รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
10 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 

ฝ่ายธรรมเกิดพร้อมฝ่ายมาร ท่านจะเป็นฝ่ายธรรมหรือฝ่ายมารก็แล้วแต่ความเป็นกลางของท่าน

บทความนี้เป็นบทต่อเนื่องจากเรื่อง รู้ธรรมคือรู้อะไร //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=10-2009&date=08&group=1&gblog=105
และเรื่อง มาดูดอกไม้ไฟกันเถอะ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=10-2009&date=09&group=1&gblog=106

..................................
ผมได้เขียนเรื่องการฝึกฝน ตัวอย่างการฝึกเพื่อการรู้กาย
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=05-2009&date=30&group=1&gblog=20

ข้อ 1) ในขณะที่ท่านฝึกฝนอยู่นั้น ท่านสังเกตไหมว่า จิตใจท่านจะราบเรียบไม่มีอะไร แต่เมื่อการลูบแขนเกิดขึ้น ท่านก็รู้สึกได้ถึงการลูบนั้นได้
ถ้าท่านยังไม่เคยฝึก ผมแนะนำให้ท่านฝีกการลูบแขนก่อนสัก 30 นาที แล้วจึงมาอ่านเรื่องราวใน blog ของผมต่อไป

ข้อ 2) ทีนี้ สมมุติ ผมขอให้ท่านสร้างจินตนาการขึ้นมาว่า ท่านอยู่กับคนรักที่ตอนนี้หัวใจท่านสีชมพู ท้องฟ้าก็สดใส และคนรักของท่านก็ลูบแขนของท่านเหมือนดังข้อ 1
เมื่อเกิดการลูบแขนขึ้น ท่านย่อมรู้สึกได้ถึงการลูบ มันจะเหมือนกับการลูบในข้อ 1 แต่ตอนนี้ จิตใจท่านจะไม่เหมือนข้อ 1 แล้ว เพราะ จิตใจท่านจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข อยากให้อยู่อยางนี้นาน ๆ

ข้อ3 ) ทีนี้ สมมุติ ใหม่ว่า ท่านเป็นหญิง และโดนพวกบ้ากามฉุดท่านไปในบ้านร้างแห่งหนึ่ง พวกมันมีมากหลายคน มันก็จะรุมจับตัวท่านไว้ ปิดปากไม่ให้ร้องได้ แล้วเจ้าตัวหัวหน้าที่ตัวสกปรก มีกลิ่นเหม็น ก็เอามือมาลูบแขนของท่านเหมือนอย่างข้อ 1 เช่นกัน ในการลูบนี้ ท่านก็ยังรู้สึกได้ถึงการลูบที่เหมือนกับข้อ 1 และ ข้อ 2 ได้เช่นกัน แต่จิตใจท่านนั้นกลับระทมทุกข์มาก อยากจะหนีเหตุการณ์นี้ไปให้ได้โดยเร็ว

...............................

เหตุการณ์ 3 อย่างนี้ ผมกำลังจะชี้ให้ท่านเห็นดังนี้

A) ความรู้สึกที่เกิดจากการลูบแขน ที่เหมือนกันทุกอย่างที่เกิดขึ้น ในข้อ 1.2.3 นั้น คือ ความรู้สึกจริง ที่เกิดจริงในขณะนั้น ๆ ไม่มีการปรุงแต่งใด ๆ นี่คือ ความรู้สึก ที่เกิดขึ้นทางกาย ที่ผมบอกท่านว่า คือ ธรรม

B) อาการของจิตใจ ในข้อ 1 เมือ่ท่านไม่มีการปรุงแต่งในจิตใจ มันก็คือ .ความรู้สึกที่เกิดขึ้นทางใจ ก็คือ ธรรม เช่นกัน

C) อาการของจิตใจ ในข้อ 2 . 3 ตอนนี้ จิตใจท่านมีการปรุงแต่งที่เจือด้วยกิเลส มีการรู้สึกชอบใจ อยากได้ อยากเป็น ( ข้อ 2 ) และ อาการที่ไม่อยากได้ ไม่อยากเป็น ไม่ต้องการ ( ข้อ 3 ) นี่คือ การปรุงแต่งมันก็เป็นธรรม เช่นกัน แต่เป็น ธรรม + มาร ที่เกิดในขณะเดียวกัน

ซึ่งท่านอาจไม่เข้าใจว่า ทำไมข้อ C จึงเป็น ธรรม ได้ มันน่าจะเป็น .มาร เป็นกิเลส มากกว่า ขอให้ท่านอ่านต่อไป

ในการเกิดจิตปรุงแต่งที่ปุถุชน เข้าใจว่าเป็น .มาร.นั้น ลักษณะทางกายภาพที่สัมผัสได้ ก็คือ เป็นพลังงาน ที่วูบขึ้นมาเหมือนกัน ( ถ้าท่านเป็นผู้ที่จิตรู้แยกตัวออกมาได้แล้ว ท่านจะเห็นพลังงานนี้ได้ และจะเข้าใจได้ง่าย ) พลังงานที่วูบขึ้นมาที่รู้สึกได้ นี่คือ ความรู้สึก ที่ผมเรียกว่า ธรรม
แต่ในพลังงานที่วูบขึ้นมานี้ มีส่วนที่เป็นเนื้อความในพลังงานนั้นด้วย คือ ความพอใจ (สำหรับข้อ 2 ) หรือ ความไม่พอใจ (สำหรับข้อ 3 )
การปรุงแต่งจิตใจของปุถุชน จะเห็นแต่อาการพอใจ หรือ ไม่พอใจ ที่เกิดขึ้น แต่ไม่เห็นพลังงานที่วูบขึ้นมา และเกิดหลงเข้าไปยึดถือในเนื้อความของพลังงานนี้ จึงเกิดหลงเดินตามความพอใจ หรือ ไม่พอใจ ที่เกิดขึ้นตามเนื้อความของพลังงานนั้นทันที ในส่วนนี้ ก็คือ มาร ที่มันจะมาพร้อมกับ ธรรม (ทีเป็นพลังงานวูบขึ้นมา ) เสมอ

..................
ถ้าท่านอ่านไม่เข้าใจในข้อ C เรื่องพลังงานทีวูบขึ้นมา และ เนื้อความในพลังงานที่วูบขึ้นมา ผมจะยกตัวอย่างทางโลกเปรียบเทียบให้ท่านเห็น เมื่อท่านอ่านเรื่องทางโลกที่เป็นข้อเปรียบเทียบแล้ว ขอให้ท่านกลับไปอ่านข้างบนใหม่ ก็จะทำให้ท่านเข้าใจได้ดีขึ้น

สมมุติว่า มีขันอยู่ 2 ใบ ขันทั้ง 2 ใบถูกใส่กล่องที่เปิดฝากไว้ ท่านมองไม่เห็นขันทั้ง 2 ใบนี้ ขันใบที่หนึ่งใส่ก้อนน้ำแข็งที่เย็นจัดไว้เต็ม
ขันอีกใบหนึ่งใส่น้ำร้อนที่ร้อนจัดไว้ ท่านอยู่หางจากขันประมาณ 30 เซ็นติเมตร ท่านไม่เห็นขันเพราะถูกใส่กล่องไว้ แต่ท่านจะเห็นไอ ทีออกจากขันทั้ง 2 ใบ ไอที่ลอยขึ้นมาจากความเย็น และ ไอที่ลอยขึ้นมาจากความร้อน ท่านจะเห็นได้ว่าเหมือนกัน ( นี่คือพลังงานที่เกิดขึ้น )
แต่ ไอออกมาต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะไอหนึ่งจะร้อน อีกไอหนึ่งจะเย็น
ท่านจะเห็นทั้งไอ และ สัมผัสได้ถึง ความร้อน หรือ ความเย็น ของไอ นี่คือส่วนที่เป็นเนื้อความของพลังงาน ( ถ้าผมจะใช้ภาษาอังกฤษ จะทำให้ท่านเข้าใจได้ดีขึ้น ในส่วนเนื้อความนี้ก็คือ property ของไอ นั้นเอง
..................................
อีกตัวอย่างหนึ่ง ดูภาพ


สีแดง คือ เนื้อความ ( property ) ของวงกลมและมีการแปลความหมายออกมาว่า คือ สีแดง

ความพอใจ คือ เนื้อความ ( property ) ของพลังงานปรุงแต่งที่เกิดขึ้น โดยมีการแปลความหมายของพลังงานนี้ออกมาว่า นี่คือพอใจ

ความไม่พอใจ คือ เนื้อความ ( property ) ของพลังงานปรุงแต่งที่เกิดขึ้น โดยมีการแปลความหมายของพลังงานนี้ออกมาว่า นี่คือไม่พอใจ

..........................................

ในวิถีทางเดินแห่งการพ้นทุกข์ เมื่อท่านฝึกฝนการเจริญสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ได้ดีจน.จิตรู้.เกิดแล้ว ใหม่ ๆ ท่านจะเห็นพลีงงานที่เกิดขึ้นจากการปรุงแต่งได้ ( เปรียบเหมือนท่านเห็นไอที่ลอยอยู่ ) และ ท่านก็จะรู้สึกได้ถึงเนื้อความ ( property ) ในพลังงานที่เกิดนั้นได้ ( เปรียบเหมือน รู้ถึงว่า ไอนี่ร้อน หรือ ไอนี่เย็น )
นักปฏิบัติที่เข้าใจไม่ตรงทาง มักจะมีจิตใจที่น้อมเอียงไปในทางที่รังเกียจเนื้อความที่เกิดขึ้นในพลังงานที่ท่านเห็นมัน ยิ่งเป็นพลังงานทีแปลเนื้อความออกมาว่าเป็นความไม่พอใจ ความทุกข์ใจ ความหวุดหงิด ด้วยแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความรังเกียจมากขึ้นไปอีก <<< แต่นี้คือ การปรุงแต่งที่เกิดซ้อนขึ้นมาโดยที่นักปฏิบัติธรรมท่านนั้นยังมองแบบจิตใจไม่เป็นกลาง ยังหลงปรุงแต่งซ้อนขึ้นมาอีก

เมื่อท่านมีกำลังแห่งสัมมาสติ สัมมาสมาธิที่ตั้งมั่น มองพลังงานที่เกิดวูบขึ้นมาอย่างเป็นกลาง โดยไม่หลงยินดี ยินร้ายไปกับเนื้อความ ( property ) ของพลังงานที่เกิดวูบขึ้นมา ท่านจะเห็นไตรลักษณ์ของพลังงานวูบนี้ได้ และเข้าใจความเป็นอนัตตาของมันได้เมื่อท่านเห็นมันได้บ่อย ๆ
นี่คือ ท่านได้เห็นธรรม แล้ว

ขอให้ท่านลองสังเกต สภาวะแวดล้อมดูอีกครั้งว่า
ทุก ๆ ขณะ ท่านมีแต่การสัมผัสที่เป็นความรู้สึกที่รับรู้เข้ามาทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางจิตใจ นี่คือความรู้สึกที่สัมผัสได้จริง ที่ผมได้บอกท่านว่า นี่คือธรรม

แต่ถ้าท่านหลงไปในเนื้อความแห่งการปรุงแต่งในด้านที่เกิดพอใจ ไม่พอใจ ขึ้น นี่คือการหลงเข้าไปใน .มาร. แล้ว

ท่านจะเห็นว่า ธรรม และ มาร มันมาพร้อมกัน เพียงแต่ว่า ท่านรู้ทัน.มาร. หรือ ไม่เท่านั้น ถ้าท่านรู้ทันมาร ท่านก็เป็นพุทธ ถ้าท่านไม่รู้ทัน.มาร. มาร ก็จะจิกหัวท่านให้ท่านเป็นทาสของมันต่อไป

ธรรม เป็นเรื่องไม่ซับซ้อนและอยู่ในชีวิตประจำวันของท่านนั้นเอง ไม่ต้องไปหาที่ไหน ขอให้ท่านอ่านสักหลาย ๆเทียว แล้วพิจารณาตามว่า เรื่องราวเป็นอย่างไร ท่านอาจเข้าใจ.ธรรม. และหลุดจากการเป็นทาสของมารได้ตลอดกาล

....................
นี่เป็นบทความที่เขียนยากมากสำหรับผม และผมก็ไม่ทราบว่า ท่านอ่านจะรู้เรื่องหรือไม่ เพราะมันเป็นเรื่องเกียวกับปัญญาทางพุทธูศาสนา ถ้าท่านอ่านเข้าใจ บทความนี้ก็มีประโยชน์แก่ท่าน ถ้าท่านอ่านไม่เข้าใจในตอนนี้ ก็ขอเก็บไว้ใน blog ผมก่อนก็แล้วกัน แล้วในอนาคต ท่านอาจย้อนมาอ่านใหม่อีกครั้ง แล้วเข้าใจก็ได้ครับ




 

Create Date : 10 ตุลาคม 2552
7 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:06:07 น.
Counter : 10600 Pageviews.

 

เข้าใจละค่ะ

 

โดย: kaoim IP: 119.31.126.141 10 ตุลาคม 2552 21:21:48 น.  

 

ธรรมใดที่เกิดขึ้นด้วยการปรุงแต่ง โดยเฉพาะเรื่องของจิตนั้นล้วนตั้งอยู่บนกฏของความไม่แน่นอน ไม่คงทน เดี้ยวเป็นเดี๋ยวไม่เป็น เดี้ยวเกิด เดี้ยวดับ แม้แต่ของที่เราคิดว่าเป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่สุดเท่าที่เราจะนึกคิดได้ ด้วยจิต ก็ยังเป็นของปรุงแต่งอยู่ดี ดังนั้น สิ่งที่ทำให้เรารู้ว่าอะไรเรียกการปรุงแต่ง อะไรเรียกผลแห่งการปรุงแต่ง ที่เกิดขึ้นได้ในจิตจะรู้ได้ก็ด้วยสติ ต้องมีสติ ฝึกสติ
อนุโมทนาครับ

 

โดย: kengkenny 11 ตุลาคม 2552 7:29:12 น.  

 

วันนี้รู้สึกโกรธเพื่อนร่วมงานอย่างบอกไม่ถูก
ฉันยังไม่ได้มีอาการแบบนั้นใส่เธอเลย แต่เธอไม่เคยสังเกตฉันต่างหาก คิดแล้วโกรธ พยายามที่จะที่จะดับทุกข์นี้ ได้อ่านแล้วดีขึ้น
อนุโมธนาค่ะ

 

โดย: kinnoo IP: 124.120.113.122 21 ตุลาคม 2552 22:27:06 น.  

 

 

โดย: นมสิการ 24 ตุลาคม 2552 18:55:39 น.  

 

อ่านทวนแล้วทวนอีก หลายรอบ บางประโยค อ่่านซ้ำๆอยู่ 3-4 รอบ ดูเหมือนจะเริ่มเข้าใจได้บ้างนิดหน่อย แต่ว่าจะลองไปฝึกแยกแยะดู พอลองแล้วก็ยากเช่นกัน บางครั้งได้ แต่ส่วนมากตามมารไม่ทัน

แต่ไม่เป็นไร เริ่มใหม่ มันต้องได้ซักวันเถอะน่า...อดทน...เพียร (หลวงปู่เฮียง เคยบอกว่า ให้เจ้าเพียรเข้าไว้แล้วจะได้รู้เอง)...เพียรอยู่นะเจ้าค๊ะ...

ขอบคุณ คุณนมสิการ ค่ะ ต่อไปขอเป็นลูกค้าประจำ ที่ blog นี้หน่อยนะค๊ะ

 

โดย: ta IP: 124.121.209.14 26 ตุลาคม 2552 11:55:56 น.  

 

ขอขอบคุณคุณนมสิการนะค่ะ ยังไงก็จะพยายามปฎิบัติให้มากขึ้นนะค่ะ พอเข้ามาในบอร์ดก็รู้สึกมีกำลังใจในการปฎิบัติมากขึ้นด้วยค่ะ

 

โดย: n_atty 4 พฤศจิกายน 2552 13:26:22 น.  

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 19:12:07 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.