Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
7 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
คนข้างใจกับผู้ชายข้างตัว ...3

- 3 -

         ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
         “เชิญครับ”   
         เสียงอนุญาตดังลอดออกมาจากห้องตรวจโรค  หญิงสาวในชุดเขียวเสื้อคลุมขาวหมุนลูกบิดผลักประตูเข้าไปตามเสียง
          “จ๊ะเอ๋...แม่ให้เอานี่มาฝาก”  ณัฐรดายื่นถุงกระดาษไปวางตรงหน้าเจ้าของเสียงก่อนจะเดินไปยืนกอดอก หลังพิงที่เตียงตรวจโรค
         “มิวนี่เอง...นึกว่ามีคนไข้  แล้วนี่อะไรน่ะ?”  หมอหนุ่มหยิบถุงกระดาษที่วางอยู่เบื้องหน้าตน
         “สำหรับนายก็มีแต่ของกินแหละ  จะเป็นอย่างอื่นได้ยังไง”
         ฮ่า  ฮ่า  ฮ่า  “รู้ทัน   เออ...ธีร์เจอพี่กันย์นะ  มิวเจอรึยัง?”
         “เจอกันแล้ว...วันนี้...และก็จะมาชวนด้วยแหละ” เสียงตอบแผ่วลงเล็กน้อยก่อนจะปรับให้เป็นปกติได้
         “ชวนใคร?  ไปไหน?  ทำอะไร?”   
         “พี่นัทธ์กับพี่กะ...เอ่อ...เขา  นัดกินข้าวกัน  พี่นัทธ์เก๊าะเลยให้มาชวนธีร์ด้วย”
         “เป็นไงมั่ง?” หมอหนุ่มหน้าตี๋พยักหน้ามาที่คนที่ยืนพิงอยู่ที่เตียงตรวจ
         “อะไร?” พยาบาลสาวทำหน้างงกับคำถามของเพื่อน
         “เจอพี่กันย์แล้วเป็นไงมั่ง?”
          “ไม่มีอะไร...ปกติดี” คำตอบ ‘ไม่มีอะไร’ แต่หญิงสาวก้มหน้า เท้าข้างหนึ่งเขี่ยไปมาบนพื้น
         “แน่ใจ?” เสียงถามกลับสูงขึ้นอย่างคนที่ไม่แน่ใจว่าคำตอบที่เพื่อนตอบมาคือคำตอบที่ถูกต้อง
         “เอ๊ะ...แล้วธีร์จะให้เป็นยังไงล่ะ  จะให้เราร้องห่มร้องไห้  เสียใจ  กลัว  อาย...หรือว่าธีร์ต้องการให้เราเป็นแบบไหน?” น้ำเสียงสูง  สายตาขุ่นจ้องหน้าเพื่อนอย่างต้องการเอาเรื่อง
          “เออ...เออ  พอแล้ว ๆ  ไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไร” หมอเพื่อนรักโบกมือก่อนจะยุติการซักเพื่อนสาวลง
         “แล้วที่ชวนเนี่ยไปวันไหน  ต้องดูก่อนนะว่าติดเวรหรือเปล่า”
         “วันเสาร์ ช่วงบ่าย ๆ เพราะเราต้องกลับมาขึ้นเวรดึก”
         “อืม...ถ้างั้นได้  วันเสาร์เวรเช้า   ร้านไหน?”
         “เดี๋ยวพี่นัทธ์โทรมาบอกอีกที”
          ก๊อก...ก๊อก  เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่ผู้ช่วยพยาบาลหน้าห้องตรวจจะผลักประตูเข้ามา
          “ขอโทษนะคะคุณหมอ  น้องมิว...หมอคะมีคนไข้ค่ะ”  ผู้ช่วยแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนจะหันไปยิ้มให้หญิงสาวที่ตนเองสนิทสนมด้วยอีกคนเพราะพยาบาลสาวกับหมอธีระสิทธ์เป็นเพื่อนสนิทที่ทุกคนในโรงพยาบาลรู้จักดี
         “อืม...รอเดี๋ยวนะคุณตุ๊ก”   
          “อย่าให้พี่ตุ๊กคอยเลยนะธีร์  หมดธุระแล้ว  เราไปนะ...อย่าลืมกินให้หมดล่ะ  เดี๋ยวแม่รู้แม่จะเสียใจที่ลูกชายคนโปรดกินไม่หมด”
         “ฝากบอกแม่ว่า  แม่จะไม่มีวันเสียใจ...ของโปรดมีรึจะให้รอดไปได้”
         “เราก็ว่างั้น  ของกินเป็นศัตรูกับธีร์เสมอ  ต้องกำจัดให้สิ้นซาก...” ณัฐรดาแซวเพื่อนก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้อง
        “โอเค...เจอกันเย็นนี้ที่อีอาร์1นะ”  แพทย์ธีระสิทธิ์พูดไล่หลังก่อนที่ร่างบางจะพ้นประตูออกไป

           วิ๊ว  วิ๊ว  วิ๊ว  เสียงไซเร็นดังกึกก้องเข้ามาส่งสัญญาณให้ผู้ปฏิบัติงานเตรียมพร้อมรับผู้ป่วยฉุกเฉินที่จะเข้ามาพร้อมกับรถคันที่ส่งเสียงมาก่อน  แพทย์เวร  พยาบาลและเจ้าหน้าที่ทุกคนลุกมายืนรอรับผู้ป่วยที่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน  ในขณะที่เจ้าที่หน้าที่เวรเปลวิ่งไปเข็ญรถเข็นนอนมารอรับผู้ป่วยลงจากรถ
         “หนักคนหนึ่ง  ธรรมดาคนหนึ่ง” เสียงเจ้าหน้าที่จากรถฉุกเฉินตะโกนแจ้งเจ้าหน้าที่ที่กำลังรอรับผู้ป่วยก่อนที่ร่างที่เต็มไปด้วยเลือดอาบทั่วตัว  จะถูกยกขึ้นมาที่รถนอนที่จอดเทียบรถฉุกเฉินทันที่ที่จอดสนิท
         “CPR”2
          พยาบาลสาวแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ทุกคนหลังตรวจผู้ป่วยอย่างคร่าว ๆ  พบว่าผู้ป่วยหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้นแล้ว และการช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วนภายใต้ทีมที่เต็มไปด้วยความชำนาญก็เกิดขึ้นภายในห้องแคบ ๆ นั้น โดยแพทย์เวรเตรียมใส่ท่อช่วยหายใจและมีพยาบาลอีกคนเตรียมอุปกรณ์ยื่นให้  พยาบาลอีกหนึ่งคนกำลังแทงน้ำเกลืออย่างขะมักเขม้น  และมีพยาบาลชายร่างใหญ่กำลังปั๊มหัวใจคนที่นอนนิ่งบนรถเข็น
         “อะดรีนาลินสอง3  อาโทรปีนหนึ่ง”4
          สิ้นเสียงคำสั่งยาจากแพทย์  ผู้ป่วยที่นอนบนเตียงก็ได้รับยาทันทีจากพยาบาลคนที่แทงน้ำเกลือเสร็จ
         การช่วยฟื้นคืนชีพดำเนินไปเรื่อย ๆ เสียงคำสั่งยาจากแพทย์มีเพิ่มเข้ามาเป็นระยะ ๆ ไม่ขาดตอนจวบจนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงหัวใจของผู้ป่วยที่นอนบนเตียงกลับมาเต้นเป็นปกติแต่ยังไม่สามารถหายใจได้เอง  จึงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแทนและต้องส่งผู้ป่วยเข้าห้องไอซียูเพื่อให้การดูแลอย่างใกล้ชิดต่อไป
          “เฮ้อ! เหนื่อยนะแต่ก็ดีที่วันนี้มิวมาขึ้นเวรที่นี่  ค่อยยังชั่วหน่อย” นายแพทย์ธีรสิทธิ์ซึ่งเป็นแพทย์เวรห้องฉุกเฉินนั่งแปะลงที่เก้าอี้ตรวจหลังจากสั่งการรักษาผู้ป่วยอีกคนให้ไปเอ็กซเรย์เสร็จ
          “พูดไป...คนอื่นก็เก่งเหมือนกัน” พยาบาลสาวที่เป็นคนที่รู้ใจเพื่อนกล่าวตำหนิเพื่อนเบา ๆ
          “ก็ไม่ได้ว่าคนอื่นไม่เก่งแต่บอกว่ามิวรู้ใจธีร์ที่สุดแค่นั้นเอง”
         “อืม  เปิดใจสอนคนอื่นด้วยนะ  ถ้ามิวไม่ขึ้นเวรคนอื่นจะได้ช่วยได้เต็มที่และมันมีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยมากที่สุดด้วย”
          “คร๊าบบบ...คุณเพื่อนที่น่ารัก  แล้วเมื่อกี้ให้ยาอะไรคนไข้ไปมั่ง  เดี๋ยวเราเขียน order5หน่อยจะได้ส่งชาร์ทขึ้นไปให้ไอซียู”
          ณัฐรดาทวนชื่อและจำนวนของยาที่ได้รับคำสั่งการรักษาทั้งหมดให้หมอหน้าตี๋ร่างอวบที่มีแต่สั่งแต่ไม่ยอมจำว่าตนเองสั่งอะไรไปเพื่อให้เขียนลงในใบสั่งการรักษาก่อนส่งแฟ้มประวัติผู้ป่วยให้เจ้าหน้าที่ไอซียู
          “อีกคนที่มาด้วยกัน  ผลเอ็กซเรย์เป็นยังไงมั่ง?” แพทย์ธีระสิทธิ์หันมาถามเพื่อนเมื่อตรวจผู้ป่วยอีกสองคนที่เข้ามานั่งรอในช่วงระหว่างที่ช่วยชีวิตเสร็จ
         “กระดูกไหปลาร้าหัก  จะให้รายงานหมอออร์โธ6เลยไหม?” ณัฐรดาแจ้งผลเอ็กซเรย์ก่อนจะถามแพทย์เวร
         “ใครเป็นเวรออร์โธวันนี้” แพทย์เวรอีอาร์ถามขึ้นหลังจากได้รับรายงาน
         “หมอกันย์ครับ”
         ชื่อแพทย์เวรออร์โธที่  วุฒิ...พยาบาลชายคนเดียวประจำเวรในวันนี้ตอบคำถามแพทย์เวร ส่งผลให้พยาบาลสาวหัวหน้าเวรชะงัก และหันหน้าไปส่งสายตาอ้อนวอนกับนายแพทย์ธีร์เล็กน้อย
         “อ้อเหรอ...ถ้างั้นต่อโทรศัพท์เลย  เดี๋ยวผมคุยกับหมอกันย์เอง” แพทย์เวรแจ้งให้วุฒิติดต่อนายแพทย์กันย์และรายงานอาการผู้ป่วยด้วยตนเองเมื่อเข้าใจสายตาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสาว  เนื่องจากปกติแล้วพยาบาลหัวหน้าเวรจะมีหน้าที่รับผิดชอบรายงานอาการผู้ป่วยต่อแพทย์เวรแต่ละแผนกเอง  แต่ครั้งนี้เพื่อนอุตส่าห์ส่งสายตาขอความช่วยเหลือคนอย่างเขาหรือจะไม่ช่วยเพื่อน  ทันทีที่รายงานอาการผู้ป่วยและรับ order จากนายแพทย์กันย์เสร็จจึงหันมาแจ้งให้พยาบาลทราบ
           “ ทำแผล  และใส่ Figure of eight7  ให้ Admit8  สังเกตอาการรอหมอกระดูกวันพรุ่งนี้”
         เมื่อได้รับคำสั่งการรักษาผู้ป่วยที่นั่งบนรถเข็นนั่งก็ได้รับการดูแลตามคำสั่งการนั้นทันที
         “คุณต้องขึ้นไปนอนสังเกตอาการที่ชั้น 6 นะคะ  ถ้ามีอาการปวดมากแจ้งพยาบาลที่ตึก แล้วจะมียาแก้ปวดให้  รอพบหมอกระดูกวันพรุ่งนี้”  ณัฐรดาแจ้งผู้ป่วยให้ทราบถึงแนวทางการรักษาทั้งหมดหลังจากทำแผลเสร็จแล้วก่อนให้เวรเปลส่งผู้ป่วยไปที่ตึกผู้ป่วย
          “พยาบาลครับ  ผมมีเงินไม่พอค่านอนโรงพยาบาลหรอกครับ  ผมขอกลับบ้านได้ไหม?” ผู้ป่วยแจ้งความประสงค์ต่อพยาบาลเมื่อรู้ว่าตนเองจะต้องนอนพักในโรงพยาบาล
         “อ๋อ...กรณีของคุณเราสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้จาก พรบ.รถ ขั้นต่ำหนึ่งหมื่นห้าพันบาท  และส่วนเกินจากนั้นเราสามารถเบิกกรณีฉุกเฉิน 72 ชั่วโมงจากประกันสังคมได้อีกอยู่แล้วค่ะ  คุณไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายนะคะ  อีกอย่างคุณนอนโรงพยาบาลแค่นี้ค่าใช้จ่ายคงไม่แพงขนาดนั้นหรอกค่ะ” ณัฐรดาแจ้งให้ผู้ป่วยทราบสิทธิ์ทั้งหมดก่อนยิ้มน้อย ๆ และถามผู้ป่วยถึงการส่งข่าวหาญาติ
         “คุณต้องการติดต่อญาติหรือว่าแจ้งให้ญาติทราบไหมคะ?”
         “โอ้เหรอครับ...ผมต้องการติดต่อภรรยาผมครับ  นี่เบอร์โทรของเธอ  กรุณาติดต่อให้ผมได้ไหมครับ” 
         “ได้ค่ะ  ขอเวลาสักครู่นะคะ”
         “ขอบคุณครับ”
         ผู้ป่วยได้รับการส่งไปนอนพักที่หอผู้ป่วย 6 ทันทีที่ติดต่อส่งข่าวให้ญาติรับรู้จากการช่วยเหลือจากโรงพยาบาล
         
          “อย่างมิวเนี่ย  ให้ไปเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์หรือแผนกต้อนรับของโรงพยาบาลก็น่าจะดีนะ” แพทย์เวรแซวขึ้นหลังจากเห็นเธอดูแลผู้ป่วยไม่ขาดตกบกพร่องสักเรื่อง
         “ไม่เอาหรอก  เราชอบเป็นพยาบาลมากกว่า”
         “เอ้อ...แต่ดูท่าจะเป็นพยาบาลหัวหน้าเวรไม่ได้แล้วนะเพราะไม่กล้ารายงานเคสให้แพทย์รู้แบบนี้  ขอลดตำแหน่งซะก็น่าจะดี  แล้วก็อย่าลืมค่าทำหน้าที่แทนซะล่ะ”
         ณัฐรดาทำตาค้อนให้แพทย์เวรเล็กน้อย “ถ้าเป็นหมอเวรคนอื่นเราก็ไม่มีปัญหาหรอก”
          “ไหนบอกว่าไม่มีอะไร  ปกติไง...ถ้าปกติทำไมเป็นแบบนี้”
          “เออ...ขอเวลาหน่อยแล้วกัน  ตอนนี้มันยังใหม่อยู่  ขอเวลาปรับใจสักแป๊บ  แล้วจะไม่ให้ธีร์ลำบากอีกแล้ว หรือถ้าทำไม่ได้ก็จะเลิกส่งเวรอีอาร์ก็แค่นั้นเอง  ง่ายมาก” ณัฐรดาหาทางออกในอนาคตไว้หากว่าเธอไม่สามารถที่จะทนรับสภาพที่ต้องติดต่อกับ...เขาคนนั้น...ได้  แต่เธอมั่นใจว่าเธอจะทำได้ และจะไม่ให้เขามามีอิทธิพลต่อหัวใจเธอนานมากนัก  แค่ที่ผ่านมาเธอก็เจ็บปวดมากพอแล้ว
         “แล้ววันที่นัดกินข้าวกันคิดว่าจะไปได้อย่างมีความสุขเหรอ?”
         “ธีร์รู้ใช่ไหมว่า  ต่อให้สิ่งนั้นมีพิษร้ายมากแค่ไหน  ถ้าเราโดนมันบ่อย ๆ ร่างกายก็จะชินกับมันจนสุดท้ายเราก็จะทนพิษนั้นได้เอง  มิวก็จะให้มันเป็นแบบนั้นแหละ  รับรองว่าจะไม่วิ่งหนีทุกครั้ง  เราจะให้มันชินกับสิ่งที่มันทำให้เราเจ็บปวด  สุดท้ายแล้วมันก็จะทำอะไรเราไม่ได้” ณัฐรดาสบตาหมอหน้าตี๋แสดงความมุ่งมั่นในจิตใจให้เพื่อนเห็น
          “ธีร์เป็นกำลังใจให้  แล้วอย่าลืมอีกคนซะล่ะ...พี่นัทธ์” ธีระสิทธิ์เดินมาตบไหล่เพื่อนเบา ๆ เป็นการแสดงการให้กำลังใจก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะตรวจรอผู้ป่วยคนต่อไป  ในขณะที่ณัฐรดาเองไม่พูดอะไรอีกเพียงแต่รับรู้ได้ด้วยใจว่าทั้งธีระสิทธิ์และนัทธ์เป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้างและเป็นกำลังใจให้เธอตลอดมา  รวมทั้งในเวลานี้ด้วย

          และแล้ววันที่จะได้รับพิษเพื่อสร้างเกราะป้องกันหัวใจวันแรกก็มาถึง  ณัฐรดาเดินทางออกจากหอพักพยาบาลไปยังร้านอาหารกึ่งผับพร้อมกับนายแพทย์ธีระสิทธิ์  ไฟแสงสีส้มส่องสลัวพอมองเห็นทางเดิน  เสียงเพลงเบา ๆ ส่งให้บรรยากาศดูเศร้าสร้อยยิ่งขึ้นไปอีก  เบื้องหน้าหญิงสาว  ชายหนุ่มสองคนนั่งอยู่โต๊ะมุมในสุด  ชายหนุ่มคนหนึ่งกวักมือเรียกมาทางเธอกับเพื่อน  ในขณะที่อีกคนเอี้ยวตัวตามมือของอีกฝ่าย  เมื่อเธอเดินเข้าไปถึงชายหนุ่มทั้งสองคนลุกขึ้นยืนพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้สองตัวให้เธอกับหมอธีร์
         “มาถึงช้าไปครึ่งชั่วโมงนะ ที่นี่ไม่ใช่กรุงเทพฯ ด้วย  ห้ามอ้างรถติด” นัทธ์ล้อคนที่เพิ่งนั่งลงข้างตัว
        “ไม่ใช่ความผิดผมนะพี่นัทธ์” หมอหน้าตี๋รีบออกตัวก่อนคนจะเข้าใจผิด
         “อ้าว...งั้นเหลือจำเลยคนเดียว  แสดงว่าเป็นความผิดของมิวล่ะสิที่มาสายครั้งนี้” นัทธ์หันหน้าไปทางหญิงสาวที่เพิ่งนั่งลงด้านตรงข้าม
          “ตื่นสายนิดหน่อยค่ะ  ลงเวรดึกมาเลยนอนเพลิน  เดี๋ยวนอนไม่พอก็แย่เพราะวันนี้ขึ้นเวรดึกอีก  มิวคงอยู่ได้ไม่นานนะคะเพราะเดี๋ยวกลับไปขึ้นเวรดึกอีก” ณัฐรดาตอบข้อข้องใจก่อนจะแจ้งให้ทุกคนทราบ
         “ไม่เป็นไร  พี่ก็อยู่นานไม่ได้  ต้องไปเข้าเวรเหมือนกัน  ตอนนี้ให้หมออื่นอยู่เวรแทน”  คนที่นั่งเงียบเพิ่งเอ่ยปากออกมาครั้งแรก
         “อ้าว...วันนี้พี่กันย์ติดเวรด้วยเหรอครับ?” ธีร์ถามขึ้นทันทีที่กันย์พูดจบ
          “ก็ที่โรงพยาบาลนายน่ะแหละ  ขอแลกเวรกับหมอเวรแล้ว  เขาอยู่ให้ได้แค่เที่ยงคืนพี่เลยต้องไปนอนเวรเองจากเที่ยงคืนถึงเช้า  ก็ไม่น่ามีปัญหานะ  จากนี่ไปเราก็มีเวลาตั้งสามสี่ชั่วโมง  กินอิ่มถมเถไป  ก็แค่กินข้าวเฉย ๆ”
          “งั้นก็รีบสั่งอาหารได้แล้วจะได้ไม่เสียเวลา  มิวจะสั่งอะไร  คนจะเป็นแม่บ้านในอนาคตจัดการซิ” ธีร์โยนหน้าที่การสั่งอาหารให้หญิงสาวคนเดียวในกลุ่ม
          “จะกินอะไรกันล่ะ  สำหรับมิวขออะไรก็ได้กับข้าวสวยสักจานก็พอ” หญิงสาวแจ้งความจำนงก่อนจะโดยนกลองกลับคืนไปเพื่อเธอจะไม่ต้องทำหน้าที่สั่งอาหาร
          “ได้เลย  ธีร์ถนัดอยู่แล้วเรื่องสั่งอาหาร”  ธีระสิทธิ์รับทำหน้าที่ที่ถนัดทันที
          “น้อง...พี่ขอผัดขี้เมาทะเล  ขอเป็นแบบซุปเปอร์เดอลุกซ์เลยนะ  วงเล็บให้พ่อครัวรู้เลยว่า...จานใหญ่ ๆ  ส่วนพี่นัทธ์คะน้าเนื้อน้ำมันหอย  ของผมต้มยำรวมมิตรรสแซบ  ส่วนของกลางทานได้ทุกคนคือ  ไข่เจียวแหนมและเพื่อสุขภาพของทุกคนผมขอนำเสนอน้ำเปล่าครับ” ธีระสิทธิ์สั่งอาหารกับบริกรที่ยืนรอรับรายการอยู่แล้ว
          “ธีร์สั่งยังกับเป็นรายการอาหารที่ค่ายตอนที่เราออกค่ายเลยนะ  ไม่เหมือนมากินที่ร้านอาหารเลย”  นัทธ์แสดงความเห็นก่อนจะถามหญิงสาวที่นั่งตรงข้ามเบา ๆ “น้องมิวกินได้ไหม  ถ้าไม่อยากกินผัดขี้เมาแล้วก็สั่งอย่างอื่นได้นะครับ”         
          “ได้สิคะ  ไม่เห็นแปลกตรงไหน   มันเป็นปกติที่มิวเคยกินอยู่แล้ว  จะกินเข้าไปอีกก็ไม่เห็นเป็นไร” หญิงสาวคิดในใจแค่เพียงว่า  อะไรที่มันตอกย้ำเธอจะทำให้รู้เห็นว่าที่จริงแล้วมันไม่สามารถทำให้เธอเจ็บปวดได้อีก  ‘พิษจะป้องกันพิษ’ ได้เอง ก่อนเธอจะหันหน้าไปถามคนที่นั่งข้าง ๆ  “แล้วพี่กันย์ล่ะคะ  ยังกินได้อยู่หรืเปล่า  หรือว่าชอบกินอย่างอื่นแล้ว?”   
          น้ำเสียงคล้ายเยาะหยันของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ทำให้นายแพทย์กันย์มองหน้า ตาสบตาในความมืดสลัว  เขาอยากรู้นักว่าเธอรู้สึกเช่นไรกับคำพูดที่เปล่งออกมานี้  เมื่อเขาไม่สามารถอ่านความรู้สึกจากดวงตาคู่สวยนั้นได้ จึงตอบออกไปเสียงดังชัดเจน
          “พี่ไม่เคยลืมทุกสิ่งที่พี่ชอบและรัก  อะไรที่พี่เคยฝังใจก็ยังคงเก็บไว้ที่เดิม” เสียงตอบที่ฟังได้ชัดเจนนี้ไม่เพียงแค่ทำให้ณัฐรดาใจกระตุกเท่านั้นยังทำให้ทั้งนัทธ์และธีร์สงสัยในความนัยน์แห่งคำพูดนั้นด้วยเช่นกัน
          อาหารที่สั่งถูกลำเลียงมาวางที่โต๊ะซึ่งช่วยให้บรรยากาศที่เริ่มมาคุหลังการโต้คารมของสองหนุ่มสาวจบลง
         “กินข้าวครับ  กินข้าว  ผมหิวมาก  ทุกคนอย่าเพิ่งโมโหหิวนะครับ  อาหารพร้อมแล้ว  ลงมือได้เลย” ธีระสิทธิ์ออกอาการสนุกสนานรีบชวนทุกคนกินข้าวก่อนเพื่อคลี่คลายบรรยากาศที่ตึงเครียด

          ไกลสุดไกลแสนไกล  แต่ใจไม่ไกลหัวใจ  คือเกลียวสัมพันธ์มั่นไว้  คือใยแห่งความรักกัน...เพลงที่ดังขึ้นมีผลให้มือที่กำลังตักอาหารสองคู่ชะงัก ก่อนจะค่อย ๆ ตักอาหารเข้าปาก อาการของหนุ่มสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามไม่รอดพ้นสายตาของวิศวกรหนุ่ม สิ่งเหล่านี้กลับมาทิ่มแทงหัวใจเขาอีกครั้ง สิ่งที่คาดคิดไว้ว่าจะลบความทรงจำที่เลวร้ายให้หญิงคนที่ตนรักเลือนลาง  ณัฐรดาไม่เคยลืมผู้ชายคนนี้แม้ว่าจะไม่ได้พบกันเหมือนกับชื่อเพลงที่กำลังดังเข้าหูอยู่ในขณะนี้ 
          ...ไกลสุดไกลแสนไกล    แต่ใจใกล้ใจใกล้เธอ    คงเกลียวสัมพันธ์เสมอ   แม้เราจะไม่พบกัน....
          เสียงเพลงที่จบลงยังคงชัดเจนในใจของหมอหนุ่มตาคม   เขาอยากบอกคนข้าง ๆ อยากบอกว่าไม่เคยลืมเลย  อยากบอกว่าฝังติดตรึงอยู่ในหัวใจแต่จะเอ่ยออกมาได้อย่างไรในเมื่อเป็นคนทำลายรักนั้นลงไปกับมือ
          “พี่กันย์ครับ  เจอกับก้อยบ้างไหม?” ธีระสิทธิ์ถามข่าวถึงเพื่อนอีกคนที่เขาคิดว่าเป็นเหตุให้ความรักของกันย์และณัฐรดาสิ้นสุดลง
          “ก้อยทำงานที่โรงพยาบาลที่พ่อเป็นหุ้นส่วนอยู่กรุงเทพฯครับน้องธีร์” หมอหนุ่มตาคมตอบคำถามแต่ไม่ได้ให้ความกระจ่างกับอีกหลายคนที่กำลังรอฟังคำตอบ
          “ทำไมพี่กันย์ไม่ทำงานที่งานนั่นล่ะครับ”
          “พี่ต้องมาใช้ทุนที่นี่ไงล่ะ” 
         เฮ้อ...
        “ถอนหายใจทำไมธีร์?” นัทธ์ถามขึ้นเพราะเสียงถอนหายใจที่เหมือนคนแกล้งทำมากกว่าจะถอนเองตามธรรมชาติ
         “ผมไม่มีความสามารถ  จับไม่ได้  ไล่ไม่ทัน”
          คำตอบทีได้มาทำให้คนสามคนต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่าหมายความอย่างไร  โดยเฉพาะกันย์ซึ่งรู้ว่าคนถามต้องการอะไร  แต่เขาไม่จำเป็นต้องตอบให้ใครรู้เรื่องในตอนนี้...คนเดียวที่เขาอยากให้รู้มากกว่าใครอื่นทั้งหมดก็คือคนที่นั่งข้าง ๆ   
          สามหนุ่มหนึ่งสาวนั่งฟังเพลง  พูดคุยกันร่วมสองชั่วโมงก่อน ซึ่งปฏิกิริยาที่มีต่อเพลงแต่ละเพลงทำให้นักสังเกตุการณ์อย่างธีระสิทธิ์รู้สภาวะระหว่างเพื่อนสาวและหมอรุ่นพี่ได้ดี  ในขณะที่นัทธ์เองก็ต้องคอยควบคุมสีหน้า  แววตาและความเจ็บปวดเอาไว้ให้ลึกที่สุดเพราะเขาให้สัญญากับหญิงสาวเอาไว้ว่า ‘พี่จะเป็นเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ ในยามที่มิวเหงา  อ้างว้าง  เมื่อไหร่ที่พร้อมจะรับพี่เข้าไปแทนที่ใครบางคน  พี่ก็พร้อมจะเป็นคนดูแลทั้งตัวและหัวใจของมิวให้ดีที่สุด’ 
          “สี่ทุ่มกว่าแล้ว  มิวคงขอตัวกลับนะคะ  ต้องไปเตรียมตัวขึ้นเวร” ณัฐรดาทำลายความเงียบเพราะเธอพอจะรู้ว่าตนเองน่าจะเป็นสาเหตุให้เกิดบรรยากาศแบบนี้
         “ใช่สินะ  ถ้างั้นกลับกันเลยไหมมิว แล้วพี่ ๆ จะกลับเลยไหมครับ” ธีระสิทธิ์สนับสนุนเพื่อนทันที
        “พี่ก็จะกลับไปโรงพยาบาล  ถ้าธีร์อยากอยู่ต่อก็ได้นะ  พี่ไปส่งมิวให้เพราะยังไงก็ต้องกลับโรงพยาบาลเหมือนกัน”
         “ไม่เป็นไรครับ  ผมก็อยากกลับเหมือนกัน” 
         ก่อนที่ธีระสิทธิ์จะได้ทำหน้าที่เป็นสารถีให้เพื่อนสาว  ปรากฏว่ามีเสียงโทรศัพท์มือถือเข้ามาแจ้งเหตุฉุกเฉินที่บ้านของหมอหนุ่มหน้าตี๋จนทำให้เขาต้องเร่งรีบกลับบ้านและณัฐรดาต้องโดยสารกลับหอพักไปพร้อมนายแพทย์กันย์เพราะคำสบประมาทของเขา ‘ไม่กล้ากลับพร้อมพี่เหรอ’




    อีอาร์1    = แผนกอุบัติเหตุฉุกเฉิน
   CPR2     = การช่วยฟื้นคืนชีพ
   อะดรีนาลิน3 , อาโทรปีน4  =  ยาช่วยกระตุ้นการเต้นของหัวใจ
   order5  =  คำสั่งการรักษา
   แพทย์ออร์โธ6  = orthopedic  surgeon = แพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมกระดูก
   Figure of eight7 = การใส่อุปกรณ์ดามกระดูกแบบเลขแปด
    Admit8  = การรับเข้ารักษาในโรงพยาบาล




Create Date : 07 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2553 16:11:35 น. 0 comments
Counter : 354 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พรรณวรดา
Location :
อุดรธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือ...เป็นเส้นทางในการนำผู้คนสู่ความสำเร็จ การอ่านหนังสือเป็นวิธีการที่ต้องเดินไปบนเส้นทางนั้น หนังสือทุกเล่ม ไม่ว่าจะมีราคาแพง ราคาถูก เล่มที่เก่าเก็บมานานหรือเล่มที่เพิ่งพิมพ์ออกมาจากโรงพิมพ์สด ๆ ร้อน ๆ หนังสือวิชาการหรือหนังสืออ่านเล่น ทุกเล่มล้วนบ่งบอกตัวตนของตนเองและมีคุณค่าในตัวเองทุกเล่มเช่นเดียวกัน...มาเถอะมาอ่านหนังสือกัน เพื่อเพิ่มคุณค่าของตนเองและคุณค่าของหนังสือ

ลายปากกา
Cursor by nuthinbutnet.net
ShoutMix chat widget

MusicPlaylist
MusicPlaylist at MixPod.com
เวลาแห่งความสุขของคนรักนิยาย by นาด้า
Friends' blogs
[Add พรรณวรดา's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.