3.สัมมาสมาธิ คือ สมาธิในพุทธศาสนา
เรื่องที่ 3 สัมมาสมาธิ คือ สมาธิในพุทธศาสนา ที่ถูกค้นพบเพื่อการพ้นไปจากกองทุกข์ได้จริง ในพระไตรปิฏก ได้กล่าวถึงเรื่องการออกแสวงหาธรรมที่จะทำให้พ้นไปจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะได้เสด็จออกจากพระราชวังไปแล้ว พระองค์ได้ไปเรียนวิชาการทำสมาธิกับดาบส 2 ท่าน พระองค์ได้ทรงเรียนได้ดี จนสำเร็จวิชาจากท่านอาจารย์ทั้ง 2 อันเป็นวิชาสมาธิขั้นสูงสุดในยุคนั้น ที่เรียกว่า การเข้าฌานสมาบัติขั้นที่ 8 เมื่อพระองค์ได้เรียนสำเร็จแล้ว พระองค์ก็ทรงทราบความจริงว่า วิชาสมาธิแบบนี้ ไม่สามารถจะทำให้พ้นไปจากการเกิด แก่ เจ็บ ตายได้ แล้วพระองค์ก็ทรงจากดาบสทั้ง 2 ไป วิชา สมาธิ ที่เจ้าชายไปเรียนนี้ เป็นสมาธินอกพระพุทธศาสนาทีมีมาก่อนพระพุทธศาสนาจะเกิดขึ้นในประเทศอินเดีย ต่อมา เมื่อเจ้าชายได้ทรงพากเพียรและได้ค้นพบวิชาสมาธิแบบใหม่ ทีมีชื่อเรียกว่า สัมมาสมาธิ อันมีทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) หรือ อริยมรรคมีองค์ 8 ประกอบกับสมาธิแบบนี้ ซี่งต่อมาคือสมาธิในพระพุทธศาสนา ซี่งสมาธิแบบทางสายกลางนี้ เป็นสมาธิทีทำให้ผู้ที่เจริญสมาธิอยู่เป็นนิสัย สามารถหลุดพ้นไปจากกองทุกข์ทั้งปวงได้ จะเห็นว่า สมาธิแบบดาบส (ฤาษี) และ สัมมาสมาธิในทางสายกลาง นั้นไม่เหมือนกัน พุทธบริษัทพีงสมควรศีกษาให้กระจ่างก็คือ อะไรคือความแตกต่างระหว่าง สมาธิแบบดาบส(ฤาษี) ที่เจ้าชายไปเรียนมากับอาจารย์ดาบส 2 ท่าน กับ สัมมาสมาธิในพุทธศาสนาทีถูกค้นพบโดยเจ้าชายสิทธัตถะ พุทธบริษัทท่านใดที่สามารถไขปริศนาความแตกต่างนี้ออกได้ ก็จะพบทางในแห่งการหลุดพ้นไปจากกองทุกข์ได้ และถ้าได้ลงมือปฏิบัติฝีกฝนจนชำนาญก็สามารถเข้าไปสู่ทางแห่งการพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริงต่อไป ความแตกต่างระหว่าง สมาธิแบบดาบส (ฤาษี) และ สัมมาสมาธิ (สมาธิแบบพุทธศาสนา) ก็คือ สมาธิแบบดาบส เป็นการทำสมาธิที่มีการยีดติดกับสิ่งใดสิ่งหนี่ง หรือ จะพูดว่า เป็นสมาธิที่ไปจดจ่อในสิ่งใดสิ่งหนี่งอย่างแนบแน่น ส่วนสัมมาสมาธินั้น เป็นสมาธิที่ไม่ยีดติด ไม่จดจ่อ กับสิ่งใด ๆ เลย นี่คือความแตกต่าง เมื่อ สัมมาสมาธิ เป็นสมาธิที่ไม่ยีดติด ไม่จดจ่อ จะเกิดปรากฏการณ์อย่างหนี่งขึ้น ก็คือ ความเป็นอิสระของจิต เมื่อจิตป็นอิสระได้ สิ่งแปดเปื้อนต่างๆ ก็ไม่อาจจะเข้าไปข้องแวะกับตัวจิตได้เลย เมื่อจิตไม่มีความแปดเปื้อนในสิ่งต่างๆ จิตก็บริสุทธิ สอาด หมดจด และ อาการแห่งการไม่ทุกข์ก็จะเกิดขึ้นในดวงจิตนั้น อาการทีดวงจิตสิ้นไปจากกองทุกข์ จึงเกิดขึ้นได้ด้วยสัมมาสมาธิแบบนี้ การได้ถือว่าเป็นชาวพุทธ การที่เพียงได้อ่าน ได้ฟังธรรม ได้ทำบุญกับพระสงฆ์ ยังไม่อาจถือว่า ได้พบกับพุทธศาสนาอย่างแท้จริง มีแต่เพียงการปฏิบัติสัมมาสมาธิ จนจิตใจได้พบกับสภาวะแห่งการไม่ทุกข์ จิตใจเป็นอิสระพ้นไปจากการยีดติดของสิ่งแปดเปื้อนนั้นแหละ ถึงแม้ว่าเป็นเพียงชั่วขณะจิตก็ตามที จึงจะถือว่า ได้พบกับพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ในบรรดาสิ่งบูชาทั้งปวง การปฏิบัติบูชา เป็นสิ่งบูชาที่พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ การบอกทางที่พ้นไปจากกองทุกข์ นี่คือ พระพุทธคุณ ที่องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงประทานให้แก่พุทธบริษัท ขอนอบน้อมแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น อ่านความแตกต่างเพิ่มเติมระหว่างสมาธิทั้ง 2 แบบได้ที่ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=namasikarn&month=02-07-2010&group=8&gblog=53
Create Date : 04 เมษายน 2556
Last Update : 15 มิถุนายน 2556 9:08:18 น.
0 comments
Counter : 1356 Pageviews.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [? ]
หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน.... จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ... บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้ เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ ** ****** บทความต่าง ๆ ใน blog นี้ ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ****