กันยายน 2550

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
27
28
29
30
 
 
All Blog
ขออนุญาตต่อรอง ในการตอบแทนแผ่นดิน- -แผ่นดินของใคร?--ภาคสมบูรณ์
ก่อนอื่น อยากจะขอทำความเข้าใจกับคำว่า"แผ่นดิน" ในความหมาย หรือความเข้าใจ เฉพาะของผู้เขียนเสียก่อน ส่วนจะมีความหมาย ที่ตรง หรือสอดคล้องกับผู้อ่านท่านใด หรือไม่ อย่างไร ขอให้ช่วยกันพิจารณาต่อไปด้วย
คำว่าแผ่นดินในความรู้สึกของผู้เขียน เมื่อนำไปพิจารณาร่วมกับ "แคมเปญ" ของผู้นำทางสังคม ที่มักกล่าวซ้ำๆ ผ่านสื่อต่างๆอยู่บ่อยๆว่า เราทุกคนที่เป็นคนไทยควรตอบแทนคุณแผ่นดินนั้น ก็น่าเชื่อว่า ไม่น่าจะมีความหมายที่แตกต่างกันนัก นั่นคือความหมายของแผ่นดิน ก็ควรหมายถึงสังคมประเทศชาติ กล่าวคือ มีทั้ง"สังคม" และ"ประเทศชาติ" ที่มีนัยยะ ในลักษณะเชิง"พื้นที่"และ"คน"ที่อยู่ในพื้นที่ หรือจะพูดว่า หมายถึง"คนไทย" ที่อยู่บน"พื้นแผ่นดินไทย" ก็คงจะไม่ผิดนัก

ดังนั้น คำว่าตอบแทนแผ่นดิน ในความหมาย ที่ราวกับจะเป็นวาระแห่งชาตินั้น คงไม่ได้มีความหมายแบบกำปั้นทุบดิน อย่างแคบว่า หมายถึง การมุ่งให้คนในชาติตอบแทนแผ่นดิน ที่เป็นพื้นดิน ที่เราเหยียบ หรือเดินไป เดินมานี้ เท่านั้น แต่น่าจะหมายถึงการตอบแทนคนในชาติที่อยู่ในแผ่นดินเดียวกับเรา มากกว่า
ถามว่า ทำไมเราต้องตอบแทนคุณแผ่นดินที่เราเกิด เรามีอะไรติดค้าง หรือเป็นหนี้ บุญคุณกันอยู่หรือ?
เราควรจะตอบว่าอย่างไร หนึ่ง เราควรจะตอบว่า เพราะสุดท้ายแล้ว ชีวิตของเราที่อยู่เป็นชีวิตมาได้ มีแรงสร้างโลก สถาปัตยกรรม และนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ แต่สุดท้ายเราทุกคนก็ต้อง"กิน" หรือบริโภค อาหาร อากาศ และน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานของการมีชีวิต

และที่มาของอาหาร และน้ำ นั้นย่อมมาจากพื้นดิน อากาศที่ดี ย่อมมาจากป่าไม้
ดินจึงคือผู้ผลิตที่แท้จริง ส่วนคนเป็นแค่ส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิต ของธรรมชาติ เพราะแม้ไม่มีคน ธรรมชาติก็ผลิตของมันได้ สัตว์ป่า มันก็อยู่ได้ด้วยอาหารจากป่า ไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงอาหารจากคน

สอง เราควรตอบว่า เพราะคนเอง ปัจจุบันนี้ก็พึ่งสภาวะธรรมชาติเดิมได้น้อยลง ในขณะที่ความต้องการผลผลิต ทั้งในส่วนตัวและส่วนรวมมีมากขึ้น ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องขยายกำลังการผลิต ให้เพียงพอกับความต้องการ

ถ้าถือหลักว่า สิ่งใดที่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ชีวิต ยืนยาวอยู่ต่อไปได้ ย่อมถือได้ว่า สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าทุกๆ สิ่ง สำคัญชนิดที่ "ขาดไม่ได้"
ดังนั้น ข้าวปลา อาหาร จึงมีความสำคัญ
แน่นอนว่าสำคัญกว่าแก้วแหวน เงินทอง
ด้วยเหตุนี้เราจึงมีควรมีความกตัญญูต่อ ผู้มีพระคุณ
กตัญญูต่อ พื้นดินที่เราได้อยู่อาศัย กตัญญูต่อข้าวปลา อาหารที่หล่อเลี้ยงเรา ให้มีชีวิต
และกตัญญูต่อผู้ที่หามันมา สร้างหรือผลิตมันขึ้นมา
นั่นควรหมายรวมไปถึงผู้ผลิตที่เป็น ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน และผู้ใช้แรงงานทั้งหลายด้วย
ดังนั้น กรรมกร ชาวนา จึงมีความสำคัญไม่น้อยกว่าแผ่นดินที่เราอยู่
กระทั่งเคยมีคน ให้สมญาชาวนาว่า เป็นกระดูกสันหลังของชาติ

เมื่อกลับไปพิจารณา คำว่าเราควรตอบแทนแผ่นดิน
ถามว่าใครควรจะรับเอาข้อเรียกร้องนี้ไปพิจารณาให้มาก
ถ้าถือหลักที่ว่า ใครที่เอาจากแผ่นดินไปมาก ก็ควรจะตอบแทนให้มาก
ใครบ้างที่ควรจะต้องตระหนักในถ้อยคำเหล่านี้บ้าง
ถ้ายอมรับว่า ปัจจุบันคนรวย 10 % ครอบครองทรัพย์สิน 90 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ
ถ้าถือหลักว่า ปัจจุบันคนรวย ก็รวย "......หาย" คนจนก็ จนแทบตาย
น้ำหนักของการตอบแทนแผ่นดินเช่นนี้ควรจะไปตกอยู่ที่ใคร
และใครบ้างควรจะตอบแทนแผ่นดิน ให้สมควรกับที่เอาไปจากแผ่นดิน

สำหรับผู้เขียนเอง เมื่อนึกย้อนกลับไปสำรวจดู"พื้นที่" หรือ"แผ่นดิน"ที่ครอบครัวและตัวเอง ครอบครอง ใช้ประโยชน์ หรือสร้างผลผลิต
พบว่า มีที่ดินที่เป็นที่นา ในครอบครัวอยู่ ประมาณ 16 ไร่ ผลผลิตที่ได้ใช้บริโภคในครอบครัวและขาย นำเงินที่ได้ไปเรียนหนังสือ
พูดกันตรงๆ ที่นาผืนนี้ ช่วยสร้างชีวิต สร้างโอกาสให้กับผู้เขียน ตั้งแต่เด็กจนโต
ที่นาผืนนี้ มีบุญคุณกับผู้เขียน ผู้เขียนจึงควรแสดงความกตัญญู ตอบแทน

ในหลายปีมานี้ ยาฆ่าหญ้า ได้ทำลายหน้าดินของไทยไปมาก ช่วงปี 39-40-41 ปลาเป็นโรคไปทั่วประเทศ สัตว์น้ำหลายอย่าง สูญพันธ์ (จากการสอบถาม คนในภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ )
ปัญหานี้รวมที่นาของผู้เขียนเข้าไปด้วย
พูดให้ขำนิด ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าว่าศัตรูของพื้นแผ่นดินในความหมายของแคมเปญนี้ คือยาฆ่าหญ้า
ช่วงปี 40-45 ถ้าจำไม่ผิด คนแถวบ้านของผู้เขียนเป็นโรงตับตายเป็นใบไม้ร่วง

ดังนั้น วิธีการตอบแทนแผ่นดินของผู้เขียนก็คือ ขอทำหน้าที่เรียกร้อง ให้กระทรวงที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการนำเข้า สารเคมี ที่ทำลายหน้าดิน ทำลายห่วงโซ่อาหาร ให้เร่งศึกษา หาข้อมูล และทบทวนเรื่องนี้โดยด่วน
ส่วนที่นาของผู้เขียน ถ้ามีเวลาว่าง ผู้เขียนจะพยายามซื้อปุ๋ยคอก ไปใส่สัก 18 กระสอบ เพื่อเป็นการตอบแทนคุณ




Create Date : 26 กันยายน 2550
Last Update : 26 กันยายน 2550 8:57:36 น.
Counter : 609 Pageviews.

13 comments
  
แวะมาอ่านคับ
เคยมีคนบอกผมว่า
ถ้าเกิดผมได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ
ให้เดินไปตายใกล้ๆ โคนต้นไม้
เพราะต่อไปก็จะกลายเป็นปุ๋ย
และถือว่าได้ "ทำประโยขน์ให้แผ่นดิน" จริงๆ ซะที
โดย: เก่งกว่าผมตายไปหมดแล้ว วันที่: 26 กันยายน 2550 เวลา:10:28:06 น.
  
โดย: โสมรัศมี วันที่: 26 กันยายน 2550 เวลา:22:45:25 น.
  
ขอบคุณความเห็นที่ 1 และ 2 ครับ

ความเห็นที่ 1 ..ทุกคนมีโอกาสตอบแทน แบบนั้น ครับ
โดย: เนื่อง มาจากเหตุ วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:13:30:11 น.
  


สวัสดีครับ

เห็นด้วยครับ เกี่ยวกับสารเคมี ต่าง ๆ แต่อย่างว่าแหละครับ เรียกร้อง ก้ได้แค่เรียกร้อง...
เค้าคงไม่รับฟังหรอก เพราะผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ เขามีผลประโยชน์อยู่

จากบล็อก.... ผมไม่เคยอ่าน บทกวีของ คาลิล ยิบราน และ ไม่รู้จัก คาลิล ยิบราน นะครับ

แต่ พระพุทธองค์ ทรงเปรียบมนุษย์เป็นเสมือนดอกบัวสี่เหล่า.... แสงอาทิตย์ ก็ไม่เคยสาดส่องถึงใต้โคลนตม นะครับ....

มีความสุข รักษาสุขภาพ ครับ
........................


โดย: เซียน_กีตาร์ วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:14:33:07 น.
  

ฟังชื่อว่า เซียนกีตาร์... ทำให้นึกหน้าคนเขียนตอบ ออกไปใน แนวประมา... อิงวี่.. โจ แซทริอานี่... พอล กิลเบิร์ต... สตีฟ ไว.. รุ่นลายคราม
หรือรุ่นหลัง ไฟแลบ อย่างดราก้อน ฟอส -Herman lee
ไม่แน่ใจว่า เซียน กีตาร์ อยู่ Generation ไหน?

เสียดายผู้เขียนอยู่ในยุคของ ก่อนลายครามเสียอีก
นั่นคือยุคของ
rock bottom ..UFO และ ไมเคิล เชิงเกอร์
และเทพฯแห่งการปั่น ริชชี่ แบล็คมอร์ แห่ง Highway stars

แต่ถ้าถือว่า โน๊ตยุคไหนก็มีแค่แปดตัว
ก็ไม่ยากที่จะคุยกันให้รู้เรื่อง
เพราะว่า วิธีการเล่น เท่าที่โลกนี้รู้จัก ก็มีไม่กี่อย่าง
เช่น picking ,Sweeping
เช่น hammer on , pull off
เหล่านี้ เป็นต้น

ยินดีที่เข้ามาทักทาย หลังจากการทายทัก
ไม่แปลกหรอก ถ้าใครจะไม่รู้จัก คาลิล ยิบราน
กฤษณะ มูรติ , ติช นัท ฮัน
แต่ถ้าพบเจอที่ไหน ไม่อยากให้พลาด
สัจธรรมนั้นเป็นของกลาง ใครพูด ก็กลายเป็นเรื่องเดียวกันไปจนได้
สำหรับเรื่อง สารเคมี.. ไม่ฟังก็ช่างเขาเถอะ เพราะ ไม่เชื่อว่าเขาจะได้ยินอยู่แล้ว

จริงอยู่โลกนี้มีคนน่ารัก และน่าชัง
มีคนโง่และ คนฉลาด
มีคนโลภ และคนมักน้อย
พระพุทธเจ้าประจักษ์ความจริงของโลก
แต่ก็ไม่ได้เลือกที่รัก มักที่ชัง ในความจริง
นโยบายของพระองค์ ไม่ได้เลือกที่จะสอนใคร และไม่สอนใคร เป็นพิเศษ
แต่สอนทุกๆ คน ทั้งมิตร และศัตรู
สอนทั้งคนโง่และคนฉลาด
และภาษาที่จะสอน ก็อาจปรับไปตามกลุ่มคนที่จะฟัง
โดย: เนื่อง มาจากเหตุ วันที่: 28 กันยายน 2550 เวลา:15:57:17 น.
  
ความเห็นที่ 5 ด้านบน ชอบกลๆ กางนิ้วออกมานับดูแล้ว นับโน๊ตได้เพียง 7 ตัว คือ โด เร มี ฟา ซอล ลา ที แล้วตัวที่แปดมาจากไหน
งานนี้ สมองคงขึ้นสนิม แล้วจริงๆ เหลือบไปดูกีตาร์ สายกีตาร์ก็ขึ้นสนิมไป ด้วย
เจ็ดวันว่างเว้นซ้อมดนตรี จริงๆ

งานนี้ ทำให้อายอย่างแรง!
และต้องขออภัย..
โดย: เนื่อง มาจากเหตุ วันที่: 28 กันยายน 2550 เวลา:18:34:49 น.
  
ตอนนี้เขาว่ากันว่า เกษตรกรเริ่มหันมาใช้ ปุ๋ยที่มาจากกากชา และจะต้องมาจากประเทศจีนโน่นแน่ะฮับ ชาวนา ชาวไร่ บ้านเราเดี๋ยวนี้อัพเดทขึ้นฮับผม

ชื่อ วาน จอง ซุบ (ไก่ เจี๊ยโป๊ว) 555 ดีมั่ก ๆ ฮับ
โดย: drunkcat วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:11:48:56 น.
  
สวัสดีครับคุณเนื่อง มาจากเหตุ...
ผมชอบเรื่องของแผ่นดิน ของคุณน่ะ
เพราะสมัยผมเป็นเด็กคุณเชื่อไหมผมเคยทานน้ำที่มันไหลระหว่างคันนา
แต่หลังจากนั้นประมาณ 10 ปี ความบริสุทธิ์ของท้องนาเหล่านี้หายไปหมดพร้อมกับ...
ความโอบอ้อมอารี น้ำจิตน้ำใจที่คนชนบทมีให้กัน
ซึ่งเหล่านี้ผมคิดว่าเกิดจากความไม่จริงใจในการแก้ปัญหาของภาครัฐ..ปากว่าตาขยิบ
ผมยังเชื่อเสมอว่ามี 2 สิ่งที่ทำให้ชาวนาสามารถสู้กับอภิชนในสังคมได้คือ ศาสนา และการศึกษา
....2 สิ่งนี้ ทำให้เราเอาชนะชนชั้นสูงที่ คอยกำหนดบทบาทในสังคมไทยได้และ
ผมไม่ประหลาดใจเลยทำไม 2 สิ่งนี้ถูกทำให้ขาดการพัฒนาตลอดเวลา.......(คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้)
และประชาธิปไตย ไม่ได้วัดกันที่การเลือกตั้งหรือรัฐธรรมนูญ......แต่วัดกันว่าเขากระทำการแต่ล่ะอย่างน่ะเพื่อใคร....ทำเพื่อประชาชนคนส่วนมาก..หรือทำเพื่อตามล่าคนคนเดียวหรือแค่กลุ่มของตน...
...ปล.คุณฟังจากคนอื่นแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาจริงใจ และรู้จริง การเรียนรู้ต้อง รู้ให้เท่า...ตามให้ทัน
และผมไม่ใช่ครูหรอกครับแค่คิดว่าสักวันอยากจะชี้ทางที่ดีให้เด็กเดินและสร้างสังคมชนบทที่มีน้ำใจ โอบอ้อมอารี สังคมที่คนช่วยเหลือกันด้วยน้ำใจ ให้มันยังคงอยู่ให้ลูกหลานได้ดูบ้างน่ะครับ
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยม ผมก็เหมือนคุณเลว บ้าง ดีบ้าง บางครั้งก็สับสนกับสังคม..
แต่ผมก็รักบ้านรักเมืองของผม....เมืองไทยของเราน่ะครับ..
โดย: ปุญญพัฒน์ (ใจบุญ ) วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:14:26:49 น.
  

ขอบคุณ drunkcat และ ใจบุญ ที่แวะมาเยี่ยม และ comment ครับ

ปุ๋ยจากใบชาถ้ามาจากเมืองจีน ไม่รู้ว่าถูกแพงยังไงบ้าง แต่ถ้าเป็นปุ๋ยชีวภาพ ก็น่าจะโอเค.
สำคัญที่สุด ต้องบังคับให้เลิกปุ๋ยเคมี ให้ได้ จะดีที่สุด

ผมกลับต่างจังหวัด บางทีไม่กล้าลงสระน้ำ ที่เคยลงไปลอยคอ ตอนเด็กๆ
และน้ำในสระ ก็จะเย็นชื่นใจ ทำให้ความรู้สึกตัวกลับคืนมา
ผมว่าบำบัดโรคได้ด้วยนะครับ
โดย: เนื่อง มาจากเหตุ วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:15:46:34 น.
  
ขอบคุณครับ
โดย: Darksingha วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:13:58:00 น.
  
ราตรีสวัสดิ์ครับ



ก่อนนอนคืนนี้.........ก่อนจะหลับผันดีนะครับ




...............................ฯลฯ....................................



วันนี้เป็นวันปิยมหาราชอีกแล้ว


ตันส่วงอู๋.....พระเอกในเรื่องจดหมายจากเมืองไทยของโบตั๋นถามว่า...."ในหลวงรัชกาลที่ห้าทรงงานหนักมากจึงทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง.....แต่ทำไมวันปิยมหาราช.....คนไทยจึงหยุดงาน.....ทำไมไม่ทำงานหนักให้เหมือนในหลวงรัชกาลที่ห้า"





?????????????????!!!!!!!!!!!!!!!???????????????
โดย: ม้าห้อ....มอห้า (cm-2500 ) วันที่: 23 ตุลาคม 2550 เวลา:1:29:47 น.
  

ขอบคุณ cm-2500

อย่างว่า เรามีเรื่องที่ต้องขอบคุณมากมายต่อโลกใบนี้
แน่นอน เรามีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
และเราต้องขอบคุณ เทือกเขา และแม่น้ำ
ที่กั้นเราออกจากอริราชศัตรู โดยธรรมชาติ ไปพร้อมกัน
เราต้องขอบคูณ เอดิสันที่ประดิษฐ์หลอดไฟ ให้เราใช้ทั้ง
วันทำงานและวันหยุดราชการ
เราต้องขอบคุณ โลกและดวงอาทิตย์ที่ให้ที่อยู่ และแสง
สว่างแก่เรา
สุดท้าย เราอย่าลืมขอบคุณราษฎรทั้งหลาย ที่ทำให้ ผู้มี
อำนาจได้ มีเวที่ใช้อำนาจ

มาบ่อยๆนะครับ
โดย: null (เนื่อง มาจากเหตุ ) วันที่: 23 ตุลาคม 2550 เวลา:3:52:58 น.
  
emoemoemoemo
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนกันเน้อ สู้ต่อไปจ้า
โดย: หอมกร วันที่: 26 ตุลาคม 2550 เวลา:16:50:19 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เนื่อง มาจากเหตุ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]