จุดผิดพลาดของนักภาวนา คือ ความไม่เข้าใจกับคำว่า สัมมาสติ
จุดผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของนักภาวนา มือใหม่ ทีอาจก้าวหน้าไปไม่ได้เลย เพราะความไม่เข้าใจกับคำว่า สัมมาสติ.ขอให้ดูคลิปข้างล่างก่อน จำเป็นทีต้องดู เพราะเดียวจะไม่เข้าใจคำว่า สัมมาสติ อย่างถ่องแท้ เป็นคลิปสั้น ๆ 10 นาที.https://www.youtube.com/watch?v=-Flxv3-tqi0.เมื่อดูคลิป ท่านจะพบว่า เวลาทีคนพูดกัน จะมีเสียงดนตรีคลอเคลียไปด้วย บางทีก็ไม่มีดนตรี บางทีก็มีดนตรี และ บางขณะทีไม่มีเสียงคนพูด ก็จะมีเสียงดนตรีโผล่ออกมา.ผมจะชี้ให้เห็นอาการของสัมมาสติ.1..ในขณะทีมีเสียงคนพูดกัน และ มีเสียงดนตรีประกอบ เวลาเราดูทีวี เราจะสนใจเสียงคนพูดกัน เขาพูดอะไร มีความหมายว่าอะไร เนื่องจากตรงนี้ เราสนใจ ผมขอเรียกว่า Primary ส่วนเสียงดนตรีประกอบในขณะทีคนพูด ตรงนี้ เราจะไม่สนใจดนตรี แต่หูได้ยินได้ ตรงนี้ ผมขอเรียกว่า Secondary.* ทีนี้ในการฝีกฝนหรือชีวิตจริง ขณะทีเราดูทีวี หรือ เรากำลังพูดคุยกับใครอยู่ ตรงนี้ จะเป็น Primary เราจะสนใจในทีวี หรือ สนใจกับคู่สนทนาแต่ในขณะเดียวกัน การรู้สติปัฏฐานเช่น การรู้กายพร้อมกันไปด้วยในขณะทีเราฝีกดูทีวี หรือ กำลังสนใจคู่สนทนานั้น เป็น Secondary.ทีนี้ พอเราเริ่มฝีกแบบนี้ เราดูทีวี พร้อมรู้กายไปด้วย เราจะพบว่า ในขณะทีเราสนใจเรื่องในทีวี เรามักจะเผลอการรู้กายไป กล่าวคือ รู้กายไม่ได้ ทีเป็นอย่างนี้ เพราะว่า กำลังจิตของเราอ่อนแอมากนั่นเองทุกคนทีฝีกใหม่ หรือ ฝีกมาผิดทาง ทีเริ่มจากกำลังจิตทีอ่อนแอ ใครมาดูทีวี เป็นอย่างนี้หมด ไม่ต้องตกใจว่า ทำไมมันยาก ทำไมทำไม่ได้ขอให้รู้ว่า ทีเป็นอย่างนี้ เพราะกำลังจิตอ่อนแอมาก.ทีนี้ พอเราเผลอไปในขณะดูทีวี ไม่เป็นไร พอรู้ว่าเผลอไป ก็กลับมาเริ่มต้นใหม่ การเริ่มต้นใหม่นั้น อาจใช้วิธีก็คือ ให้ตามองไปข้างหน้า อย่าเพิ่งไปสนใจทีวี ให้มองไปทีวัตถุอะไรนิ่งๆ ก่อน แล้วรู้กายไป ทำอย่างนี้ พักหนี่ง เช่นสัก 2-3 นาที แล้วทีนี้ ก็ให้มาดูทีวีพร้อมรู้กายใหม่อีกครั้ง ทำอย่างนี้ เดียวก็จะเผลออีก เมื่อเผลอให้เริ่มใหม่แบบนี้ไปเรื่อยๆ .ขออย่าได้กลัวเผลอเด็ดขาด แต่ขอให้ฝีกให้ถูกเท่านั้น เผลอไม่เป็นไร ยอมรับได้ แต่ฝีกผิดยอมรับไม่ได้ ทีฝีกผิดก็คือ การไปรู้กายเป็น Primary นี่คือ การฝีกผิด อย่าลืมว่า เราต้องการรู้กายเป็น Secondary จึงจะเข้าอาการของสัมมาสติ.นักภาวนาทีฝีกผิดก็ตรงนี้ เขาพยายามไปรู้สติปัฏฐานเป็น Primary เช่น ทำอาณาปานสติ ก็ไปจ้องปลายจมูก เวลาเดินจงกรม ก็ไปจ้องมองขาทีกำลังเดิน เป็นต้น ฝีกอย่างนี้ ไปไม่รอดครับ เพราะฝีกผิด เสียเวลาไปเปล่า ๆ .เราต้องฝีกอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ดุทีวี รู้กาย เผลอให้เริ่มใหม่ วนเวียนแบบนี้ไปตลอด ทำไปเรื่อยๆ อาจสัก 6 เดือน 1 ปี หรือ มากกว่า เราจะพบว่า ถ้าเราชำนาญ เวลาเราดูทีวี แล้วรู้กาย เราจะเผลออยู่ แต่เราจะพบว่า พอเราเผลอแล้ว เราจะรู้ตัวว่า เราเผลอไปแล้ว เราจะรู้ได้เร็วขึ้นกว่าตอนทีเริ่มฝีกใหม่ๆ นีคือ เราต้องการตรงนี้.เราไม่ใช่ต้องการไม่ให้เผลอ แต่เราต้องการเผลอแล้วรู้ได้เร็วถ้าเราฝีกไปเรื่อยๆ แบบนี้ การรู้เผลอได้เร็วไปเรื่อยๆ ต่อไป อาการเผลอจะลดเวลาสั้นลงไปเรื่อยๆ ทีนี้ จะเหมือนว่า เราจะไม่ค่อยเผลออีก แต่จริงๆ มันเผลออยู่ แต่รู้ได้เร็วมากเท่านั้นเอง ประหนี่งว่า เผลอปุ๊บ รู้ปั๊บ แบบนี้ เวลาเผลอมีสั้น ๆ ก็จะเหมือนว่า ไม่มีเผลอนั่นเอง.ความสำเร็จอยู่ตรงนี้ รู้ได้เร็วเวลาเผลอไป.2..ฝีกสัมมาสติแบบนี้ แล้วได้อะไรนี่จะเป็นคำถามยอดฮิตทีถามกัน คำตอบก็คือ ได้กำลังจิตเพิ่มขึ้นการรู้เผลอได้เร็วขึ้นกว่าเดิม แปลว่า กำลังจิตมีมากขึ้นแล้วกำลังจิตทีมีมากขึ้นในตัวนักภาวนา ต่อไป เวลาเกิดกิเลสขึ้นตัวจิตทีมีพลังนี้ จะไปเห็นกิเลส และ ทำลายกิเลสให้สลายตัวลงไปเป็นไตรลักษณ์ได้การทำลายกิเลสให้เห็นเป็นไตรลักษณ์ นอกจากทำให้ทุกข์ดับลงไปแล้ว ยังเป็นปัญญาให้แก่จิตอีกด้วย.3.ต้องฝีกแบบนี้ ไปนานเท่าใดฝึกไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนดเวลา ยิ่งฝีกมากก็ยิ่งได้ผลดีแก่นักภาวนาเอง
Create Date : 04 มิถุนายน 2560 |
|
0 comments |
Last Update : 21 ธันวาคม 2560 18:48:05 น. |
Counter : 783 Pageviews. |
|
|
|