รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
14 เมษายน 2554
 
All Blogs
 

จิตรู้ - มโน -วิญญาณ

บทความนี้ที่เขียนขึ้นนี้ มาจากสิ่งที่ผมได้พบเองและเข้าใจแบบนั้นจากที่พบเห็นในการภาวนา ซึ่งอาจจะไม่ตรงตามตำราหรือคำสอนของครูบาอาจารย์บางท่านก็ได้

สาเหตุที่เขียนขึ้นด้วยเล็งเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อนักภาวนา ที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่พบเห็นได้ด้วยตนเอง

*************



1..จิตรู้คืออะไร / จิตรู้ แผกตัวออก จากอะไร ??

ผมได้เน้นมากใน blog นี้ว่า การภาวนาที่.**ถูกต้อง**.ในการเจริญสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือ เกิดการแยกตัวออกมาของ.จิตรู้.

** คำถามมีว่า จิตรู้ คือ อะไร ?? แล้ว ที่ว่า จิตรู้.แยกตัวออกมานั้น แยกตัวออกจากอะไร ??***

1.1 จิตรู้ คือ อะไร

>> จิตรู้ นี่คือธรรมชาติอย่างหนึ่งที่มีอยู่ในคนทุก ๆ คนที่เกิดมา ธรรมชาติของมันก็คือ.การรู้. ในภาษาพระ จะเรียกสิ่งที่.จิตรู้.ไปรู้เข้าว่า.อารมณ์ของจิต. หรือ เรียกว่า .อารมณ์. ก็ได้เช่นกัน

แต่สิ่งที่ผมอยากจะเขียนไว้ ก็คือ สภาพทาง physical ของจิตรู้ ที่จะทำให้นักภาวนาเกิดอาการงุนงง สงสัยได้เป็นอย่างยิ่ง เพราะที่ผมพบมานั้น ผมพบว่า เมื่อภาวนาไปใหม่ ๆ จนจิตรู้ได้ปรากฏตัวให้เห็นได้นั้น จิตรู้จะมีสภาพเป็นกลุ่มก้อนหรือเรียกว่าเป็นดวง ๆ ก็ได้ คล้ายๆ ดวงหลอดไฟฉาย แต่เมื่อภาวนาไปมาก ๆ เข้า ผมกลับพบว่า จิตรู้ที่เป็นดวงแบบหลอดไฟฉายนี้ สามารถที่จะแตกกระจายออก กลายเป็นไม่เป็นดวงได้เช่นกัน

แต่ไม่ว่าสภาพทาง physical นั้น ไม่ว่าจิตรู้จะเป็นดวงหรือไม่เป็นดวง จิตรู้ จะมีสิ่งหนึ่งที่คงไว้เสมอ คือ สภาพการรู้.อารมณ์ของจิต.

1.2 จิตรู้แยกตัวออกจากอะไร

ขอให้ดูจากภาพข้างบน จิตรู้นั้นเมื่อมีกำลังแห่งความตั้งมั่นของสัมมาสติ สัมมาสมาธิแล้ว จิตรู้จะแยกตัวออกมาจากสิ่งหนึ่งที่มีชื่อเรียกว่า .มโน.

คำถามอาจตามมาอีกว่า มโน นี่คืออะไร

มโน นี่คือ เป็นที่เกิดของขันธ์ 5 และ กิเลส ครับ

เมื่อคนเราเห็นภาพแล้วรู้ว่าภาพที่เห็นคืออะไรอันเป็นการทำงานของสัญญาขันธ์ แล้วเกิดการปรุงแต่งต่อมาว่าชอบใจหรือไม่ชอบใจใด ๆ ในภาพนั้นอันเป็นการทำงานของสังขารขันธ์ สิ่งทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นใน.มโน.ทั้งสิ้น

เพื่อให้ท่านเข้าใจมากขึ้นเรื่อง .มโน. ผมขอเปรียบเหมือน .มโน. เหมือนเช่นเวทีละคร ที่บรรดาตัวเล่นละครต่างๆ เช่น กิเลสต่าง ๆ ขันธ์ 5 ต้องมาแสดงที่เวทีละครเท่านั้น พอตัวเล่นละครเล่นเสร็จบท ก็จะหายไปจากเวทีละคร เช่นเดียวกับ กิเลส ขันธ์ 5 พอเสร็จงาน ต่างก็สลายหายไปจาก.มโน.ทั้งสิ้น

>>ในคนทั่ว ๆ ไปที่ไม่ได้เจริญสติปัฏญาน จิตรู้มีกำลังอ่อนมาก เมื่อเกิดการปรุงแต่งต่างๆ อันเนื่องมาจากการทำงานของขันธ์ 5 จิตรู้นั้นจะถูก.ตัณหา.ดึงเกาะติดไว้ใน.มโน. ทำให้คนเกิดความเข้าใจผิดไปว่า สิ่งต่างๆ ของขันธ์ 5 นั้นคือตัวเรา คือของ ๆ เรา
อาการที่.จิตรู้.ถูกผูกติดอยู่ใน.มโน. นี่้จะเรียกกันว่า .วิญญาณ.

>>แต่ในคนที่ฝึกการเจริญสัมมาสติ สัมมาสมาธิ อย่างถูกต้อง จนจิตรู้มีกำลังความตั้งมั่นแห่งสัมมาสมาธิดีพอแล้ว เมื่อเกิดการเหตุการณ์ดังข้างบนขึ้น จิตรู้ที่มีกำลังจะหลุดออกมาจาก.มโน.เป็นอิสระอยู่ภายนอก.มโน. แต่ก็ยังคงสภาพแห่งการรู้การเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใน.มโน.ได้ เมื่อ จิตรู้ แยกตัวออกมาได้จาก มโน และเห็นการทำงานต่างๆ ภายใน มโน จะทำให้นักภาวนาเห็นได้ว่า สิ่งต่างๆ ภายใน มโน ที่เป็นกลไกการทำงานของขันธ์ 5 นั้น มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของ ๆ เรา ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์คำสอนของพระพุทธองค์ได้ด้วยตนเองว่า ขันธ์ 5 ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ได้ด้วยสิ่งนี้

สรุป ก็คือ จิตรู้ แยกตัวออกจาก มโน อันเป็นแดนเกิดของขันธ์ 5 แดนเกิดของกิเลส นั้นเอง

2..ตำแหน่งของ..จิตรู้ / มโน.. อยู่ที่ไหน

ทั้ง จิตรู้ และ มโน นั้นล้วนปรากฏอยู่ข้างหน้าของคนเราทั้งสิ้น แต่คนเรามองไม่เห็นมันเท่านั้นเอง
ผมเคยอ่านหนังสือธรรมของอาจารย์บางท่าน บอกว่า จิตอยู่ภายในร่างกายบ้าง อยู่ที่หัวใจบ้าง อยู่ที่ศูนย์กลางกายบ้าง แต่เมื่อผมเห็นจิตแล้ว ผมไม่เชื่อคำสอนเหล่านั้นเลยครับ เพราะไม่ตรงตามที่ผมพบเอง แต่ในบรรดาคำสอน ผมได้พบคำสอนของ.ท่านฮวงโป.ที่กล่าวว่า อยู่ข้างหน้าเรา เหมือนที่ผมพบเห็นดังนั้นจริง

มโน นั้นจะอยู่ข้างหน้าก็จริง แต่เมื่อ จิตรู้แยกตัวออกมาจาก มโน แล้ว จิตรู้จะอยู่ใกล้ชิดร่างกายมากกว่า มโน ที่อยู่ห่างจากร่างกายมากกว่า (ดูภาพประกอบข้างบน)

การอยู่ใกล้ชิดร่างกายของจิตรู้ บางครั้งจะทำให้รู้สึกเหมือนว่า จิตรู้ นั่นสามารถ ยืดหดได้ คล้าย ๆ กับ.หัวเต่า. ที่พอยืดออก จิตรู้ ก็จะเข้าใกล้.มโน. แต่ถ้าหดเข้า จิตรู้ ก็จะห่างจาก.มโน. แต่จิตรู้ ที่หดกลับได้นั้น อย่างเก่งก็หดอยู่แค่ผิวหนัง แต่จะไม่หดหายเกินเข้าไปภายในร่างกายเลย เมื่อจิตรู้หดกลับอยู่แค่ผิวหนัง จะทำให้รู้สึกเหมือนจิตรู้เป็นความว่างเปล่า แต่ยังคงมีสภาพเพียงการรู้ที่ปรากฏอยู่เท่านั้น

3..จะเห็นจิตรู้ / มโน ได้อย่างไร

ทั้ง จิตรู้ และ มโน จะเห็นได้ด้วย .ญาณ.
ส่วนขันธ์ 5 และ กิเลส เห็นได้ด้วยสติที่มีกำลังตั้งมั่น ที่จิตรู้แยกตัวออกมาจาก.มโน.ได้แล้ว

ในการเกิด.ญาณ.นั้น นักภาวนาจะต้องผ่านลำดับการตั้งมั่นของสัมมาสติได้ก่อน ซึ่งหมายความว่า นักภาวนาจะเห็น.ขันธ์.ได้ก่อนที่จะเห็นจิต/มโน จะก้าวข้ามขั้นเป็นไปไม่ได้ครับ

4..กิเลสถูกทำลายได้อย่างไร

การทำลายกิเลส มี 2 ระดับ ในตำราบอกว่า ใช้สมาธิและปัญญา
แต่ผมจะเขียนในแนวทางให้ท่านเข้าใจดังนี้

4.1 การทำลายกิเลส ด้วยสัมมาสมาธิ
เมื่อจิตรู้มีกำลังความตั้งมั่นแห่งสัมมาสมาธิ จิตรู้แยกตัวออกจาก.มโน. เมื่อกิเลสเกิดใน.มโน. กำลังสัมมาสมาธินั้นจะสลายกิเลสใน.มโน.ไปเองอย่างอัตโนมัติ และ นักภาวนาจะเห็นกิเลสนั้นสลายไปเป็นไตรลักษณ์ที่เห็นได้ด้วยกำลังของสัมมาสติ ที่เห็นได้จริง ๆ ว่ามีการสลายไปต่อหน้าต่อตา ไม่ใช่เป็นการคิดเองเออเอง โดยไม่เห็นของจริง

4.2 การทำลายกิเลส ด้วยการทำลาย .มโน.ให้แตกสลาย
เมื่อมีเวทีละครให้เล่น กิเลสก็จะมาเล่นที่เวทีละครนั้น ถ้าเวทีละครถูกทำลายทิ้งไป กิเลสจะไม่มีที่เล่นอีก เช่นเดียวกับ กิเลสใน.มโน.

เมื่อนักภาวนาเห็น.มโน.ใหม่ ๆ มโน จะเป็น ดวงเป็นก้อน เมื่อ มโน เป็นดวงเป็นก้อน กิเลสก็ยังเกิดได้ใน มโน นั้นได้ แต่กิเลสก็ยังถูกทำลายได้จากข้อ 4.1

แต่เมื่อนักภาวนาภาวนาต่อไป ผมไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นและทำไมถึงได้เป็นแบบนั้น นักภาวนาจะเห็น.มโน.ที่เป็นดวงเป็นก้อนนั้นได้แตกสลายออกเป็นความว่างเปล่าได้ นักภาวนาจะเห็นการแตกสลายของ.มโน.ได้จริงๆ เช่นกัน ที่ไม่ใช่การคิดไปเองโดยไม่เห็นการแตกสลายจริง ๆ

เมื่อ มโน แตกสลาย กิเลสก็ไม่มีที่เล่นไม่มีที่เกิดอีก

********************

ท่านนักภานาครับ
การเดินตามแนวทางแห่งคำสอนของพระพุทธองค์ในสติปัฏฐาน 4 และอริยสัจจ์ 4 ที่ตรงตามคำสอนเท่านั้น จึงจะเกิดการเข้าใจกลไกของขันธ์ 5 และความว่างเปล่าอันเป็นสุญญตาธรรมได้อย่างแท้จริง

การปฏิบัติใด ๆ ที่ไม่ตรงตาม อาตาปี สัมปชาโน สติมา ล้วนแต่ทำให้เสียเวลาเปล่า ๆ และไม่ใช่หนทางแห่งพุทธศาสนา








 

Create Date : 14 เมษายน 2554
7 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 15:05:11 น.
Counter : 2195 Pageviews.

 

สวัสดีปีใหม่ครับ คุณนมสิการ
เจ้า(มโนทวาร)ที่ว่าอยู่ข้างหน้านี่อาการที่ว่าเป็นอย่างไรครับ
1. ผมนั่งภาวนาพอสงบว่าง ๆ ไม่เครียด(ปวดไหล่ หัว ตึง)ความรู้สึกตัวทั้งหมดอาการประมาณว่าเลือดลมเดินวิงค์ ๆ ชาร้าวตามผิวใบหน้าบางทีก็ย้ายมาเด่น ๆ ที่หน้าผากวิ่งขึ้นไปกลางหัวคล้ายขนหัวลุกชัน เจ้าอาการรู้สึกตัวทางกาย(ใจเต้น กายเอนไหว ร้อนเย็น)เมื่อรู้สึกได้ที่ต้นกำเนิดแล้วราวกับว่ามันวิ่งมารู้สึกได้แถวใบหน้าด้วยเป็นบางครั้ง บางครั้งมีหลงไปตามความคิดบ้างซึ่งมักไม่รู้สึกตัว แต่พอระลึกได้ละได้ก็กลับมามีอาการแบบนี้ต่อไป ไม่ทราบว่ากรณีนี้มาถูกทางไหมครับ

2. ตอนนี้รู้สึกพะวงนิด ๆ ระหว่างอาการด้านบนกับอาการที่บ่งว่าเราเครียดอยากรู้ ด้วยเหตุที่ว่าถ้าผมรู้สึกเพ่งจับเมื่อไหร่ส่วนใหญ่้มักจะมีอาการปวดตุ๊บ ๆ แุถวท้ายทอยและหัวไหล่ ถ้าแรง ๆ ก็จะร้าวไปทั้งหัวเลย ถ้าเจ้ามโนทวารแบบข้อ 1 เป็นจริงผมจะคลายการพะวงสงสัยระหว่างอาการเพ่งและอาการที่เห็นมโนทวารได้อย่างไรครับ
ขอบคุณครับ

 

โดย: หนุ่ม IP: 125.27.39.28 14 เมษายน 2554 11:56:02 น.  

 

1..ที่เล่ามาเป็นอาการทางกาย ซึ่งผมตอบไม่ได้ครับว่า ถูกทางหรือไม่
เพราะอาการทางกายนั้นเกิดจากสมาธิ ซึ่งเป็นไปได้ทั้ง มิจฉาสมาธิก็เกิดแบบนี้ได้ และ สัมมาสมาธิก็เกิดแบบนี้ได้เช่นกัน

ในมุมมองของผมนั้น ผมแนะนำว่า การภาวนาควรจะเดินตามกฏ 3 ข้อคือ
รู้สึกตัว เฉย ๆ สบาย ๆ อย่าอยากรู้อะไร แต่ให้จิตเขารู้ได้เอง ในขณะที่ดำเนินตามกฏ 3 ข้อ จิตจะรู้อะไรก็ได้ที่ผ่านเข้ามา เมื่อจิตรู้แล้วก็ไม่ต้องไปใส่ใจมันอีก ปล่อยสิ่งที่รู้ผ่านไปเลย

การภาวนาด้วยการดำเนินตามกฏ 3 ข้อนี้ จุดมุ่งหมายนั้น คือ การเดินตรงเข้าสู่สัมมาสติสัมมาสมาธิ และ การลดลงของอำนาจของตัณหา (ซึ่งการอยากรู้นี้เป็นตัณหา )

2..ถ้าคุณเพ่ง จะมีพลังงานอย่างหนึ่่งเกิดขึ้นในมโนทวาร พลังงานนี้จะทำให้คุณเครียดครับ การภาวนาที่ดี อย่าได้เครียด เมื่อไม่เครียด ไม่มีความอยากรู้อะไร ในมโนทวารจะว่างไม่มีพลังงานอย่างนี้ปรากฏอยู่ ผลก็คือ คุณจะเบาทั้งร่ายกายและจิตใจ

ในคนทั่ว ๆ ไปที่เกิดความเครียดมีพลังงานปรากฏในมโนทวาร เมื่อจิตรู้วิ่งเข้าไปจับพลังงานตัวนี้เขา จะทำให้เขาเกิดอาการไม่สบายขึ้นมาได้ทั้งทางกายและทางใจ

***
การเห็นมโนทวารไม่ใช่ของง่ายครับ แต่ถ้าเห็นพลังงานความเครียดนี้จะง่ายกว่ามากแต่ก็ไม่ใช่ว่าใคร ๆ จะเห็นกันได้ง่าย ๆ เช่นกัน ซึ่งการเห็นพวกนี้ต้องผ่านการฝึกฝนจนจิตรู้แยกตัวออกมาได้แล้วทั้งสิ้น จึงจะเห็นได้ แต่ถ้าตอนนี้ไม่เห็นพลังงานความเครียด ก็ควรภาวนาฝึกรู้ด้วยการผ่อนคลายไปก่อน

การฝึกฝนนั้น เราฝึกด้วยความผ่อนคลายเสมอ ๆ เมื่อเราคุ้นเคยกับอาการผ่อนคลาย พอเราเครียดเกิดปุ๊บ เราจะรู้สึกตัวได้ทันทีเลยว่าเครียดแล้วนะ เมื่อรู้แล้ว ก็ให้ปรับเสียปรุงตัวเองเสีย คลายเครียดลง แล้วจะเบาทั้งกายทั้งจิตใจ

***
การฝึกฝนนั้นด้วยการฝึกรู้กายด้วยกฎ 3 ข้อ อย่าให้มีความอยากที่จะรู้อะไร เพื่อฝึกการลดละอำนาจของตัณหา ขอให้ฝึกอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วผลของสัมมาสติจะเกิดและตั้งมั่นขึ้นมาเองทีละนิด ถ้าตั้งมั่นถึงละดับหนึ่ง คุุณก็จะมีกำลังจิตพอที่จะเห็นอะไรต่อมิอะไรเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ เอง โดยที่ไม่ต้องอยากจะเห็นเลย แต่มันก็เห็นได้เองเสมอ ๆ

 

โดย: นมสิการ 14 เมษายน 2554 13:30:10 น.  

 

ขออนุโมทนาบุญท่าน มนสิการครับ สาธุ

 

โดย: shadee829 14 เมษายน 2554 13:33:09 น.  

 

อนุโทนาสาธุคะ

 

โดย: Nim IP: 125.27.211.10 14 เมษายน 2554 14:10:04 น.  

 

ขออนูโมทนาสาธุครับ

 

โดย: โอม37 15 เมษายน 2554 8:24:19 น.  

 

เข้าใจชัดเจนเรื่องมโนและจิตรู้แล้วค่ะ.ยิ่งอ่านบทความนี้. ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น
กราบขอบพระคุณอาจารย์มากๆค่ะ.

 

โดย: จิตติ IP: 124.121.188.185 15 เมษายน 2554 14:03:45 น.  

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 15:15:14 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.