รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
17 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
รู้สึกตัว ไม่รู้สึกตัว

มีท่านผู้อ่านถามมา ผมพิจารณาแล้วเห็นว่า มันเป็นเรื่องพื้นฐานทีมีประโยชน์ต่อการภาวนา ผมจึงนำมาเขียนเป็นเรื่องให้อ่านกัน ขอบคุณท่านที่ถามมาครับ

เรื่องที่เขียนต่อไปนี้ มาจากประสบการณ์ที่ผมพบจากการภาวนาทั้งสิ้น จึงฝากไว้ให้พิจารณากัน

1..คนเราปรกติมีความรู้สึกตัวอยู่แล้วใช่ใหม ถ้าคนเราปรกติมีความรู้สึกตัวอยู่แล้ว จะฝึกฝนความรู้สึกตัวกันไปทำไมกัน

คำถามนี้ ผมขอตอบว่า มันเป็นสภาวะที่มีเหตุและปัจจัยเนื่องกันอยู่ครับ

อาการสภาวะของจิตเรื่องความรู้สึกตัวนี้ จะมี 3 แบบด้วยกันคือ

1.1 ไม่รู้สึกตัว อาการนี้เป็นสภาวะที่จิตถูก.โมหะ.เข้าครอบงำอย่างเต็มที่
เมื่อจิตถูกโมหะเข้าครอบงำ โมหะจะบดบังรัศมีแสงสว่างของจิต คล้าย ๆ กับ
สุริยุปราคาเต็มดวง เมื่อจิตถูกโมหะครอบงำ จิตจะมืดมิด ผลคือ กลายเป็นคนไม่รู้สึกตัวไปซะแล้ว

1.2 รู้สึกตัว แต่ จิตไม่ผ่องใส
อาการนี้เกิดจาก จิตถูกโมหะครองงำบางส่วน ไม่ครอบงำหมดแบบ 1.1 จิตจึงมีความรู้สึกตัวได้บ้าง อาการนี้คล้าย ๆ กับ สุริยุปราคาบางส่วน แต่ทว่า จิตยังไม่เป็นอิสระจากโมหะ จิตจึงไม่ผ่องใส อาการนี้ ผมยกตัวอย่างให้เห็นได้ ก็คือ
ในคนที่ทำอะไรผิดมาแล้ว เกิดเสียใจในสิ่งที่ตนทำลงไป จิตเศร้าหมองเพราะถูกโมหะครอบงำ รู้สึกตัวได้อยู่ว่าไม่มีความสุข เกิดความรู้สึกผิดที่ได้ทำอะไรไม่ดีลงไป รู้ตัวว่าจิตไม่สดใส แต่ทำอะไรให้ดีขึ้นแก่จิตไม่ได้ ไม่สามารถสลัดความไม่สดใสให้หลุดไปได้

ตัวอย่างอีกอย่างที่่เห็นได้ชัด ก็คือคึนอกหัก ทุกข์หนักหนา รู้ก็รู้ว่าอกหักเป็นทุกข์ แต่สลัดไม่หลุด

1.3 รู้สึกตัว และ จิตผ่องใส
อาการนี้ จิตไม่มีโมหะครอบงำ ( แต่อาจมีอวิชชาครอบงำได้อยู่ อวิชชา ไม่ใช่ โมหะ นะครับ มันคนอย่างกัน ) เมื่อจิตไม่มีโมหะครอบงำ จิตจะสดใส รู้สึกตัวได้ดี คนที่อยู่ในสภาวะแบบนี้ จะผ่องใส สดใส sky is so blue

ท่านจะเห็นว่า คนธรรมดาทุก ๆ คนนั้นจะเป็นแบบนี้ สลับวนเวียนกันไปตามเหตุที่ว่า มีโมหะมาครอบงำจิตหรือไม่ เขาจึงจะอยู่ในสภาวะใดสภาวะหนึ่งแห่งความรู้สึกตัว

เมื่อคนเรามี 3 สภาวะแบบนี้ นักภาวนาจึงต้องหมั่นฝึกฝนครับ จึงจะอยู่ในสภาวะของ 1.3 ได้บ่อย ๆ ถ้าไม่ฝึกฝน คนก็จะอยู่ในสภาวะ 1.1 หรีอ 1.2

*********************************
2..ทำอย่างไร จึงจะรู้สึกตัวได้นาน ๆ และ ได้บ่อย ๆ

ต้องมาดูสาเหตุกันก่อนครับ จึงจะแก้ได้ถูก

อาการไม่รู้สึกตัวนั้น เพราะโมหะครอบงำจิต โมหะครอบงำจิตได้เพราะจิตหลุดจากฐานที่ตั้ง
วิ่งเข้าไปคลุกกับจิตปรุงแต่งใน .มโน. เมื่อจิตคลุกกับจิตปรุงแต่งใน .มโน. ความไม่รู้สึกตัวก็ตามมา

เมื่อเหตุคืออย่างนี้ที่เขียนไว้ข้างบนทีว่า จิตหลุดจากฐานที่ตั้งวิ่งเข้าคลุกกับจิตปรุงแต่งใน .มโน.
ผลคือความไม่รู้สึกตัว

ถ้าถามต่อว่า ทำไมจิตจึงหลุดจากฐานที่ตั้งแล้ววิ่งเข้าไปคลุกกับจิตปรุงแต่งใน มโน ละ ?
คำตอบก็คือ แรงอำนาจของตัณหา ครับ ที่ดึงจิตให้หลุดจากฐาน

ดังนี้วิธีการแก้ใขทีจะให้รู้สึกตัวได้นาน ๆ ได้บ่อย ๆ ก็คือ ฝึกจิตให้ตั้งมั่นในฐานครับ โดยให้ละตัณหา ซึ่งที่ผมได้เน้นย้ำถึงกฏ 3 ข้อ ก็คือ การรู้สึกตัวที่ให้รู้ได้เอง อย่าไปอยากรู้ หรือ รู้แบบไร้ตัณหา เมื่อฝึกอย่างนี้บ่อย ๆ ที่ว่า รู้แบบไร้ตัณหา ผลที่ตามมาคือ จิตจะตั้งมั่น เมื่อจิตตั้งมั่นได้บ้างไม่ได้บ้างเพราะกำลังยังไม่พอที่จะสู้ตัณหาได้ตลอดทุกครั้ง นักภาวนาก็จะพบกับปัญญาตามลำดับแห่งความตั้งมั่น เมื่อ่ปัญญาเกิด กำลังจิตก็จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ แล้วจิตก็จะยิ่งตั้งมั่นมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เมื่อจิตอยู่ในฐานที่ของมั่่น ไม่หลุดเข้าไปคลุกใน มโน ผลก็คือ นักภาวนาจะรู้สึกตัวได้อยู่เสมอ ๆ

เมื่อนักภาวนามีจิตตั้งมั่นถึงที่สุด จะพบกับสภาวะแห่งสุญญตา เมื่อนักภาวนาพบสภาวะแห่งสุญญตาแล้ว จิตเกิดปัญญาสูงสุดประหารอวิชชาสิ้น จิตจะแตกสลายกลายเป็นความว่างมีแต่สภาวะรู้ เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว จะไม่มีดวงจิตทีจะวิ่งไปไหนอีก นักภาวนาจึงจะรู้สึกตัวได้ตลอด ไม่มีการเผลออีกต่อไป

*****

คนที่รู้สึกตัวได้จริง ๆ เขาจะรู้ได้ครับว่า เชากำลังรู้สึกตัวได้จริง ๆ ไม่ใช่การคิดเอาเลย
เพราะอาการที่รู้สึกตัวได้นั้น สภาวะของการรู้ทีแผ่กระจายหมดในทุกอายตนะ กล่าวคือ ตามองเห็น หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายรู้สัมผัสทางกาย จิตใจรู้อาการของจิตใจ
ถ้าท่านกำลังรู้แบบกระจาย ๆ แบบนี้ได้ละก็ ท่านกำลังรู้สึกตัวอยู่แล้ว นี่คือของจริง
ที่นักภาวนาที่ภาวนาจนชำนาญจะเป็นอาการแบบนี้อยู่ตลอดเวลาที่เขากำลังตื่นอยู่
เขาจะรู้สึกได้ถึงอาการรู้สึกตัวนี้ได้ตลอดเวลาอย่างแท้จริง

ปัญญาในการภาวนานั้น ผลก็คืออย่างนี้ ไม่ต้องรู้อะไรมากเลย เมื่อผลอย่างนี้ปรากฏ
ความทุกข์ใจที่จะไปยึดติดก็จะไม่มี เท่านี้ก็พอแล้วครับ เมื่อหมดลมหายใจจากโลกนี้ไป เมื่อไม่มีจิตไม่มี มโน การเกิดอีกก็จะไม่มีอีก ทุกอย่างก็ดับหมดเป็นสุญญตา




Create Date : 17 มกราคม 2555
Last Update : 25 มกราคม 2555 20:17:49 น. 4 comments
Counter : 2195 Pageviews.

 
ผมได้ไปค้นคำว่า พระสุกขวิปัสสโก ที่อาจารย์เคยกล่าว จึงได้เข้าใจ

ขอบคุณครับ


โดย: Littleyogi IP: 180.183.21.172 วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:14:10:39 น.  

 
ขอบพระคุณคะ


โดย: Nim IP: 124.122.58.231 วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:20:21:56 น.  

 




โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 21 มกราคม 2555 เวลา:20:37:39 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 25 มกราคม 2555 เวลา:20:18:09 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.