รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
ระดับการรู้ถึงปรมัตถ์ธรรม

ในการปฏิบัติที่ผมเสนอแนวทางใน blog นี้ ผมได้ทำภาพที่แสดงถึงความเป็นปรมัตถ์ธรรมอันเป็นระดับต่าง ๆ ไว้ 6 ระดับที่นักภาวนาจะได้พบเองเริ่มจากต้นจนสิ้นสุดทางไว้ เนื่องจากระดับแบบนี้ ผมคิดขึ้นมาเองจากสิ่งที่ผมพบเอง จึงไม่อาจอ้างอิงได้กับตำราใด ๆ หรือ วิปัสสนาจารย์ท่านใด ๆ



ขอให้ดูจากภาพประกอบไปด้วย

ระดับที่ 1. คือระดับเริ่มต้น ที่นักภาวนาจะรู้จักได้ คือความเป็นปรมัตถ์ธรรมของกาย ในระดับนี้ เพียงเข้าใจเท่านั้น นักภาวนาทุกคนก็จะรู้จักและสัมผัสได้ทันที

ในความเป็นปรมัตถ์ของกายนั้น คือ ความเป็นธาตุ 4 อันได้แก่ ธาตุดิน ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุน้ำ ซึ่งนักภาวนาจะสัมผัสได้ในธาตุ 3 คือ ดิน ลม ไฟ ส่วนธาตุน้ำ จะสัมผัสถึงไม่ได้
เพราะธาตุน้ำเป็นตัวประสานที่อยู่ในธาตุดินเพื่อเชื่อมดินให้เป็นกลุ่มก้อนต่าง ๆ

อาการของธาตุดิน คือ การที่นักภาวนาสัมผัสกายได้ถึง ความแข็ง ความอ่อน ความนุ่น
อาการของธาตุไฟ คือ การที่นักภาวนาสัมผัสกายได้ถึง ความเย็น ความร้อน ซึ่งคืออุณหภูมิ
อาการของธาตุลม คือ การที่นักภาวนาสัมผัสกายได้ถึง อาการที่เคลื่อน อาการไหว อาการสั่นสะเทือน

การที่นักภาวนารู้จักปรมัตถ์ของกายนี้ จะทำให้เกิดการพัฒนากำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิให้จิตมีกำลังตั้งมั่นได้สูงขึ้น ซึ่งนักภาวนาทีมีความเพียร สมควรหมั่นฝีกฝนให้รู้จักปรมัตถ์ของกายให้มาก ๆ เข้าไว้

ระดับที่ 2. เมื่อนักภาวนาใช้ระดับที่ 1 ฝึกฝนจนจิตมีกำลังความตั้งมั่นแห่งสัมมาสมาธิมากขึ้นได้ระดับหนึ่ง นักภาวนาจะได้เห็น ได้รู้จักปรมัตถ์ของความคิด-จิตปรุงแต่ง อันเนื่องมากจากการที่มีกำลังสัมมาสติที่ตั้งมั่นเป็นสัมมาสมาธิ ความเป็นปรมัตถ์ของความคิด-จิตปรุงแต่ง นักภาวนาจะสัมผัสได้ถึงอาการที่เป็นก้อนพลังงานทีมันโผล่วูบขึ้นในยามทีมันปรากฏตัวออกมา เนื่องจากความตั้งมั่นแห่งสัมมาสมาธิของนักภาวนา เมื่อปรมัตถ์ของความคิด-จิตปรุงแต่งปรากฏขึ้น นักภาวนาจะเห็นได้ถึงความเป็นไตรลักษณ์ของความคิด-จิตปรุงแต่ง นี้ซึ่งเกิดขึ้นและดับลงไปให้เห็นต่อหน้าต่อตา

การที่นักภาวนาได้เห็นปรมัตถ์ธรรมของความคิด-จิตปรุงแต่งนี้ จะทำให้มีการพัฒนากำลังของสัมมาสติ สัมมาสมาธิให้สูงมากขึ้นกว่าเดิมอีก

ผลอีกประการหนึ่งของการเห็นปรมัตถ์ของความคิด-จิตปรุงแต่ง คือความสามารถที่นักภาวนาจะหลุดออกจากมันได้รวดเร็วขึ้น ไม่ติดหนึบดังเช่นคนทั่ว ๆ ที่ไม่ได้ภาวนา การหลุดออกมาได้ง่าย ๆ ได้เร็ว ๆ นี้ ผลที่ตามมาก็คือ ความทุกข์จะลดลงไปเพราะการหลุดออกมานี้

ระดับที่ 3.การที่นักภาวนาได้เห็นปรมัตถ์ของความคิด-จิตปรุงแต่งในระดับที 2 ได้ กำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิจะยิ่งตั้งมั่นและมีกำลัง นักภาวนาจะสังเกตเห็นอาการเป็นดวงของจิตรู้และ มโน ที่ปรากฏขึ้นหลังจากที่ปรมัตถ์ของความคิด-จิตปรุงแต่งได้สลายตัวไป นักภาวนาจะย่ำอยู่ที่ระดับนี้อยู่นาน เพื่อการสะสมกำลังของสัมมาสติ สัมมาสมาธิให้ตั้งมั่นมากขึ้นต่อไป

ระดับที่ 4.เมื่อกำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิตั้งมั่นมากขึ้น นักภาวนาจะเกิดญาณหยั่งรู้ขึ้น เกิดสภาวะที่จิตรู้-มโน ได้แตกตัวออกไม่เป็นดวงอีก นักภาวนาจะสัมผัสอาการนี้ได้ด้วยญาณที่เกิดขึ้นนี้ นักภาวนาจะพบกับความว่างเปล่าแทนที่ตัวจิต-มโน ที่เป็นดวง

ระดับที่ 5.จากระดับที 4 เมื่อนักภาวนาได้พบกับความว่างเปล่าของจิต-มโน แล้ว นักภาวนาจะเห็นได้ด้วยญาณถึงความว่างเปล่า แต่ด้วยการเห็นความว่างเปล่านี้มาพอสมควร นักภาวนาจะโผล่งความรู้อันเนื่องจากการเห็นความว่างเปล่านี้ แล้วความรู้ที่ได้ นักภาวนาจะเข้าใจถึงสภาวะแห่งอนัตตา สุญญาตา

ระดับที่ 6 จากระดับที่ 5 เมือ่นักภาวนาได้พบความว่างและเกิดความเข้าใจเรื่องอนัตตาและสุญญตาแล้วในระยะหนึ่ง นักภาวนาจะเกิดความรู้ขึ้นอีกถึงสภาวะแห่งวิมุตติ อันเป็นความละเอียดที่ลึกซึ้งอีกระดับของสุญญตา ความละเอียดนี้คือความรู้สึกที่เย็นจิตเย็นใจที่ปรากฏขึ้นภายในจิตใจของนักภาวนา

*******
สภาวะทั้ง 6 ที่นำเสนอนี้ คือ ปรมัตถ์ธรรมที่นักภาวนาจะพบเป็นขั้น ๆ ไป เริ่มจากหยาบสุดคือระดับที่ 1 ที่ยังไม่เห็น ไประดับกลางที่เห็นได้ถึงปรมัตถ์ธรรม และ ระดับละเอียดสุดที่รู้สึกถึงได้โดยไม่เห็น

การปรากฏตัวขึ้นของปรมัตถ์ธรรมทั้ง 6 ล้วนปรากฏขึ้นใน จิตใจ-มโน ทั้งสิ้น การฝึกฝนใด ๆ ที่ไม่เข้าไปรับรู้อาการในจิตใจ-มโน (ในระดับที่ 1 ความเป็นปรมัตถ์ทางกาย ก็ต้องรับรู้ใน มโน เช่นกัน ) ล้วนห่างอยู่ห่างจากเป้าหมายแห่งการพ้นทุกข์ทั้งสิ้น


Create Date : 25 กรกฎาคม 2554
Last Update : 29 มกราคม 2555 14:45:01 น. 4 comments
Counter : 2657 Pageviews.

 
อนุโมทนาสาธุค่ะ

.


โดย: แครอทอร่อย IP: 223.207.140.169 วันที่: 25 กรกฎาคม 2554 เวลา:14:18:20 น.  

 
สาธุและขอบพระคุณคะ
อ่านเข้าใจง่ายและทำให้เข้าใจลำดับการรู้ของตน...



โดย: Nim IP: 124.121.85.244 วันที่: 25 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:28:48 น.  

 
สาธุ อนุโมทนาบุญคะ อาจารย์


โดย: แม่ลูกสอง IP: 180.183.244.49 วันที่: 31 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:42:22 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:14:50:27 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.