เยี่ยมแดนพุทธ..ศรีลังกา
สวัสดีอีกครั้งนะครับ มีโอกาสไปศรีลังกาพร้อมกับเพื่อนคนไทยและไต้หวัน รวม 3 คน เราไปกันเมื่อวันแรงงานที่ผ่านมาเองครับ กรรมกรทั้งสามจะพาไปเที่ยวนะครับ สนามบินสุวรรณภูมิ ดึกแล้วครับ ประมาณ 3 ทุ่ม หลังจากผ่าน ตม.ก็มีรถสามล้อมาอวดโฉมและก็มีกองทราย น่าจะเป็นควันหลงสงกรานต์มั้งสู่โคลอมโบ คาเธ่ย์แปซิฟิก CX703 บินมาจากฮ่องกงเลย ถึงโคลอมโบเที่ยงคืนกว่าแน่ะ ข้างๆ คือเจ้าจำปีนั่นเอง อาหารมื้อดึก แต่ก็หมดนะ ถึงแล้วจ้า ขอบคุณที่มาส่ง เฮ้อ ง่วงมากๆยามเช้าที่ศรีลังกา อากาศดีครับ ถ่ายจากหน้าต่างห้องอีกรูป.. จากดาดฟ้าดูเคเบิ้ลทีวี ผมชอบเรื่องนี้นะ สยองดีhref="//www.bloggang.com/data/naideontang/picture/1211814027.jpg" target=_blank>อาหารเช้ามื้อแรก แกงถั่ว นานแบบหนาๆ ลาบแขก(ผมคิดเองนะ อร่อยมากจานนี้ สีส้มๆ ข้างซ้าย)สถานที่แรกที่ไปเที่ยวคือ สวนมหาเทวี มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่เป็นสัญลักษณ์ดอกไม้บูชาสวยแปลกตาดีมองไปตรงข้ามจะเป็นรัฐสภาศรีลังกาถ่ายแนวตรงบ้างหลังจากเดินกันสักพัก ผมและเพื่อนๆ ก็เดินออกมาจากสวน เพื่อจะไปที่มัสยิดกลางในโคลอมโบ (จำชื่อไม่ได้ครับ) ข้างกำแพงมีภาพสวยจากศิลปินสมัครเล่น (มั้ง) แขวนอยู่เยอะแยะเลยแต่พวกเราเหมือนจะหลงทางเพราะจำชื่อถนนไม่ได้ เลยมีน้องชาวศรีลังกามาช่วยเหลือเลยถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก(คนซ้ายสุดนะ)เดินผ่าน national museum ด้วยแต่วันนี้ปิด เลยอดดู หิวน้ำมาก เลยแวะร้านขายของ เจอป้ายโฆษณาสีสดใสดีแล้วเราก็นั่งรถตุ๊กๆ มาถึงจนได้ครับ มาสำรวจอีกที สามารถเดินทะลุถึงกันได้จากสวนมหาเทวีเลย ประมาณ 1.5 กิโล น่าเจ็บใจไม่น่าเสียค่ารถเลยชักรูปหน้ามัสยิดเป็นที่ระลึกในมัสยิดห้ามถ่ายรูปครับ เลยถ่ายคุณลุงที่นั่งขอบริจาคอยู่หน้าวัดแทนเราเดินกลับมาฝั่งตรงข้าม มีตลาดขายผลไม้อยู่ ดูแปลกตาดีสวยไหมครับ มะพร้าวที่นี่ แต่น้ำไม่ค่อยหวานเท่าบ้านเรามองจากฝั่งตลาดไป จะเห็นรัฐสภา,มัสยิดกับหอนาฬิกา ใกล้ๆกันเลยอีกด้านนึงเป็นโรงพยาบาลครับ ตึกสวยดีนะแล้วพวกเราก็เดินกลับมาเรียกรถครับ นี่ไงครับรถตุ๊กๆที่ผมพูดถึง น่านั่งไหม ยังไม่ได้นั่งรถเลย เจอคุณลุงนั่งแกะอะไรอยู่ไม่รู้ เลยขอถ่ายรูปหน่อยเราไปกันที่วัดพุทธแห่งแรกในโคลอมโบครับ วัดทีปพุทธรามายราม (ถ้าอ่านผิดขออภัยนะครับ ออกเสียงยากจริงๆ) มีความเกี่ยวข้องกับคนไทยมากครับเจดีย์วัด สวยไหมครับพระพุทธรูปกลางแจ้งครับพระพุทธรูปเหมือนพระพุทธชินราชมากที่ว่าเกี่ยวข้องกับคนไทยมากคือ พระราชวงศ์ของไทยได้มาเยี่ยมและบูรณะวัดนี้ ดังที่จะกล่าวนี้หอพระที่นี่บูรณะโดยเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์เมื่อปี 1999และต้นไม้สองต้นนี้ ปลูกโดยกษัตริย์ไทย 2 พระองค์ ต้นแรกคือรัชกาลที่ 8เมื่อปี 1939ต้นที่สองโดยรัชกาลที่ 9 ปี 1950 แล้วเราก็ไปทัวร์อีกวัดหนึ่งครับ จำชื่อไม่ได้อีกแล้ว เขาวางพระพุทธรูปเรียงเป็นชั้นๆ เหมือนบุโรพุทโธ เลยพระพุทธรูปหยกขาว สิ่งล้ำค่าภายในวัดแห่งนี้บริเวณหน้าวัดครับจากนั้นเราก็ไปเที่ยวย่านช้อปปิ้งกัน ไม่ค่อยมีอะไร มีแต่ผ้าเป็นส่วนใหญ่ คนพลุกพล่านมากๆมัสยิดสวยๆ ในย่านนั้นได้เวลาอาหารกลางวัน ฟาสต์ฟู้ดส์แบบแขก อร่อยมากครับ ไม่แพงด้วยอิ่มแล้วก็เดินทางต่อ เราไปที่ fort railways station เพื่อจะถามข้อมูลเรื่องการไปสิริกิริยา ซึ่งเป็น theme ในการมาศรีลังกาครั้งนี้ ด้านหน้าสถานีครับด้านหน้าจะมีตู้บริจาคเป็นพระพุทธรูปอยู่ในตู้ครับหลังจากได้ข้อมูลแล้วว่าเราคงต้องเหมารถและทัวร์แบบ 2 วัน 1 คืนแทน เพราะเวลาเราน้อยมาก ทำให้ไปได้แค่สิริกิริยา และแคนดี เท่านั้น ตรงนี้เป็นสภาพตลาดนัดตรงข้ามสถานีรถไฟครับหน้าวัดที่ทีปพุทธฯ (ลืมใส่) เจดีย์สีขาวใหญ่มากจากนั้นเราไปเที่ยวที่ชายทะเล ซึ่งจะต้องผ่านเขตทหารด้วย ในโคลอมโบ จะมีป้อมทหารอยู่เป็นระยะๆ ดูไปก็น่ากลัวเหมือนกัน //www.bloggang.com/data/naideontang/picture/1213195740.jpg width='450' height='337' border=0>ผู้คนรอรถไฟกลับบ้านและแล้วเราก็มาถึงทะเลซะที บริเวณนี้เรียก galle face ครับ มีลวดหนามกั้นด้วย ดูแปลกๆมีคณะพระสงฆ์จากไทย ไปถ่ายรูปด้วยอร่อยไหมจ๊ะ? galle face ยามค่ำคืนวันรุ่งขึ้นคณะเรา 3 คนและไกด์เป็นทั้งสารถีด้วย ก็มารับเราแต่เช้าเพื่อไปที่สิริกิริยา ซึ่งไกลจากโคลอมโบ ประมาณ 100 กิโลฯ นี่เป็นเส้นทางที่เราผ่าน ทุ่งนาและภูเขา ดูแล้วสดชื่นๆๆไกด์พาเราแวะดื่มกาแฟระหว่างทาง มีหลายร้านมากๆ เป็นชาวบ้านที่เขาปลูกกาแฟ แล้วมาคั่วกันสดๆ ขายริมถนนเลย กลิ่นกาแฟหอมมากๆครับ หน้าตากาแฟครับ กินแล้วตาสว่างเลย เข้มมากๆเมื่อเราถึงเมืองสิริกิริยาแล้ว ไกด์ก้พาไปพักผ่อนก่อน ที่รีสอร์ทน่ารักแห่งหนึ่ง ตอนกลางคืนมีงานบุญแถวๆโรงแรม ได้ยินเสียงพระสวดด้วย ดีจริงๆ บริเวณที่พักบริเวณล็อบบี้แบบ open-airหลังจากพักเหนื่อยกัน ก็ได้เวลาไปเขาสิริกิริยาเสียที อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก ถ่ายตรงหน้าสำนักงานขายตั๋วเข้าชมขอไม่อธิบายความเป็นมามากนะครับ สิริกิริยาเป็นเขาที่สร้างเป็นพระตำหนักของกษัตริย์ศรีลังกาในสมัยหนึ่ง ซึ่งถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งหนึ่งของโลก เพราะเป็นเขาที่สลักเสลาจากมือมนุษย์ ชาวคณะถ่ายรูปหน้าทางเข้า เป็นคลองขุดรอบๆ พระตำหนักที่ไกด์ท้องถิ่นบอกว่ามีจระเข้ด้วย อำหรือเปล่าไม่รู้บริเวณโดยรอบเคยเป็นน้ำพุและที่สรงสนานของกษัตริย์และนางสนมที่มีนับพัน ด้านซ้ายและขวา อิจฉาว้อยเริ่มเดินขึ้นมาแล้ว เป็นการเดินขึ้นและข้ามเขาทั้งลูกเลยนะเนี่ย เดินมาสักพัก ก็ถ่ายรูปกันอีก หน้าตายังสดใสอยู่นะจ๊ะหนทางอีกยาวไกลขึ้นไปสักพัก จะสามารถมองเห็นไกลๆได้ ที่เห็นเป็นโบราณสถานแห่งหนึ่ง มีพระพุทธรูปกลางแจ้งปางลีลามั้งดูบันไดสิ เพื่อนผู้หญิงของผมร้องโวยวายไม่ยอมขึ้น จะลงท่าเดียว เลยต้องหลอกว่าถ้าไม่ขึ้น จะลงไปทางเดิมไม่ได้แล้ว ตรงนี้เป็นลานประกอบพิธีบูชานะครับขึ้นมาเกือบสูงสุดแล้ว บริเวณนี้เป็นทางขึ้นพระตำหนักครับ ช่างสลักก้อนหินเป็นรูปราชสีห์ ซึ่งตอนนี้เหลือบริเวณเท้าสองข้างเท่านั้น เห็นขนาดแล้วก็เดาไม่ออกว่า เมื่อก่อนตอนเต็มๆ ตัวจะใหญ่โตขนาดไหนในที่สุดเราก็ขึ้นมาจนถึงห้องบรรทมจนได้ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเลยครับ ไกด์บอกว่าข้างหน้าเป็นทิศของเมืองโคลอมโบถ่ายรูปเป็นสักขีพยานกันหน่อยขอลองนอนบนนี้หน่อยนะครับ เป็นบุญหัวรูปนี้เป็นภาพเขียนของช่างสมัยนั้น บรรยายถึงนางสนมของกษัตริย์ จริงๆ มีหลายรูปมาก แต่ลงแค่นี้เพราะอยากให้เห็นด้วยตาตนเองบริเวณนี้เคยเป็นสระสรงน้ำของนางสนมดูผนังหินตรงนี้(ที่เป็นสีขาว) เคยมีภาพเขียนอยู่ แต่มีมือดีมาลอกสกัดเอาภาพออกไป เสียดายนะครับจากนั้น เราก็ไปสปากัน เพื่อคลายเครียดจากการเดินข้ามเขามา ผมไม่ได้ถ่ายรูปมานะครับ เพราะต้องถอดเสื้อผ้าไว้ข้างนอก วันรุ่งขึ้น เราก็เดินทางไปเมืองแคนดี้ เพื่อไปไหว้พระเขี้ยวแก้ว ชุมชนทางระหว่างเมือง ตัวเมืองแคนดี้ ร้านขายของหน้าวัดทะเลสาบครับ สวยสงบดีเนอะวัดพระเขี้ยวแก้วครับ ค่าเข้าสำหรับคนต่างชาติคือ 500 รูปีศรีลังกา เสียดาย จนท.ไม่ให้ถ่ายรูปด้านในเด็ดขาด บริเวณทางเข้า ต้องเดินเท้าเปล่ากลางแดด เพราะเขาให้ถอดรองเท้าตั้งแต่หน้าประตูเลย เป็นผู้ดีตีนแดงจริงๆดอกไม้สำหรับบูชาครับผู้คนเดินแถวเข้าวัด ดูสีหน้าเขาตั้งใจมากจนเครียดเลยเนาะหลังจากไหว้พระแล้วก็ออกมาเดินรอบๆทะเลสาบ พบฝูงลิงอยู่มากรอบๆ เลยครับ ดูคู่นี้สิ ทำอะไรอยู่?แล้วเราก็เดินทางต่อกลับโคลอมโบ ระหว่างทางต้องวิ่งวนไปมาบนเขาหลายรอบครับ ไกด์หยุดให้ชมบริเวณนี้ เรียกว่า Bible Rock เมื่อถึงโคลอมโบ เราก้พักผ่อนกันที่โรงแรมเก็บข้าวของสักพัก ก็ไปเดินเล่นในเมืองต่อตอนเย็นๆ ตอนยืนติดไฟแดงตรงสี่แยก มีคุณลุงเล่นฉิ่งฉาบหยอกล้อกับรถที่ติดอยู่ น่าสนุกนะครับเราสัมผัสบรรยากาศรถเมล์กัน ไปห้างmajestic เป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดย่านนั้น แล้วเราก็ส่งท้ายกันเต็มคราบกับ โรตี,แกงปลากับแกงมังสวิรัติ 2-3 อย่าง อร่อยมากๆครับ ไม่ได้โม้ จากนั้น เราก็กลับไปเอาของและนั่งรถไปสนามบินบันดาราไนยเก เตรียมเช็คอินครับ ไฟลท์ของ CATHAY ดึกมากเกือบตีสอง ถึงกรุงเทพหกโมงเช้าผ่านตม.มาแล้ว มีของสวยๆ ให้ดูเป็นหัตถกรรมพื้นเมืองของศรีลังกา หน้ากากแบบต่างๆ ก่อนกลับขอพรกัน ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ กระผมขอจบรีวิวเพียงเท่านี้นะครับ บ๊าย บาย
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
อยากได้เที่ยวแบบนี้จังเลย