วิธีดูจิตแบบพระโปฐิละเถระที่กล่าวไว้ในพระไตรปิฏก
ถ้าเอ่ยถึงพระโปฐิละเถระ บางท่านอาจไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่า พระใบลานเปล่า ในพระไตรปิฏก คนส่วนมากจะรู้จัก ท่านสามารถอ่านเรื่องราวของท่านไดที่นี่ //www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=30&p=5
ที่ผมจะนำเรื่องราวของท่านมาลง ก็จะกล่าวถึงวิธีการปฏิบัติของท่าน ตั้งแต่เป็นพระใบลานเปล่า รู้แต่คัมภีัร์ จนบรรลุเป็นพระอรหันต์
พระโปฐิละท่านรู้ตำราแตกฉาน แต่ไม่เคยปฏิบัติ และก็ปฏิบัติไม่เป็นเสียด้วยครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดูเหมือนว่าน่าแปลกใจ ว่าทำไมพระในสมัยพระพุทธเจ้ายังพระชนม์ชีพอยู่ ถึงปฏิบัติไม่เป็น ทั้ง ๆ ที่รู้คัมภีร์แตกฉาน
ในวิธีการที่พระโปฐิละปฏิบัตินั้น ถ้ากล่าวกันง่าย ๆ เพื่อให้คนยุคนี้เข้าใจ ก็ืคือ วิธีการดูจิตนั้นเอง
ผมจะขยายความให้ท่านเพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น
>>> ในคนเราจะมีอยู่ 6 ทวาร คือ 1.ทวารทางตา 2.ทวารทางหู 3.ทวารทางจมูก 4.ทวารทางลิ้น 5.ทวารทางกาย 6.ทวารทางใจ( มโนทวาร )
ขบวนการทำงานนั้น เมื่อทวารที่ 1 ถึง 5 รับรู้การสัมผัสแล้ว ก็จะส่งต่อการรับรู้นั้น มาที่ ทวารที่ 6 ที่เรียกว่า มโนทวาร
ดังนั้น ถ้ามีการเฝ้่าการรับรู้ที่ ทวารที่ 6 เพียงที่เดียว ก็เท่ากับ รับรู้ในทุกทวาร ซึ่ง การรับรู้ที่ .มโนทวาร. ก็คือวิธีการเฝ้่าดูจิตที่ทำหน้าที่เป็นมโนทวาร
ถ้าท่านมองลงไปเพื่อต้องการปฏิบัติแบบนี้บ้าง แต่ถ้ามองไม่ออก สิ่งที่ผมเขียนไว้ใน blog นี้ถึงวิธีการปฏิบัติต่าง ๆ ที่เนื่องด้วย เรื่องสัมมาสติ สัมมาสมาธิ จะเหมือนกับวิธีการดูจิตที่เป็นมโนทวารแบบท่านโปฐิละเถระนั่นเองครับ ซึ่งท่านสามารถอ่านได้ที่ เรื่องของ สมาธิ ภาค 1 -ลักษณะของสัมมาสมาธิ มิจฉาสมาธิ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=07-2010&date=02&group=8&gblog=53 เรื่องของ เรื่องของ สมาธิ ภาค 2 -ลักษณะอาการความตั้งมั่นของสมาธิ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=07-2010&date=04&group=8&gblog=55
ถ้าจะกล่าวเพื่อสรุป วิธีการดูจิตที่เป็นมโนทวาร จะมีอาการที่สำคัญให้ท่านสังเกตได้คือ
1.รู้ได้ทั่ว ๆ ตาก็มองเห็น หูก็ได้ยิน จมูกก็ได้กลิ่น ลิ้นก็รู้รส กายก็รู้สัมผัส ใจก็รู้นึกคิด ไม่ใช่รู้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่า่งเดียว เช่น ไม่ใช่รู้ลมหายใจเพียงอย่า่งเดียว แต่อย่างอื่นไม่รับรู้ด้วย
2.การรับรู้ในข้อ 1 จะมีข้อพิเศษที่สังเกตได้คือ อาการรู้จะลอย ๆ ไม่มีตำแหน่งที่แน่ชัด ไม่มีมือ ไม่มีขา ไม่มีกาย ไม่มีรูจมูก ไม่มีท้อง ไม่มีลิ้นปี่ ไม่มีสะดือ แต่อาการทั้งหมดจะปรากฏลอย ๆ แต่รู้ได้ ที่ลอย ๆ เพราะเป็นมโนทวาร จึุงลอย ๆ อย่างนั่นแหละ
วิธีการปฏิบัติที่ดูจิตที่เป็นมโนทวารนี้ เมื่อท่านเห็นจิตที่มโนทวารได้ ท่านจะเห็นได้เลยว่า มโนทวารนี้จะเปรียบเหมือนถังขยะจริง ๆ เพราะอะไร ก็มาปรากฏที่นี้หมด ท่านจะเห็นไตรลักษณ์ของจิตที่เป็นมโนทวารอย่างแท้จริง เพราะมันแปรเปลี่ยนตลอดเวลา อย่างถี่ยิบเนื่องจากการทำงานของทวารที่ 1 ถึง 5 ท่านจะเห็นจิตที่มันว่างที่ไร้ตัณหาและทิฐิ ท่านจะเห็นได้ว่า เมื่อเครียด เมื่อมีตัณหา เมื่อมีทิฐิ จะมีพลังงานปรากฏให้เห็นในมโนทวาร ซึ่งทำให้ผมย้ำท่านบ่อย ๆ ว่า การปฏิบัติอย่าเครียด อย่ามีความอยาก อย่าต้องการรู้สภาวะธรรม เพราะพลังงานที่ผมเห็นในมโนทวารนี้ เมื่อพลังงานนี้ปรากฏขึ้น จิตจะไม่ว่างแล้ว เมื่อจิตไม่ว่างอยู่ จิตจะไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะโผล่งธรรมออกมาได้เอง แล้วการปฏิบัติของท่านก็จะเนินนานหรือไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร
ผมได้ฝึกฝนวิธีนี้มานานหลายปี จนผมเข้าใจ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นวิธีการของท่านโปฐิละ พอมาอ่านเรื่องของท่านโปฐิละเถระ ในพระไตรปิฏก ผมจึงมองออกทันทีว่า วิธีนี้เป็นวิธีเดียวกันกับของท่านโปฐิละนี่เอง ผมขอนมัสการพระโปฐิละเถระเป็นพระอาจารย์ผมรูปหนึ่งด้วยครับ
Create Date : 20 สิงหาคม 2553 |
|
3 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:02:49 น. |
Counter : 1374 Pageviews. |
|
|
|
สัมมาสมาธิ คือ จิตตั้งมั่น ไม่ใช่ไปทำจิตให้นิ่ง ฉบับชาวบ้านอ่าน
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=namasikarn&month=31-07-2010&group=8&gblog=75