การนำเอาเงินในอนาคตมาใช้ เสียวินัยการคลัง?

วิธีคิดว่า การนำเอาเงินในอนาคตมาใช้ จะทำให้เกิดภาระหนี้ หรือวิธีคิดว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจต้องใช้เฉพาะเงินงบประมาณเท่านั้น ก็คือวิธีคิดในกรอบ นั่นเอง ที่พรรคการเมืองบางพรรคหัวเสีย กับวิธีการเช่นนี้ ก็อาจจะเป็นเพราะ ตามวิธีคิดคนอื่น ไม่ทัน หรือคุ้นเคยแต่การคิดวนเวียนอยู่ในตำรา และคำบอกเล่าของคนอื่น โดยไม่เหลียวมองดูความจริง ในประเทศของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นนิทานการล้มเหลวของอาเจนตินา..... เหนืออื่นใด พรรคการเมืองบางพรรค ไม่เชื่อมั่นในขีดความสามารถ(Competency) ของประชาชน จึงไม่กล้า ให้ประชาชนเป็นหนี้ (ประเภทที่ต้องมีความรับผิดชอบ) เขาไม่รู้รึว่า การลงทุนทุกอย่าง ล้วนเป็นการนำเงินในอนาคต มาใช้ ไม่เช่นนั้น การลงทุนจะต้องจัดทำแผนการเงิน แผนกระแสเงินสด(Cash Flow)ไว้เพื่ออะไร นี่ย่อมเป็นเรื่อง ธรรมดามาก และการลงทุนทุกอย่าง ย่อมมีความเสี่ยง แต่แม้จะขาดทุน อย่างน้อย วิธีคิดพื้นฐานของนักลงทุนก็คือ พวกเขาไม่คิดว่าจะเสียทั้งหมด สิ่งที่เขาจะได้ย่อมมีอยู่เช่นกัน สิ่งนั้นก็คือความรู้ นั่นเอง และต่อไป ความรู้ก็จะทำให้เขา เสี่ยงน้อยลง และที่กลัวว่าชาวบ้านจะเป็นหนี้นั้น ไม่แต่ชาวบ้านเท่านั้นหรอกที่ไม่มีวินัยในการใช้เงิน นักลงทุน เจ้าของกิจการหลายคน ที่เป็น"ชาวเมือง"ก็มีเยอะที่ใช้เงินผิดประเภท กู้เงิน โยกเงินออกจากบริษัทฯ ไปซื้อของที่ไม่จำเป็น ของใช้ส่วนตัว กู้เงินนอกระบบ หรือเงินที่มีต้นทุนสูง เพื่อเอาไปใช้ในกิจการ ถมเถไป เพราะขึ้นชื่อว่าคน ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ย่อมมีสัญชาตญาณ ในการเอาตัวรอดทั้งนั้น คนในเมืองและชนบทก็มีความสามารถที่จะคิดได้ ไม่ต่างกัน ไม่งั้นจะมีคำพูดหรือว่า 90 % ของกิจการ SME จะตายใน 5 ปีแรก นี่เป็นคำพูดที่บอกเราได้ว่า อยู่ที่ไหนก็โง่ได้ แม้แต่นักวิชาการบางคน ที่หันไปทำธุรกิจ ก็เจ๊งมาแล้วเยอะ การ ผ่านงบประมาณ ไปสู่ประชาชนโดยตรง การที่รัฐปล่อยกู้ให้ประชาชน แทนเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ ถือเป็นวิธีคิดแบบ นอกตำรา หรือคิดจากความเป็นจริง อย่างหนึ่ง ทั้งหมดนี้ นักการเมือง นักการเศรษฐกิจกอดตำรา บางคนจะคิดอะไรไม่ออก ต่อยอดอะไรไม่ได้เลย หากคิดว่าประชาชน"โง่" ขอย้ำ คิดไม่ได้เลย

ด้วยความเคารพรัก

ณัฐกร

Create Date : 27 มิถุนายน 2550 Last Update : 28 มิถุนายน 2550 8:44:02 น. Counter : 680 Pageviews.		3 comments
Share Tweet