การภาวนาเพื่อให้รู้จักกับทุกข์ว่า ทุกข์ นั้นเป็นอย่างไร
การภาวนาเพื่อให้รู้จักกับทุกข์ว่า ทุกข์ นั้นเป็นอย่างไร
แทบไม่น่าเชื่อ แต่เป็นไปแล้ว คนแทบทุกคน ไม่รู้จักกับทุกข์ คนมักบอกว่า เขารู้จักทุกข์ แต่ทีแท้จริง เขาไม่รู้จักมันอย่างท่องแท้
ถ้ามีคนถามว่า ท่านรู้จักดาราดังชื่อนั้น ชื่อนี่ไหม เกือบทุกคนจะบอกว่า รู้จัก แต่ถ้าวิเคราะห็ให้ดี ๆ จะเห็นว่า คำตอบว่า รู้จัก นั้นที่แท้รู้จักเพียงชื่อ หน้าตา รู้จักเพียงผิวเผิน และที่รู้จักเพราะมีการโฆษณาให้ดัง คนเลยได้เห็น ได้ยิน
การรู้จักดาราชื่อดังแบบผิวเผินอย่างนี้ ก็เหมือนคนที่บอกว่า เขารู้จักทุกข์ นั่นแหละ
เป็นการรู้จักแบบผิวเผิน แต่ที่แท้ แทบไม่รู้จักเลยด้วยซ้าไป
ในอริยสัจจ์ 4 พระพุทธองค์ทรงสอนว่า ทุกข์ให้รู้ (อริยสัจจ์ 4 ข้อที่ 1) ทำไมพระพุทธองค์จีงทรงสอนแบบนี้.. ทั้งนี้ เพราะคนไม่รู้จักทุกข์ นั่นเอง เมื่อ่คนไม่รู้จักทุกข์ ก็เลยไปหลง ไปยีดกับทุกข์ แล้วก็เป็นทุกข์ขึ้นมา
แล้วถ้าถ้ามต่อว่า ทำไมพระพุทธองค์จึงทรงสอนโดยเริ่มว่า ให้รู้จักทุกข์ละ คำตอบก็คือว่า เมื่อคนรู้จักทุกข์แล้ว ก็จะได้ไม่ไปยีด ไปจับ ทุกขนะซิครับ (นี่เป็นอริยสัจจ์ ข้อที่ 2 ที่พระพุทธองค์ทรงสอนว่า ตัณหา คือ เหตุแห่งทุกข์ ให้ละเสีย ) เมื่อไม่ไปยีด ไปจับ เข้า ทุกข์นั้นจะสลายไปเองเป็นไตรลักษณ์ ถ้าหมดเหตุปัจจัยทีทำให้ทุกข์นั้นเกิดไปแล้ว เพราะธรรมชาติของทุกข์จะเป็นแบบนี้เอง
เมื่อผมเขียนถีงตรงนี้ ก็อาจจะมีคนมาแย้งว่า ถ้าเกิดปวดฟันขึ้นมา ก็รู้ว่าเป็นทุกข์ แล้วทำไมจึงยังปวดฟันอยู่อีกละ การปวดฟันไม่เห็นสลายไปเลย ..... ถ้าท่านเข้าใจอย่างนี้ เป็นเพราะว่า ท่านไม่เคยสัมผัสกับการรู้จักทุกข์ แล้วได้ไปยีดติดทุกข์นั้นแล้วด้วยตัณหา
ถ้าท่านปวดฟัน ทุกข์เกิดแล้วก็จริง แต่ถ้าท่านไม่ยีดติดในทุกข์ ทุกข์ยังคงมีอยู่ เพราะเหตุและปัจจัยทีทำให้ปวดฟันไม่หมดไป แต่ท่านจะไม่ทุกข์เลย ถ้าท่านไม่เข้าไปยีดอาการปวดฟันนั้น..... ท่านต้องไม่เชื่อเป็นแน่ แต่ผมท้าให้พิสูจน์ครับ
ในการภาวนาตามอริยมรรคมีองค์ 8 นั้น ถ้าท่านฝีกฝนถูกต้อง คือ หัดฝีกไปด้วยการรู้ทุกข์ ที่ไม่เข้าไปยีดติดในทุกข์ใด ๆ จิตท่านจะมีการพัฒนาทีมีกำลังแห่งสัมมาสติ สัมมาสมาธิ แล้วเมื่อสัมมาสมาธิตั้งมั่น จิตท่านจะไม่เข้าไปยีดมั่นทุกข์ใด ๆ อีกเลย
แต่ท่านสมควรย้อนกลับมาดูตัวเองบ่อยๆ ครับว่า ท่านกำลังเดินทางในอริยมรรคที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ หรือว่า กำลังเดินผิดทางที่ฝีกฝนด้วยการหัดให้ยีดติดอยู่กับทุกข์ โดยเข้าใจว่า สิ่งทีท่านกำลังทำอยู่นั่นคือ สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้
ไม่มีใครที่จะช่วยท่านได้ในขั้นนี้ ถ้าท่านไม่มีปัญญาพอที่จะพิจารณาเองด้วยปัญญากับคำสอนของพระพุทธองค์กับสิ่งทีท่านกำลังทำอยู่ว่า มันเป็นสิ่งเดียวกันหรือเป็นสิ่งที่กลายไปจากคำสอนแล้ว
เคร็ดการภาวนามีอยู่แค่นี้เองครับ คือ ศีกษาอริยสัจจ์ 4 ให้เข้าใจก่อน แล้วลงมือฝีกฝนด้วยความเพียรตามที่กล่าวในอริยสัจจ์ 4 อันเป็นการเดินตามคำสอนที่พระพุทธองค์ทรงสอน ด้วยการหัดรู้จักทุกข์ที่ไม่ยีดติดด้วยตัณหา แล้วรอผลให้เกิดกำลังจิตทีมีสัมมาสติทีว่องไว และ สัมมาสมาธิทีตั้งมั่น เมื่อผลแห่งกำลีงจิตเกิดแล้ว ท่านจึงจะสามารถพิสูจน์คำสอนของพระพุทธองค์ได้เป็นอย่างดี แล้วท่านจะน้อมรับพระพุทธองค์อย่างเต็มใจไม่เคลือบแคลงอีกต่อไป
ท่านอาจถามผมว่า สิ่งที่ผมเขียนนี้ ไม่ได้บอกอะไรให้แจ้งชัดเลยในการปฏิบัติ แต่ถ้าท่านอ่านดี ๆ พิจารณาด้วยปัญญา ผมบอกท่านในแก่นที่เป็นคำสอนของพระพุทธองค์ ส่วนอุบายการปฏิบัติ ท่านจะทำอย่างไรก็ได้ ไม่ใช่สิ่งสำคัญแล้ว ถ้าอุบายของท่านนั้นสอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธองค์ตามหลักของอริยสัจจ์ 4
2600 ปีหลังการตรัสรู้ของพระพุทธองค์ คำสอนได้กลายไปมากในยุคปัจจุบัน ท่่านที่มีปัญญาควรใคร่ครวญให้ดีกับคำสอนแท้ทีมาจากพระพุทธองค์ จีงจะสามารถเข้าสู่การดับทุกข์ได้จริง
Create Date : 26 มกราคม 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 26 มกราคม 2556 6:02:18 น. |
Counter : 2028 Pageviews. |
|
|
|