ถ้าไม่หมั่นฝึกฝน จะไม่เกิดความไวในการรับรู้
.
ภาพข้างบนคือภาพ Grey Scale ที่แสดงระดับความเข้มของสีขาวดำ ท่านจะเห็นได้ชัดว่า ด้านซ้ายมือ จะเป็นแถบดำ ที่เห็นสีดำได้ชัด เห็นได้ง่าย ส่วนทางด้านขวามือ จะเป็นสีออกขาว จะเห็นได้ไม่ชัดเท่าด้านซ้าย และ ส่วนท้าย ๆ ก็จะกลมกลืนไปกับสีขาว จนเห็นเป็นสีขาวไป
ในการปฏิบัติธรรมนั้น การเห็นสภาวะธรรมจะคล้าย ๆ กับการเห็นภาพที่แสดงไว้ข้างบน จะมีส่วนที่เห็นได้ชัด เห็นได้ง่าย และ เห็นได้ไม่ชัด เห็นได้ยาก
ที่ผมว่าเห็นได้ชัด เห็นได้ง่าย นี่ไม่ใด้หมายความว่า ท่านเห็นได้เลยนะครับ ไม่ใช่อย่างนั้น
คนที่ไม่เคยฝึกฝน หรือ ฝึกฝนผิดทาง จะไม่เห็นสภาวะเหล่านี้ได้เลย ต่อเมื่อได้ลงมือฝึกฝนอย่างถูกทางและมีความขยันหมั่นเพียรอย่างพอเพียง เมื่อถึงจุดหนึ่ง จึงจะเห็นสภาวะที่หยาบ ๆ เห็นได้ง่าย คล้าย ๆ ด้านซ้ายของตัวภาพได้ก่อน เมื่อเห็นได้แล้ว ถ้ายังขยันฝึกต่อ ก็จะเห็นได้ละเอียดขึ้นทีละหน่อย คล้าย ๆ กับการเห็นส่วนที่อยู่กลาง ๆ ของภาพ และ ยิ่งฝึกไป ก็ยิ่งเห็นได้มาก เห็นได้ละเอียดมากขึ้นไปอีก คล้าย ๆ กับการเห็นส่วนด้านขวาของภาพ
โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่เชื่อว่า การไม่ฝึกฝนจะสามารถเข้าถึงธรรมแท้จริงได้
มีคำกล่าวกันว่า การปฏิบัติธรรมแบบวิปัสสนายิก ไม่ต้องฝึกฝนเลย แต่ให้รู้สภาวะลงไปเลยนั้น โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมเห็นว่า การกล่าวเช่นนี้ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะการรู้สภาวะธรรมแบบนี้ จะเป็นการรู้ที่เป็นการใช้ความจำความคิด รู้ในสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ไม่ใช่รู้แบบสด ๆ ที่เป็นปัจจุบันขณะ การปฏิบัติธรรมแบบวิปัสสนายานิกนั้น หมายความว่า ไม่ต้องทำสมาธิถึงขั้นฌานจิตก่อนต่างหาก แต่ก็ยังคงต้องฝึกฝนอยู่เพื่อให้เกิดสัมมาสติขึ้นมาก่อน ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงขณิกสมาธิก็พอที่จะเห็นสภาวะธรรมที่หยาบได้แล้ว (ดังเช่นเห็นภาพข้างบนในส่วนด้านซ้ายมือ) แต่จากการฝึกฝนสัมมาสติ อาศัยขณิกสมาธินี้แหละ ในบางจังหวะ จิตจะเกิดความตั้งมั่นแต่ไม่นานนักที่เป็นถึงระดับฌานจิตได้ แล้วไปเห็นสภาวะธรรมที่ละเอียด ๆ ได้เพียงแป๊บเดียว ซึ่งการเห็นเพียงแป็บเดียวนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้จิตเกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริงตามสภาวะธรรมได้แล้ว
การเห็นสภาวะธรรมตามความเป็นจริงนั้น ท่านอย่าไปคิดว่า มันจะเป็นแบบหนังโฆษณาทาง TV ที่เขาฉาย 30 วินาที ที่ต้องดูจากเริ่มต้นโฆษณาจนจบจึงจะรู้เรื่อง ในสิ่งที่เกิดขึ้นจริงนั้น สภาวะธรรมที่เกิดนั้น จะเกิดเพียงแว๊บเดียว รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ แล้วก็จากไปอย่างไม่ทิ้งร่องลอยอะไรไว้เลย
ผมเชื่อว่า การไม่ฝึกฝนสัมมาสติเลย จึงไม่ใช่วิถีทางแห่งการเข้าถึงอริยมรรค การเข้าใจว่า การไม่ต้องฝึกฝนสัมมาสติเป็นการปฏิบัติแบบวิปัสสนายานิก ผมจึงว่าคลาดเคลื่อนครับ
แต่เมื่อฝึกฝนในแบบวิปัสสนายานิก ที่เริ่มต้นจากการที่ได้ถึงระดับขณิกสมาธิที่เห็นสภาวะธรรมที่หยาบ ๆ ได้แล้ว จากที่หมั่นฝึกฝน ต่อไปนักภาวนาก็จะมีการพัฒนาการทางจิตขึ้นมาได้เอง จากที่เป็นขณิกสมาธิจนเข้าสู่สัมมาสมาธิที่เป็นความตั้งมั่นระดับฌาน ยิ่งเข้าถึงสภาวะธรรมที่ยิ่งละเอียดมากเท่าใด ความตั้งมั่นในระดับฌานยิ่งเป็นสิ่งจำเป็นยิ่ง
การไม่หมั่นฝึกฝนสัมมาสติ ไม่มีทางเข้าถึงอริยมรรคได้เลย
**** เรื่องท้ายบท
สภาวะธรรมนั้น เป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยากยิ่ง ถึงแม้ฟังมาจากท่านผู้รู้ อ่านจากพระไตรปิฏก ท่านอาจคาดได้ว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แต่พอท่านปฏิบัติถึง ท่านจะแปลกใจมากว่า ส่วนมากที่ท่านคาดการณ์มาก่อนหน้านี้ ผิดเสียเป็นส่วนใหญ่
Create Date : 23 สิงหาคม 2553 |
|
8 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:02:43 น. |
Counter : 1289 Pageviews. |
|
|
|