#บันทึกการลงทุน ตอบคำถามใน In Box ของ นายแว่นลงทุน
ผมได้รวบรวมคำถามของเพื่อนๆ นักลงทุน ที่ถามมาใน In Box ของ นายแว่น-ลงทุน ผมคิดว่าบางคำถามน่าจะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆ ไปปรับใช้สำหรับการลงทุนหุ้น ติดตามกันเลยครับ
คำถามแรก ธุรกิจดีไม่ดีดูยัง
เพื่อนๆ นักลงทุนถามมาว่าจะรู้ได้ยังไงว่าธุรกิจที่เราถือเป็นธุรกิจที่ดีหรือไม่ ผมขอแบ่งธุรกิจดีหรือไม่ดี ตามคิดส่วนตัวดังนี้
- ธุรกิจที่เข้ายากออกยาก เป็นธุรกิจที่ใช้ได้ คู่แข่งเข้ามายาก คนที่ทำอยู่จะออกก็ไม่ง่าย ธุรกิจเหล่านี้ได้แก่ โรงพยาบาล คู่แข่งรายใหม่จะเข้ามาต้องมีบุคคลกรเก่งๆ หมอเก่งๆ และลูกค้าก็มักจะติดหมอ ไม่ค่อยเปลี่ยน อำนาจต่อรองของลูกค้าก็ต่ำ แบบนี้เข้ายาก ออกยาก คือทำได้เรื่อยๆ เป็นธุรกิจที่ดี ธุรกิจแบบนี้ PE สูงได้
- ธุรกิจที่เข้าง่ายออกง่าย เป็นธุรกิจที่มีคู่แข่งเข้ามาได้ง่าย บางอุตสาหกรรมมีการแข่งขันโดยสมบูรณ์ ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ ที่ใครมีที่ดินทำเลดีๆ ก็ทำขายได้ คู่แข่งเข้ามาไม่ยาก ถ้าทำแล้วไม่ดีจะออกก็ทำได้ง่าย อนาคตถ้าเศรษฐกิจไม่ดีอสังหาฯ จะไปก่อนเพื่อน แบบนี้ PE ต้องต่ำ PBV ต้องต่ำด้วย
- ธุรกิจที่เข้าง่ายออกยาก ธุรกิจเหล่านี้แรกๆ ที่คู่แข่งยังน้อยๆ จะทำกำไรได้มาก แต่ผ่านไปเริ่มมีคู่แข่งเข้ามาแข่งขัน ยกตัวอย่างเช่น ร้านอาหาร ทำอยู่ดีๆ ก็มีคนมาทำแข่ง พอเข้ามาแล้วเกิดการแข่งขันรุนแรง จะออกก็ไม่ง่าย หุ้นแบบนี้ PE ไม่ควรสูงเช่นกัน
- ธุรกิจที่เข้ายากออกง่าย ธุรกิจแบบนี้จะเข้ามาทำก็ไม่ง่าย แต่ถ้าจะเลิกทำก็ทำได้ จะเป็นธุรกิจที่มีความเฉพาะเจาะจง หรือกำไรน้อยไม่มีคนอยากที่จะทำ ทำให้กิจการที่เข้ามาก่อนและยึดฐานลูกค้าไว้ได้จะมีความได้เปรียบ แต่ด้วยกำไรที่บางเฉียบทำให้มีความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน
คำถามที่ 2 อยากเปลี่ยนชีวิตด้วยการเล่นหุ้นทำได้หรือไม่
คำตอบก็คือ ทำได้ครับ แต่เราต้องซื้อหุ้นให้มี Impact กับชีวิต การซื้อหุ้นทั้งทีควรให้มันมี impact กับชีวิตเรา ยกตัวอย่างเช่น มีเงิน 1 แสนบาท หากเราเลือกซื้อหุ้นราคา 1 บาทต่อหุ้น ไป 1 แสนหุ้น ถ้าหุ้นขึ้นไปเป็น 2 บาทต่อหุ้น = เราได้กำไร 1 แสนบาททันที ในทางกลับกันถ้าหุ้นลงไป 50% ก็จะเหลือเพียง 0.5 บาทต่อหุ้น เราจะขาดทุน 5 หมื่นบาท
สำหรับตัวอย่างข้างต้นถ้าเราขาดทุนก็ขาดทุนเพียง 50% แต่ถ้าหุ้นที่เราเลือกดีจริงเราจะทำกำไรได้ 100% และสำหรับนักลงทุนแนววีไอประเภท ขุดหุ้น จะมองหาหุ้นที่มีส่วนเผื่อความปลอดภัย หรือ Margin of Safety หรือซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นนั่นเอง การที่เราขุดหุ้น และประเมินมูลค่าหุ้นเป็น จะช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดทุนได้ นั่นคือที่มาของการลงทุนแนววีไอ ไม่เสี่ยง
หากเรามีเงินแสนเดียว แล้วกระจายการลงทุนไปเป็นสิบตัว ถ้าหุ้นขึ้น 100% อย่างที่ยกตัวอย่างซักตัว ก็ไม่ทำให้เกิด impact มากมายอะไรในชีวิต แต่เราก็ต้องยอมรับความเสี่ยงได้ และปิดความเสี่ยงให้น้อยจนอาจเหลือแค่ศูนย์ด้วยการวิเคราะห์แบบเจาะลึก ทำการบ้านแบบจริงจัง แบบว่าจะเอารวยจริง ไม่ได้มาเล่นๆ นั่นแหละจึงจะประสบความสำเร็จได้จริงครับ
คำถามที่ 3 อยากซื้อหุ้นอสังหา มีวิธีดูหรือไม่อย่างไร
ผมเองก็ชอบเล่นหุ้นอสังหาฯ ในความคิดส่วนตัวผมคิดว่าหุ้นอสังหาฯ ถ้าเลือกถูกตัว เอาตัวที่เราเข้าใจมันจริงๆ ก็สามารถทำกำไรได้ โดยเราไม่ต้องไปก่อสร้างโครงการอะไรให้ยุ่งยาก ผมเคยติดตามหุ้นอสังหาอยู่ตัวหนึ่ง มีอยู่ปีหนึ่งมีรายได้กว่า 1200 ล้าน แต่ปีต่อๆ มารายได้เหลือเพียง 500 -600 ล้าน มันเกิดอะไรขึ้น?
และผมก็พบว่าในปีที่มีรายได้สูงเกิน 1000 ล้านบาทนั้น ทางบริษัทได้เอายอดโอนมารวมกันในปีเดียวทำให้ตัวเลขดูสูงเกินกว่าการขายที่เคยทำได้ตามปกติ
นักลงทุนที่ดูไม่ดีก็อาจจะหลงไปซื้อหุ้นเพราะคิดว่าบริษัทนี้ขายคอนโดฯ เก่ง แต่ก็ต้องแปลกใจว่าทำไมยอดขายในปีถัดๆ ไปจึงลดลง?
เมื่อลองมาวิเคราะห์ดูก็พบว่า ยอดขายปีถัดๆ ไปที่ลดลงอย่างมาก เนื่องจากยังไม่ได้โอนคอนโดฯ เพราะยังสร้างไม่เสร็จ กล่าวคือ มียอดจองรอรับรู้รายได้อยู่ แต่เจ้าของโครงการสร้างคอนโดฯ ไม่เร็วพอให้รับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องในแต่ละปี
นั่นคือที่มาของหุ้นบางตัวที่มีการบริหารจัดการยังไม่ดีพอ ทำให้ราคาหุ้นไม่ค่อยขยับไปไหน ทั้งๆ ที่ตัวโครงการเองก็ต้องถือว่าใช้ได้ ที่จริงแล้วการขายก็ทำได้ไม่เลว แต่ด้วยการจัดการ การก่อสร้างที่ล่าช้า จึงโอนได้ช้า ยิ่งนานวันผู้จองอาจเปลี่ยนใจไม่โอนก็เป็นไปได้
ค่อยๆ แกะไปครับ ลงทุนหุ้นอสังหาไม่ได้ยากเย็นอย่างที่เราคิด เพียงแต่ต้องขยัน และมองภาพรวมให้ออกเท่านั้นเอง
คำถามที่ 4 อยากเป็นนักลงทุนแนววีไอ ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
การเป็นนักลงทุนแนว VI หรือ Value Investor คุณสมบัติของคนที่จะเป็นได้มันก็มีอยู่นะครับ ผมอยากเปรียบเหมือนเราเป็นตัวละครในเกมซักตัว หากเราเคยเล่นเกมพวกผจญภัย จะมีตัวละครต่างๆ ในเกม ได้แก่ นักรบ นักวางแผน หรือกุนซือ ผู้ใช้เวทย์มนต์ ฯลฯ ซึ่งแต่ละคนก็มีความถนัดที่แตกต่างกัน ผมคิดว่านักลงทุนแนววีไอ ก็เป็นสายพันธุ์หนึ่งในจำนวนนักลงทุนหลากหลายรูปแบบในตลาดหุ้นทุกวันนี้
เรื่องราวของสายพันธุ์นักลงทุนนั้น ผมคิดว่าเปรียบเหมือนกับ เผ่าพันธุ์ ที่มีลักษณะเฉพาะตัว แต่ละคนไม่เหมือนกัน เกิดมาเพื่อสิ่งที่แตกต่างกันเช่นเดียวกับลักษณะเฉพาะของตัวละครในเกม
สำหรับสายพันธุ์ Value Investor หรือ VI พันธุ์แท้ นั้น ผมเข้าใจว่าจะมีลักษณะนิสัยเป็นคน ประหยัด อยู่อย่างพอเพียง ตัวอย่างที่มี ไม่ว่าจะเป็น อาจารย์นิเวศน์ ต้นแบบนักลงทุนแนวเน้นคุณค่าในประเทศไทย หรือแม้แต่ วอเรนต์ บัฟเฟตต์ ต้นแบบนักลงทุนระดับโลก ต่างก็เป็นคนที่มีความพอเพียง และใช้จ่ายอย่างประหยัด
หากคุณไม่ได้มีนิสัยประหยัด อดออม ผมเข้าใจว่าคุณอาจไม่ใช่ VI พันธุ์แท้ แต่ตัวผมเองไม่ใช่คนประหยัด แต่ก็ไม่ใช่คนฟุ่มเฟือย ผมเคยตีแตกด้วยการถือหุ้นตัวเดียวทั้งพอร์ต ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไปสำหรับวีไอผู้ยึดหลักการอย่างมุ่งมั่น และผมก็มีพอร์ตอีกบางส่วนที่ ซื้อขาย เก็งกำไรราคาหุ้น
ไม่ว่าคุณจะมีลักษณะนิสัยอย่างไร ผมเชื่อว่าทุกคนมีความถนัดที่ไม่เหมือนกัน เราไม่จำเป็นต้องเลียนแบบผู้ที่ประสบความสำเร็จ แต่การเลียนแบบนั้นทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง
ลองค้นหาตัวตนของคุณดูครับ คุณเป็นคนสายพันธุ์ไหน ที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะสายพันธุ์ไหนก็ตาม หากคุณเอาตัวรอดในตลาดหุ้นได้ และดียิ่งกว่านั้น คือ ประสบความสำเร็จได้ในแนวทางของคุณ นั่นอาจเป็นสัญญาณบอกกลายๆ ว่า คุณมาถูกทาง
คำถามที่ 5 หุ้นตกบริหารพอร์ตอย่างไร?
ในวันที่ 5-9-2559 ตลาดหุ้นไทยตกอย่างหนักลงลึกไปจนถึง 40 จุดโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ใน In Box ของผมมีคนถามว่าเกิดอะไรขึ้น จะต้องทำยังไง
ที่จริงแล้วหุ้นตกสำหรับนักลงทุนระยะยาวนั้น มันคือโอกาสในการซื้อหุ้นที่เราจ้องมอง แต่ถูกลดราคาลงมา ทว่า บางครั้งเหตุการณ์ก็อาจไม่เป็นไปตามที่เราคิด บางเรื่องอยู่นอกเหนือความคาดหมาย ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาท นักลงทุนต้องมี สภาพคล่อง บางส่วนอยู่เสมอ อย่างน้อย 10% ของขนาดพอร์ตของเราถ้าเป็นไปได้
เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอนาคต เราไม่ควรประมาณ และรีบเข้าไปซ้อนซื้อหุ้นจนเงินหมดมือเร็วจนเกินไปนะครับ หุ้นตกอย่าตกใจตามจนเกินไปครับ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ แล้วทุกอย่างจะผ่านไป ทุกสิ่งอย่างล้วนมีขึ้น มีลงเป็นธรรมดาครับ
อย่างไรก็ดี สำหรับตัวผมแล้ว ซื้อหุ้นผมมี 3 แบบ
1) ซื้อตอนลงแล้วรอเด้ง อันนี้เล่นสั้นมาก ถ้าผิดพร้อมจะ cut ทิ้ง
2) ซื้อเพราะกิจการกำลังจะกำไร หรือฟื้นตัวในระยะสั้น อันนี้เล่นรอบ 3-6 เดือน ถ้าผิดก็ cut เช่นกัน
3) ซื้อถือยาวกินปันผล อันนี้ไม่ได้สนราคาหุ้นเท่าไร ต่ำก็ซื้อ เพราะกะถือยาว หุ้นตกแต่จำนวนหุ้นก็เท่าเดิมไม่ส่งผลอะไร แต่จำนวนหุ้นจะเพิ่มขึ้นในช่วงหุ้นตกเพราะซื้อเพิ่ม
ในเวลาที่มรสุมเข้าทุกอย่างดูยุ่งเหยิง ดูแย่ไปหมด เวลานี้คนโพสข่าวร้ายจะดูดี คนโพสข่าวดีจะดูแย่ ลองพิจารณาดูนะครับ
คำถามที่ 7 ทำไมเล่นหุ้นจึงควรซื้อขายให้น้อยครั้ง?
สำหรับผมในช่วงนี้ ซื้อขายน้อยครั้งกว่าในอดีตมากๆ ถ้าคุณทำถูกต้องแล้วก็ไม่จำเป็นต้องขยับตัว มันคือ จิตวิทยาการลงทุน อย่างหนึ่งครับ
บางครั้งนักลงทุนชอบคิดว่าการลงทุนจะต้องขยับตัวมากๆ ซื้อๆ ขายๆ และพยายามทำกำไรให้ได้ในแต่ละรอบของการซื้อขายหุ้น แต่ผลลัพธ์มันตรงกันข้าม ถ้ามองในภาพรวม
สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ทำถูกต้องตั้งแต่แรก ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติม คำว่าทำถูกต้องตั้งแต่แรก ก็คือ การซื้อหุ้นดี ในราคาที่เหมาะสม ในราคาที่มีส่วนลด เมื่อทำถูกต้องแล้วก็ปล่อยให้ผลของการกระทำที่ถูกค่อยๆ ขยายผลของมันออกมา
ยิ่งขยับตัวมากก็ยิ่งเจ็บตัวมาก หากเราขยับตัวบ่อยๆ ซื้อๆ ขายๆ หุ้นด้วยความโลภ ยิ่งเปิดช่องให้โอกาสแห่งความผิดพลาดโดยไม่รู้ตัว หากเราเลือกหุ้นถูกต้องตั้งแต่ต้น การอยู่เฉยๆ จะเป็นเรื่องดีในระยะยาวอย่างไม่ต้องสงสัย
ผมเองพยายามจะอยู่เฉยๆ แต่ปรากฏว่า ทำยากมาก ถึงอย่างไรผมก็ต้องพยายาม เพราะหนทางแห่งความสำเร็จคือการทำถูกต้องเพียงน้อยครั้ง แต่เป็นครั้งที่เกิด IMPACT กับชีวิตการลงทุนมากๆ
ลองหาการลงทุนที่ทำถูกตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยการลงทุนเหมือนเราคิดจะทำธุรกิจ เป็นเจ้าของธุรกิจ ทำการบ้านให้หนัก มองหาราคาที่เหมาะสม สะสมเงินให้มากพอ และลงทุนระยะยาวไปกับกิจการที่ดีที่เรา มั่นใจ ซึ่งผมทำมันไปแล้ว ส่วนที่เหลือของการลงทุนผมก็ทำได้แค่รอเท่านั้นครับ .
ที่จริงแล้วยังมีคำถามอีกมากมายที่เพื่อนๆ ส่งหลังไมค์มาถาม แต่ผมขอคัดเอาคำถามที่คิดว่าเป็นประโยชน์มาบอกเล่าให้รับทราบกันนะครับ ถ้าใครมีคำถามเพิ่มเติม แวะไปที่เพจ https://www.facebook.com/NaiwaenTammada/ ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนนะครับ
#นายแว่นลงทุน
เพื่อนๆ ใครมีบ้าน คอนโด ที่ดินเปล่า มาโพสขายได้ที่นี่ฟรีนะครับ//www.topofliving.com/property-exchange/
#หนังสือเสียง
กลยุทธ์ลงทุนหุ้นโตเร็ว
หนังสือ นายแว่นฯ มี audio book ด้วยนะครับ
คลิ๊กหนังสือเสียงที่นี่เลยครับ
แนะนำหนังสือ
เก็บหุ้นสร้างพอร์ต สไตล์ VI โต 10 เท่าในสิบปี
หนังสือเล่มนี้ เก็บหุ้นสร้างพอร์ตสไตล์วีไอ ผมเขียนขึ้นมาในช่วงที่ยากลำบากช่วงหนึ่งของตลาดหุ้นไทย คือเป็นช่วงตลาดไม่ไปไหนเลย หรือ Sideway นั่นเอง การลงทุนในภาวะตลาดแบบนี้ย่อมทำให้หลายคนรู้สึก อึดอัด ได้ไม่ยาก แต่ในภาวะแบบนี้ก็มีข้อดีของมัน ข้อดีดังกล่าวก็คือ การที่ตลาดไม่ไปไหน แต่แรงเก็งกำไรยังคงมีอยู่ มันเปิดโอกาสให้นักลงทุนระยะยาวเก็บหุ้นกอดเอาไว้ กินปันผลไปเรื่อยๆ อย่างสบายใจ หรือแม้แต่นักลงทุนระยะสั้นๆ ก็สามารถทำกำไรได้หากเรามองพื้นฐานออก และมองแนวโน้มของราคาเป็น ซึ่งเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้มีทั้งสองเรื่องราวดังกล่าวอย่าง ครบถ้วน#NaiwaenInvestment
อ่านเรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ How to การบริหารจัดการเงิน อสังหา คลิ๊กอ่านที่นี่เลยครับ
[เกี่ยวกับผู้เขียน]
นายแว่นธรรมดา หนึ่งในกูรูหุ้น FINOMENA และผู้ก่อตั้ง //www.topofliving.com ผู้เขียนหนังสือ ลงทุนหุ้นโตเร็ว และหนังสือขายดี กลยุทธุ์จับจังหวะลงทุนหุ้น ปัจจุบันเป็นนักลงทุนอิสระ นักเขียนอิสระ ขอถ่ายทอดความรู้ด้านการลงทุน เผื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ