รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
22 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 

เมื่อไรจึงจะพิจารณาธรรมแล้ว ได้ผลแห่งการพิจารณาธรรมนั้น ๆ

1..พิจารณาธรรมคืออะไร

เมื่อชาวพุทธได้อ่านตำรา หรือ ได้ฟังคำสอนมาว่า ขันธ์ 5 ไม่เทียง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน จากนั้น ก็นั่งคิดถีงร่างกายทีมันแปรเปลี่ยนเริ่มจากเด็ก เป็นวัยรุ่น เป็นหนุ่มสาว เป็นคนชรา แล้วก็ตายไป หรือ ไปนั่งคิดถีงการถอดร่างกายออกเป็นส่วน ๆ เป็นชิ้นๆ
เป็นกระดูก เป็นเนื้อ เป็นหนัง เป็นตับไต ไส้พุง เห็นร่างกายเน่าเปือย ไม่สวยงาม เป็นต้น

สิ่งที่กำลังทำอยู่นั้น ยังไม่ใช่การพิจารณาธรรม เพียงแต่เป็นการนั่งคิด(เอาเอง)ด้วยสมอง
ปัญญาทีได้จากการคิด(เอาเอง) นี้ ในตำราเรียกว่า จินตมยปัญญา ซี่งยังไม่มีผลต่อการดับทุกข์ได้

แล้วอย่างไร จึงจะเรียกว่าเป็นการพิจารณาธรรม ?

การพิจารณาธรรมนั้น จิตจะต้องเห็น / รับรู้สภาวะธรรม ทีเกิดขึ้นอยู่นั้นอย่างสด ๆ
หรือจะเรียกว่า สภาวะธรรมกำลังแสดงอย่างสด ๆ ให้จิตเห็น ให้จิตรับรู้

การรับรู้ของจิตทีตรงไปยังสภาวะธรรม นี่คือ การพิจารณาธรรม
เมื่อจิตเห็นสภาวะธรรม ก็จะเกิดปัญญาในจิต อันเป็นภาวนามยปัญญา ทีมีผลต่อการดับทุกข์ได้เมื่อจิตได้เห็นสภาวะธรรมอยู่เนืองๆ เห็นบ่อยๆ เข้า ก็จะเข้าใจ แล้วเกิดการปล่อยวางเองของตัวจิตทีไม่เข้าไปยีดเกาะสภาวะธรรมทีเกิดขึ้น

2..สภาวะธรรมมีอะไรบ้างทีให้จิตพิจารณา

ก่อนทีจิตจะพิจารณา นักภาวนาต้องฝีกฝนจิต จนจิตมีกำลังตั้งมั่นเป็นสัมมาสมาธิ ฝีกให้จิตว่องไวทีสามารถ เห็น/รับรู้สภาวะธรรม นักภาวนาต้องฝีกฝนส่วนนี้ก่อนเป็นการเตรียมพร้อมให้จิต ให้จิตมีความสามารถพอทีจะพบกับสภาวะธรรมได้ก่อน
เมื่อจิตพร้อมแล้ว ก็สามารถจะพบกับสภาวะธรรมได้เอง

สภาวะธรรมนั้นจะมี 2 ระดับทีจิตจะไปพิจารณาได้

ระดับที 1 เรียกว่า สังขตธรรม
สังขตธรรม เป็นธรรมระดับแรกทีจิตทีมีสัมมาสมาธิตั้งมั่น มีจิตทีว่องไวจะสัมผัสได้
สังขตธรรม ก็คือ อาการต่างๆ ในขันธ์ 5 นั่นเอง

เมื่อจิตพบกับสังขตธรรม ก็จะ เห็น/รู้ ได้ว่า ขันธ์ 5 มันไม่เที่ยง มันเกิดขึ้น ดับไป
มันแปรปรวน มันไม่ใช่ตัวตนของเรา

การพบอย่างนี้ของจิต ยิ่งพบบ่อย จิตยิ่งมีปัญญา เพราะจิต เห็นได้ รับรุ้ได้ ถีงความไม่เที่ยงแห่งขันธ์ 5

ระดับที 2 เรียกว่า อสังขตธรรม

นักภาวนาทีจิตมีกำลังสัมมาสมาธิ มีจิตทีว่องไวแล้ว เห็นสภาวะระดับที 1 ได้มากแล้ว
ได้บ่อยแล้ว จิตจะเกิด สัมมาญาณ ขึ้น ซี่งสัมมาญาณ นี้จะทำให้นักภาวนามีความสามารถทีจะไปพบกับอสังขตธรรม หรือ ธรรมทีไม่ใช่ขันธ์ 5 เป้นธรรมทีไม่แปรเปลี่ยนแบบขันธ์ 5

ในนักภาวนาทีมีสัมมาญาณเกิดขึ้นแล้ว ต้องมีปัญญาประกอบจึงจะเข้่าใจในอสังขตธรรมว่า อสังขตธรรมคืออย่างไร มีอาการอย่างไร ลักษณะอย่างไร เพราะ เนื้อแท้แห่งอสังขตธรรม นั้น มันมีอยู่แล้ว แต่คนไม่รู้จักเพราะไม่มีสัมมาญาณ แต่เมื่อมีสัมมาญาณก็จริง ก็ต้องอาศัยการพินิจพิจารณาอีกว่า อสังขตธรรม นั้นเป็นอย่างไร

การพิจารณาอสังขตธรรมนั้น นักภาวนาต้องพิจารณาด้วยการไร้ตัณหา ไร้ความอยาก สภาวะจิตเป็นธรรมชาติอย่างทีสุด จึงจะพบกับอสังขตธรรมได้ เมื่อพบแล้ว เห็นแล้วก็จะเข้าใจได้ แต่ถ้าจิตยังมีความอยาก จิตไม่เป็นธรรมชาติอย่างทีสุด อสังขตธรรมก็ยังไม่เปิดเผยตัวออกมา เพราะความอยากในจิตเป็นเครื่องกั้นเอาไว้

อสังขตธรรม คือ ความไม่ทุกข์ เมื่อพบแล้่ว จะไม่ทุกข์
แต่ถ้ายังไม่พบอสังขตธรรม ก็ยังมีทุกข์อยู่ เพราะอำนาจแห่งขันธ์ 5 ยังมีผลอยู่
ต่อเมื่อพบกับอสังขตธรรม อำนาจแห่งขันธ์ 5 จะไม่แสดงทุกข์ออกมา

การไม่ทุกข์ ไม่ใช่แปลว่า สุข
แต่อสังขตธรรมนั้น ไม่ใช่สุข แต่ไม่ทุกข์
นี่เป็นสิ่งทีบอกแก่นักภาวนาว่า นีคืออสังขตธรรม

3..บทสรุป
การพิจารณาธรรมนั้น จะเกิดได้ เมื่อจิตพร้อม

จิตพร้อม คือ จิตมีมีสัมมาสมาธิทีตั้งมั่น มีจิตทีว่องไว
ก็จะพบกับสภาวะธรรมระดับที 1

เมื่อจิตมีสัมมาญาณ ก็จะสามารถพบกับสภาวะระดับที 2 ได้

การทีนักภาวนานั่งสมาธินิดหน่อย แล้วก็ไปคิดเอาเองถีงความไม่เที่ยง
นี่ยังไม่ใช่การพิจารณาธรรม แต่เป็นการคิดเอาเองด้วยสมอง
เมื่อใช้สมองคิดเอาเอง จีงไม่ใช่ธรรมทีทำให้จิตพ้นไปจากกองทุกข์ได้จริง

การเข้าถีงธรรมจนหลุดพ้นไปจากกองทุกข์ได้ จะต้องเดินทางนี้เท่านั้น ไม่มีทางอื่น
ส่วนอุบายการปฏิบัตินั้นมีมากมาย แล้วแต่จริตของนักภาวนาให้เลือกเอา แต่ทุกอุบาย
ถ้าไม่สามารถปลุกจิตให้มีสัมมาสมาธิทีจิตตั้งมั่น ไม่ปลุกจิตให้ว่องไว ไม่ปลุกจิตให้มีสัมมาญาณ ย่อมไม่ใช่อุบายทีเกื้อกูลต่อมรรค 8 เป็นแน่แท้




 

Create Date : 22 พฤศจิกายน 2557
0 comments
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2557 19:24:21 น.
Counter : 2301 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.