครียดจะตายอยู่แล้ว ไยไม่เห็นใจกันบ้าง T^T)
 
 
ตกเย็นจึงพาไปหาคุณหมออีกครั้ง เพื่อปรึกษาเรื่องฉี่เป็นเลือดและการขับถ่าย ด้วยลาเต้นั้นเมารถประจำ    ขากลับจากคลีนิคก็อ้วกชุดใหญ่ อาหารออกมาหมดเลยอาหารก่อนจะป่วยก็ออกมาด้วย วนรถกลับคลีนิคแบบอ้วกเต็มตัวเต็มรถเละเลย  คุณหมอให้ป้อนน้ำแดงเฮลบลูบอยและเป็นไปได้ควรให้เลือด ถ้าวันอังคารยังมีสภาพอ่อนแรงต้องให้เลือดเลย อันตรายแล้ว แต่คุณหมอไม่มีเลือด จึงแนะนำให้เราติดต่อรพ.สัตว์ใหญ่ๆ
 
** เลือดสุนัขหายากมากๆ โทรไปหลายรพ.แล้วก็ไม่มีเลย นอกจากจะหาสุนัขตัวอื่นมาบริจาคเลือด ซึ่งสุนัขที่บริจาคเลือดได้ก็ต้องพันธุ์ใหญ่ อายุถึง แข็งแรงและไม่มีเชื้อโรคและที่สำคัญเลือดต้องเข้ากับสุนัขเราได้ 
 
ถือเป็นประสบการณ์หนึ่งในชีวิต ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเลือดสุนัขนั้นหายากมากๆขนาดนี้ คิดว่าพวกรพ.สัตว์น่าจะมีสำรองอยู่แล้วด้วยซ้ำ 
 
 
แต่ 1 ในรพ.ใหญ่ใกล้บ้านย่านบางเขนที่ติดต่อไม่ได้ (ไม่รับโทรศัพย์สักที ) เราจึงพาลาเต้ไปที่นั่นเพื่อสอบถามว่ามีเลือดไหม รพ.นี้ขึ้นชื่อว่ารอคิวนานมากกกกกกกกกกกก ไปเย็นแต่กว่าจะเจอหมอก็เกือบ 2 ทุ่มธนาคารเลือดปิด ก็ต้องบอกโชคร้ายอีกที่เจอหมอฝึกหัดไม่ใช่อาจารย์หมอ วิเคราะห์ว่าลาเต้แย่มากไม่น่าจะรอดพ้นคืนนี้ ต้องเข้าห้องฉุกเฉินรอให้เลือด เมื่อเข้าห้องฉุกเฉินลาเต้ก็โดนเจาะเลือดไปหลายหลอดน่าสงสารมาก ให้ออกซิเจนและน้ำเกลือ รอจนเกือบ 5 ทุ่มจึงสอบถามและได้คำตอบว่าต้องรอจนถึงเช้าถึงจะรู้ว่ามีเลือดให้เติมไหมและจะขอเจาะเลือดลาเต้อีกตอนเที่ยงคืนและตอนเช้า เราจึงเครียร์ค่าใช้จ่ายและขอกลับบ้านทันที ไม่อยากให้ลาเต้ต้องเจาะเลือดอีกเพราะโดนไปหลายเข็มมากๆ คุณหมอประจำเคยบอกว่า
 
ใช้เข็มเจาะสุนัขมากอาจทำให้สุนัขเจ็บจนช็อคและตายเพราะโดนเข็มมากเกินไป
 
ในขณะที่กลับบ้านด้วยความโกรธและเกิดความคิดในใจว่าจะไม่พาลาเต้มาให้หมอเจาะหรือใช้เข็มอีกแล้ว ไม่มีเลือดให้เติมก็ขอใช้วิธีบำรุงให้สร้างเลือดเอง ถ้าลาเต้จะเป็นไรไปก็ขอให้ไปอย่างสงบไม่ใช้ไปเพราะทนเจ็บไม่ไหว จากนี้ต้องอาหารเท่านั้นไม่มีการใจอ่อนอีกแล้ว กลับมาป้อนน้ำหวาน แบรนด์ซุปไก่และยาฆ่าเชื้อก้างปลาและพักผ่อน ส่วนเรานั้นนอนไม่หลับเลยแถมน้ำตาก็ค่อยจะไหล แต่ไม่ว่าจะเศร้ายังไงเมื่ออยู่กับเค้าเราต้องเข้มแข็งและมั่นใจว่าเค้าต้องหาย เพราะเค้าจะรับรู้ความรู้สึกเราได้
 
 
 
18 ส.ค. 57
 
เช้านี้เราตื่นเร็วกว่าปกติเหมือนไม่มีเวลาพอสำหรับอะไรอีกแล้ว ปลุกลาเต้ ป้อนน้ำโดยใช้ขวด ปรากฎว่าทานน้ำได้มากอาจเพราะที่ผ่านมาใช้สลิงแล้วเค้าไม่ชอบ จากนั้นป้อนยาบำรุงเลือด ใช้ไข่ต้มแกะเฉพาะไข่แดงผสมกับอาการ a/d ชนิดเหลวผสมน้ำต้มสุกเล็กน้อย เวฟให้อุ่นๆและลองป้อน ลาเต้เบือนหน้าหนีและไม่ยอมทาน จึงต้องจับป้อนสลิงช่วงแรกกัดฟันแน่นมากๆง้างปากแทบแย่และมีการกัดมือมากขึ้น จึงค่อยๆป้อน พักบ้างป้อนบ้างเพราะกลัวจะอ้วก (อ้วกแล้วอาการทรุดต้องระวัง) 
 
หลังๆก็เริ่มป้อนง่ายเพราะป้อนให้ตัวอื่นบ้างให้เห็นว่าอาหารนั้นน่าอร่อยแค่ไหน วันนี้ลาเต้จึงทานได้เยอะ อาหาร a/d หมดไป 1 กระป๋อง ไข่ต้ม 3 ฟอง ป้อนแบรนด์ซุปไก่เป็นระยะ และป้อนน้ำทั้งวัน สัญญาณเริ่มดีขึ้น.... ทานยาฆ่าเชื้อก้างปลา (ต้องทานยาตรงเวลาทุกวัน)
 
 
 
19 ส.ค. 57
 
วันนี้ลาเต้ตื่นจากที่นอนเอง ลุกมาฉี่ที่แผ่นรองฉี่ได้และดื่มน้ำจากขวดเอง ถือเป็นสัญญาณที่ดีมากๆ มีแรงเดินไปมา หายใจปกติแล้ว ก็ป้อนไก่ต้ม(ไม่ปรุง) สามารถทานได้เล็กน้อย ยังต้องเสริมด้วยอาหาร a/d ผสมไข่แดง จริงให้อาหาร a/d เพียวก็ได้นะ แต่ลาเต้ชอบกินไข่ต้มจึงผสมเข้าไปด้วย ยาบำรุงเลือด ยังคงป้อนแบรนด์ซุปไก่แต่ไม่ถี่เท่าเมื่อวาน ป้อนน้ำเพิ่มเป็นระยะสลับกับเค้าเดินมาทานเอง ฉี่มีสีอ่อนลงเพราะทานน้ำได้เยอะ ลิ้นมีสีชมพูอ่อนแต่ปลายลิ้นยังซีดอยู่นิดหน่อย เหงือกมีสีชมพูขึ้น ยังคงหลอกล่อป้อนอาหารอื่นๆบ้าง ทานยาฆ่าเชื้อก้างปลาก่อนนอนและพักผ่อน 
 
 
 
20 ส.ค. 57
 
วันนี้ถือว่าเป็นวันที่ดี ลาเต้ตื่นเองแล้วมาปลุกเราตามปกติ วันนี้มีกระโดดและเห่าบ้าง ตื่นมาทานไก่ต้มผสมแครอทไปพอสมควรพร้อมกับทานน้ำจากขวดได้เอง ฉี่มีสีเหลืองมากขึ้นและเริ่มยกขาฉี่ได้ตามปกติ ป้อนยาบำรุงเลือดและแบรนด์ซุปไก่ และให้โยเกิร์ตกระตุ้นการขับถ่าย..... 
 
 
แต่ก็ต้องดูอาการอย่างใกล้ชิดและทานยาตามหมอสั่ง และเมื่ออาการดีขึ้นพอสมควรก็ต้องตรวจเลือด และต้องพาน้องหมาทั้งหมดที่มีในบ้านไปตรวจเพราะเมื่อมี 1 ตัวเป็นได้ตัวอื่นก็เสี่ยงเช่นกัน ส่วนเรื่องน้องหมาจรตอนนี้ก็ต้องใจดำคอยไล่ไปแต่ก็มักจะกลับมา พ่นยาเห็บหมัดรอบรั้วและ จากนี้คงต้องปรึกษากับคุณหมอให้วางโปรแกรมในการวัคซีนตรวจเลือดตวรสุขภาพให้เป็นกิจลักษณะ เพราะป้องกันดีกว่ามานั่งแก้ สุนัขป่วยครั้งนี้ทำให้เราเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างเลย 
 
ส่วนน้องหมาใครที่กำลังป่วยเป็น พยาธิเม็ดเลือดอยู่ก็ต้องสู้ๆนะคะ และสิ่งที่จะทำให้สุนัขดีขึ้นได้ดีก็คืออาหารค่ะทำให้เค้ามีแรงและสร้างภูมิต่อสู้โรคร้ายได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องคอยปล่อยพลังบวกให้กับสุนัขของเรา ให้ความรักและให้กำลังใจเค้าอย่างมากที่สุดให้เค้าสู้ บอกรักเค้าและอย่าให้เค้ารับรู้ว่าเราเครียดหรือเศร้ามากแค่ไหน ขอให้น้องหมาของทุกท่านแข็งแรงปลอดภัยนะคะ เป็นกำลังใจให้กับทุกท่านค่ะ
 
........................................................
อัฟเดต ปี 2561...... 
 
มีสิ่งหนึ่งอยากเพิ่มเติม...คือเรื่องของเห็บหมัด เป็นตัวการสำคัญที่ทำสุนัขป่วยได้หลายๆโรคและจากไปก่อนวัยอันควร อย่าชะล่าใจถ้าคิดว่าเลี้ยงสุนัขก็ต้องมีเห็บหมัด เป็นความคิดที่ผิดมหันต์มากค่ะ ในบ้านไม่ควรมีแม้แต่ตัวเดียว ต้องล้างบางให้หมดและถ้าคุณทำสำเร็จจะไม่มีเห็บหมัดในบ้านอีกเลย
 
บ้านและบริเวณโดยรอบ ใช้ไบติคอลผสมน้ำตามอัตราส่วนในฉลาก ถูทุกจุดในบ้าน ผนัง ซอก ทุกมุม ถูน้ำเปล่าซ้ำ ซื้อสเปรย์กำจัดเห็บหมัดฉีดพ่นเพิ่มใต้โซฟา เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ส่วนพวกที่เป็นผ้าในบ้าน อย่างที่นอน ผ้าปู อุปกรณ์ที่เลี้ยงสัตว์ซัก ผสมไฮเตอร์ลงไปด้วย ตากแดดจัดๆ ทำทุกๆ 2 สัปดาห์ จนกว่าจะไม่พบเห็นหมัดเดินในบ้าน ของใช้ส่วนตัวสุนัขควรทำความสะอาดอยู่เสมอ การกำจัดเห็บหมัดในบ้านนั้นช่วยป้องกันปลวกไปในตัว ปัจจุบันจะฉีดปลวก อัดน้ำยากันปลวกในบ้านทุกปี และใช้ไบติคอลเช็ดถูบริเวณรอบนอกของบ้านทุกๆ 3-6 เดือน เพื่อเป็นกำแพงกันเห็บหมัดจากสุนัขจร 
 
ลาเต้ในปัจจุบัน อายุ 5 ขวบ ไม่เคยป่วยแล้ว รับวัคซีน+พิษสุนัขบ้าตามโปรแกรมประจำทุกปี ทานอาหารสุนัข (ห้ามให้อาหารคน หากจะให้ควรเป็นอาการบาร์ฟที่ไม่มีฮอร์โมน อาหารปรุงสุกแต่ไม่ปรุงรส) ผลไม้เช่น ฝรั่ง แครอท บ้าง โยเกิร์ต ผู้เลี้ยงอาบน้ำตัดขนเอง( ตัดขนบ่อยๆก็เริ่มตัดสวย ค่อยๆตัดไม่รีบร้อน) เพื่อป้องกันเห็บหมัดที่อาจติดจากที่อื่น อาบน้ำแล้วต้องเป่าขนให้แห้งกันโรคผิวหนัง เวลาพาไปเที่ยวพักโรงแรมจะหยอดฟร้อนไลท์กันอีกชั้นนึง ภายในบ้านใช้น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ1ถัง ถูพื้นภายในบ้าน ทำให้บ้านไม่มีกลิ่นสาบสุนัขและไม่เป็นอันตรายต่อสุนัขด้วยค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย เขียนจากประสบการณ์ล้วนๆอาจไม่ถูกต้องทั้งหมดต้องขออภัยค่ะ
 
 
 
อัพเดตปี 2563
 
ลาเต้ในปัจจุบัน อายุ 7 ขวบ ทานอาหารยี่ห้อ instinct (สูตรแซลมอน) อาหารปรุงสุกไม่ปรุงรสวันละ 1 มื้อ (อาทิปลาเนื้อขาว เป็ด ฯลฯ) มีโรคเพิ่มเติมคือ โรคภูมิแพ้อากาศ ฤดูฝนอากาศอับชื้นจะเป็นเชื้อราง่าย กับระบบย่อยไม่ค่อยดีให้ทานพวก โปรไบโอติกและพรีไบโอติก 

 
 
 

 




 

Create Date : 20 สิงหาคม 2557
2 comments
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2563 21:02:17 น.
Counter : 99705 Pageviews.

 
 
 
 
It is good
 
 

โดย: CarmeLalewis (สมาชิกหมายเลข 6417572 ) วันที่: 22 เมษายน 2564 เวลา:15:17:51 น.  

 
 
 
You're so talented in writing. God is truly utilizing you in tremendous ways.
 
 

โดย: EvelynDavis (สมาชิกหมายเลข 6639923 ) วันที่: 10 กันยายน 2564 เวลา:18:55:06 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

ยัยน่าแกล้งแก้มป่อง
 
Location :
ปราจีนบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ยินดีที่ได้รู้จักทุกๆคนนะคะ ชื่อ ตาล ค่ะ
จากกราฟฟิกดีไซน์ที่ทำงานอย่างไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน
อยากเปลี่ยนชีวิตใหม่สู่การทำเกษตรอินทรีย์กับครอบครัว
ติดตาม : FB l IG : richtaweefarm
[Add ยัยน่าแกล้งแก้มป่อง's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com