พัฒนาชีวิตด้วยปัญญา และความดี
Group Blog
 
<<
เมษายน 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
15 เมษายน 2557
 
All Blogs
 
เซียนหุ้นประเภท วีไอ

  หนึ่งในวิธีที่พลพรรคชาวเม่าชอบใช้เพื่อเป็นทางลัดไปสู่การได้มาซึ่งหุ้นตัวเจ๋งๆ ก็คือการตามติดดูว่า เซียนหุ้นทั้งหลายครอบครองหุ้นตัวใดกันบ้าง จะได้ตาม(ก้น)ถูก

โดยเฉพาะเซียนหุ้นประเภท วีไอ (Value Investor) ที่ไม่ว่าขยับตัวไปทางไหน ก็มักจะเป็นแรงกระพือปีกเม่าให้คึกคัก เพราะถือว่า เซียนกลุ่มนี้เน้นลงทุนโดยดูจากมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นตัวนั้นจึงอยู่ในขั้น 'น่าเชื่อถือ'

แต่ในโลกแห่งความจริง โจรในคราบตำรวจยังมี นับประสาอะไรกับโลกของเงินๆ ทองๆ อย่างตลาดหุ้น ที่มี 'วีไอขาโหด' แฝงอยู่ในกลุ่มเซียนผู้มีหลักการ

"วีไอพวกนี้ เขาเรียกกันว่า วีไอทมิฬ จะเน้นตั้งแก๊งกันเพื่อปั่นหุ้น จากเดิมการปั่นหุ้นจะทำกันอยู่ในขาใหญ่ไม่กี่คน โยนกันไป โยนกันมา อาศัยความต่อเนื่อง หลอกให้รายย่อยคิดว่าดี แห่กันเข้ามาซื้อ แต่วิธีปั่นหุ้นของคนรุ่นใหม่ คือ จะตั้งเครือข่ายรายย่อยที่มีเงินทุนระดับหนึ่ง อาจจะตั้งเป็นกรุ๊ปไลน์ ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ค อะไรก็ตามแต่ เพื่อช่วยกันกระจายข่าว บอกต่อๆ กันไป ซึ่งจะกระพือได้เร็วกว่า อาศัยพลังมวลชนมาดันราคาหุ้น" เม่ารายหนึ่งสรุปให้ฟัง ถึงกลวิธีลับลวงพรางของบรรดาวีไอขาโหดที่มีอยู่หลายกลุ่มก๊วนในปัจจุบัน

ว่ากันว่า พลังของมวลชนที่บรรดาวีไอทมิฬเหล่านี้ปั่นขึ้นมาได้ แรงเสียจนขนาดวีไอแท้ๆ ยังเป๋ หลวมตัวมาซื้อตามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจก็มี ส่วนผลลัพธ์ก็ขึ้นอยู่กับความทันเกมของเหล่าเม่า เหมือนแชร์ลูกโซ่ 'เข้าก่อน ออกก่อน' มีสิทธิรวยกว่า ส่วนพวก 'เข้าทีหลัง ออกไม่ทัน' ก็โดนเชือดไปตามระเบียบ

ถ้าไม่ใช่เซียนใครจะเชื่อ.. 
ถ้าไม่ใช่เซียน ใครจะแห่ตาม.. 
และ ถ้าไม่ใช่เซียน จะไปหลอกฟันใครต่อใครได้..

นั่นคือ อานิสงส์จากคำว่า 'เซียน' และเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมหนังสือออกใหม่โดยเซียนจริง เซียนปลอม ถึงได้ออกมาเยอะนัก โดยแม้ว่า ส่วนหนึ่งจะเขียนเพื่อเป็นวิทยาทานจริง แต่ก็ยากจะปฏิเสธว่า พอคเก็ตบุ๊ค กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือชุบตัว สถาปนา สร้างแบรนด์ตัวเองของเซียนขาฟันทั้งหลาย

ถามว่า ใครเซียนจริง เซียนปลอม หนึ่งในเซียนหุ้นรุ่นใหม่ วัย 32 ผู้มีผลงานจากการเล่นหุ้น 10 ปี (เล่นพร้อมทำงาน 8 ปี ออกจากงานมาเล่นจริงจัง 2 ปี) เจอทั้งกำไรเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ จนถึงขาดทุน 40 เปอร์เซ็นต์ก็เคย

วันนี้ เขาเป็นเจ้าของพอร์ตมูลค่า 9 หลัก แต่ก็ยังคงไม่กล้ารับตำแหน่ง "เซียน"

"2-3 ปีมานี้ เซียนมีเยอะครับ ก็ตลาดมันขาขึ้นไง ใครๆ ก็เป็นเซียนได้ มีคนบอกว่า ต่อให้เอาลิงมาแข่งเล่นหุ้นกับผู้จัดการกองทุน ลิงก็มีสิทธิชนะได้ ถ้าตลาดมันเป็นช่วงขาขึ้น แต่จะเซียนจริงไหม เขาดูกันที่ตลาดขาลงต่างหาก"

แต่ต่อให้เป็นเซียนจริง ก็ไม่ควรเชื่อไปเสียทั้งหมด เพราะนั่นถือเป็นอีกหนึ่งเฟลยอดนิยมของชาวเม่า

การตามก้นเซียนอย่างไม่ลืมหูลืมตา ไม่ว่าจะด้วยจากการใบ้หุ้น, สืบรู้, เห็นจากรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือเขาเล่าว่า.. อย่างไรก็ตามแต่

นิสัยชาวเม่า "เอาง่าย" คือ พอเห็นว่า เซียนถืออะไร ก็แห่ตามไปซื้อบ้าง แต่ตอนเซียนขายล่ะ.. เขาจะมาป่าวประกาศไหม ว่าเขากำลังขายตัวนั้น ตัวนี้ทิ้งแล้วนะ ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่เม่าต้องคิดให้หนัก

คิดดีๆ ก่อนตัดสินใจ ไม่อย่างนั้น แมลงเม่าตัวน้อยก็คงได้แต่ร้องเพลง.. ซื้อเอง เจ๊งเอง เราอวดเก่งจะโทษใคร?

ถือเป็นวิธีการปั่นหุ้นสมัยใหม่ก็ว่าได้ครับ

การปั่นหุ้นแบบโบราณใช้ได้ผลน้อยกับยุคนี้ เพราะนักลงทุนมีความรู้ ความระมัดระวังมากขึ้น อยู่ๆ วันดีคืนดี หุ้นพื้นฐานเน่าๆ ราคาระดับสตางค์ไปถึงบาท ราคาหุ้นวิ่งแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย 

ถามว่าจะมีคนตามสักกี่คนกัน ?

ตอบว่าก็ต้องมีคนที่เข้ามาเล่น  บางคนเล่นเพราะโลภอยากได้กำไร  บางคนเล่นสนุกๆ ได้เสียนิดๆ หน่อยๆ พอเป็นค่ากับข้าว  หรือบางคนเล่นเพราะความเป็นมือใหม่ อยากลอง แต่โดยรวม Volume ที่เล่นกันส่วนใหญ่เป็นของก๊วนปั่นหุ้น  คนนอกเข้ามาในเกมไม่เท่าไหร่  ก๊วนปั่นหุ้นแบบโบราณ เลยได้เงินจากปั่นหุ้นแต่ละครั้งไม่มาก  แต่ถ้าภาวะตลาดไม่ดี  ก็อาจจะมีสิทธิเข้าเนื้อได้เช่นกัน  

ก๊วนปั่นหุ้นสมัยใหม่ พัฒนาไปไกลกว่าแบบโบราณมาก เป็นการปั่นหุ้น โดยมีหลักวิชาการ เรื่องราว (Story) และปัจจัยพื้นฐานมารองรับ

ก๊วนพวกนี้จะมีการตั้งกลุ่มในเว็บบอร์ด คงไม่ต้องบอกว่ามีเว็บบอร์ดอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ พวกนี้ไม่ใช้ Pantip โดยสมาชิกใน Pantip ส่วนใหญ่จะมารู้ข้อมูลทีหลัง และซื้อตามตอนที่ราคามันไปไกลแล้ว เลยไม่แปลกที่ว่าสมาชิกเวบบอร์ดหนึ่งจะรัก และศรัทธาก๊วน VI แต่สมาชิก Pantip จะเกลียด และด่าก๊วน VI นี้

เริ่มแรกจากการปูพื้นความรู้ และการวิเคราะห์หุ้น  เมื่อมีคนศรัทธามากขึ้นๆ  ก็จะขยายสมาชิก  โดยเลือกเฉพาะคนเก่งๆ มีแววในการวิเคราะห์หุ้น และที่สำคัญคือความสามารถในนำเสนอความเห็นในเวบบอร์ด ซึ่งเรียกว่าพวกแถว 2 เมื่อก๊วนขยายใหญ่ขึ้น ก็จะมีการคัดเลือกพวกแถว 3 เข้ามา  

ในช่วงหนึ่งๆ แถว 1 จะค้นหาหุ้น และตัวเอง และคนในก๊วนจะซื้อหุ้นตัวนั้นไว้เต็มพอร์ต  เต็มพอร์ตนี่ไม่ใช่แค่เต็มตามเงินที่มีอยู่จริง แต่หมายถึงมาจิ้นด้วย  ซึ่งบางก๊วนที่ใหญ่ก็จะมีการพูดคุยกับเจ้าของหุ้น (บริษัท) มาก่อนแล้ว  จากนั้นก็จะมาโพสต์ข้อมูล และวิเคราะห์หุ้นตัวนั้นๆ ในเวบบอร์ด เมื่อแถว 1 เปิดประเด็นเสร็จแล้ว คนที่เข้ามาอ่านเริ่มสนใจ และติดตาม โดยบางคนอาจจะยังไม่ซื้อ เพราะยังไม่เชื่อ แต่บางคนซื้อตาม เพราะสนใจอยู่แล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของแถว 2 ที่จะคอยโพสต์ข้อมูล ข่าวสาร วิเคราะห์ และบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์เรื่อยๆ  

เวลาผ่านไป  ข้อมูลข่าวสาร และการวิเคราะห์  เริ่มส่งผลต่อราคาหุ้น  เพราะความคาดหวังในผลการดำเนินงานของบริษัทในอนาคต  ทำให้มีรายย่อยให้ความสนใจ และเข้าไปซื้อหุ้นตัวนั้นมากขึ้น  ยิ่งความนิยม  และความคาดหลังมากขึ้นเท่าไหร่  ราคาหุ้นก็ยิ่งขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

จนสุดท้าย  เมื่อราคามันขึ้นไปสูงกว่าปัจจัยพื้นฐานมากๆ  ก๊วน VI ก็ขายทิ้ง  ซึ่งส่วนใหญ่เวลาขายรายย่อยที่ติดตามอ่านแต่ในเว็บบอร์ดจะไม่รู้  เพราะยังมีสมาชิกในก๊วนโพสต์ข้อมูลข่าวสาร และความเห็นอยู่เรื่อยๆ  คนที่จะรู้ได้ก็เฉพาะคนในก๊วน และที่สนิทกับสมาชิกในก๊วน

ในระหว่างช่วงตั้งแต่เริ่มต้น ไปจนถึงปิดเกม จะเห็นว่ามีคนที่กำไร และขาดทุน 

บางคนซื้อไว้ตั้งแต่ต้นๆ และไปขายช่วงปลายๆ  คนพวกนี้ก็จะได้กำไรเป็น 100% ถึงหลายร้อย %

บางคนซื้อไว้แล้วขายเร็วเกินไป บางคนซื้อช่วงกลางไปแล้ว บางคนซื้อตั้งแต่ต้นๆ แต่มาขายที่หลังตอนเขาเลิกเล่น ราคาเลยตกมาเยอะ คนพวกนี้ก็จะได้กำไรไม่มาก  

บางคนซื้อช่วงปลาย แล้วมาขายช่วงที่เขาเลิกเล่น  บางคนมาซื้อตอนราคากำลังลง แล้วถือไว้จนราคามันลงไปเรื่อยๆ คนพวกนี้ก็จะมีตั้งแต่ขาดทุนนิดหน่อย ไปจนถึงขาดทุนหนักๆ  ซึ่งส่วนใหญ่จะขาดทุนหนักๆ เพราะส่วนใหญ่จะไม่กล้า Cut loss

จะเห็นความแตกต่างของก๊วนปั่นหุ้นสมัยใหม่ กับโบราณ

สมัยใหม่มีหลักการลงทุน และปัจจัยพืนฐานรองรับ - โบราณปั่นหุ้นเน่าๆ ราคาต่ำๆ (หุ้นเศษสตางค์) ไม่มีหลักการลงทุน และปัจัยพื้นฐานรองรับ

สมัยใหม่  ใช้สื่อมาก ทั้งสื่อสมัยใหม่ และเก่า เช่น เว็บบอร์ด หนังสือพิมพ์  รายการทีวี  -  สมัยโบราณ  ใช้สื่อน้อย  หรือแทบจะไม่ได้ใช้

สมัยใหม่ใช้ระยะเวลายาวนาน บางเคสใช้เวลาเป็นปีกว่าราคาหุ้นจะขึ้นไปเป็นเด้ง หรือหลายเด้ง - โบราณใช้ระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่วันก็ปิดเกม

สมัยใหม่ มีนักลงทุนเข้ามามีส่วนรวมในหุ้นเยอะ  เวลาออก หรือขายหุ้นมี Volume รองรับ - โบราณ Volume ส่วนใหญ่เป็นของเจ้ามือ  คนส่วนใหญ่ไม่กล้าเล่น กล้าตาม 

สมัยใหม่  กำไรในหุ้นตัวหนึ่งระดับหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ - สมัยโบราณ  กำไรไม่มากนัก  แม้บางที่ราคาหุ้นจะขึ้นไปหลายร้อยเปอร์เซ็นต์  เพราะคนตามน้อย

ปัจจุบันแถว 1 หลายคนมีพอร์ตระดับ 10 หลัก  และแถว 2 - 3 หลายคนมีพอร์ตระดับ 8 - 9  

ก๊วน VI เริ่มแรกนั้น ได้แตกออกเป็นหลายก๊วน  เนื่องจากก๊วนมันใหญ่ขึ้น  ต่างคนต่างความคิด  เลยต้องแยกรวมคนที่สนิท และมีแนวคิดคล้ายๆ กัน  และที่สำคัญขนาดของทุนเมื่อรวมกันมันใหญ่ขึ้นมาก  การที่จะมาเล่นหุ้นตัวเดียวกันเลยเป็นเรื่องยากลำบากขึ้นครับ

การแสดงบทบาทของพวกแถว 1 ในปัจจุบัน  ลดน้อยลงมาก  ส่วนใหญ่จะไปอยู่เบื้องหลังมากกว่า  โดยจะปล่อยให้แถว 2 - 3 แสดงบทบาทแทน  เช่น อดีดมอเตอร์ไซค์รับจ้าง  รับหน้าที่ตัวหลักในการโพสต์ข้อมูลข่าวสาร  ความเห็น  วิเคราะห์ในเว็บบอร์ด  และออกสื่อหนังสือพิมพ์  แทนพวกแถว 1



Create Date : 15 เมษายน 2557
Last Update : 15 เมษายน 2557 18:34:39 น. 2 comments
Counter : 2312 Pageviews.

 
วีไอทมิฬ คำนี้เกิดจากหนังสือพิมพ์ฉบับนึง
เพิ่งรู้ว่าสมคบคิดกับผู้บริหารคนดังหุ้นตัวนั้น
โพสต์โจมตีวีไอ ที่ขายหุ้น JAS ออกหมด เพราะราคาขึ้นไปเยอะ และรวดเร็ว
คนที่หมั่นไส้วีไอ ก็โหมกระแส กระทืบด้วย จะเอาให้จมดิน
พร่ำบอก วีไอปั่นหุ้นเน่า jas
แต่แล้วไง ด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง หุ้นตัวนั้นสร้างกำไรเติบโตได้ทุกปี ตามที่วีไอวิเคราะห์
ปัจจุบันราคาขึ้นมาตลอดจาก 0.5 บาท
คนที่โจมตีวันนั้น วันนี้ไม่รู้หายหน้าไปไหนหมด
บางคนก็ยังเล่นสินธร แต่เห็นทำเป็นเงียบ

แต่เรื่องนี้ ก็ยังมีข้อดี ระหว่างทาง ราคาผันผวนมาก
จาก 0.5 ไป 4 บาท ลงมาเหลือ 1 กว่า ขึ้นไป 7-8 บาท
คนที่ซื้อตาม แบบไม่รู้เรื่อง อยากรวยอย่างเดียว คงได้บทเรียน


โดย: ตี๋2555 วันที่: 15 เมษายน 2557 เวลา:18:37:49 น.  

 
หุ้นหายนะของรายย่อย มักเป็นอย่างนี้ครับ..

1.หุ้นปั่น ของเน่าที่หลอกว่าเป็นของดี ในตลาดประมาณ 10 กว่าตัว ดูไม่ยาก พวกนี้ราคาเหวี่ยง ส่วนใหญ่ขาดทุน หรือกำไรเล็กน้อย แต่ซื้อขายกันมูลค่าสูงมากไม่น่าเชื่อ ข้อสังเกต ผู้บริหารเหล่านี้เป็นก๊วน หรือรู้จักกันหมด นามสกุลโยงกัน ดูผู้ถือหุ้นรายใหญ่ กระจายไม่ถึง 5% ต่อราย ฟันธงได้เลยว่า น่าจะเข้าข่าย พวกนี้สร้างสตอรี่ไปเรื่อยๆ แล้วเพิ่มทุน พอดูดหมด ก็เพิ่มทุนอีกรอบ เป็นวงจรอุบาทของตลาดหุ้น ลองไล่ดูว่าหุ้นตัวไหนบ้าง

2.หุ้นปั่นที่มีพื้นฐาน มักเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ซื้อง่าย ขายคล่อง เพราะจ้าวได้ไม่ติดหุ้น หุ้นในกลุ่มนี้ จะมีจ้าวคุมจะคนเดียวหรือเป็นก๊วนก็ตาม จะไล่ๆ ทุบๆ ราคาเป็นรอบๆ อาศับสมคบกับหนังสือพิมพ์เชียร์หุ้น รายย่อยที่เข้าไปร่วมวง ซึ่งเยอะมาก จะโดนไล่ โดนทุบ ซื้อแพง cut ถูก อยู่เป็นประจำ นี่คือวงจรอุบาท อีกอย่างของตลาดหุ้นไทย เซียนในกลุ่มนี้เป็นรายใหญ่ ระดับพันล้านขึ้น มีหน้ามีตาในสังคม

3.หุ้นปั่นวีไอ มักซื้อขายตามชื่อวีไอดังๆ ซึ่งส่วนใหญ่ ถ้าโชคดีเป็นวีไอจริง ไม่ใช่ตัวปลอม มักไม่ค่อยขาดทุน เพราะหุ้นเหล่านี้พื้นฐานดียั่งยืน กำไรมากหรือน้อยอีกเรื่อง แต่ที่อันตรายที่สุดคือหุ้นวีไอวัฎจักร ลักษณะของหุ้นวัฎจักร คือ กำไรผันผวนเป็นวัฎจักร หากเราไปซื้อหุ้นพวกนี้ตาม เช่น banpu ptl ssi psl tta แล้วขายออกไม่ทัน จะเกิดหายนะ ไม่ต้องห่วงคนเป็นเซียน เผ่นไปนานแล้ว

ถ้าหลีกเลี่ยงหุ้น 3 ประเภทนี้ได้ ท่านจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าคนส่วนใหญ่แน่นอน


โดย: ตี๋2555 วันที่: 15 เมษายน 2557 เวลา:18:39:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตี๋2555
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




สวัสดีครับผม "นายแว่นธรรมดา" ผู้เขียนหนังสือขายดี "รวยหุ้นแบบ VI ไม่เสี่ยง" หนังสือ "หุ้น 5 พารวย" และเป็นผู้ก่อตั้ง http://www.naiwaen.com เว็บไซค์การลงทุนในหุ้น กองทุนรวม และ Money Market อีกมากมาย
และ http://www.topofliving.com เว็บไซค์เกี่ยวกับการเลือกซื้อบ้านหลังแรก การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยนิยามส่วนตัวก็คือ ทำให้ความมั่งคั่ง กลายเป็นเรื่อง "สนุก"
หากต้องการข้อมูลข่าวสารการลงทุนอย่างรวดเร็ว และเชื่อถือได้ แวะไปกด LIKE ที่นี่นะครับ https://www.facebook.com/NaiwaenTammada

ผมยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆ นักลงทุนทุกท่าน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
Free counters!
New Comments
Friends' blogs
[Add ตี๋2555's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.