Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
31 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

ตอนที่ 93 ~ เราแต่งงานกันแล้ว (น่ะ).

***ฟิค <แปล> เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนแต่งขึ้น เพื่อความรักของคนทั้งสองเท่านั้น หาได้มีเจตนาอื่นหรือไม่ จึงขอให้อ่านด้วยความบันเทิง และเชื่อมั่นในรักของพวกเขาด้วย ****

นอกชานเมืองของเกาะมาเก๊า ที่หมู่บ้านริมชายฝั่งทะเล ณ โบสถ์ไม้ขนาดเล็กๆแห่งหนึ่ง คู่รักผักกาดหอม กำลังยืนเคียงคู่กันอยู่ที่สนามหญ้าด้านหน้าโบสถ์ บาทหลวงซึ่งมีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มกำลังเป็นผู้ทำพิธีและกล่าวให้พรให้แก่คนทั้งสอง ภรรยาของบาทหลวงซึ่งยืนถัดจากคู่บ่าวสาวก็ยิ้มแย้มด้วยความปิติยินดีเช่นกันพร้อมด้วยเด็กน้อยๆอีก 3 คนที่มาร่วมกันเป็นพยานที่ถึงแม้จะเป็นแค่งานเล็กๆ แต่พวกเขาก็ต่างยินดีและตอนนี้ก็ยืนมองคู่บ่าวสาวด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ตอนนี้พ่อขอประกาศว่าพวกเธอทั้งสองได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันเป็นสามีและภรรยา ต่อหน้าพระองค์” จากนั้นหลวงพ่อก็หันไปมองครอบครัวของเขาแล้วพูดต่อไปว่า “และผู้คนที่มารวมกันอยู่ที่นี่”

ฮยอนจุงนิ่งเงียบพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ยิ้มมากเกินไปจนคล้ายกับคนบ้า ในขณะที่ฮวางโบเองกลับรู้สึกซึ้งจนแทบเก็บอาการซึ่งใจไว้ไม่อยู่

“ต่อไปจะเป็นพิธีสวมแหวนให้กันและกัน เด็กๆ เดินมาทางนี้ได้แล้ว”บาทหลวงหันไปบอกกับลูกๆ ซึ่งเด็กๆก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ฮวางโบถึงกับแปลกใจเพราะเธอเองมิได้เตรียมสิ่งนี้ไว้ให้ว่าที่เจ้าบ่าว เธอกระซิบถามอย่างเบาๆ “นี่ มันมีการสวมแหวนแต่งงานด้วยเหรอ ทำไมไม่เห็นเธอบอกเรื่องนี้กับชั้นเลย”

“แล้วทำไมผมต้องบอกคุณด้วยล่ะ ขืนผมบอกสิ รับรองได้ว่าคุณต้องไม่เห็นด้วยกับผมแน่เลย”เขากระซิบตอบเธอเบาๆ

“แล้วเธอคิดว่าชั้นจะใส่มันได้เหรอ”

“ถ้าพระเจ้าส่งมาให้คุณได้มาเจอกับผม และมันจะแปลกอะไรถ้าพระเจ้าจะดลใจให้ผมได้รู้ขนาดของแหวนที่กำลังจะใส่ให้คุณตอนนี้ละฮะ ว่าแต่ คุณรู้ใช่มั๊ยฮะว่าต้องสวมแหวนให้ผมนิ้วไหนอ่ะ”

“นิ้วไหนเหรอ”

“นิ้วนางข้างซ้ายไงฮะ เพราะมันเหตุผลที่ต้องสวมแหวนแต่งงานที่นิ้วนางข้างซ้าย..เพราะมันสัญลักษณ์แสดงถึงความซื่อสัตย์ต่อกัน และมันก็ยังเป็นสัญลักษณ์ของความรักตามความเชื่อของคนโบราณเชื่อว่าเส้นเลือดบนนิ้วนางเชื่อมต่อไปยังหัวใจไงฮะ”

“โอ๊ะ เธอรู้เรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ” เธอถามด้วยความประหลาดใจ

“สิ่งสำคัญสำหรับบูอิน ผมต้องจดจำไว้แม่นยำอยู่แล้ว”

“ว่าแต่ ชั้นจะสวมแหวนนี้ออกสื่อได้ยังไง ในเมื่อเราต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับ”

ฮยอนจุงนิ่งไปชั่วครู่แล้วตอบ “ถ้างั้นหลังจาก 2 วันผ่านไป ผมจะนำแหวนสองวงนี้มาร้อยเป็นสร้อยแล้วใส่ติดตัวไปเป็นเครื่องลางของขลังดีมั๊ยฮะ”

“หุหุ เหมือนเป็นเทพารักษ์ที่คอยปกป้องและนำแต่สิ่งดีดีมาให้เธอ”

“งั้นก็ตามนี้นะฮะ บูอิน แต่ตอนนี้ ขอได้โปรดรับแหวนที่เป็นตัวแทนความรักของเราสองคนไปด้วยนะฮะ”

“ยินดีจ๊ะ ขอบคุณนะชิลลาง” ว่าแล้วเธอยื่นนิ้วมืออันเรียวงามที่เหมาะกับแหวนเงินเกลี้ยงเข้ากับมือรับไว้ด้วยใจอันเปี่ยมไปด้วยความสุข

บาทหลวงขยิบตาให้ฮยอนจุงก่อนจะพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ ถึงเวลาที่เจ้าบ่าวจะแสดงความรักโดยให้เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้แล้ว”

หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นตกใจทันที ส่วนฮยอนจุงตาลุกวาวเป็นประกายและพูดไปว่า “จริงหรือฮะ?”

หลวงพ่อผงกศีรษะ “ตอนนี้เธอสามารถสามารถแสดงความรักด้วยการจูบเจ้าสาวของเธอได้แล้วล่ะ”

ฮยอนจุงหันไปมองภรรยาและลูกๆของบาทหลวงซึ่งยืนลุ้นอยู่ตรงนั้น “เอ่อ”

ภรรยาของบาทหลวงพูดขึ้นว่า “เร็วเข้า เจ้าสาวคอยแย่แล้ว”

ฮวางโบรู้สึกเขินอายและค่อยๆหลับตาลง

ชายหนุ่มชำเลืองมองดูหน้าเธอแล้วถาม “ได้มั้ยฮะ?”

ฮวางโบลืมตาขึ้นมาแล้วถามว่า “อะไรเหรอ?”

ฮยอนจุงหันไปมองบาทหลวงอีกครั้ง “ฮา ฮ่า เธอบอกว่าไม่ให้ผมทำฮะ”

“ส่วนมากเจ้าสาวก็มักจะพูดแบบนั้นแหละ แล้วเธอเชื่อหรือเปล่าล่ะ” บาทหลวงถามฮยอนจุง

“นั่นสิฮะ” ฮยอนจุงพยักหน้า ส่วนฮวางโบหลับตาลงอีกครั้ง

ฮยอนจุงหันไปมองพวกเด็กๆ จากนั้นก็หลังไปมองภรรยาของบาทหลวงและ ถามเธอว่า “เอ่อ ขอโทษน่ะฮะ?”

“ว่าไงหรือจ๊ะ” ภรรยาของบาทหลวงตอบด้วยน้ำเสียงที่อิ่มเอมแจ่มใส

“เอ่อ เด็กๆพวกนั้น คือ สายตาของพวกเขา อืม ขอโทษด้วยนะฮะ คือว่า...เอ่อ....?”ชายหนุ่มพูดอย่างเกรงใจ

ภรรยาของบาทหลวงพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ “ได้ค่ะ”จากนั้นก็ก้มลงไปมองหน้าเด็กๆพร้อมกับพูดว่า
“ลูกจ๊ะ หันมามองหน้าแม่ซักแป๊บนึงน่ะจ๊ะ”

หลังจากที่ฮยอนจุงมั่นใจแล้วว่าพวกเด็กๆ ถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปที่อื่นแล้ว เขาจึงค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าไปจุมพิตเธอ แต่ในขณะนั้น หนึ่งในสามของเด็กกลับหันไปมองและจ้องมองดูพวกเขาที่กำลังจุมพิตกันอย่างดูดดื่ม เด็กคนนั้นหัวเราะคิกพร้อมกับใบหน้าที่แดงระเรื่อ ซึ่งทำให้ทั้งฮวางโบและฮยอนจุงใบหน้าก็แดงเรื่อเช่นกัน

ครึ่งชั่วโมงต่อมา คู่แต่งงานหมาดๆได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองซี่งเพิ่งขอยืมมาจากครอบครัวของบาทหลวง ฮยอนจุงและฮวางโบช่วยกันซ่อมแซมผนังโบสถ์ซึ่งทำด้วยไม้และค่อนข้างจะชำรุดทรุดโทรม

บาทหลวงรู้สึกเกรงใจ” พวกเธอไม่ต้องช่วยก็ได้น่ะ”

“ความฝันของภรรยาผมคือ ได้ทำงานการกุศลพร้อมกับสามีสุดที่รักของเธอครับ” พูดไปพร้อมๆกับยกแผ่นไม้ไปวางติดไว้ที่กำแพง

“เธอโชดดีที่ได้ภรรยาที่แสนดีแบบนี้น่ะ”บาทหลวงกล่าวชม

ฮวางโบยิ้มรับและตอบว่า “เทียบกันระหว่างเราสองคน ชั้นมักจะต้องเป็นคนลงมือซ่อมโน่นซ่อมนี่เป็นประจำเพราะว่า ชั้นคือ เครื่องมือเดินได้ค่ะ หุหุ”

ภรรยาบาทหลวงเกิดสงสัยจึงหันไปถามฮยอนจุง “แล้วคุณช่วยเธอทำอะไรบ้างค่ะ ฮยอนจุง”

“ผมหรือฮะ ผมก็คอยกำกับเธอทำนู่นนี่ แล้วก็ให้กำลังใจเธอฮะ” ฮยอนจุงยิ้มให้

“หุหุ เขาคอยกำกับก็จริง แต่เขาก็มักจะทำให้มีปัญหาแทบจะทุกครั้ง” ว่าแล้วเธอก็ตอกตะปูลงบนแผ่นไม้ที่ฮยอนจุงกำลังจับเอาไว้

“สร้างปัญหาหรือครับ?” คุณพ่ออดสงสัยไม่ได้

“คือพูดง่ายๆดูเหมือนเขาจะช่วยชั้นน่ะค่ะ แต่กลับกลายเป็นว่า เขาช่วยทำให้มันยุ่งยากเข้าไปอีก ท่าทางเขาจะไม่อยากปล่อยให้ชั้นได้พักผ่อนน่ะค่ะ”

“ฮา ฮ่า ฮา แล้วเขาให้คุณทำอะไรหรือค่ะ” ภรรยาของหลวงพ่อถาม

“พวกคุณคิดดูซิค่ะ ครั้งแรกที่เราเจอกัน เขาให้ชั้นเปิดขวดน้ำอัดลมด้วยช้อน หลังจากนั้นเขาก็ให้ชั้นงัดกล่องกีต้าร์ให้เขาอีก” ฮวางโบอธิบายพร้อมกับยิ้มอย่างสดใส

“ผมแค่ต้องการรู้ว่าเธอจะมีทักษะในการช่วยตัวเองให้มีชีวิตตัวรอดได้ดีแค่ไหนฮะ”ฮยอนจุงยิ้มเจื่อนๆ

“บางครั้ง เขาก็ทดสอบพลังของชั้นโดยการให้หักกิ่งไม้ให้ดูบ้างอะไรบ้าง และเป็นเพราะว่าเขาไม่ต้องให้ชั้นขึ้นสนิมกับเรื่องพวกนี้ เขาก็ให้ชั้นเปิดขวดอีกครั้ง” ฮวางโบเถียง

“ฮา ฮา ฮา “ บาทหลวงหัวเราะด้วยความชอบใจ

“บูอินของผมเธอไม่เหมือนใครฮะ เธอต่างจากผู้หญิงคนอื่น เธอไม่เคยหาข้ออ้างว่าเธอไม่สามารถทำได้ตามที่ผมขอ หุหุ ผมว่า บางทีนี่อาจจะทำให้เธอดูอ่อนวัย และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมขอให้เธอทำโน่นนี่ตลอดไงฮะ” ฮยอนจุงหาเหตุผลมาแก้ต่าง

ฮวางโบจ้องหน้าเขาและพยายามกัดริมฝีปากตัวเอง “นี่ เธอ” จากนั้นเธอก็หยุดชะงักไปเหมือนกับทำอะไรบางอย่างผิดพลาดไป “อุ๊ปส์”

“ฮา ฮ่า ฮ่า พวกเธอทั้งสองนี่ตลกจริงๆน่ะ” ว่าแล้วเธอก็หันไปมองสามีของตัวเองและถาม “คุณคิดเหมือนชั้นหรือเปล่าค่ะ”

“ฮ่า ฮา ฮา พวกเธอช่างเป็นคู่ที่มันส์จริงๆเลย” หลวงพ่อเห็นดีด้วย

หลังจากพวกเขาก็ช่วยกันซ่อมแซมโบสถ์ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว และ เหงื่อไหลท่วมกายจนกระทั่งเย็นพวกเขาก็ทำงานได้เสร็จเรียบร้อย ฮวางโบและภรรยาของบาทหลวงก็ได้เตรียมอาหารเย็นกันในห้องครัว

“ดูเหมือนว่า ไม่มีอะไรที่พวกคุณสองคนจะทำไม่ได้เลยน่ะ ฮยอนจุงเนี่ยเขาช่างโชคดีจริงที่ที่มีภรรยาที่น่ารักแบบนี้” ภรรยาของบาทหลวงกล่าวชม

“บางที...อาจจะเป็นเพราะชั้นได้เรียนรู้อะไรมามากกว่าเขา...เพราะชั้นอยู่บนโลกนี้มานานกว่าชิลลาง”เธอตอบท่าทางอายๆ

“ไม่ใช่หรอกค่ะ ถึงแม้ว่าชั้นจะอยู่นี่มา 10 ปี ชั้นก็พอจะรู้ว่า ทุกวันนี้พวกหนุ่มสาวสมัยนี้เป็นยังไงกัน” ภรรยาบาทหลวงรีบค้านขึ้นมาทันที

“ชั้นรู้ดีว่า ฮยอนจุงเขาเป็นคนต่อสู้กับชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก แต่ชั้นเชื่อว่า มันดีที่เขาพยายามที่จะพึ่งพาตัวเองมากกว่าที่จะพึ่งพาครอบครัวของเขา”

“.................”

“ถึงแม้ตอนที่เขายังเป็นเด็กวัยรุ่นจะทำให้คุณแม่ของเขามีเรื่องต้องกลุ้มใจอยู่ไม่น้อย แต่ในที่สุดเขาก็เติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มที่ดีคนนึงเลยทีเดียว ต้องขอบคุณครอบครัวของเขาที่ไว้ใจและคอยให้กำลังใจ และ เขามีก็จิดใจที่ดีที่รับรู้และเห็นคุณค่าของภรรยาที่แสนดีอย่างคุณ...”

“ชั้นเดาว่าที่เป็นเช่นนั้น...คงเป็นเพราะชั้นได้รับพรจากพระองค์ค่ะ” ฮวางโบกล่าวด้วยความยิ้มแย้ม
ภรรยาบาทหลวงยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนและจ้องหน้าเธออยู่ครู่นึงก่อนพูดว่า “อย่างนั้นเลยใช่มั้ยคะ”

“...?” ฮวางโบมองกลับไปด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย

ภรรยาของบาทหลวงกล่าวต่อไป “ขอให้พวกคุณอยู่ร่วมกันด้วยหัวใจรักที่เปี่ยมไปด้วยความขอบคุณที่มีต่อกันและกันอย่างนี้ไปตลอด เพราะยังมีคนที่รักพวกคุณอยู่ไม่น้อย ที่เฝ้าดู และ ต่างก็ปรารถนาให้ชีวิตคู่ของพวกคุณมีความสุขตลอดไปนะคะ”

ฮวางโบรู้สึกตื้นตันใจกับคำอวยพร “ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” แล้วเธอก็หันไปมองดูสามีป้ายแดงของเธออีกครั้ง

หลังรับประทานอาหารมื้อค่ำ คู่แต่งงานป้ายแดงต่างเดินเล่นกันบนชายหาดอย่างมีความสุข

“แล้วเราก็ได้มาทะเลด้วยกันอีกครั้ง” ฮวางโบกล่าวขึ้นก่อนอย่างมีความสุข

“มันคือโชคชะตาฟ้าลิขิตหรือเปล่านะที่เราต้องมาทะเลด้วยกันอยู่เรื่อยเลย? นี่ต่อไปผมคงต้องไปหาข้อมูล
เรื่องวิธีการผูกมิตรกับฉลามเอาไว้บ้างแล้วใช่มั้ยเนี่ย?
“หุหุ”
ฮยอนจุงคว้ามือของฮวางโบขึ้นมาจับเอาไว้

เธอยิ้มให้แล้วพูดว่า “ชั้นขอโทษนะ...ที่ทำตัวดื้อรั้น..

“ขอโทษเรื่องอะไรหรือฮะ”

“ก็จริงๆเราอาจจะแค่พักผ่อนกันสบายๆเท่านั้นก็ได้นี่นา...”

“คุณหมายถึงวันนี้หรือฮะ?”

“มันเป็นวันที่เหน็ดเหนื่อยมากเลย ใช่มั๊ย?”

“มันก็ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลยนี่นา...ถึงแม้ว่าผมอาจจะทำได้ไม่ค่อยดีนัก แต่ผมก็เคยทำงานประเภทนี้มาก่อนนะฮะ (ตอนที่ผมเคยหนีออกจากบ้านไงล่ะ^^)” ว่าแล้วเขาก็หันไปส่งยิ้มให้เธอ ส่วนฮวางโบเองได้แต่มองหน้าเขาและฟังต่อไปเงียบๆ...


“ก่อนหน้านี้ผมเคยต้องการหาเหตุผลว่าคนเราอยู่เพื่ออะไร....แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม...ผมต้องการที่จะเป็นคนดี”

“ครั้งนึง ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่มีอยู่เพียงแค่ในหนังสือเท่านั้น... ผมเคยอยากจะเป็นคนที่สามารถช่วยทำให้โลกของเราดีขึ้นกว่านี้... เหมือนกับวีรบุรุษจากในหนังสือ”

“แล้ว ผมก็รู้สึกขึ้นมาว่า ผมไม่สามารถจะหาวิธีที่จะทำอย่างนั้นได้โดยการเรียนในห้องหรือว่าอ่านจากในหนังสือเท่านั้น ผมต้องการหาวิธีการที่มันมีความหมายมากกว่าการนั่งเรียนหนังสือที่โรงเรียนแบบที่เด็กคนอื่นๆเขาทำกัน”


“บางทีสิ่งที่ผมทำไปอาจจะเป็นการเสียเวลาก็ได้ แต่อย่างน้อยผมก็ได้รู้ว่า ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ได้มาโดยง่าย ผมได้เรียนรู้ว่าคนเราจะต้องสำนึกในพระคุณและมีความกตัญญูต่อพ่อแม่...และผมได้เรียนรู้ที่จะกลายเป็นคนที่ไม่หวาดกลัวในเรื่องใดๆ..(ยกเว้นแมลงกับของมีคมฮะ)”

“นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม?” เธอพูดกับเขายิ้มๆ

“……….?”

“เธอถึงได้ดูมีความมั่นใจมากกว่าชั้น..ซึ่งเป็นคนที่ชอบคิดถึงเรื่องต่างๆมากมาย..”

เขายิ้มกว้างเมื่อได้ยินที่เธอพูด...

“เมื่อไรก็ตามที่ชั้นได้เห็นเธอ ชั้นมักจะสงสัยอยู่เสมอว่าเธอไปเอาความมั่นใจล้นเหลือจนน่าประหลาดใจมาจากไหนกัน ชั้นคิดว่าบางทีเป็นเพราะเธอยังมีประสบการณ์ชีวิตไม่เพียงพอ หรือ ยังเจอเรื่องยุ่งยากในชีวิตไม่มากนักก็ได้น่ะ”


“แต่แล้ว เรื่องที่น่าขันก็คือ...ถ้ามันเป็นอย่างที่ชั้นคิดแล้วล่ะก็...พลังความมั่นใจจากตัวเธอมันไม่ควรจะถูกถ่ายทอดมาให้ชั้นได้...แต่เมื่อใดก็ตามที่ชั้นได้มองดวงตาของเธอ...ความมั่นใจที่มีเต็มเปี่ยมในตัวเธอมันได้ถ่ายทอดมาสู่ตัวชั้น...และมันก็ช่วยพยุงให้ชั้นยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในทุกๆครั้งที่ชั้นมีความกังวลใจหรือรู้สึกหวั่นไหว...

“……………”

“นั่นถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอจึงไม่ใช่เพียงภาพลวงตา...เธอเป็นอะไรที่จับต้องได้และเป็นจริงมากกว่าโจรสลัดในแคริบเบียนด้วยซ้ำไปนะ...^^”

“คุณรู้ได้ยังไงฮะว่าผมเป็นคนที่ยึดหลักความเป็นจริง?

“ก็..เวลาที่เธอเม้นท์อะไรแต่ละทีไม่เคยมีคำว่าห่วงความรู้สึกของคนอื่นในความคิดเธอเลยน่ะ

“หุหุ

“แล้วก็ยังมีเรื่องวินัยในเรื่องเงินๆทองๆที่เคร่งครัดของเธอด้วยนะ...”ฮวางโบกล่าวด้วยความชื่นชม

“ก่อนหน้านี้ความฝันของผมมันดูคลุมเครือไม่ค่อยชัดเจน...แต่เป็นเพราะคุณฮะ บูอิน...มันค่อยๆเริ่มชัดเจนขึ้นทีละเล็กทีละน้อย และวันนี้ผมก็รู้สึกมีความสุขที่อย่างน้อยผมได้ทำสิ่งที่ดีๆด้วยกันกับคุณ...

ฮวางโบพูดยิ้มๆกับเขาว่า “อืม ช่างเป็นชิลลางที่แสนดีและน่ารักจริงๆเลยนะ”

ฮยอนจุงหลิ่วตาให้เธอ “มันเป็นเพราะว่าผมมีภรรยาที่ยอดเยี่ยมอย่างคุณไงฮะ ขอบคุณนะ”

เธอมองตาเขาแล้วพูดต่อไปว่า “ชั้นไม่รู้ว่าเราจะมีชีวิตแต่งงานจริงๆแบบนี้ยืนยาวไปถึงแค่ไหน... ถึงแม้พวกเราจะเวลาเพียงแค่สองวันที่ได้อยู่ด้วยกันที่นี่... แต่ยังไง...ชั้นก็คือภรรยาของเธอ...”

ฮยอนจุงทำท่าครุ่นคิดก่อนจะพูดออกมา “ผมคิดว่า เราอาจจะต้องรอไปอีก 2 ปีน่ะฮะ”

“ด้วยความสัตย์จริง ชั้นคิดว่ามันน่าจะใช้เวลานานกว่านั้น เธอจะต้องไปเป็นทหารรับใช้ชาติ และ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะตัดสินใจในเรื่องวงของเธอน่ะ”

“ผมสามารถไปเป็นทหารได้หลังจากที่ผมได้แต่งงานแล้ว ดังนั้น มันไม่ใช่ปัญหาหรอกฮะ ส่วนเรื่องวง...ผมเดาว่า ผมจะต้องทำให้แน่ใจซะก่อนว่า.... “

“เรื่องอะไรเหรอ?”

“ถ้าพวกเขาไม่ต้องการมีลีดเดอร์ที่แต่งงานแล้วอยู่ร่วมวง... ผมคงจะต้องตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้วล่ะ”

เธอถอนหายใจออกมาก่อนพูดพึมพำว่า “ลีดเดอร์ที่ไม่โสดแล้วน่ะเหรอ?”

เขายกมือขึ้นโอบไหล่ของฮวางโบและเริ่มออกเดินไปช้าๆพร้อมกับพูดว่า“นี่คือสิ่งที่ผมคิด...”


“ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้แต่งงานกันอย่างเปิดเผย ผมก็ยังต้องการแสดงออกให้เห็นว่าผมอยู่กับคุณตลอดเวลา แม้ว่าจะต้องใช้เวลา 1 ปี หรือ 2 ปีหรือมากกว่านั้น ผมก็ต้องให้ทุกคนรับรู้ว่าพวกเราคือคู่รักกัน ฮวางโบ เฮจุง คือผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างผู้ชายที่ชื่อคิมฮยอนจุงเสมอ หรือ คิมฮยอนจุงคือผู้ชายที่อยู่เคียงข้างผู้หญิงที่ชื่อ ฮวางโบ เฮจุงอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นจะไม่มีใครคิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกที่พวกเราแต่งงานกัน ไม่ใช่สิ...พวกเขาจะคิดว่า มันเป็นเรื่องที่ดูเป็นธรรมชาติอย่างที่สุดมากกว่า

ฮวางโบนิ่งฟังเขาและแอบหัวเราะเงียบๆ...

“ยังไงผมก็อยากจะให้เวลานั้นมันมาถึงเร็วๆ”

“ถ้าอย่างนั้นชั้นก็คงแก่เร็วด้วยสิน่ะ”

“คุณพูดถูก ช่างน่าเศร้านัก...ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ได้มาง่ายๆ”

ฮวางโบหยุดเดินและหันไปจ้องหน้าเขาทันที แต่ ฮยอนจุงกลับหัวเราะอย่างขำขันที่ได้แหย่ให้เธอโมโห
“หุหุ ฮ่าฮ่าฮ่า”

“จะมีสักครั้งมั้ยที่เธอจะบอกชั้นว่า ชั้นดูอ่อนกว่าอายุจริงอ่ะ หา”

ฮยอนจุงตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึมทันที “คุณไม่รู้หรือว่าผมเป็นคนยึดตามหลักความจริง ผมไม่เคยพูดโกหกเลยน่ะฮะ”

“แล้วเธอจะตายมั้ย ถ้าเธอจะช่วยพูดซักครั้งหนึ่งอ่ะ?”

“หุหุ แล้วผมจะทำยังได้ในเมื่อคุณไม่ได้ดูอ่อนกว่าอายุจริง แต่ว่าคุณดูเด็กกว่าผมน่ะ? ทำไมถึงทำตัวให้แก่ทั้งๆที่คุณดูเป็นเด็กกว่าผมน่ะ?

“อะไรน่ะ?”

“6 ปี งั้นเหรอ? คุณมักจะร้องไห้ หรือ ไม่ก็หงุดหงิดโมโหเป็นประจำ...มันจะมีประโยชน์อะไรกับการแค่มีตัวเลขในอายุมากกว่าผมนิดหน่อยน่ะ?

ฮวางโบทำปากยื่นเหมือนไม่พอใจที่เขาพูด...

“เห็นมั้ยล่ะ? คุณกำลังเริ่มไม่พอใจอีกแล้วอ่ะ”

เธอถลึงตามองเขาโดยไม่โต้ตอบอะไร ส่วนฮยอนจุงได้แต่ยืนยิ้มร่าชอบใจที่ได้แกล้งเธอ...^^

เขามองเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ก่อนจะก้มลงไปจุ๊บที่แก้มเธออย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า...”เมื่อไหร่คุณจะโตเป็นผู้ใหญ่ซักทีน้า? นี่คุณอยากจะได้ยินผมพูดว่าคุณดูเด็กกว่าอายุ มากขนาดนั้นจริงๆน่ะหรือ?”

เธอยังคงยืนนิ่งสีหน้าเหมือนยังเคืองๆอยู่...เขาหัวเราะออกมาพร้อมกับจ้องมองเธอด้วยสายตาที่แสดงความรักใคร่...

เขาค่อยๆก้มประทับจูบเธอที่ริมฝีปากบางเบา ในขณะที่เธอหลับตายิ้มรับจูบจากเขาอย่างเต็มใจ
“ผมรักคุณ”
“………………..”

“ผมรักคุณน่ะ คุณได้ยินหรือเปล่า”

“………………….”

“ผมบอกว่าผมรักคุณ”

“…………………….”

ในที่สุดฮยอนจุงก็ทนไม่ไหวยกมือขึ้นทั้งสองข้างแล้วพูดว่า“โอเค โอเค คุณชนะ คุณน่ารักมากเลย ช่างน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ คุณน่ารักจนผมอยากจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว แล้วผมก็คิดว่าผมคงต้องตายแน่ๆ เพราะความน่ารักของคุณ โอเคหรือยังฮะ?”

เมื่อได้ยินเขาพูด ใบหน้าของเธอค่อยๆปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทีละน้อยๆ...เขายืนตะลึงเมื่อเห็นท่าทางของเธอ “โอพระเจ้า..ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”

“เมื่อกี้มันคงจะดีกว่านี้มากเลยนะ ถ้าเธอยอมพูดออกมาก่อนหน้านี้น่ะ!” หญิงสาวพูดราวกับผู้ชนะ

“ผมไม่รู้ว่าคุณจะเป็นเอามากขนาดนี้นี่ฮะ ที่อยากได้ยินผมชมว่าคุณน่ารักอ่ะ”

ฮวางโบยิ้มด้วยความพอใจก่อนก้มลงดูนาฬิกาข้อมือแล้วพูดว่า “ไปกันได้แล้วล่ะ ชั้นว่าป่านนี้แท๊กซี่คงจะมารอพวกเราแล้วนะ...”

“ฮะ”

“งั้น..ก็ไปกันเลย”

“โอเคฮะ” พูดเสร็จก็ดึงตัวเธอให้เขามาใกล้ๆแล้วจ้องตาเธอ “ฟังน่ะฮะ จากนี้ไปผมจะอยู่เพื่อรักคุณ และจะรักคุณแบบนี้ตลอดไปจนกว่าผมจะหมดลมหายใจ”

ขอบคุณนะฮะ ที่คุณมอบหัวใจและชีวิตของคุณให้ผมดูแล” แล้วเขาก็ก้มลงจูบเธออีกครั้ง

ในเวลานั้นแสงอาทิตย์ยามเย็นที่ใกล้จะลัดขอบฟ้า ส่องมาให้เห็นเงารางๆของร่างของคนทั้งสองที่ยืนแนบชิดกันจนแทบจะกลายเป็นหนึ่งเดียว...

โปรดติดตาม คู่รักผักกาดหอม รีมิกซ์ ตอนที่ 94 - วันนี้ที่รอคอย




 

Create Date : 31 สิงหาคม 2553
3 comments
Last Update : 31 สิงหาคม 2553 22:33:49 น.
Counter : 1097 Pageviews.

 

อ่านตอนนี้แล้วยิ้มแก้มแทบแตกเลย ^^

ชอบๆๆ

 

โดย: knuy IP: 58.8.32.113 31 สิงหาคม 2553 23:06:45 น.  

 

ยายจะเปิดบ้านอย่างเป็นทางการหรือค่ะ แล้วบ้านนี้ละค่ะยังมีอยู่หรือเปล่า ถ้าย้ายไปไหน บอกด้วยน่ะค่ะจะตามไปค่ะ ชอบผลงานของยายค่ะ เป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปค่ะ

 

โดย: nida_pinya (บุ๋ม) IP: 122.154.23.3 1 กันยายน 2553 8:41:18 น.  

 

ยายอ่า มดขึ้นเต็มบล๊อกเลย หวานจนยิ้มแก้มแทบแตกแล้ว....

ขอบคุณค่ะ

 

โดย: ตอง IP: 182.232.61.16 1 กันยายน 2553 11:11:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


อุคจ๋านาจาไทยแลนด์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




"ห้ามนำไปเผยแพร่ต่อที่อื่น นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล๊อคก่อนเท่านั้น"

:: Online User
Friends' blogs
[Add อุคจ๋านาจาไทยแลนด์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.