|
ตอนที่ 73 ~ ”ผมอยากแต่งเร็วๆแล้วล่ะฮะ”
***ฟิค <แปล> เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนแต่งขึ้น เพื่อความรักของคนทั้งสองเท่านั้น หาได้มีเจตนาอื่นหรือไม่ จึงขอให้อ่านด้วยความบันเทิง และเชื่อมั่นในรักของพวกเขาด้วย ****
ช่วงเย็นของวันศุกร์ ฮยอนจุงกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับฮวางโบในขณะที่ขับรถมุ่งหน้ากลับบ้าน
“คุณจะไปกับผมจริงๆใช่มั้ยฮะ”
ฮวางโบครุ่นคิดซักครู่แล้วตอบ “อือ ก็อาจจะได้น่ะ...”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่มีใครรู้หรอกฮะ”
“แล้วเธอบอกผู้จัดการของเธอว่ายังไง?”
“ผมก็บอกพี่เขาไปว่าผมไปขอร้องให้เพื่อนสุดเลิฟที่ขับรถซิ่งสุดๆเหมือนตีนผีมาช่วยขับให้ พี่เขาจะได้ไปล่วงหน้าก่อนเพื่อจะได้มีเวลาจัดการเรื่องเวทีกับระบบเสียงให้เรียบร้อย..”
“หุหุ อะไรน่ะ? ตีนผีเหรอ?”
ฮยอนจุงหัวเราะลั่น” เฮ้ ทำไมล่ะฮะ~~”
“แต่..เธอยังไม่ได้ทันได้เช็คกับชั้นอีกทีเลยน่ะ ว่าถึงวันนั้นชั้นจะสะดวกหรือเปล่าอ่ะ”
“ก็คุณบอกผมว่า คุณจะไปลองจัดตารางของคุณใหม่ไม่ใช่หรือฮะ?”
“มันง่ายน่ะที่จะพูดแบบนั้นแต่ว่า...เธอนี่”
เขาพูดด้วยนำเสียงห่อเหี่ยว “งั้นแปลว่า คุณมาไม่ได้หรือฮะ?”
“เธอต้องไปถึงที่นั่นกี่โมงเหรอ?”
“ผมต้องไปถึงจอนจูให้ได้ก่อนห้าทุ่มครึ่งฮะ”
“แล้วเธอจะออกจาก World Cup Stadium ได้ตอนกี่โมง?”
“คิวพวกผมขึ้นแสดงตอนเปิดงาน...ก็น่าจะออกจากที่นั่นได้อย่างช้าที่สุดไม่เกิน 1 ทุ่มน่ะฮะ”
“อย่างนั้นเราก็จะมีเวลาประมาณ 4ชั่วโมงครึ่ง..มันออกจะเฉียดฉิวจริงๆด้วยสิ”..
“ใช่ฮะ...ตกลงคุณจะมาใช่มั้ยฮะ?”
เธอรู้สึกขัดแย้งในตัวเองแต่ก็ตอบไปว่า “โอเคจ้ะ”
“คุณพูดจริงน่ะฮะ?”
“จริงสิ ถึงแม้ว่าชั้นจะไม่ค่อยแน่ใจว่ากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่รึเปล่าน่ะ”
“คุณทำถูกแล้วล่ะฮะ อย่ากังวลไปเลย”
“หุหุ นี่ถ้าเธอบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แล้วมันจะเป็นอย่างนั้นตามที่พูดจริงๆเหรอ?”
“ใช่เลยฮะ..การทำตามความปรารถนาของสามีมันเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้วฮะ”
“โอ้ว พระเจ้า!!! ฮ่าฮ่าฮ่า กล้าพูด”
ช่วงเย็นวันเสาร์ที่ World Cup Stadium ฮวางโบกำลังขับรถวนหาที่จอดรถในลานหน้าสนามกีฬา ขณะที่มองซ้ายมองขวาหาที่อยู่นั้นเธอก็เห็นรถ Equus สีดำซึ่งดูคุ้นตา เมื่อมองดูป้ายทะเบียนก็มั่นใจว่าเป็นรถของฮยอนจุง เธอจึงจอดรออยู่ใกล้ๆ ไม่นานนักก็เห็นฮยอนจุงกำลังวิ่งตรงเข้ามาที่รถของเธอ
เมื่อเขามาถึง ก็รีบขึ้นไปถอยรถของตัวเองออกมา และให้ฮวางโบจอดรถของเธอแทนที่ จากนั้นฮยอนจุงก็รีบย้ายไปนั่งข้างๆ เพื่อให้เธอขึ้นมานั่งประจำที่คนขับแทนเขา
“ไม่มีใครเห็นพวกเราใช่มั้ย?” เธอรีบหันไปถามทันที
“มันมืดเกินกว่าที่ใครจะเห็นแล้วล่ะฮะ...ไม่เป็นไรหรอก!”
“มันยังไม่ได้มืดขนาดนั้นซักหน่อย”.
“อย่าไปกังวลกับเรื่องบางเรื่องที่มันไม่มีประโยชน์เลยฮะ..”.
เธอหันไปมองหน้าฮยอนจุงแล้วหัวเราะออกมา “พูดจริงๆน่ะ ชั้นไม่รู้ว่าชั้นมาทำอะไรที่นี่...”
ฮยอนจุงยิ้มกว้างและออกอาการดีใจอย่างเห็นได้ชัด “คุณก็กำลังมาช่วยสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้สามีของคุณไงฮะ!”
เธอเองก็หันไปยิ้มให้เขาและก็เริ่มเหยียบคันเร่งเตรียมออกรถ “โอเค ไปกันได้แล้วล่ะน่ะ”
“ไปเลยฮะ ฟิ๊วว!”
ภายในรถของฮยอนจุงซึ่งกำลังอยู่บนถนนไฮเวย์ มุ่งหน้าไปที่งานแสดง
“คงเป็นเพราะมันป็นรถที่ดีจริงๆ ชั้นแทบจะไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองเหยียบจนจะสุดอยู่แล้ว...”
“ที่ผมซื้อรถคันนี้มาเพราะว่าผมก็ชอบขับรถเหมือนกันฮะ แต่โชคไม่ดี ที่ช่วงนี้ผมแทบจะไม่มีโอกาสได้ขับเลย...”
“ตอนนี้กี่โมงแล้วน่ะ?”
เขามองดูนาฬิกาที่หน้ารถ “ทุ่มครึ่งฮะ”
“ชั้นเดาว่า ถ้าเราโชคดีไม่มีอะไรผิดพลาด เราน่าจะไปถึงที่นั่นราวๆห้าทุ่มนะ ถ้าชั้นไม่ได้ไปหลงทางอยู่ในดาวน์ทาวน์น่ะ”
“อืมม ว่าแต่ คุณเริ่มไปขับรถแข่งได้ยังไงกันฮะ?”
“แข่งรถเหรอ?”
“ฮะ มันไม่ใช่กีฬาที่นิยมในหมู่ผู้หญิงซักเท่าไหร่”
“นี่ยังไม่รวมถึง เทกวนโด หรือว่าเปิดขวดโค้กด้วยช้อนใช่มั้ย ฮ่าฮ่า”.
“หุหุ นั่นก็ด้วยฮะ ^^”
“จริงๆแล้ว สมัยก่อนชั้นเป็นคนที่...ขี้อายแล้วก็ขี้ขลาดมากๆ”
เขาหันไปมองเธอทันที
“ตอนที่ชั้นอยู่ไฮสคูล...คนอื่นมักแยกตัวอยู่ห่างๆชั้น...”
“จริงหรือฮะ?”
เธอยิ้มแล้วพูดต่อไปว่า “เพราะชั้นไม่ใช่คนที่หัวไวซักเท่าไหร่ ตอนแรกชั้นถึงไม่รู้ตัว...แต่สักพักชั้นก็พอจะเริ่มเข้าใจ...ชั้นก็เลยพยายามแก้ไขตัวเองเพราะว่าชั้นเกลียดนิสัยที่ขี้ขลาดของชั้น..”
“คุณ? ขี้ขลาด? จริงเหรอฮะ???”
“เธอไม่เชื่อใช่มั้ย?”
“ฮะ ผมไม่เชื่อเด็ดขาด”
“ชั้นยังคงมีนิสัยแบบนั้นหลงเหลืออยู่น่ะ”
“ตอนนี้เหรอฮะ?”
“ใช่ ชั้นมักจะลังเล...และไม่สามารถจะบอกได้ง่ายๆว่าสิ่งที่ชั้นคิดอยู่ในใจมันคืออะไรกันแน่...”
“ผมนึกว่าคุณก็แค่เป็นคนที่ระมัดระวังมากเกินไปเท่านั้น...”
“มันก็เหมือนๆกันล่ะน่ะ แต่ที่เธอพูดเป็นวิธีเรียกให้มันดูดีหน่อยเท่านั้น”
“..................”
“เป็นเพราะว่าชั้นได้ลองทำหลายๆอย่างเพื่อแก้ไขนิสัยขี้ขลาดของชั้น...ชั้นก็เลยกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยกลัวอะไร”.
“คุณมีความกลัวเรื่องต่างๆน้อยกว่าผมอย่างแน่นอนฮะ”
“เพราะว่าเธอมีเรื่องกลัวอะไรต่อมิอะไรมากมายหลายเรื่องน่ะสิ”
“ผมไม่ได้เป็นขี้กลัวขนาดนั้นน่ะ อืม น่าจะเรียกว่าผมไม่ชอบอะไรหลายๆอย่างมากกว่า...”
“เธอเกลียดพวกมันจริงๆเหรอ?”
“ฮะ...ผมเกลียดแมลงปอและตั๊กแตน”
“แล้วกรรไกรกับเข็มฉีดยาล่ะ?”
“นั่นก็ด้วยฮะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า..จริงๆนะชั้นว่ามันก็เหมือนกันน่ะแหละ...แต่ชั้นเดาว่ามันฟังดูน่าสมเพชน้อยว่าถ้าใช้คำว่าเกลียดแทนกลัวน่ะ..หุหุ”
“ผมรู้ฮะ...ว่าแมลงปอมันทำอะไรผมไม่ได้...แต่ดูเหมือนว่ามันจะชอบจองเวรจองกรรมกับผมจังเลย”
“ถ้างั้น...เรื่องกรรไกรล่ะ?”
“อา! มันก็แค่เป็นสิ่งของมีคมซึ่งมีอันตราย...ผมก็แค่พยายามจะป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดอุบัติเหตุตังหากล่ะฮะ...”
ฮวางโบหัวเราะคิกกับคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นของเขา “ ฮ่าฮ่า..ใช่เลย เธอน่ะไม่เคยขาดแคลนคำพูดแก้ตัวแบบซึ่งๆหน้าเลยน่ะ คิมฮยอนจุง!”
จู่จู ฮยอนจุงก็หาวเสียงดังออกมา “ฮาาา~”
“เธองีบไปก่อนก็ได้น่ะ” เธอรีบบอกเขาทันที
“ผมนอนได้จริงๆเหรอฮะ? ถ้าเกิดผมลืมตาขึ้นมาอีกทีปรากฏว่าไปอยู่ที่โรงพยาบาลจะทำไงกันล่ะฮะ?”
ฮวางโบหัวเราะคิกก่อนจะตอบออกไป “หรือบางทีเธออาจจะไปอยู่...บนสวรรค์ก็ได้น่ะ หุหุ”
“ไม่ได้ฮะ~”
“ทำไมล่ะ? ชั้นคิดว่ามันน่าจะดีกว่าที่พวกเราไปนอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล..อย่างน้อยตอนที่เธอตายไปแล้ว เธอก็จะไม่รู้สึกอับอายไงล่ะ...”
“อับอาย?”
“เธอจะไม่รู้สึกเลยเหรอ?”
“นี่คุณรู้สึกอับอายเรื่องที่คุณมากับผมงั้นหรือฮะ?”
“ฮา เธอรู้สึกไม่พอใจเพราะชั้นพูดว่ามันจะเป็นเรื่องน่าอายใช่มั้ย?”
“ตอบผมมาสิฮะ คุณรู้สึกอายที่มาอยู่กับผมรึเปล่า?”
“ชั้นไม่ได้อายที่ชั้นอยู่ด้วยกันกับเธอหรอกน่ะ”
“แล้วไง..?”
“แต่ ถ้าเราสองคนไปจบลงที่โรงพยาบาล มันก็จะมีข่าวฉาวต่างๆมากมายออกมาซึ่งเรื่องพวกนั้นแหละที่มันน่าอับอาย...”
“................................”.
...
“นั่นถึงเป็นเหตุผลที่พวกเราควรจะมีการประกาศให้สาธารณชนรับรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเราไงฮะ ก่อนที่จะมีรายงานข่าวบ้าๆพวกนั้นออกมา...” ฮยอนจุงได้ที่รีบพูดทันที
“ประกาศให้สาธารณชนรู้? ว้าว คิมฮยอนจุง เดี๋ยวนี้เธอเริ่มใช้คำศัพท์หรูๆแล้วนะเนี่ย”
“อย่ามาแกล้งทำเป็นพูดเล่นลิ้นสิฮะ”
“...............”
“ว่าไงฮะ?”
“แต่รายการ WGM ไม่อยากให้เราทำแบบนั้นนี่นา...”
“งั้นเราเลิกทำรายการก็ได้นี่ฮะ”
“อืมม ..ชั้นว่าตอนนี้พวกเรา...ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไปก่อนแล้วกันน่ะ...”
หน้าตาของฮยอนจุงดูหดหู่สิ้นดี
“อย่ารีบร้อนมากจนเกินไปเลย พูดตามจริงเลยก็คือ...มันก็ยังไม่นานเท่าไหร่เลยน่ะ ที่พวกเราเริ่มคบและออกเดทกันอ่ะ”
ฮยอนจุงนั่งนิ่งคิดไปเรื่อย
“เอ นานแค่ไหนน่ะ? 2 เดือนได้มั้ย ฮึ?”
“ผมคิดว่าน่าจะประมาณเดือนครึ่งน่ะฮะ.”
เธอหัวเราะคิก “แค่นั้นเองเหรอเนี่ย? ชั้นรู้สึกเหมือนกับว่า...มันนานเหมือนกับปีนึงแล้วซ่ะอีก”..
“นี่คุณกำลังเริ่มเหนื่อยกับการอยู่กับผมแล้วหรือฮะ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า...ไม่ใช่อย่างนั้น ชั้นหมายความว่าชั้นรู้สึกคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดีแล้วน่ะ”
“จริงหรือฮะ? ผมก็เหมือนกัน...ตอนนั้น..ผมต้องใช้เวลาตั้งปีครึ่ง กว่าจะรู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยกับแฟนเก่าของผมอ่ะ”
“แล้วเธอคบกันอยู่นานแค่ไหนเหรอ?”
“ก็ประมาณ 4 ปีได้มั้งฮะ?”
“......................” ฮวางโบนั่งนิ่งเงียบ
“แต่ตอนนี้ พวกเราเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้นฮะ”
“เธอยังไปเจอเธอคนนั้นอยู่อีกรึเปล่า?”
“ก็เป็นบางโอกาสน่ะฮะ...เพราะว่าพวกเราเป็นเพื่อนโรงเรียนสมัยมัธยมต้น...ผมจะเจอเธอเวลาที่มีนัดรวมรุ่นพวกเพื่อนๆกลุ่มนั้น”
“...............”.
จู่จูเขาก็เอนศีรษะมาใกล้ๆเธอและจ้องที่หน้าของฮวางโบ โดยที่หน้าของเขาอยู่ห่างจากเธอเพียงไม่กี่นิ้ว
“นั่งตัวตรงๆสิ..เธอทำแบบนี้..ชั้นขับรถไม่ถนัดน่ะ”ว่าแล้วก็ใช้มืออีกข้างหนึ่งดันศรีษะให้ห่างออกไป
เขายืดหลังกลับขึ้นมานั่งตรงๆแต่ตาก็ยังคงจับจ้องที่หน้าของเธออยู่
“...............”.
“คุณไม่ชอบ...ให้ผมพูดถึงเรื่องแฟนเก่าหรือฮะ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“แต่ผมว่าคุณไม่ชอบให้ผมพูดถึงน่ะ”
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ทุกคนต่างก็มีอดีตกันมาทั้งนั้นแหละ”
“อดีตอะไรหรือฮะ?”
“ชั้นหมายถึง...คืองี้น่ะ...ก็เหมือนกับที่เธอเคยมีแฟนเก่า...แล้วเธอไม่คิดว่าชั้นจะมีเหมือนกับเธอบ้างรึไง?”
“ว่าแต่ผมเล่าเรื่องของผมให้คุณฟังแล้ว ตาคุณบ้างล่ะน่ะ คุณเป็นแฟนกันมานานแค่ไหนฮะ?”
“มันก็ไม่นานเท่าไหร่หรอกน่ะ”
“แล้วนานแค่ไหนล่ะฮะ?”
“ก็คงราวๆ..4 ปีได้มั้ง?”
“หา! นานขนาดนั้นเชียว?”
ฮวางโบทำหน้าประหลาดใจ ขมวดคิ้วแล้วถามกลับไปว่า” เธอกำลังพูดว่าอะไรน่ะ? นานขนาดนั้น?”
“ใช่ฮะ ตั้งนานขนาดนั้น”
“นี่ เธอเองก็คบกับเขาอยู่ 4 ปีเหมือนกันน่ะ! ทำไมถึงได้ทำท่าตกใจเว่อร์ขนาดนั้นล่ะ? “
“แต่ของผม มันเป็น 4 ปีที่ลุ่มๆดอนๆน่ะฮะ...แล้วกว่าจะสนิทกัน..ผมก็ใช้เวลาเข้าไปตั้งปีครึ่ง”
“เอ๊ะ ก่อนหน้านี้เธอเคยบอกว่าปีเดียวไม่ใช่เหรอ?”
“ผมปัดเศษตัวเลขลงไงฮะ! ที่จริงมันคือปีครึ่งต่างหาก”
ฮวางโบถึงกับอึ้งพูดไม่ออก “อ๊า~~”
“นอกจากนี้...ผม..เอ่อ เพราะว่าผมไม่ค่อยชอบเดินจูงไม้จูงมือกันซักเท่าไหร่ดังนั้น...”
“นี่เธอกำลังบอกชั้นว่า เธอไม่เคยจับมือกันเลยน่ะเหรอ?”
“ก็แค่บางครั้งฮะ”...
“ใครจะไปเชื่อ ฮึ?”
“แล้วคุณล่ะฮะ...ไปกันถึงขั้นไหนแล้ว A-B-C-D?”
“อะไรเหรอ? A-B-C-D อะไรของเธอ?”
“ที่แน่ๆคุณต้องมีจับมือกันอยู่แล้ว...ใช่มั้ยฮะ? แล้วช่วง 4 ปีนั้นพวกคุณทำอะไรกันบ้างหรือฮะ?”
“ไม่ต้องพยายามหลอกถามชั้นเลยน่ะ มันไม่สำเร็จหรอก”
“งั้น คุณจับมือกัน (A) แล้วก็...”
“.....................” ฮวางโบอมยิ้มไม่พูด
“แล้วมีกอด (B) กันบ้างมั้ยฮะ?” ฮยอนจุงยังคงหว่านล้อมไม่เลิก
“.....................”
“แล้วจุ๊บ (C) ล่ะฮะ?”
ฮวางโบสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ แต่ยังคงไม่ยอมพูด
“หา! นี่มันยังมีมากกว่านี้อีกหรือฮะ?” <อย่าบอกน่ะว่าคุณไปถึงขั้น “D” แล้ว ><.....>
ฮวางโบกัดริมฝีปากนิ่งเงียบ
“ถ้าคุณไม่ยอมบอกผม ผมจะปล่อยให้สิ่งที่ผมกำลังจิ้นอยู่ในหัวมันเตลิดเปิดเปิงไปมากกว่านี้”
ฮวางโบหันไปจ้องตาเขม็ง <เธออยากจะรู้ไปทำไมเนี่ย>
ฮยอนจุงเอียงคอไปด้านนึงเหมือนกับพยายามจิ้นระเบิดระเบ้อ “อืมม..”.
“หยุดได้แล้วน่ะ” ฮวางโบหันมาตะโกนใส่
“อืมมม...” ได้ผลเขาหันกลับมามอง.
เธอถอนหายใจออกมา “ไม่ชอบจับมืองั้นเหรอ? ฮา ใช่สิน่ะ”
“ไม่นะฮะ ผมไม่ชอบจับมือกันจริงๆ”
“งั้นเธอก็ไม่ชอบแค่จับมืออย่างเดียวน่ะสิ? นอกนั้นเธอชอบจับหมดทุกอย่างใช่มั้ยล่ะ?”
“นี่คุณกำลังค้นหาอะไรอยู่ฮะ? หรือคุณกำลังพยายามจะเอาผิดกับผู้บริสุทธิ์?”
“ผู้บริสุทธิ์? ใครกันแน่? นั่นมันเป็นประโยคที่ชั้นควรจะพูดมากกว่าน่ะ!”
ฮยอนจุงมองค้อนใส่เธอก่อนจะพูดว่า “ทีกับผมจะทำอะไรแต่ละทีดูจะเป็นเรื่องยุ่งยากไปหมด...แต่ทีกับแฟนเก่าคุณทำไมถึงได้...”
“เธอคิดหรือว่าชั้นจะยอมให้เธอชนะอยู่ตลอดเวลางั้นเหรอ?”
“นี่ถึงเป็นเหตุผลว่าทำไม...มันถึงรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเราคบกันมานานเป็นปีแล้วไงฮะ”
ฮวางโบหัวเราะออกมา “หุหุ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”
ฮยอนจุงถอนหายใจ “ เฮ้อ งั้นคุณคงต้องจุ๊บกันไปนับไม่ถ้วนแล้วแน่ๆเลย...”
ฮวางโบมองฮยอนจุงจนตาเขียว
“ผมสงสัยจริงๆว่าคุณทำอะไรไปบ้างตลอดช่วง 4 ปีนั้น”
“ตกลงว่า เธออยากไปเจอชั้นที่โรงพยาบาลจริงๆใช่มั้ย?”
ฮยอนจุงทำเลียนเสียงนักข่าวที่รายงานออกทีวี “[ฮยอนจุงผู้ที่กำลังทุรนทุรายอยากจะประกาศเรื่องความรักของเขาให้คนอื่นรับรู้อย่างเป็นทางการให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม] ว้าว คิดว่ามันเป็นความคิดที่ไม่เลวเลยน่ะ”
“แล้วถ้าพวกเราไปเจอกันบนสวรรค์ล่ะ?”
“ไม่ได้เด็ดขาดฮะ ขอ..บอก~~~”
“งั้น เธอก็หุบปากซะทีสิ!”
ฮยอนจุงยังพูดต่อด้วยท่าทางจริงจัง “ผมยังไม่ทันได้แต่งงานเลย ผมสามารถจะตายได้โดยไม่รู้สึกเสียใจ ก็ต่อเมื่อผมได้ผลิตฮยอนจุงจูเนียร์ออกมาเป็นขโยงก่อนฮะ <เอ๊ะ หรือว่าต้องมีเฮจุงจูเนียร์ก่อนด้วยน้า>...
“โอพระเจ้า! เธอกำลังฆ่าชั้นอยู่น่ะเนี่ย !”
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ฮยอนจุงลืมตาขึ้นมาหลังจากงีบไปได้พักใหญ่ หันมาถามว่า
“ตอนนี้เราถึงที่ไหนกันแล้วฮะ?”
“เพิ่งจะผ่านเมืองแดจุนไปเองน่ะ”
“นี่มันกี่โมงแล้วฮะ?”
“เกือบจะสามทุ่มแล้วล่ะ...”
“..................”
“มีอะไรเหรอ?”
“ผมต้องไปฉิ้งฉ่องฮะ”
ฮวางโบทำหน้าแปลกใจแล้วก็หัวเราะออกมา “หุหุ อ๋อ ยิงกระต่าย!”
“เราต้องแวะที่จุดพักรถระหว่างทางน่ะฮะ...” ฮยอนจุงรีบบอกสถานที่ทันที
ฮวางโบพยายามกลั้นหัวเราะสุดขีดแต่ก็ไม่สำเร็จ “หุหุ! ฮ่าฮ่าฮ่า พระเจ้า ชั้นอยากจะบ้าตาย”
“ทำไมฮะ? บูอินก็อยากจะเข้าห้องน้ำด้วยเหมือนกันหรือฮะ?”
ฮวางโบหัวเราะจนน้ำตาไหล “ ฮา นี่เธอ บริษัทต้นสังกัดเธอ เขาไม่เคยสอนเรื่องการพูดในที่สาธารณะบ้างเลยเหรอ?”
“หา ว่าไงน่ะฮะ...?”
“ชั้นพูดจริงๆน่ะ เธอน่ะเป็นไอดอล..อ้ากก ชั้นล่ะสงสัยจริงๆเลยว่าพวกแฟนคลับจะรู้บ้างมั้ยว่าเธอเป็นแบบนี้?”
ฮยอนจุงนั่งหาว ไม่ได้สนใจที่เธอพูด “อ๊า รู้อะไรเหรอฮะ?’
ฮวางโบถอนหายใจเฮือกๆสลับกับหัวเราะ “เฮ้อ จริงๆเลยน่ะ”
“คุณกำลังจะบอกอะไรหรือฮะ? ไม่เอาน่า ช่วยพูดอะไรที่ผมสามารถจะเข้าใจหน่อยได้มั้ยฮะ”
“การเลือกใช้คำของเธอมันช่าง...” เธอถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะพูดต่อ “ช่วยกรุณาพูดจาให้มันเหมาะสมกับอายุของเธอหน่อยได้มั้ย!”
“อะไรนะฮะ? อาา นั่นน่ะเอง! “ หัวเราะคิกแล้วพูดต่อ “ แหม..ตอนนั้นผมยังงัวเงียอยู่นี่นา”
“โอย เธอนี่ ชั้นไม่ได้พูดเล่นน่ะ”
จากนั้นสักพักฮวางโบก็ขับรถเข้าไปในลานจอดรถของจุดแวะพักกลางทาง เธอมองดูฮยอนจุงแล้วพูดออกมาว่า “ชุดที่เธอใส่นี่มันดู...สะดุดตามากเกินไปจริงน่ะ”
ฮยอนจุงสวมแจ๊คเก็ตหนังสีดำเป็นมันปลาบ นอกจากนั้นทรงผมที่เขาทำในวันนี้เป็นทรงที่รวบผมไปไว้ด้านหลังซึ่งทำให้เห็นหน้าเขาได้อย่างชัดเจนไม่มีอะไรปิดบัง
“คนจะต้องจำเธอได้ในทันทีที่เธอเดินลงไปจากรถแน่นอนเลย” เธอรู้สึกเริ่มกังวล
“ถ้าคนอื่นเขาเห็นผม ก็แปลว่าเขาเห็นน่ะฮะ ผมจะไปทำอะไรได้?”
“แล้วถ้าเกิดมีคนเดินตามเธอมา แล้วเห็นพวกเราอยู่ด้วยกันล่ะ?”
ฮยอนจุงท่าทางกระสับกระส่ายเพราะปวดฉิ้งฉ่องเต็มแก่ ” คุณอยากจะให้ผมทำยังไงหรือฮะ?”
“โอ ตายละ เธอรีบไปห้องน้ำก่อนเถอะ!”
ฮยอนจุงรีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งจี๋ตรงไปที่ห้องน้ำ ฮวางโบได้แต่มองตามหลังเขาไป <ต้องมีคนจำเขาได้แน่ๆเลย...เฮ้อ>
ไม่นานนักฮยอนจุงก็วิ่งกลับมาและเปิดประตูด้านหน้าคู่กับคนขับเพื่อเข้าไปนั่ง แต่กลับพบว่า ฮวางโบกำลังนั่งก้มศีรษะคุดคู้อยู่บนเก้าอี้ เธอกระซิบบอกเขาว่า “เธอขับไปน่ะ”
“หา?” เขาถามด้วยความตกใจ
“เร็วๆเข้าสิ แล้วรีบปิดประตูด้วย!” ฮวางโบพูดขณะที่ยังคงมุดอยู่ตรงนั้น
ฮยอนจุงเริ่มตกใจปิดประตูรถตามที่เธอบอก พอหันหน้ามาอีกทางก็เห็นว่า มีคน 2-3 คนกำลังยืนมองอยู่ตรงบริเวณทางเข้าและกำลังชี้นิ้วมาทางนี้ เขาจึงรีบกลับขึ้นมานั่งประจำที่คนขับ
ส่วนฮวางโบซึ่งยังคงนั่งคุดคู้อยู่ในท่าเดิมรีบบอกว่า “เรารีบออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ!”
เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนั้นแล้ว เขาจึงรีบเหยียบคันเร่งและเร่งความแรงของรถขับออกไปอย่างเงียบๆทันที
สักพักนึงเธอก็ถามขึ้นมาว่า “ตอนนี้ไม่มีใครแล้วใช่มั้ย?”
“ฮะ ปลอดภัยแล้ว”
ฮวางโบค่อยๆเงยศีรษะขึ้นมาแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก “ วิ้ว !! เกือบไป”
“......................”
“......................”
“ทำไมคุณถึงทำอย่างนั้นล่ะฮะ?” ฮยอนจุงถามด้วยความสงสัย
“คนอื่นจะมองเห็นชั้นได้ ถ้าชั้นเป็นคนขับน่ะ”
“......................”
...
“เดี๋ยวเราค่อยสลับที่กันตอนถึงจุดแวะพักอันถัดไปก็แล้วกันน่ะ” เธอพูดด้วยเสียงราบเรียบ
“......................”
“นี่ชั้นบังคับให้เธอต้องขับรถทั้งๆที่เธอยังง่วงนอนอยู่รึเปล่าน่ะ?”
“ไม่ฮะ ผมโอเค...” เขาพูดขณะที่สายตายังจดจ้องอยู่กับทางข้างหน้า
“อีกประมาณครึ่งชั่วโมงจะถึงจุดพักรถอันต่อไปน่ะ “
“โอเคฮะ”
ฮวางโบชักเริ่มแปลกใจกับท่าทางของฮยอนจุงที่ดูเงียบผิดปกติ <มีอะไรเกิดขึ้นที่นั่นรึเปล่าน่ะ?> “มีอะไรที่ทำให้เธอไม่สบายใจตอนที่อยู่ที่นั่นรึเปล่าน่ะ?”
“ที่ไหนเหรอฮะ?”
“ในห้องน้ำน่ะ”
“ไม่มีฮะ.”
“แต่เธอดูเหมือน...อารมณ์ไม่ค่อยดี...”
“......................”
เธอหันไปมองเขา.
“......................”
<นี่เธอกำลังทำหน้าหงิกหน้างอเพราะเรื่องอะไรอยู่เหรอเนี่ย?>.
30 นาทีต่อมา ฮวางโบก็กลับมาประจำที่คนขับ ในขณะที่ฮยอนจุงนั่งไม่พูดไม่จาแถมยังไม่ยอมมองหน้าเธอ เอาแต่กินขนมขบเคี้ยวที่เธอซื้อมาจากจุดแวะพักอันล่าสุดตอนที่เปลี่ยนที่นั่งกัน
ฮยอนจุงค้นหาอะไรบางอย่างในถุงพลาสติก ก่อนจะหันมาถามฮวางโบว่า “โค้กอยู่ที่ไหนหรือฮะ?”
“ไม่มีอ่ะ”
ฮยอนจุงทำหน้าเศร้าด้วยความผิดหวัง...
“ชั้นซื้อน้ำเปล่ามาให้แทนน่ะ เธอดื่มมันไปแล้วกัน”
“ก็น้ำเปล่ามันไม่อร่อยนี่ฮะ”
“ยังไงก็ ดื่มเข้าไปเถอะน่า”
ฮยอนจุงยังคงทำหน้าเศร้าอีกรอบ “ก็ได้ฮะ” แล้วรับน้ำมาจากฮวางโบขึ้นมาดื่ม
“......................”
“ทำไมจู่ๆ เธอถึงดูอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาได้ล่ะ?”
“......................”
“มันไม่ใช่เพราะว่าชั้นให้เธอไปขับแทนน่ะ..”
“......................”
“บอกชั้นมาสิว่าทำไม...”
ในที่สุดฮยอนจุงก็ตอบออกมา “ผมก็แค่รู้สึก...โกรธ...”
“เรื่อง.เธอโกรธเรื่องอะไรกัน...?”
“ทำไมบูอินถึงได้ระมัดระวังมากซะจน...เหมือนกับว่าคุณต้องการจะเก็บเรื่องนี้ให้เป็นความลับไม่ให้คนอื่นเขารู้เรื่องของเราเลย...”
“สำหรับตอนนี้ พวกเราต้องทำแบบนี้ไปก่อนล่ะน่ะ”...
“แต่สำหรับผม..มันทำให้รู้สึกเหมือนว่าคุณต้องการจะแอบซ่อนความสัมพันธ์ของพวกเราเอาไว้ตลอดไป”
“......................”
“บางครั้งผมก็มีความรู้สึกแบบนี้...” ความรู้สึกของเขาเริ่มทยอยออกมา ...
“ผมมองเห็นประตูที่เป็นทางออกสำหรับพวกเรา แต่ผมมองไม่เห็นวิธีที่จะไปถึงตรงนั้น...ผมมองไม่เห็นทางเดินที่จะนำพาให้เราไปสู่ประตูบานนั้น...”
“......................”
“ผมกำลังมองหาวิธีที่มันง่ายที่สุด แต่มันกลับไม่มีทางเดินไปที่นั่น.....แต่เมื่อผมได้เห็นคุณ...บางครั้งคุณดูเหมือนจะไม่สามารถมองเห็นประตูที่ผมกำลังมองมันอยู่...หรือว่า...คุณกำลังมองบานอื่นอยู่..”
ฮวางโบได้ยินก็ถอนหายใจและรู้สึกหดหู่ ....
“ผมรู้ว่าคุณเป็นคนที่รอบคอบระมัดระวังอยู่เสมอ...แต่ถ้าคุณระมัดระวังมากจนเกินไป...นั่นอาจจะทำให้ผมเจ็บปวดได้...”
ธอสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆอีกครั้ง..
ฮยอนจุงยังคงพูดต่อไป“บางทีเราอาจจะต้องการเวลาให้มากกว่านี้ อย่างที่คุณเคยบอก ถึงแม้ว่าผมจะไม่ต้องการมันอีกแล้วก็ตาม แต่ถ้าบูอินยังต้องการ...งั้นพวกเราก็ต้องการเวลามากกว่านี้...”
“......................”
“......................”
เธอได้แต่นิ่งเงียบและคิดอยู่ในใจอย่างนั้น <ชั้นแค่อยากจะปกป้องเธอ...เพราะชั้นรู้ดีว่า คนเราอาจจะถูกความรักลวงตาเอาได้...ความรู้สึกเพียงอย่างเดียว..มันไม่เพียงพอที่จะปกป้องเธอได้หรอกน่ะ>
“และถ้าคุณยังต้องการเวลามากกว่านี้...ผมก็จะรอเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ผมพอจะทำได้...” เขายังคงพูดต่อไป
<วิธีการแสดงความรักของเธอ...กับของชั้นมันช่าง...จริงๆนะดูเหมือนมันจะต่างกันสุดขั้วแต่มันกลับให้ความรู้สึกที่เหมือนกันได้...อย่างน่าประหลาด...>
“ผมหวังว่าคุณจะไม่ใช้เวลานานจนเกินไปนักที่จะยืนยัน...”
ฮวางโบพูดอยู่ในใจ <ยืนยัน? เรื่องอะไรน่ะ? มีอะไรที่ชั้นรู้สึกไม่แน่ใจอย่างนั้นเหรอ?>
“มีเรื่องนึงที่ผมมั่นใจมากก็คือ...สำหรับผมแล้ว...คุณคือ “<พรหมลิขิต ? อ้ากกก นี่มันฟังดูเชยมั่กมาก!!!> ฮยอนจุงตัวสั่นขนลุกกับคำพูดของตัวเอง
“...?” <เขาเป็นอะไรของเขาน่ะ?>
“ตราบใดที่ผมยังมีชีวิตอยู่...<คุณคือผู้หญิงคนเดียวในชีวิตของผม? โอพระเจ้า นั่งส่ายหัวไปมา < ชั้นเป็นอะไรไป (ว่ะ)เนี่ย>”
“......................”
ฮยอนจุงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ฮ้าาา”
“...??”
ในที่สุดฮยอนจุงก็ตัดสินใจโพล่งออกมาเลยว่า “ ไม่ว่ายังไง ผมจะต้องแต่งงานกับคุณให้ได้ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ผมต้องตายก็ตาม”
ฮวางโบได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจจนมือกระตุก “หา!!!.” แล้วรถเริ่มส่ายไปมาตามมือของเธอ!
ฮยอนจุงสะดุ้ง “ได้ไงฮะ คุณน่ะเป็นมือขับรถชั้นเซียนเชียวน่ะ”
ฮวางโบเอามือลูบศีรษะตัวเอง “ฮาา การอยู่กับเธอที่มัน...จริงๆน่ะ...T_T”
”ไม่เอาน่า มันไม่ใช่อะไรที่น่าตกใจจนต้องช็อคขนาดนั้นซะหน่อย! ผมก็พูดแบบนี้อยู่เรื่อยๆ คุณยังไม่ชินอีกเหรอ...”
”เฮ้ออ มันก็จริงน่ะ..แต่ทำไม...” <ทำไมสิ่งที่เธอเพิ่งพูดไปมันถึงฟังดู...จริงจังมากขนาดนั้น?>
”เรื่องของเรื่องก็คือ...” ฮยอนจุงตั้งสติแล้วพูดอีกครั้ง
”อืม ว่ามา?”
”ผมอยากจะแต่งงานเร็วๆแล้วล่ะฮะ”
มือที่จับพวงมาลัยของฮวางโบเริ่มกระตุกอีกครั้ง “นี่เธอออออ!!!!”
ฮยอนจุงเห็นท่าไม่ดีรีบเอื้อมมือไปช่วยจับพวงมาลัยเอาไว้ “อย่าทำแบบนี้สิฮะ!!!! พวกเรายังอายุน้อยเกินไปที่ตายกันตอนนี้นะ!!”
”งั้นเธอก็ช่วยกรุณาหุบปากให้สนิทจะได้มั้ย? ชั้นไม่มีสมาธิในการขับรถเลย...T_T”
ฮยอนจุงจ้องหน้าเธออีกครั้ง “ที่จริงแล้วการแต่งงานมันเป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับคุณมากกว่าผมอีกนะฮะ? ทำไมคุณถึงได้ทำท่าสะดุ้งตกใจอะไรปานนั้น?”
ฮวางโบถอนหายใจอย่างแรง “ ฮ้าาา”
”ว่าไงล่ะฮะ? ผมไม่เข้าใจคุณเลย”
”เธอน่ะสิเป็นฝ่ายที่ทำให้ชั้นไม่เข้าใจเอาเลยจริงๆน่ะ ด้วยอายุขนาดเธอเนี่ย ทำไมถึงอยากรีบร้อนที่จะแต่งงานนักล่ะ? เธอจะรีบไปทำไมเหรอ?”
”ก็เพราะว่าผมอยากจะมีชีวิตที่สงบและมีความสุขไง..”
”ว่าไงน่ะ?”
”การปล่อยให้ผู้หญิงของผมต้องอยู่เพียงลำพังในโลกกว้างที่มันโหดร้ายแบบนี้น่ะ มันเป็นสิ่งที่กวนประสาทผมมากพอดู..”
”โอ เธอ นั่นมันเกือบจะเป็นคำพูดแห่งปีได้เลยนะเนี่ย...นี่สมองของเธอทำงานหนักจนควันออกหูแล้วรึยังน่ะ?”
”ก็นิดส์นึงฮะ”
”เธออาจจะหมดสติไปเลยก็ได้น่ะ ถ้าใช้ความคิดมากจนเกินไป คืนนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่เธอต้องทำน่ะ ดังนั้นถนอมพลังงานของเธอเอาไว้บ้างเถอะ”
“ใช่ฮะ ถูกของคุณ งั้นเราค่อยมาคุยกันต่อในตอนหน้าก็แล้วกันน่ะ”
ฮวางโบตอบเสียงอ่อยๆว่า “จ้ะ ไว้ต่อตอนหน้าก็แล้วกัน ตอนที่ 73 มันชักจะยาวเกินไปแล้วล่ะ...”
โปรดติดตาม “คู่รักผักกาดหอม รีมิกซ์ ตอนที่ 74.
คำอธิบายท้ายบท 1. Equus: รถเก๋งซีดานแบบหรูรุ่นหนึ่งของ Hyundai (น่าจะเทียบได้ว่าเป็นรถเบนซ์ของเกาหลี) เป็นรุ่นที่ขายดีในเกาหลี จีน และตะวันออกกลาง 2. A-B-C-D ใช้เรียกเพื่อแสดงของความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักว่าไปถึงขั้นไหนแล้ว A= จับมือ B=กอด C=จูบ D= ... ^^(แบบที่จุงอยากจะทำใจแทบขาดแต่โบก็ไม่ยอมใจอ่อนซะที) หุหุ เคยอ่านในการ์ตูนญี่ปุ่นน่ะค่ะ เวลานักเรียนเขาคุยกันว่าเธอกับแฟนถึงไหนแล้วจะไม่พูดตรงๆแต่จะถามกันว่า A B C หรือ D อะไรแบบนั้น หมายเหตุจากยาย(นาจา) สาวๆบางคนในนี้ อาจเลย 4 ขั้นตอนไปเรียบร้อย จนได้มีผลผลิตออกมาหลายหน่อกันแล้ว ชิมิ ชิมิ
Create Date : 25 กรกฎาคม 2553 |
|
5 comments |
Last Update : 25 กรกฎาคม 2553 20:34:32 น. |
Counter : 995 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: OrangeεїзJuice IP: 58.9.84.209 25 กรกฎาคม 2553 21:49:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: AE IP: 124.122.167.166 25 กรกฎาคม 2553 22:05:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: มินมิน IP: 125.25.36.14 25 กรกฎาคม 2553 22:52:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: ยาย(นาจา) IP: 1.46.250.86 26 กรกฎาคม 2553 10:05:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: ning IP: 124.122.92.93 26 กรกฎาคม 2553 19:18:22 น. |
|
|
|
| |
|
"ห้ามนำไปเผยแพร่ต่อที่อื่น นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล๊อคก่อนเท่านั้น"
|
|
|
|
|
|
|
|
จะได้เห็นคนปวดฉิ่งฉ่อง ดิ้นทุรนทุราย
อุวะ ฮ่าฮ่า
ไหนบอกไม่ชอบอะไรเสี่ยวๆ...ไง
ไอคำพูดที่คิดมาแต่ละอันเนี่ย
ไม่...เสี่ยวเลยเน๊อะ
“งั้นเธอก็ไม่ชอบแค่จับมืออย่างเดียวน่ะสิ? นอกนั้นเธอชอบจับหมดทุกอย่างใช่มั้ยล่ะ?”
ประโยคโดนใจมั่กมาก
เพราะมัน...ใช่เลย โบ
เห็นเนียนประจำ จับโน่นนี่นั่น
จับมือมันไม่อบอุ่น
มันไม่สปราค์กเหมือนจับอย่างอื่นไง...ชิมิ จุง