#ถอดรหัสหาหุ้นเติบโต … “ปรากฏการณ์กล่องเต็มบ้าน หุ้นตัวไหนได้ประโยชน์?”

.
ผมเชื่อว่าสิ่งที่ทุกคนกำลังเผชิญในบ้านของแต่ละท่านนั้นแตกต่างกัน … แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นแทบจะทุกบ้านก็คือ “กล่อง” ที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ วัน บางวันเพิ่มขึ้นด้วยอัตราเร่ง คือ มีมากกว่า 1 กล่องต่อวัน กล่องเหล่านั้นมาจากไหน ?

.
คำตอบของคำถามคงอยู่ในใจทุกท่านแล้ว … มันมาจากการสั่งสินค้าออนไลน์ของเรานั่นเอง … ส่วนตัวผมนั้นบอกไปคงไม่มีใครจะเชื่อว่า “ผมไม่เคยซื้อของออนไลน์แม้แต่ชิ้นเดียว” แต่บ้านผมก็ยังเต็มไปด้วยกล่อง

.
นั่นเป็นเพราะ ภรรยาของผมเอง ที่ขยันซื้อของออนไลน์ แล้วปรากกฎการณ์กล่องเต็มบ้านจะเกี่ยวข้องกับการลงทุนอย่างไร … นายแว่นลงทุนขออาสาเล่าให้ฟังดังต่อไปนี้

.
ประการแรก “ซื้อของออนไลน์ราคาถูกกว่าของจริง”

.
สิ่งนี้ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ครับ ของออนไลน์ราคาถูกจริง ๆ ผมเคยเดินเข้าร้านขายของเล่นจะซื้อของเล่นให้ลูกสาวของผม ในราคาต่ำร้อย เชื่อมั้ยครับว่า ภรรยาผมห้ามไม่ให้ซื้อ ไม่ใช่เพราะเธองกเงินอะไรหรอกนะครับ แต่เพราะของแบบเดียวกันซื้อออนไลน์ยังมีราคาถูกกว่า … แม่เจ้า ! ของราคาต่ำร้อยยังแพงอีกหรือนี้ ผมงงมากทีเดียว ยอมรับเลย ??

.

ของออนไลน์มันราคาถูกจริง ๆ ถ้าให้ผมวิเคราะห์ในมุมมองส่วนตัว เข้าใจว่า ของส่วนใหญ่สั่งมาจาก “จีน” ซึ่งถ้าสั่งในปริมาณเยอะ ๆ ราคาต่อชิ้นจะถูกลงมาก ยิ่งสั่งทางเรือแบบ pre-order แต่ต้องรอนานหน่อย ราคาจะถูกลงไปอีก ถ้าคิดน้ำหนักสินค้าต่อกิโลกรัมคงไม่ต่างกัน แต่หากสั่งเป็นตู้คอนเทนเนอร์ ที่บรรทุกน้ำหนักได้มากถึง 20 ตัน ส่วนต่างค่าขนส่งจะถูกลงไปพอตัวเลย

.
และอีกอย่างที่ผมเข้าใจก็คือ “ค่าเงินหยวน” ที่พักหลังไปในทางอ่อนค่าลงค่อนข้างมีนัยยะ ยิ่งทำให้ของจากประเทศจีนมีราคาถูกลงไปอีก แถมขายออนไลน์ไม่ต้องมีร้านค้า ค่าเช่า ต้นทุนต่ำจริง ๆ ครับ

 

.

ประการที่สอง “หรือเม็ดเงินกำลังเปลี่ยนทิศทางไหล”

.

ที่จริงมีคนตั้งข้อสังเกตเอาไว้นานแล้ว ว่าเม็ดเงินกำลังไหลจากสินค้าจริง ไปสู่โลกออนไลน์ เพื่อนผมเองที่ขายสินค้าออนไลน์ปรากฏว่า รวยในชั่วพริบตา แบบว่ารวยจริงจัง ส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติได้เลย

.

คนที่ยังขายของแบบออฟไลน์ แล้วหวังว่ายอดขายจะเติบโต ถ้าไม่ใหญ่จริงคงจะลำบาก ผมคิดว่าความมั่งคั่งกำลังเปลี่ยนทิศ มาสู่โลกออนไลน์อย่างแท้จริง จะเห็นว่าคนที่รวยที่สุดในโลกตอนนี้ ก็คือ เจฟฟ์ เบซอส เจ้าของ amazon ใครตามไม่ทันก็จะเสียโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย ถ้าการค้าขายออนไลน์สร้างรายได้ให้รัฐด้วยภาษีคงจะดีไม่น้อย

.
ประการที่สาม “การเข้ามาของเจ้าใหญ่”

.

คนที่กำลังเอนจอยกับการขายของออนไลน์ อาจต้องคิดหนัก หากเจ้าใหญ่เข้ามารุกเต็มตัว อย่าง ลาซาด้า ช็อปปี้ หรือแม้แต่เจดีดอทคอม และเข้าใจว่าจะเป็นเทรนด์ที่คืบคลานเข้ามารุกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ยังไม่นับรวม amazon ที่อาจเข้ามาในอนาคตก็เป็นไปได้

.

ผมเองก็ไม่แน่ใจว่า เจ้าใหญ่ ๆ เหล่านี้ เขาจะมีกลยุทธ์อย่างไร หากเขามีกลยุทธ์ตัดราคาแม่ค้า พ่อค้า รายย่อย อันนี้น่าจะหนาว แต่ปัจจุบันดูเหมือนจะยังไม่เป็นเช่นนั้น เพราะแม่ค้าออนไลน์ยังคงมั่งคั่ง และมั่นคงอยู่ ก็ยังคงเบาใจได้นะครับ

.

ประการสุดท้าย “หุ้นตัวไหนได้ประโยชน์”

.

ต้องขอบอกตรง ๆ เลยครับว่า หุ้นเมืองไทยยังไม่ใช่หุ้นเทคโนโลยีเหมือนหุ้นในต่างประเทศ หุ้นที่ได้ประโยชน์ทางตรงมีน้อยมาก อาจได้ประโยชน์ทางอ้อมจากค่าเงินหยวนที่อ่อนลง และนำเข้าสินค้าได้ในราคาถูกลง ที่พอจะนึกออกก็ #COL หรือเซ็นทรัลออนไลน์ แต่เขาก็ไม่เน้นขายปลีกอยู่ดี ที่จริงอาจไม่ได้ประโยชน์เสียด้วยซ้ำ

.

สำหรับประโยชน์ทางอ้อม ก็น่าจะเป็นพวกขนส่ง อย่าง #RCL ผู้ขนส่งทางเรือ #WICE #III #JWD #SONIC ผู้บริหารจัดการโลจิสติกส์ หรือพวกที่รับขนพัสดุก็ไม่มีในตลาดหุ้น สรุปว่า หาหุ้นที่เกี่ยวข้องได้น้อย อาจจะมีพวกนิคมที่ได้ประโยชน์บ้างจากการที่จีนมาตั้งฐาน เช่น #WHA #AMATAเป็นต้น แต่ก็ต้องจับตามองต่อไปอยู่ดี

.

ข้อสรุปก็คือ … ปรากฏการณ์กล่องเต็มบ้าน น่าจะส่งผลมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโดยรวมไม่มากก็น้อย แต่ในอนาคตอาจส่งผลกระทบใหญ่ขึ้น ผมเองสังเกตสินค้าจากจีนเริ่มเข้ามาในบ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ และแทบจะทุกวัน แต่สินค้าจากญี่ปุ่นที่เคยเยอะก็ดูเหมือนจะน้อยลงไป ต้องติดตามกันต่อไปล่ะครับว่าเกมนี้จะจบอย่างไร
.

#นายแว่นลงทุน

...

https://www.topofliving.com/11703.html

.
ใครสนใจเข้าร่วมกลุ่ม "ถอดรหัสหาหุ้นเติบโต" add เข้ากลุ่มได้ที่นี่เลยครับhttps://www.facebook.com/groups/781681738849907/
.
หรือติดตามผ่านช่องทางยูทูปที่https://www.youtube.com/chan…/UCcQxvgiObaaA2DI3UOqrXZw/feed…
.
และสามารถอ่านบทความนี่น่าสนใจได้ที่นี่ https://www.topofliving.com/นายแว่นลงทุน