อาร์ตแฟร์
เจ็บใจ๊ เจ็บใจ มะวานนี้ โดนมือดี ฉกถังขยะไป เดาว่าต้องเป็นข้างบ้านแน่ๆ พอแม่ไปออกกำลัง เลยโทรกลับมาสั่งพ่อให้ไปเคาะประตูทวง ผลปรากฏว่า พ่อลมเสียสุดๆ แบบประมาณให้ทำเรื่องน่าอายนี่ ต้องยัยเมียเท่านั้น เซ็งๆๆๆ ดูสิ กว่าแม่จะออกมา อุตส่าห์จัดการทุกอย่างเรียบร้อย ข้าวปลามีให้สวาปามกันเต็มที่ ขอใช้แค่นี้ ก็ไม่ได้ แถม นู๋ฉวยโอกาสไม่กินมื้อเย็น ก็ไม่มีใครรู้เรื่อง ทั้งพ่อทั้งพี่โทโมเอะ เฮ้อ
วันรุ่งขึ้น พ่อกะแก้ตัว พยายามครีเอท แฟมิลี่เดย์ ที่พ่อมีแรงบันดาลใจ คงเพราะพี่มากิเอะ กะพี่ลินดาแวะมาละมั้ง เลยขยันขันแข็ง พวกเราเลยได้ไปอาร์ตแฟร์ ที่เบลล์วิว แม่เสนอให้จอดรถที่ร้านที่แม่ทำงานอยู่ พ่อก็ทำตัวงี่เง่าเล็กน้อย แต่พอไปจอดแล้ว ก็หยุดบ่น เพราะหลังร้านนั้น เป็นต้นทางของงานแฟร์พอดี๊พอดี เนียะ ไม่เคยไว้ใจสิ่งที่เมียบอก
นู๋ไม่ค่อยเอ็นจอยกับงานนัก โชคดีมีพี่ลินดา กะพี่มากิเอะ ไว้ช่วยสร้างความบันเทิงให้นู๋
บรรยากาศในงาน แดดดีเสียด้วย
พ่อซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ให้ทุกคน รวมทั้งแม่ด้วย ของแม่พ่อซื้อเป็น กระดูกวัว สลักเป็นรูปน้ำ เหมือนของคีทาร่าเลยแหละ 55 จริงๆ แม่ไม่ค่อยชอบหรอก มันอาร์ตเกินไป แม่อยากได้เพชรหน่ะ
ที่พ่อซื้อของให้ คงเพราะความดีข้างในตัวส่วนหนึ่ง (มั้ง) กะอีกส่วน คือ จะได้มีข้อแก้ตัว ใช้ตังค์เยอะๆ ซื้อภาพเขียนในงาน ตอนพ่อซื้อ แม่รีบเดินหนีห่าง เพราะทนรับฟังราคาไม่ได้
ก็คงทนไม่ได้จริงๆ จู่ๆ ก็รู้สึกหวิวๆ หน้ามืด เลยต้องขอถอนตัว พานู๋ไปกินไอติมที่บริสเบอร์รี่ หวิวจริงๆ น๊า ไม่ได้หาข้ออ้างกินติม 55
ประกาศ บริสเบอร์รี่ เริ่มไหวตัว ไม่เอาถ้วยแซมเปิ้ล สำหรับตักชิมไอติมวางให้ลูกค้าหยิบเองแล้ว จะมีคุณนายคนหนึ่ง คอยถือถ้วยไว้ที่ต้นแถว ประมาณว่า ใครอยากชิม ก็ต้องใจกล้าเดินเข้าไปขอ
แม่กะนู๋ขัดใจกันนิดหน่อยตอนโรยท้อปปิ้ง เพราะนู๋เล่นจะโรย กัมมี่แบร์ เอ็มแอนด์เอ็ม อธิบายยังไงก็ไม่ฟัง ของพวกนี้ ซื้อกินเองถูกกว่า ซื้อที่นี่ ชั่งตามน้ำหนักนะลูกเอ๊ย แถม ไม่มีบับเบิ้ลแสนอร่อยอีกตะหาก เลยโรยโมจิแทน โมจิอร่อยมาก แย่เลย ตัวอ้วนนะเนียะ
กำลังจะนั่งกิน กลุ่มคุณพ่อก็ตามมาทัน เร่งใหญ่ ให้ไปกินกลางวัน ที่ร้าน เพราะคุณพ่อจะพาพี่มากิเอะไปซื้อไม้มาทำเครื่องดนตรีที่เห็นในงาน เป็นเครื่องดนตรีที่แปลกมาก ไม่เคยเห็นมาก่อน ลักษณะเหมือนหีบ ด้านบนเป็นลายร่อง พอใช้ไม้ตีกลองตีลงไป ณ จุดต่างๆ ก็มีเสียงเพลงทุ้มๆ ออกมา เพราะมากด้วย
ตอนไปกินข้าวที่ร้านนั้น จะมีใครรู้ไหมน๊า ว่า คุณแม่แทบไม่ได้กินเลย อย่างแรกเลย คือ เกรงใจเพื่อนๆ ในร้าน แม่เลยช่วยหยิบจับโน่นนี่เสียเอง ต่อมา ต้องแก้ปัญหา ที่นู๋ไม่ยอมกินกับข้าวที่สั่ง งี้แล คนเป็นแม่ ห่วงไปหมด แม่คอยตักอาหารให้ทุกคน คอยดูว่า ใครยังไม่ได้ชิมจานไหน คอยเก็บถ้วยชามที่มันล้นโต๊ะอีก แถมเพื่อนของพี่มากิเอะทำแก้วน้ำหก แม่ต้องวิ่งไปคว้าม็อบมา พ่อนู๋ก็ช่วยดีมั่กๆ จังหวะที่แม่จะเคลียร์พื้นที่เพื่อลงอาหาร พ่อก็วางแว่นเกะกะ สองครั้ง ๆ ที่สองก็มาหงุดหงิดใส่แม่ โธ่เอ๊ย ไม่สงสารเวทเลย หม้อต้มยำอ่ะ มันหนักนะเฟ้ย
รู้สึกเนื้อหาเกี่ยวกับอาร์ตแฟร์ จะไม่มีเลย แง๊ว เป็นการตั้งหัวข้อบล็อกแย่มั่กๆ น่าจะเปลี่ยนเป็น
สุขบ้าง ทุกข์บ้าง มันก็ครอบครัวฉัน ทำไงได้ละ
กะว่า พรุ่งนี้ จะพานู๋ไปแฟร์อีก แก้ตัวใหม่เน๊อะ
Create Date : 31 กรกฎาคม 2554 |
|
2 comments |
Last Update : 31 กรกฎาคม 2554 12:00:01 น. |
Counter : 1016 Pageviews. |
|
|
|
ม่ะเป็นไรจำได้ๆ
เวลาที่อ๋อยอยากกินอาหารจีน เป็ดกะแพนเค้กอร่อยๆต้องไปกินที่ร้านที่ทำงานอยู่ค่ะ เพราะอร่อยมากได้มิชลินสตาร์ด้วยนะ และที่สำคัญได้ลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ไปกินทีไรก็จะบอกตัวเองว่าไม่อยากมากินอีกละเพราะว่าเกรงใจเพื่อนร่วมงาน เค้าก็อยากคุยกะเรา เราก็อยากคุยกะเค้า จะนั่งนานก็เกรงใจผู้จัดการ ตอนกลับก้ต้องรบกะเพื่อนร่วมงานที่จะไม่ยอมเอาทิปเราอีก (เม้นท์นี้ก็ไม่เกี่ยวกะงานอาร์ตอีก ฮ่าๆ)
พี่มากิเอะยิ่งโตยิ่งสวยนะคะ ส่วนนู่มรรคยิ่งเหมือนคุณพ่อแต่เป็นเวอร์ชั่นหน้าตาดีกว่า แหะๆ ขอโทษนะคะ
โรงเรียนที่ใหม่ของนู๋มรรคก็ฟังดูเข้าท่านะคะ ไม่ต้องเสียเงินก็ดีค่ะ จะได้ไปอัพเกรดอย่างอื่น หรือเก็บเป็นทุนเรียนต่อ ที่อังกฤษว่าแพงแล้ว ที่อเมริกาโหดกว่าเยอะ
อ๋อยเขียนบล๊อคใหม่แล้วค่ะ แต่ตอนนี้เนื้อหายัง rude อยู่มาก เด๋วรอให้ได้กล้องมาก่อนพอเริ่มทำอาหารใหม่แล้วจะชวนไปเยี่ยมค่ะ
อ๋อยได้งานทำใหม่แล้วนะคะ เป็นงานฟรีแลนซ์ทำแค่สองเดือน แล้วค่อยว่ากันต่อว่าจะกลับไปทำร้านอาหารอีกหรือว่าจะหางานใหม่ เพราะว่าพึ่งจะเสียเงินค่างานแต่ง ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า แบบว่าไม่กล้าตกงานนะคะ ฮ่าๆ