Group Blog
 
 
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
4 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
คนข้างใจกับผู้ชายข้างตัว..1

๑.




          “มิว...มีโออาร์ไอเอฟ  ฟีเมอร์**เคสหนึ่งนะ”  เสียงหัวหน้าแจ้งให้ณัฐรดาทราบถึงคิวผ่าตัดของวันนี้แก่พยาบาลสาวหน้าหวานประจำห้องผ่าตัด  ที่เพิ่งกลับมาจากการลาพักผ่อนประจำปี มาทำงานเป็นวันแรกหลังจากหายหน้าหายตาไปนานร่วมสองสัปดาห์
          “ค่ะ  พี่ติ๊ก  กี่โมงคะ?” 
          “เก้าโมงครึ่ง   เตรียมเครื่องมือให้ครบนะ    หมอมาใหม่ด้วย”
          “รับทราบและไม่มีปัญหาเจ้าค่ะคุณหัวหน้าคนงาม   มือชั้นนี้แล้วไม่เคยพลาด”  ณัฐรดา...พยาบาลสาวหน้าหวาน  ดวงตากลมโต  ใสดุจตากวาง  หันมาทำหน้าทะเล้นยิ้มกว้างรับคำอย่างร่าเริง  สดใส กับหัวหน้างานแถมแกล้งพูดโอ่ตัวนิด ๆ กับฝีมือการทำงานที่ไม่เคยผิดพลาด และเป็นที่พึงพอใจของเพื่อนร่วมงานมาโดยตลอด
          “ย่ะ.....พี่รู้  ไม่งั้นก็ไม่ให้เธอเข้าประกบหมอหรอก ถ้าให้คนอื่นเข้ากลัวพลาดซ้ำ เดี๋ยวโดนกันอีกรอบ อาจต้องปิดโออาร์***หนีกันไปเลย  ต้องส่งเธอเข้าไปปราบ บรรดาหมอทั้งหลายจะได้รู้สักทีว่าพยาบาลไม่ใช่ลูกไล่  พวกเรามีฐานะเป็นเพื่อร่วมงาน...ไม่ใช่ลูกน้อง”
         
           สาวโสดหัวหน้าห้องผ่าตัดที่รู้และเข้าใจลูกน้องเป็นอย่างดีพูดยิ้ม ๆ เธอรู้ดีว่าลูกน้องสาวเป็นคนเก่ง  ทำงานมีหลักการ  มีความรู้ความสามารถ  ขยันขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าในงานเร่งด่วนได้ดี  ณัฐรดาเป็นพยาบาลที่เธอภูมิใจในผลงานมาโดยตลอด  หญิงสาวได้รับการยกย่อง ยอมรับ  และได้รับเกียรติจากเพื่อนร่วมงานและหมอหลายคนเพราะความสามารถในการทำงาน  รวมทั้งการวางตัวที่ดีกับทุกคนเสมอมา  ตั้งแต่เข้ามาทำงานเป็นพยาบาลที่โรงพยาบาลแห่งนี้เมื่อ 6 ปีก่อน

           “เป็นไงมั่ง  ลาพักร้อนหนนี้ไปซะหลายวันเลย  นัทธ์พาไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง?   เมื่อไหร่จะแต่งงานกันสักทีเห็นไปมาหาสู่กันหลายปีดีดัก   นี่ก็จวนจะสามสิบอยู่รอมร่อ  ปล่อยนานกว่านี้ไม่มีคนมาขอนะ  เดี๋ยวกลายเป็นแตงเถาตายเหมือนพี่”   
          สาวใหญ่ใบหน้ายิ้มแย้มถามขึ้นหลังจากลูกน้องนั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าเธอ  หลังจากหญิงสาวเตรียมอุปกรณ์และจัดข้าวของเครื่องมือครบครันตามความจำเป็นแล้ว  ช่วงเวลาที่ว่างระหว่างรอรับผู้ป่วย เป็นเวลาที่หญิงสาวจะมานั่งพักดื่มกาแฟพูดคุยสัพเพเหระกับหัวหน้า  ซึ่งเป็นกิจวัตรทุกเช้าในวันทำงานก่อนผู้ป่วยจะมาถึงห้องผ่าตัด
          “ไม่ได้ไปไหนหรอกค่ะ  ลาตามสิทธิ์เท่านั้นเอง  อยู่บ้านกับพ่อแม่  พี่นัทธ์ลาพักร้อนกลับมาก็คงอยากอยู่กับพ่อแม่เขาด้วยแหละ  เลยไม่ได้ไปไหนไกลค่ะ”  ณัฐรดาตอบพร้อมกับยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ  เธอรู้สึกขำนิด ๆ  กับความคิดของหัวหน้า  แต่เธอก็เข้าใจความคิดของสาวใหญ่ในเรื่องระหว่างเธอกับนัทธ์ดี

          ณัฐรดารู้มาตลอด...หัวหน้าคิดว่านัทธ์เป็นแฟนของเธอ   มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนส่วนใหญ่จะคิดแบบนั้นเพราะนัทธ์เองก็เทียวไล้เทียวขื่อเธอมาหลายปี  กอรปกับนายแพทย์กันตธีร์  ที่เป็นแพทย์ประจำที่โรงพยาบาลแห่งนี้ออกโรงเชียร์ให้เธอเปิดใจรับ ‘นัทธ์’ ชายหนุ่มร่างสูงบึกบึนแต่น้ำเสียงอ่อนโยนคนนั้น  คนที่ตามติดเธอมาหลายปี  จนทำให้หลายคนคิดว่านัทธ์เป็นแฟนของเธอจริงๆ  แต่ณัฐรดาเองก็รู้มาตลอดว่า...ตัวเองนั้นมีคนที่แอบซุกซ่อนเอาไว้ข้างใจมานานแสนนาน   ตั้งแต่วันที่เจอเขาวันแรก  วันที่เขาเอาใจใส่ดูแลเธอในฐานะน้องใหม่ที่เจ็บป่วยและอ้างว้างอยู่อย่างเดียวดายที่หอพักนักศึกษาหญิง  และจากนั้นก็ได้พบกันบ่อยๆ   จนเกิดความผูกพัน  ใกล้ชิดสนิทสนม ช่วยเหลือ ไปมาหาสู่กัน เธอคิดว่านั่นเป็นความรักที่สองคนได้มอบให้กัน จนวันสุดท้าย...วันที่เขาบอกลา  วันที่เขาบอกว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ใช่ความรัก  วันที่เขาเดินจากเธอไป แต่วันนั้นเขาไม่ได้แค่จากไป  เขาได้ทิ้งรอยสัมผัสที่เธอไม่เคยลืม  ทิ้งที่ระลึกระหว่าง ‘พี่-น้อง’ ให้เธอเก็บไว้  ณัฐรดาแอบเก็บคนๆ นั้นไว้ข้างใจตลอดเวลาตั้งแต่วันนั้นตราบจนวันนี้

          แม้นเวลาผ่านเลยมาเนิ่นนาน   ณัฐรดายังไม่สามารถลบผู้ชายคนนั้นออกไปจากใจได้เลยแม้แต่น้อย  และคงรับรักคนอื่นมาแทนที่ได้ยาก    ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีเพียงหมอกันตธีร์และนัทธ์เท่านั้นที่รู้ว่าเธอยังคงมีคนที่แอบซุกซ่อนไว้ข้างใจ...แต่เขาก็ได้เดินจากเธอตั้งแต่วันนั้น  ไปไกลเหลือเกิน ไกลจนเธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ ณ ที่ใด...เธอรู้ว่า...ทั้งนัทธ์และธีร์ต่างก็รู้ดีว่าระยะทางที่ห่างไกลระหว่างเธอกับผู้ชายคนนั้น  เป็นเพียงห่างกายแต่ใจของเธอพันผูกใจของเขาไว้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง...

          นับตั้งแต่วันที่เขาไปจากชีวิต...ณัฐรดาคิดเสมอว่าโอกาสหวนกลับแทบไม่มี...เขาไม่เคยติดต่อมา...ไม่เคยส่งข่าวคราว...ทำเหมือนได้ตายจากเธอไปแล้วจริง ๆ  วันที่เดินจากกันเธอรู้ว่าเหตุผลมีเพียงอย่างเดียว...เราไม่ได้รักกัน...เราแค่สนิทสนมกันมากเกินไป...นั่นคือคำบอกเล่าก่อนกล่าวลา...มาถึงวันนี้สำหรับเธอแล้ว...มันไม่ใช่แค่สนิทกัน  เวลาที่ไม่ได้เจอกันมาหกปี  เธอยังไม่เคยลืมเขาแม้แต่เสี้ยว...หญิงสาวจำได้ทุกรายละเอียดระหว่างเธอกับเขา....แล้วอย่างนี้จะให้เรียกว่าแค่สนิทกันได้อย่างไร 

          ความเงียบเหงาของเธอที่มีขึ้นมากมายในยามที่คิดว่าไม่มีคนเห็น  ทำให้หมอที่เป็นเพื่อนรักอดเศร้าตามไม่ได้  เพื่อนสนิทของเธอเลยต้องหันหน้ามาเชียร์ ‘พี่นัทธ์’ ให้เข้ามารักษาแผลใจให้  เพราะหมอธีร์รู้มาตลอดว่า  พี่ที่ดูแลเธอประดุจพี่ชายดูแลน้องสาวคนนั้น   หลงรักเธอมาตั้งแต่เรียนอยู่ปีหนึ่ง  เพื่อนที่น่ารักจึงยุให้เธอมองคนที่อยู่ข้างกาย  หาความสุขจากคนข้างกาย เพราะเขาคงอยากให้เธอมีความสุขสักที...แต่ความสุขจะเกิดขึ้นได้อย่างไรในเมื่อเธอเองรู้ว่าหัวใจของตัวเองอยู่ที่ไหน

          ส่วนนัทธ์ก็ไม่เคยเร่งเร้าให้เธอตอบรับรัก  เขายังคงทำตัวเป็นพี่....เป็นเพื่อนที่ดีเสมอมา ทำให้ตัวเธอเองสบายใจที่ได้คบหากันแบบนี้  เพราะเธอคิดว่าถ้าเมื่อไหร่ที่นัทธ์ต้องการให้เธอเป็นมากกว่าที่เป็นอยู่  เธอคงได้เลิกคบกับเขาเป็นแน่   ชายหนุ่มเองก็รู้ดีจึงไม่เคยเร่งรัด   ยังคงรอ...ปล่อยให้เธอเลือกและตัดสินใจเอง  ด้วยความรักที่นัทธ์มีให้กับเธอ  เธอรู้ว่านัทธ์รอคอยเสมอว่า สักวันความดีและความรักที่เขามีให้จะทำให้เธอเลือกเขาและมีความสุขด้วยกันได้  อย่างที่เขาเคยบอกมานานแล้ว   ส่วนเธอเองก็เคยคิดว่าสักวันหัวใจของเธอจะเป็นของนัทธ์ได้เหมือนที่เคยเป็นของใครคนนั้น


          กริ๊ง...กริ๊ง...เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของณัฐรดา หญิงสาวลุกขึ้นเดินไปรับโทรศัพท์   กรอกเสียงหวานสดใสลงไป
          “สวัสดีค่ะ  ห้องผ่าตัดพยาบาลรับสายค่ะ”
         “ผม....หมอกันย์นะ ตารางเวลาผ่าตัดและเครื่องมืออุปกรณ์เรียบร้อยดีใช่มั๊ย?...มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”  เสียงห้าว ดังชัดเจนมาจากทางต้นสาย 
          “เอ่อ...เอ่อ...ใครนะคะ?   หมออะไรนะคะ?  หมอถามว่าอะไรนะคะ? ” เสียงถามตอบของหญิงสาวดังกลับไปเหมือนคนติดอ่าง  แผ่วเบาคล้ายเสียงที่หลุดออกจากริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว...ตกใจ..สับสน...ไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน  แค่เธอคิดถึงเขาเขาก็โทรมาเหรอ  ณัฐรดางุนงงไปกับการคุยโทรศัพท์ในเวลานี้
          “ผม...หมอกันย์ครับ  ผมอยากถามว่าห้องผ่าตัดพร้อม  อุปกรณ์  เครื่องมือพร้อมและคนพร้อมสำหรับการผ่าตัดแล้วหรือยังครับ?”  เสียงทางต้นสายดังออกมาหนักแน่น  เน้นคำว่า ‘คน’
           “เอ่อ...พร้อมค่ะ... พร้อม  ไม่มีปัญหาอะไรถ้าหมอพร้อมแล้วก็ขึ้นมาได้เลย  คนไข้มาถึงห้องผ่าตัดแล้วค่ะ  จะให้หมอดมยาวางยาสลบรอเลยมั๊ยคะ?”   ณัฐรดาตอบและถามกลับทันทีที่ตั้งสติได้  เธอสลัดศีรษะเบาๆ เรียกสติ  สมาธิกลับคืนมาอีกครั้ง  กลับมาเป็นณัฐรดาคนเก่า คนที่เข้มแข็ง คนที่ไม่เคยกลัว  ไม่เคยผิดพลาด  กลับมาทำหน้าที่ของตัวเองอย่างคล่องแคล่ว
          “ถ้างั้นก็ผมขอเวลาสักครู่   อีก 30 นาทีผมขึ้นไป  อ้อ... บอกหมอดมยาให้ผมด้วย  ผมขอเลท 30 นาที คนไข้ที่ โอพีดี***ยังไม่หมด”  พอพูดจบสายก็ถูกตัดทันทีโดยที่เธอไม่มีโอกาสตอบรับ

          หลังจากวางหูโทรศัพท์ลง  ณัฐรดาเดินกลับมาทรุดตัวลงนั่งที่เดิม  ถามหัวหน้าห้องผ่าตัดออกไปเบาๆ
“พี่ติ๊กคะ  หมอคนที่จะขึ้นมาผ่าตัดชื่ออะไรนะ  หนูหายไปสองอาทิตย์  ตามข่าวไม่ทันเลยเหรอเนี่ย” ณัฐรดาแกล้งถามหัวหน้า  เธอรู้ตัวดีว่าตัวเองพลาดไปที่ไม่ถามชื่อหมอตั้งแต่แรก  เพราะคิดว่าหมอคนไหนก็ทำผ่าตัดเหมือน ๆ กัน
          “อ๋อ...หมอกันย์”  สาวใหญ่ลากเสียงยาว 
          “เขาจบหมอเฉพาะทางศัลยกรรมกระดูกมา มาใช้ทุนที่โรงพยาบาลจังหวัด 3 ปี เพิ่งมาเป็นหมอพาร์ทไทม์ที่เราอาทิตย์ที่แล้วเอง ตอนที่มิวลาพักร้อนน่ะ  เลยตกข่าวน่ะสิจ๊ะ  หมอหนุ่มรูปหล่อมาดเท่  เจ้าระเบียบ  เงียบขรึมแทบจะเรียกได้ว่าเย็นชาเลยแหละ” หัวหน้าห้องผ่าตัดสาธยายด้วยนัยน์ตาเพ้อฝันตามแบบฉบับสาวใหญ่หัวใจเปล่าเปลี่ยว
          “แต่พอไม่สบอารมณ์  ร้อนยังกับไฟโลกันต์แน่ะ  เขาว่ากันว่าคนราศีกันย์เป็นคนอบอุ่น  สงสัยอีตาคนนี้  อุ่นนานไปหน่อย  พอมีอะไรกระตุ้นนิดหน่อยร้อนขึ้นเร็วยังกับไฟมหาประลัย หรืออีกทีก็เหมือนระเบิดที่พร้อมจะถอดสลักเลยทีเดียว”  สายตาที่เพ้อฝันเปลี่ยนไปแบบคนละขั้วเมื่อสาวใหญ่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา  จนลูกน้องของเธอตอนนี้เข้าหน้าหมอแทบไม่ติดสักคน  พ่อเล่นอาละวาดตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าห้องผ่าตัดเลยทีเดียว
          คนที่นั่งฟังไม่ได้แสดงความคิดเห็นออกมา  ใบหน้าเรียบเฉยแต่สายตาวูบไหว  หัวใจคล้ายกับกำลังเต้นช้าลง  สั่นระริก 
           “มิวเข้ามาในโรงพยาบาลเมื่อเช้าไม่รู้สึกว่ามีอะไรแปลก ๆ มั่งเหรอ  เดี๋ยวนี้ในโรงพยาบาลตั้งกลุ่ม  ‘กันย์แฟนคลับ’  ไปแล้วนะ สาว ๆ เขากระซิบกระซาบ ซุบซิบ แอบทิ้งหางตาให้หมอหนุ่มเป็นแถว”  ติ๊กตอบพร้อมกับมองลูกน้องสาวที่ทำหน้ากระอักกระอ่วน  พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
          “มีอะไรเหรอมิว  หมอโทรมาเหรอเมื่อกี้ มิวโดนด่าเหรอ ทำไมทำหน้าแบบนั้น” 
หัวหน้าสาวใหญ่ใจดีถามลูกน้องพร้อมแสดงความเป็นห่วงใย  เพราะเธอเคยฤทธิ์ของหมอหนุ่มมาเมื่ออาทิตย์ก่อน  เครื่องมือไม่พร้อม  พยาบาลส่งเครื่องมือไม่ถูกใจ จนโดนหมอหนุ่มไฟแรงที่เจ้าระเบียบ เอ็ดตะโรลูกน้องมาแล้ว  สาว ๆ ห้องผ่าตัดเข็ดขยาดหมอรูปหล่อกันถ้วนหน้า  คงเหลือแต่คนที่ยังไม่เคยเห็นฤทธิ์เดชของพระเดชพระคุณท่านเท่านั้นแหละ   ที่ยังคงเป็นปลื้มกับหน้าตาคมคายของหมอคนใหม่
          “อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่ติ๊ก  พอดีลืมถามชื่อหมอ  เดี๋ยวมิวไปแจ้งหมอดมยาแป๊บนึงนะคะ  หมอผ่าตัดขอเลท 30 นาที  แล้วจะเลยไปดูเครื่องมือเพิ่มอีกนิดค่ะ”  พูดจบณัฐรดารีบลุกออกจากห้องพักตรงเข้าห้องผ่าตัดทันที

          ระหว่างทางเดินจากห้องตรวจผู้ป่วยนอกมาห้องผ่าตัดมีคนหลายคนยืนอยู่เป็นระยะ  กันย์เดินมาตามทางแคบ ๆ อย่างเร่งรีบเพราะเลยเวลาผ่าตัดไปแล้วหลายนาที  เขาไม่เคยเป็นคนไม่ตรงต่อเวลา  แต่การทำงานในอาชีพแพทย์เรื่องเวลาเป็นสิ่งที่บอกกับใครตรง ๆ ไม่ได้เลย โดยเฉพาะคนที่เป็นหมอผ่าตัด  เพราะไม่เคยมีหมอผ่าตัดคนไหนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้  ว่างานที่ต้องทำในแต่ละวันจะพบเจอกับปัญหาและอุปสรรคใดบ้าง  แต่เมื่อกรีดมีดผ่าตัดลงไปแล้วต่อให้มีปัญหาอุปสรรคร้อยแปด  หมอทุกคนต้องแก้ปัญหานั้นให้ผ่านพ้นไปให้ได้  ทั้งนี้ทั้งนั้นทีมที่ช่วยในการผ่าตัดจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่ง  ต้องพร้อมและเข้าใจขั้นตอนการทำงานตลอดเวลา  ต้องรู้จักความต้องการของหมอผ่าตัดได้แค่จากการสังเกต นี่คือทีมที่หมอผ่าตัดทุกคนต้องการ  จากลักษณะงานที่มีแต่ความเครียด....ชีวิตของผู้อื่นอยู่ในกำมือของหมอผู้ซึ่งถูกเรียกว่า  ‘กัปตัน’ ของทีม  กันย์จึงจำเป็นต้องเป็นคนที่เข้มงวดตลอด...ทีมของเขาจึงต้องเป็นคนรู้มือ  รู้ใจในการทำงานเป็นอย่างดี

          บริเวณทางเดินทางเข้าห้องผ่าตัด ชายหนุ่มรูปร่างบึกบึน  อายุคงรุ่นราวคราวเดียวกับคนที่เดินตรงมายืนอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์   รูปร่าง  หน้าตา  ท่าทางที่คุ้นเคย  จึงทำให้กันย์เดินเข้าไปใกล้  และส่งเสียงทักทายดังๆ
“เฮ้ย.....นั่น นัทธ์ใช่มั๊ย” 
          คนที่ถูกทักหันกลับมาตามเสียงเรียก  ส่งยิ้มกว้างให้ พร้อมกับถามกลับเมื่อเห็นหน้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเต็มตา
          “อ้าว...กันย์.. ไปไงมาไงล่ะเนี่ย?   ทำไมมาโผล่อยู่ตรงนี้ได้ ?” นัทธ์ถามกลับพร้อมกับยื่นมือไปจับมือเพื่อนขึ้นเขย่าอย่างดีใจ
           “ฉันมาเป็นหมอใช้ทุนโรงพยาบาลจังหวัดน่ะสิ  3 ปีเชียวนะ   อือ...จริงสิ..บ้านนัทธ์อยู่ที่นี่ นี่นา” กันย์ทำท่านึกขึ้นได้ว่าเพื่อนของเขามีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนี้ แล้วยิงคำถามออกไปอีกก่อนที่ชายหนุ่มอีกคนจะได้ตอบ
          “แล้วมาทำอะไรที่โรงพยาบาลล่ะ  มีใครป่วยเหรอ?”
          “ไม่มีใครป่วยหรอก  มาหาน้องมิว  น้องเขาเป็นพยาบาลอยู่นี่   น้องธีร์ก็เป็นหมออยู่นี่นะ  ยังไม่เจอกันเหรอ”
          “อือ...เจอแล้ว เจอน้องธีร์นะ  ยังไม่เจอมิว  ไม่เห็นธีร์พูดถึงมิวเลย  อีกอย่างฉันเพิ่งมาเป็นหมอพาร์ทไทม์ที่โรงพยาบาลอาทิตย์ที่แล้วเอง ไม่ค่อยมีเวลาคุยกับธีร์หรอก  ทักทายกันแป๊บเดียว”   
          “ไม่นึกว่ามิวจะทำงานอยู่ที่นี่  นึกว่าจะไปทำงานตามโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพ”   กันย์ตอบพร้อมกับพูดในสิ่งที่คิดออกมา
          “มิวอยากอยู่ใกล้พ่อกับแม่เขาน่ะ บ้านน้องเขาอยู่อีกจังหวัดที่ติดกันนี่เอง  เขาไปมาหาพ่อแม่สะดวก  กลับบ้านได้ทุกอาทิตย์  เลยมาทำงานที่นี่  อีกอย่างมิวสนิทกับธีร์ก็เลยมาทำงานอยู่ด้วยกัน” เสียงคนร่างหนาสาธยายถึงคนในห้องผ่าตัดให้หมอหนุ่มฟัง
          “มิวทำงานในห้องผ่าตัดด้วยนะ  คงยังไม่เจอกันล่ะสิ”
          “ยัง...ยังไม่เจอกันเลย” หมอหนุ่มต่อบทสนทนา
          “มิวลาพักร้อนไปสองอาทิตย์  เพิ่งกลับมาทำงานวันแรกวันนี้เอง”  นัทธ์ตอบเพื่อนยาวเหยียดทุกคำถามที่เพื่อนถามและเล่าให้ฟังเพิ่มเติมจากสิ่งที่เพื่อนไม่ได้ถาม 
          “วันนี้ฉันนัดน้องมิวไว้จะมารับไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน  อีกสามสี่วันก็จะกลับไปทำงาน  ตอนนี้ฉันลาพักร้อนมาเหมือนกัน”   
          “  อือ...ฮึ...ฉันขอตัวก่อนก็แล้วกันนะ  จะเข้าห้องผ่าตัด  ตอนนี้ก็เลยเวลาแล้ว  เดี๋ยวถ้ามีโอกาสค่อยนัดเจอกันวันหลังนะ ไปก่อนล่ะ”

          พูดจบกันย์ก้าวขายาว ๆ   ผ่านเข้าห้องผ่าตัดไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบที่ไม่มีใครบอกได้ว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่สายตาของเขาสิ  หวั่นไหวระริกจนรู้สึกได้   ‘มิวทำงานที่นี่   ในที่ที่เขากำลังจะก้าวเข้าไป เขาจะเจอเธออีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เธอเปลี่ยนไปหรือเปล่านะ ไม่เจอกันมากี่ปีแล้ว ไม่รู้ข่าวคราวตั้งแต่วันที่ตัดสินใจจาก เก็บไว้แค่อดีตที่เอามาชโลมจิตใจยามเหงาแต่ปัจจุบันกับอนาคตระหว่างเขากับเธอคงเป็นสิ่งที่มืดมน’   กันย์หวนรำลึกถึงอดีตที่ยาวนาน เขามีโอกาสรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่จนบัดนี้เขาก็ยังไม่เคยได้เอ่ยว่ารักแต่สิ่งที่เขาได้เอ่ยคือคำกล่าวลา  แล้วเขาก็ทิ้งเธอไปไม่เคยติดต่อ  ตลอดเวลาที่ผ่านมา  เขาไม่เคยลืมใบหน้าหวาน ดวงตากลมโต ขนตายาวดกหนาเป็นแพ  ริมฝีปากบาง  ยิ้มละมุนละไมอยู่เนืองนิตย์และสุดท้ายวันที่ลาจาก เหตุการณ์วันนั้นผุดพรายขึ้นมาในสมองเหมือนดั่งการฉายภาพในอดีตซ้ำไปซ้ำมา

          ขณะที่สายตาอีกคู่กำลังมองตามหลังเพื่อนที่เดินเข้าไปในห้องผ่าตัด  แววตาของนัทธ์นั้นเต็มไปด้วยความวิตก  ความไม่แน่ใจฉายเด่นเห็นได้ชัดเพราะรู้ว่าคนที่เดินจากไปเมื่อครู่  คือคนที่หญิงสาวที่เขาหมายปองเก็บเอาไว้ข้างใจมาตลอด  ตอนนี้เขากลับมา...มายืนอยู่ใกล้ ๆ ตัวเธอ  แม้นขณะที่ตัวคนนั้นไม่อยู่ข้าง ๆ  เขายังไม่สามารถแทรกไปแทนที่ผู้ชายคนนี้ในใจของเธอได้  เมื่อคุณหมอผู้กุมหัวใจหญิงสาวมาตลอดกลับมายืนอยู่ที่ตรงนี้  คนอย่างเขาจะเอาอะไรไปสู้ได้ล่ะ

          นัทธ์คิดอย่างทดท้อ  ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้หน้าห้องผ่าตัดเหมือนคนหมดแรง พยายามยิ้มทั้งที่ใจเจ็บแปลบ  หัวเราะทั้งที่อยากจะร้องไห้  เขาได้แต่รอเวลาที่จะได้เจอหน้าหญิงสาว  คนที่เขาเองมีใจสมัครรักใคร่มาเนิ่นนาน  โดยไม่รู้ว่าอนาคตจะลงเอยเช่นไร  หวนคิดถึงอดีต  วันที่ได้รู้จักหญิงสาวเป็นครั้งแรกเมื่อสิบปีมาแล้ว  เขารู้จักกับเธอก่อนผู้ชายคนนั้นอีก  และคิดตลอดเวลาว่าได้ดูแลเอาใจใส่เธอไม่แตกต่างไปจากเพื่อนอีกคนหนึ่ง  หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ   มิหนำซ้ำยังอยู่เคียงข้างหญิงสาวผู้น่าสงสารมาตลอดเวลา ในช่วงชีวิตผ่านมาทั้งในตอนที่มีทุกข์  มีสุข แต่ทำไม...ทำไมเขาถึงไม่สามารถเข้าไปอยู่ข้างใจเธอได้สักที  นัทธ์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้  ผ่อนศีรษะลง  เปลือกตาปิดลงช้า ๆ  หัวใจร้าวรวด  อ่อนแรง  หมดหวัง...

          หมอหนุ่มร่างสูง แต่งตัวด้วยชุดสีเขียว  สวมรองเท้าบูท ใส่หมวกเขียวเก็บผมมิดชิด  เดินตรงเข้าไปในเขตปลอดเชื้อในห้องผ่าตัด  เสียงซุบซิบของผู้หญิงดังลอดออกจากห้องมาเข้าหู แต่เขาไม่สนใจที่จะฟังเสียงใดๆ ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาเป็นหัวข้อสนทนา  ร่างสูงเดินผ่านห้องเก็บเครื่องมือ   หยุดยืนที่หน้าห้องผ่าตัด  สายตาคมภายใต้แว่นใสมองผ่านกระจกบานเล็กที่ประตูห้องผ่าตัด  ดูความเคลื่อนไหวภายในห้องแคบ ๆ นั้นด้วยใจสับสน
 
          หญิงสาวในชุดรุ่มร่ามสีเดียวกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าห้อง   มือทั้งสองข้างอยู่ในถุงมือปลอดเชื้อ  เธอสาละวนกับการจัดเตรียมอุปกรณ์บนโต๊ะที่ถูกคลุมด้วยผ้าปลอดเชื้อหนาสีเขียว    เครื่องมือที่มีหน้าตาเหมือนเครื่องมือสร้างบ้านถูกวางเป็นหมวดหมู่   ง่ายต่อการหยิบจับใช้งาน   สิ่วคมหลายขนาด  ฆ้อน  คีมหนีบเส้นเลือดหลากหลายชนิดถูกวางเตรียมให้พร้อมใช้    มีดผ่าตัดคมกริบถูกวางเตรียมไว้บนโต๊ะสูง  เครื่องมืออื่นๆ เตรียมพร้อมไม่ขาดตก  อุปกรณ์ที่ต้องใช้ก่อน-หลังถูกจัดไว้เป็นลำดับ แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของผู้เตรียม  คนสี่ห้าคนเดินสวนกันไปมาในห้องที่เย็นเฉียบเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง  บางคนเปิดห่อผ้าเขียวส่งเครื่องมือในห่อผ้าให้คนในชุดรุ่มร่าม  เครื่องมือหลากหลายส่งเสียงร้องดังตามการจังหวะของการทำงาน  สายน้ำเกลือหลายเส้นกำลังพาน้ำสีใส  สีเหลือง เข้าสู่ร่างกายชายที่นอนบนเตียงแคบพอดีตัว

          ผู้ป่วยพร้อม  วิสัญญีแพทย์พร้อม  ทีมทำงานในห้องเล็ก ๆ พร้อม  แต่คนที่เป็นกัปตันทีมยังไม่เข้าห้อง  คนตัวโตที่ยืนอยู่นอกห้องเพ่งสายตาภายใต้แว่นกรอบเงินไปที่ร่างบางในห้องผ่าตัด  หัวใจที่เคยคิดว่าสงบลงไปนานแล้วเต้นโครมครามจนแทบจะทะลุออกมานอกอก  อยากเดินเข้าห้องแต่กลัวการเผชิญหน้า   ไม่อยากสบสายตาที่ติดตรึงมิรู้คลาย  แววตาหม่นหมองในวันที่ลาจากตอกย้ำความผิดของเขาในวันวาน  แววตาเช่นนั้นเขาจะเห็นอยู่หรือเปล่าหนอ  หรือมันหายไปแล้วจนหมดสิ้น  เพราะเขาเองเห็นนัทธ์ยังคงอยู่ข้างกายเหมือนเก่าก่อนมีเพียงเขาที่ทิ้งเธอไป ‘การยืนคิดอยู่นอกห้องไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ความหวาดหวั่นลดลง   การเผชิญหน้าต่างหากที่จะให้คำตอบทั้งหมดได้’  เมื่อคิดหาทางออกได้ มือใหญ่ของหมอเจ้าระเบียบผลักประตูอย่างแรง  ความแรงนั้นมากพอทำให้คนร่างบางในห้องหันกลับมาที่ต้นเสียง  สายตาประสานสายตาอีกคู่  ดวงตาที่ระริกไหว สองคู่ถูกปกปิดความรู้สึกด้วยแว่นกันเลือดบนใบหน้าของคนทั้งสองคน  ที่บัดนี้ต่างก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเช่นใด  อารมณ์และความรู้สึกหลากหลายถูกเก็บซ่อนไว้หลังแววตาทั้งสองคู่
 
          พยาบาลสาวจ้องหน้าหมอหนุ่ม  น้ำเสียงหนักแน่น  คำทักทายและการรายงานเคสผ่าตัดตามแบบแผนของการปฏิบัติงานลอดมาจากริมฝีปากที่ถูกปกปิดด้วยมาสค์*  เสียงที่ดังออกมาราบเรียบ ไร้อารมณ์ ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ของผู้กล่าวออกมาได้

           “สวัสดีค่ะ  หมอกันย์...ดิฉันณัฐรดา เป็นพยาบาลส่งเครื่องมือในวันนี้  ผู้ป่วยชื่อนาย..........เครื่องมือ  ผู้ป่วยและทีมผ่าตัด โออาร์ไอเอฟ วิท เพลท ไรท์ ฟีเมอร์** พร้อมแล้วค่ะ”

-------------------------------------------------------------------

* Mask   ผ้าปิดปากปิดจมูกป้องกันเชื้อโรค
** ORIF   Plate Rt.Femur   การผ่าตัดแบบเปิดดามเหล็กที่กระดูกต้นขาข้างขวา
*** OR = Operating Room  คือ ห้องผ่าตัด



Create Date : 04 สิงหาคม 2553
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2553 15:58:24 น. 0 comments
Counter : 410 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พรรณวรดา
Location :
อุดรธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือ...เป็นเส้นทางในการนำผู้คนสู่ความสำเร็จ การอ่านหนังสือเป็นวิธีการที่ต้องเดินไปบนเส้นทางนั้น หนังสือทุกเล่ม ไม่ว่าจะมีราคาแพง ราคาถูก เล่มที่เก่าเก็บมานานหรือเล่มที่เพิ่งพิมพ์ออกมาจากโรงพิมพ์สด ๆ ร้อน ๆ หนังสือวิชาการหรือหนังสืออ่านเล่น ทุกเล่มล้วนบ่งบอกตัวตนของตนเองและมีคุณค่าในตัวเองทุกเล่มเช่นเดียวกัน...มาเถอะมาอ่านหนังสือกัน เพื่อเพิ่มคุณค่าของตนเองและคุณค่าของหนังสือ

ลายปากกา
Cursor by nuthinbutnet.net
ShoutMix chat widget

MusicPlaylist
MusicPlaylist at MixPod.com
เวลาแห่งความสุขของคนรักนิยาย by นาด้า
Friends' blogs
[Add พรรณวรดา's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.