|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
คนข้างใจกับผู้ชายข้างตัว..1
๑.
มิว...มีโออาร์ไอเอฟ ฟีเมอร์**เคสหนึ่งนะ เสียงหัวหน้าแจ้งให้ณัฐรดาทราบถึงคิวผ่าตัดของวันนี้แก่พยาบาลสาวหน้าหวานประจำห้องผ่าตัด ที่เพิ่งกลับมาจากการลาพักผ่อนประจำปี มาทำงานเป็นวันแรกหลังจากหายหน้าหายตาไปนานร่วมสองสัปดาห์ ค่ะ พี่ติ๊ก กี่โมงคะ? เก้าโมงครึ่ง เตรียมเครื่องมือให้ครบนะ หมอมาใหม่ด้วย รับทราบและไม่มีปัญหาเจ้าค่ะคุณหัวหน้าคนงาม มือชั้นนี้แล้วไม่เคยพลาด ณัฐรดา...พยาบาลสาวหน้าหวาน ดวงตากลมโต ใสดุจตากวาง หันมาทำหน้าทะเล้นยิ้มกว้างรับคำอย่างร่าเริง สดใส กับหัวหน้างานแถมแกล้งพูดโอ่ตัวนิด ๆ กับฝีมือการทำงานที่ไม่เคยผิดพลาด และเป็นที่พึงพอใจของเพื่อนร่วมงานมาโดยตลอด ย่ะ.....พี่รู้ ไม่งั้นก็ไม่ให้เธอเข้าประกบหมอหรอก ถ้าให้คนอื่นเข้ากลัวพลาดซ้ำ เดี๋ยวโดนกันอีกรอบ อาจต้องปิดโออาร์***หนีกันไปเลย ต้องส่งเธอเข้าไปปราบ บรรดาหมอทั้งหลายจะได้รู้สักทีว่าพยาบาลไม่ใช่ลูกไล่ พวกเรามีฐานะเป็นเพื่อร่วมงาน...ไม่ใช่ลูกน้อง สาวโสดหัวหน้าห้องผ่าตัดที่รู้และเข้าใจลูกน้องเป็นอย่างดีพูดยิ้ม ๆ เธอรู้ดีว่าลูกน้องสาวเป็นคนเก่ง ทำงานมีหลักการ มีความรู้ความสามารถ ขยันขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าในงานเร่งด่วนได้ดี ณัฐรดาเป็นพยาบาลที่เธอภูมิใจในผลงานมาโดยตลอด หญิงสาวได้รับการยกย่อง ยอมรับ และได้รับเกียรติจากเพื่อนร่วมงานและหมอหลายคนเพราะความสามารถในการทำงาน รวมทั้งการวางตัวที่ดีกับทุกคนเสมอมา ตั้งแต่เข้ามาทำงานเป็นพยาบาลที่โรงพยาบาลแห่งนี้เมื่อ 6 ปีก่อน
เป็นไงมั่ง ลาพักร้อนหนนี้ไปซะหลายวันเลย นัทธ์พาไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง? เมื่อไหร่จะแต่งงานกันสักทีเห็นไปมาหาสู่กันหลายปีดีดัก นี่ก็จวนจะสามสิบอยู่รอมร่อ ปล่อยนานกว่านี้ไม่มีคนมาขอนะ เดี๋ยวกลายเป็นแตงเถาตายเหมือนพี่ สาวใหญ่ใบหน้ายิ้มแย้มถามขึ้นหลังจากลูกน้องนั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าเธอ หลังจากหญิงสาวเตรียมอุปกรณ์และจัดข้าวของเครื่องมือครบครันตามความจำเป็นแล้ว ช่วงเวลาที่ว่างระหว่างรอรับผู้ป่วย เป็นเวลาที่หญิงสาวจะมานั่งพักดื่มกาแฟพูดคุยสัพเพเหระกับหัวหน้า ซึ่งเป็นกิจวัตรทุกเช้าในวันทำงานก่อนผู้ป่วยจะมาถึงห้องผ่าตัด ไม่ได้ไปไหนหรอกค่ะ ลาตามสิทธิ์เท่านั้นเอง อยู่บ้านกับพ่อแม่ พี่นัทธ์ลาพักร้อนกลับมาก็คงอยากอยู่กับพ่อแม่เขาด้วยแหละ เลยไม่ได้ไปไหนไกลค่ะ ณัฐรดาตอบพร้อมกับยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ เธอรู้สึกขำนิด ๆ กับความคิดของหัวหน้า แต่เธอก็เข้าใจความคิดของสาวใหญ่ในเรื่องระหว่างเธอกับนัทธ์ดี
ณัฐรดารู้มาตลอด...หัวหน้าคิดว่านัทธ์เป็นแฟนของเธอ มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนส่วนใหญ่จะคิดแบบนั้นเพราะนัทธ์เองก็เทียวไล้เทียวขื่อเธอมาหลายปี กอรปกับนายแพทย์กันตธีร์ ที่เป็นแพทย์ประจำที่โรงพยาบาลแห่งนี้ออกโรงเชียร์ให้เธอเปิดใจรับ นัทธ์ ชายหนุ่มร่างสูงบึกบึนแต่น้ำเสียงอ่อนโยนคนนั้น คนที่ตามติดเธอมาหลายปี จนทำให้หลายคนคิดว่านัทธ์เป็นแฟนของเธอจริงๆ แต่ณัฐรดาเองก็รู้มาตลอดว่า...ตัวเองนั้นมีคนที่แอบซุกซ่อนเอาไว้ข้างใจมานานแสนนาน ตั้งแต่วันที่เจอเขาวันแรก วันที่เขาเอาใจใส่ดูแลเธอในฐานะน้องใหม่ที่เจ็บป่วยและอ้างว้างอยู่อย่างเดียวดายที่หอพักนักศึกษาหญิง และจากนั้นก็ได้พบกันบ่อยๆ จนเกิดความผูกพัน ใกล้ชิดสนิทสนม ช่วยเหลือ ไปมาหาสู่กัน เธอคิดว่านั่นเป็นความรักที่สองคนได้มอบให้กัน จนวันสุดท้าย...วันที่เขาบอกลา วันที่เขาบอกว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ใช่ความรัก วันที่เขาเดินจากเธอไป แต่วันนั้นเขาไม่ได้แค่จากไป เขาได้ทิ้งรอยสัมผัสที่เธอไม่เคยลืม ทิ้งที่ระลึกระหว่าง พี่-น้อง ให้เธอเก็บไว้ ณัฐรดาแอบเก็บคนๆ นั้นไว้ข้างใจตลอดเวลาตั้งแต่วันนั้นตราบจนวันนี้
แม้นเวลาผ่านเลยมาเนิ่นนาน ณัฐรดายังไม่สามารถลบผู้ชายคนนั้นออกไปจากใจได้เลยแม้แต่น้อย และคงรับรักคนอื่นมาแทนที่ได้ยาก ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีเพียงหมอกันตธีร์และนัทธ์เท่านั้นที่รู้ว่าเธอยังคงมีคนที่แอบซุกซ่อนไว้ข้างใจ...แต่เขาก็ได้เดินจากเธอตั้งแต่วันนั้น ไปไกลเหลือเกิน ไกลจนเธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ ณ ที่ใด...เธอรู้ว่า...ทั้งนัทธ์และธีร์ต่างก็รู้ดีว่าระยะทางที่ห่างไกลระหว่างเธอกับผู้ชายคนนั้น เป็นเพียงห่างกายแต่ใจของเธอพันผูกใจของเขาไว้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง...
นับตั้งแต่วันที่เขาไปจากชีวิต...ณัฐรดาคิดเสมอว่าโอกาสหวนกลับแทบไม่มี...เขาไม่เคยติดต่อมา...ไม่เคยส่งข่าวคราว...ทำเหมือนได้ตายจากเธอไปแล้วจริง ๆ วันที่เดินจากกันเธอรู้ว่าเหตุผลมีเพียงอย่างเดียว...เราไม่ได้รักกัน...เราแค่สนิทสนมกันมากเกินไป...นั่นคือคำบอกเล่าก่อนกล่าวลา...มาถึงวันนี้สำหรับเธอแล้ว...มันไม่ใช่แค่สนิทกัน เวลาที่ไม่ได้เจอกันมาหกปี เธอยังไม่เคยลืมเขาแม้แต่เสี้ยว...หญิงสาวจำได้ทุกรายละเอียดระหว่างเธอกับเขา....แล้วอย่างนี้จะให้เรียกว่าแค่สนิทกันได้อย่างไร
ความเงียบเหงาของเธอที่มีขึ้นมากมายในยามที่คิดว่าไม่มีคนเห็น ทำให้หมอที่เป็นเพื่อนรักอดเศร้าตามไม่ได้ เพื่อนสนิทของเธอเลยต้องหันหน้ามาเชียร์ พี่นัทธ์ ให้เข้ามารักษาแผลใจให้ เพราะหมอธีร์รู้มาตลอดว่า พี่ที่ดูแลเธอประดุจพี่ชายดูแลน้องสาวคนนั้น หลงรักเธอมาตั้งแต่เรียนอยู่ปีหนึ่ง เพื่อนที่น่ารักจึงยุให้เธอมองคนที่อยู่ข้างกาย หาความสุขจากคนข้างกาย เพราะเขาคงอยากให้เธอมีความสุขสักที...แต่ความสุขจะเกิดขึ้นได้อย่างไรในเมื่อเธอเองรู้ว่าหัวใจของตัวเองอยู่ที่ไหน
ส่วนนัทธ์ก็ไม่เคยเร่งเร้าให้เธอตอบรับรัก เขายังคงทำตัวเป็นพี่....เป็นเพื่อนที่ดีเสมอมา ทำให้ตัวเธอเองสบายใจที่ได้คบหากันแบบนี้ เพราะเธอคิดว่าถ้าเมื่อไหร่ที่นัทธ์ต้องการให้เธอเป็นมากกว่าที่เป็นอยู่ เธอคงได้เลิกคบกับเขาเป็นแน่ ชายหนุ่มเองก็รู้ดีจึงไม่เคยเร่งรัด ยังคงรอ...ปล่อยให้เธอเลือกและตัดสินใจเอง ด้วยความรักที่นัทธ์มีให้กับเธอ เธอรู้ว่านัทธ์รอคอยเสมอว่า สักวันความดีและความรักที่เขามีให้จะทำให้เธอเลือกเขาและมีความสุขด้วยกันได้ อย่างที่เขาเคยบอกมานานแล้ว ส่วนเธอเองก็เคยคิดว่าสักวันหัวใจของเธอจะเป็นของนัทธ์ได้เหมือนที่เคยเป็นของใครคนนั้น
กริ๊ง...กริ๊ง...เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของณัฐรดา หญิงสาวลุกขึ้นเดินไปรับโทรศัพท์ กรอกเสียงหวานสดใสลงไป สวัสดีค่ะ ห้องผ่าตัดพยาบาลรับสายค่ะ ผม....หมอกันย์นะ ตารางเวลาผ่าตัดและเครื่องมืออุปกรณ์เรียบร้อยดีใช่มั๊ย?...มีปัญหาอะไรหรือเปล่า? เสียงห้าว ดังชัดเจนมาจากทางต้นสาย เอ่อ...เอ่อ...ใครนะคะ? หมออะไรนะคะ? หมอถามว่าอะไรนะคะ? เสียงถามตอบของหญิงสาวดังกลับไปเหมือนคนติดอ่าง แผ่วเบาคล้ายเสียงที่หลุดออกจากริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว...ตกใจ..สับสน...ไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แค่เธอคิดถึงเขาเขาก็โทรมาเหรอ ณัฐรดางุนงงไปกับการคุยโทรศัพท์ในเวลานี้ ผม...หมอกันย์ครับ ผมอยากถามว่าห้องผ่าตัดพร้อม อุปกรณ์ เครื่องมือพร้อมและคนพร้อมสำหรับการผ่าตัดแล้วหรือยังครับ? เสียงทางต้นสายดังออกมาหนักแน่น เน้นคำว่า คน เอ่อ...พร้อมค่ะ... พร้อม ไม่มีปัญหาอะไรถ้าหมอพร้อมแล้วก็ขึ้นมาได้เลย คนไข้มาถึงห้องผ่าตัดแล้วค่ะ จะให้หมอดมยาวางยาสลบรอเลยมั๊ยคะ? ณัฐรดาตอบและถามกลับทันทีที่ตั้งสติได้ เธอสลัดศีรษะเบาๆ เรียกสติ สมาธิกลับคืนมาอีกครั้ง กลับมาเป็นณัฐรดาคนเก่า คนที่เข้มแข็ง คนที่ไม่เคยกลัว ไม่เคยผิดพลาด กลับมาทำหน้าที่ของตัวเองอย่างคล่องแคล่ว ถ้างั้นก็ผมขอเวลาสักครู่ อีก 30 นาทีผมขึ้นไป อ้อ... บอกหมอดมยาให้ผมด้วย ผมขอเลท 30 นาที คนไข้ที่ โอพีดี***ยังไม่หมด พอพูดจบสายก็ถูกตัดทันทีโดยที่เธอไม่มีโอกาสตอบรับ
หลังจากวางหูโทรศัพท์ลง ณัฐรดาเดินกลับมาทรุดตัวลงนั่งที่เดิม ถามหัวหน้าห้องผ่าตัดออกไปเบาๆ พี่ติ๊กคะ หมอคนที่จะขึ้นมาผ่าตัดชื่ออะไรนะ หนูหายไปสองอาทิตย์ ตามข่าวไม่ทันเลยเหรอเนี่ย ณัฐรดาแกล้งถามหัวหน้า เธอรู้ตัวดีว่าตัวเองพลาดไปที่ไม่ถามชื่อหมอตั้งแต่แรก เพราะคิดว่าหมอคนไหนก็ทำผ่าตัดเหมือน ๆ กัน อ๋อ...หมอกันย์ สาวใหญ่ลากเสียงยาว เขาจบหมอเฉพาะทางศัลยกรรมกระดูกมา มาใช้ทุนที่โรงพยาบาลจังหวัด 3 ปี เพิ่งมาเป็นหมอพาร์ทไทม์ที่เราอาทิตย์ที่แล้วเอง ตอนที่มิวลาพักร้อนน่ะ เลยตกข่าวน่ะสิจ๊ะ หมอหนุ่มรูปหล่อมาดเท่ เจ้าระเบียบ เงียบขรึมแทบจะเรียกได้ว่าเย็นชาเลยแหละ หัวหน้าห้องผ่าตัดสาธยายด้วยนัยน์ตาเพ้อฝันตามแบบฉบับสาวใหญ่หัวใจเปล่าเปลี่ยว แต่พอไม่สบอารมณ์ ร้อนยังกับไฟโลกันต์แน่ะ เขาว่ากันว่าคนราศีกันย์เป็นคนอบอุ่น สงสัยอีตาคนนี้ อุ่นนานไปหน่อย พอมีอะไรกระตุ้นนิดหน่อยร้อนขึ้นเร็วยังกับไฟมหาประลัย หรืออีกทีก็เหมือนระเบิดที่พร้อมจะถอดสลักเลยทีเดียว สายตาที่เพ้อฝันเปลี่ยนไปแบบคนละขั้วเมื่อสาวใหญ่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา จนลูกน้องของเธอตอนนี้เข้าหน้าหมอแทบไม่ติดสักคน พ่อเล่นอาละวาดตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าห้องผ่าตัดเลยทีเดียว คนที่นั่งฟังไม่ได้แสดงความคิดเห็นออกมา ใบหน้าเรียบเฉยแต่สายตาวูบไหว หัวใจคล้ายกับกำลังเต้นช้าลง สั่นระริก มิวเข้ามาในโรงพยาบาลเมื่อเช้าไม่รู้สึกว่ามีอะไรแปลก ๆ มั่งเหรอ เดี๋ยวนี้ในโรงพยาบาลตั้งกลุ่ม กันย์แฟนคลับ ไปแล้วนะ สาว ๆ เขากระซิบกระซาบ ซุบซิบ แอบทิ้งหางตาให้หมอหนุ่มเป็นแถว ติ๊กตอบพร้อมกับมองลูกน้องสาวที่ทำหน้ากระอักกระอ่วน พูดไม่ออกบอกไม่ถูก มีอะไรเหรอมิว หมอโทรมาเหรอเมื่อกี้ มิวโดนด่าเหรอ ทำไมทำหน้าแบบนั้น หัวหน้าสาวใหญ่ใจดีถามลูกน้องพร้อมแสดงความเป็นห่วงใย เพราะเธอเคยฤทธิ์ของหมอหนุ่มมาเมื่ออาทิตย์ก่อน เครื่องมือไม่พร้อม พยาบาลส่งเครื่องมือไม่ถูกใจ จนโดนหมอหนุ่มไฟแรงที่เจ้าระเบียบ เอ็ดตะโรลูกน้องมาแล้ว สาว ๆ ห้องผ่าตัดเข็ดขยาดหมอรูปหล่อกันถ้วนหน้า คงเหลือแต่คนที่ยังไม่เคยเห็นฤทธิ์เดชของพระเดชพระคุณท่านเท่านั้นแหละ ที่ยังคงเป็นปลื้มกับหน้าตาคมคายของหมอคนใหม่ อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่ติ๊ก พอดีลืมถามชื่อหมอ เดี๋ยวมิวไปแจ้งหมอดมยาแป๊บนึงนะคะ หมอผ่าตัดขอเลท 30 นาที แล้วจะเลยไปดูเครื่องมือเพิ่มอีกนิดค่ะ พูดจบณัฐรดารีบลุกออกจากห้องพักตรงเข้าห้องผ่าตัดทันที
ระหว่างทางเดินจากห้องตรวจผู้ป่วยนอกมาห้องผ่าตัดมีคนหลายคนยืนอยู่เป็นระยะ กันย์เดินมาตามทางแคบ ๆ อย่างเร่งรีบเพราะเลยเวลาผ่าตัดไปแล้วหลายนาที เขาไม่เคยเป็นคนไม่ตรงต่อเวลา แต่การทำงานในอาชีพแพทย์เรื่องเวลาเป็นสิ่งที่บอกกับใครตรง ๆ ไม่ได้เลย โดยเฉพาะคนที่เป็นหมอผ่าตัด เพราะไม่เคยมีหมอผ่าตัดคนไหนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ว่างานที่ต้องทำในแต่ละวันจะพบเจอกับปัญหาและอุปสรรคใดบ้าง แต่เมื่อกรีดมีดผ่าตัดลงไปแล้วต่อให้มีปัญหาอุปสรรคร้อยแปด หมอทุกคนต้องแก้ปัญหานั้นให้ผ่านพ้นไปให้ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นทีมที่ช่วยในการผ่าตัดจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่ง ต้องพร้อมและเข้าใจขั้นตอนการทำงานตลอดเวลา ต้องรู้จักความต้องการของหมอผ่าตัดได้แค่จากการสังเกต นี่คือทีมที่หมอผ่าตัดทุกคนต้องการ จากลักษณะงานที่มีแต่ความเครียด....ชีวิตของผู้อื่นอยู่ในกำมือของหมอผู้ซึ่งถูกเรียกว่า กัปตัน ของทีม กันย์จึงจำเป็นต้องเป็นคนที่เข้มงวดตลอด...ทีมของเขาจึงต้องเป็นคนรู้มือ รู้ใจในการทำงานเป็นอย่างดี
บริเวณทางเดินทางเข้าห้องผ่าตัด ชายหนุ่มรูปร่างบึกบึน อายุคงรุ่นราวคราวเดียวกับคนที่เดินตรงมายืนอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ รูปร่าง หน้าตา ท่าทางที่คุ้นเคย จึงทำให้กันย์เดินเข้าไปใกล้ และส่งเสียงทักทายดังๆ เฮ้ย.....นั่น นัทธ์ใช่มั๊ย คนที่ถูกทักหันกลับมาตามเสียงเรียก ส่งยิ้มกว้างให้ พร้อมกับถามกลับเมื่อเห็นหน้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเต็มตา อ้าว...กันย์.. ไปไงมาไงล่ะเนี่ย? ทำไมมาโผล่อยู่ตรงนี้ได้ ? นัทธ์ถามกลับพร้อมกับยื่นมือไปจับมือเพื่อนขึ้นเขย่าอย่างดีใจ ฉันมาเป็นหมอใช้ทุนโรงพยาบาลจังหวัดน่ะสิ 3 ปีเชียวนะ อือ...จริงสิ..บ้านนัทธ์อยู่ที่นี่ นี่นา กันย์ทำท่านึกขึ้นได้ว่าเพื่อนของเขามีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนี้ แล้วยิงคำถามออกไปอีกก่อนที่ชายหนุ่มอีกคนจะได้ตอบ แล้วมาทำอะไรที่โรงพยาบาลล่ะ มีใครป่วยเหรอ? ไม่มีใครป่วยหรอก มาหาน้องมิว น้องเขาเป็นพยาบาลอยู่นี่ น้องธีร์ก็เป็นหมออยู่นี่นะ ยังไม่เจอกันเหรอ อือ...เจอแล้ว เจอน้องธีร์นะ ยังไม่เจอมิว ไม่เห็นธีร์พูดถึงมิวเลย อีกอย่างฉันเพิ่งมาเป็นหมอพาร์ทไทม์ที่โรงพยาบาลอาทิตย์ที่แล้วเอง ไม่ค่อยมีเวลาคุยกับธีร์หรอก ทักทายกันแป๊บเดียว ไม่นึกว่ามิวจะทำงานอยู่ที่นี่ นึกว่าจะไปทำงานตามโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพ กันย์ตอบพร้อมกับพูดในสิ่งที่คิดออกมา มิวอยากอยู่ใกล้พ่อกับแม่เขาน่ะ บ้านน้องเขาอยู่อีกจังหวัดที่ติดกันนี่เอง เขาไปมาหาพ่อแม่สะดวก กลับบ้านได้ทุกอาทิตย์ เลยมาทำงานที่นี่ อีกอย่างมิวสนิทกับธีร์ก็เลยมาทำงานอยู่ด้วยกัน เสียงคนร่างหนาสาธยายถึงคนในห้องผ่าตัดให้หมอหนุ่มฟัง มิวทำงานในห้องผ่าตัดด้วยนะ คงยังไม่เจอกันล่ะสิ ยัง...ยังไม่เจอกันเลย หมอหนุ่มต่อบทสนทนา มิวลาพักร้อนไปสองอาทิตย์ เพิ่งกลับมาทำงานวันแรกวันนี้เอง นัทธ์ตอบเพื่อนยาวเหยียดทุกคำถามที่เพื่อนถามและเล่าให้ฟังเพิ่มเติมจากสิ่งที่เพื่อนไม่ได้ถาม วันนี้ฉันนัดน้องมิวไว้จะมารับไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน อีกสามสี่วันก็จะกลับไปทำงาน ตอนนี้ฉันลาพักร้อนมาเหมือนกัน อือ...ฮึ...ฉันขอตัวก่อนก็แล้วกันนะ จะเข้าห้องผ่าตัด ตอนนี้ก็เลยเวลาแล้ว เดี๋ยวถ้ามีโอกาสค่อยนัดเจอกันวันหลังนะ ไปก่อนล่ะ
พูดจบกันย์ก้าวขายาว ๆ ผ่านเข้าห้องผ่าตัดไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบที่ไม่มีใครบอกได้ว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่สายตาของเขาสิ หวั่นไหวระริกจนรู้สึกได้ มิวทำงานที่นี่ ในที่ที่เขากำลังจะก้าวเข้าไป เขาจะเจอเธออีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เธอเปลี่ยนไปหรือเปล่านะ ไม่เจอกันมากี่ปีแล้ว ไม่รู้ข่าวคราวตั้งแต่วันที่ตัดสินใจจาก เก็บไว้แค่อดีตที่เอามาชโลมจิตใจยามเหงาแต่ปัจจุบันกับอนาคตระหว่างเขากับเธอคงเป็นสิ่งที่มืดมน กันย์หวนรำลึกถึงอดีตที่ยาวนาน เขามีโอกาสรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่จนบัดนี้เขาก็ยังไม่เคยได้เอ่ยว่ารักแต่สิ่งที่เขาได้เอ่ยคือคำกล่าวลา แล้วเขาก็ทิ้งเธอไปไม่เคยติดต่อ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยลืมใบหน้าหวาน ดวงตากลมโต ขนตายาวดกหนาเป็นแพ ริมฝีปากบาง ยิ้มละมุนละไมอยู่เนืองนิตย์และสุดท้ายวันที่ลาจาก เหตุการณ์วันนั้นผุดพรายขึ้นมาในสมองเหมือนดั่งการฉายภาพในอดีตซ้ำไปซ้ำมา
ขณะที่สายตาอีกคู่กำลังมองตามหลังเพื่อนที่เดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แววตาของนัทธ์นั้นเต็มไปด้วยความวิตก ความไม่แน่ใจฉายเด่นเห็นได้ชัดเพราะรู้ว่าคนที่เดินจากไปเมื่อครู่ คือคนที่หญิงสาวที่เขาหมายปองเก็บเอาไว้ข้างใจมาตลอด ตอนนี้เขากลับมา...มายืนอยู่ใกล้ ๆ ตัวเธอ แม้นขณะที่ตัวคนนั้นไม่อยู่ข้าง ๆ เขายังไม่สามารถแทรกไปแทนที่ผู้ชายคนนี้ในใจของเธอได้ เมื่อคุณหมอผู้กุมหัวใจหญิงสาวมาตลอดกลับมายืนอยู่ที่ตรงนี้ คนอย่างเขาจะเอาอะไรไปสู้ได้ล่ะ
นัทธ์คิดอย่างทดท้อ ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้หน้าห้องผ่าตัดเหมือนคนหมดแรง พยายามยิ้มทั้งที่ใจเจ็บแปลบ หัวเราะทั้งที่อยากจะร้องไห้ เขาได้แต่รอเวลาที่จะได้เจอหน้าหญิงสาว คนที่เขาเองมีใจสมัครรักใคร่มาเนิ่นนาน โดยไม่รู้ว่าอนาคตจะลงเอยเช่นไร หวนคิดถึงอดีต วันที่ได้รู้จักหญิงสาวเป็นครั้งแรกเมื่อสิบปีมาแล้ว เขารู้จักกับเธอก่อนผู้ชายคนนั้นอีก และคิดตลอดเวลาว่าได้ดูแลเอาใจใส่เธอไม่แตกต่างไปจากเพื่อนอีกคนหนึ่ง หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ มิหนำซ้ำยังอยู่เคียงข้างหญิงสาวผู้น่าสงสารมาตลอดเวลา ในช่วงชีวิตผ่านมาทั้งในตอนที่มีทุกข์ มีสุข แต่ทำไม...ทำไมเขาถึงไม่สามารถเข้าไปอยู่ข้างใจเธอได้สักที นัทธ์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ผ่อนศีรษะลง เปลือกตาปิดลงช้า ๆ หัวใจร้าวรวด อ่อนแรง หมดหวัง...
หมอหนุ่มร่างสูง แต่งตัวด้วยชุดสีเขียว สวมรองเท้าบูท ใส่หมวกเขียวเก็บผมมิดชิด เดินตรงเข้าไปในเขตปลอดเชื้อในห้องผ่าตัด เสียงซุบซิบของผู้หญิงดังลอดออกจากห้องมาเข้าหู แต่เขาไม่สนใจที่จะฟังเสียงใดๆ ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาเป็นหัวข้อสนทนา ร่างสูงเดินผ่านห้องเก็บเครื่องมือ หยุดยืนที่หน้าห้องผ่าตัด สายตาคมภายใต้แว่นใสมองผ่านกระจกบานเล็กที่ประตูห้องผ่าตัด ดูความเคลื่อนไหวภายในห้องแคบ ๆ นั้นด้วยใจสับสน หญิงสาวในชุดรุ่มร่ามสีเดียวกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าห้อง มือทั้งสองข้างอยู่ในถุงมือปลอดเชื้อ เธอสาละวนกับการจัดเตรียมอุปกรณ์บนโต๊ะที่ถูกคลุมด้วยผ้าปลอดเชื้อหนาสีเขียว เครื่องมือที่มีหน้าตาเหมือนเครื่องมือสร้างบ้านถูกวางเป็นหมวดหมู่ ง่ายต่อการหยิบจับใช้งาน สิ่วคมหลายขนาด ฆ้อน คีมหนีบเส้นเลือดหลากหลายชนิดถูกวางเตรียมให้พร้อมใช้ มีดผ่าตัดคมกริบถูกวางเตรียมไว้บนโต๊ะสูง เครื่องมืออื่นๆ เตรียมพร้อมไม่ขาดตก อุปกรณ์ที่ต้องใช้ก่อน-หลังถูกจัดไว้เป็นลำดับ แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของผู้เตรียม คนสี่ห้าคนเดินสวนกันไปมาในห้องที่เย็นเฉียบเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง บางคนเปิดห่อผ้าเขียวส่งเครื่องมือในห่อผ้าให้คนในชุดรุ่มร่าม เครื่องมือหลากหลายส่งเสียงร้องดังตามการจังหวะของการทำงาน สายน้ำเกลือหลายเส้นกำลังพาน้ำสีใส สีเหลือง เข้าสู่ร่างกายชายที่นอนบนเตียงแคบพอดีตัว
ผู้ป่วยพร้อม วิสัญญีแพทย์พร้อม ทีมทำงานในห้องเล็ก ๆ พร้อม แต่คนที่เป็นกัปตันทีมยังไม่เข้าห้อง คนตัวโตที่ยืนอยู่นอกห้องเพ่งสายตาภายใต้แว่นกรอบเงินไปที่ร่างบางในห้องผ่าตัด หัวใจที่เคยคิดว่าสงบลงไปนานแล้วเต้นโครมครามจนแทบจะทะลุออกมานอกอก อยากเดินเข้าห้องแต่กลัวการเผชิญหน้า ไม่อยากสบสายตาที่ติดตรึงมิรู้คลาย แววตาหม่นหมองในวันที่ลาจากตอกย้ำความผิดของเขาในวันวาน แววตาเช่นนั้นเขาจะเห็นอยู่หรือเปล่าหนอ หรือมันหายไปแล้วจนหมดสิ้น เพราะเขาเองเห็นนัทธ์ยังคงอยู่ข้างกายเหมือนเก่าก่อนมีเพียงเขาที่ทิ้งเธอไป การยืนคิดอยู่นอกห้องไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ความหวาดหวั่นลดลง การเผชิญหน้าต่างหากที่จะให้คำตอบทั้งหมดได้ เมื่อคิดหาทางออกได้ มือใหญ่ของหมอเจ้าระเบียบผลักประตูอย่างแรง ความแรงนั้นมากพอทำให้คนร่างบางในห้องหันกลับมาที่ต้นเสียง สายตาประสานสายตาอีกคู่ ดวงตาที่ระริกไหว สองคู่ถูกปกปิดความรู้สึกด้วยแว่นกันเลือดบนใบหน้าของคนทั้งสองคน ที่บัดนี้ต่างก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเช่นใด อารมณ์และความรู้สึกหลากหลายถูกเก็บซ่อนไว้หลังแววตาทั้งสองคู่ พยาบาลสาวจ้องหน้าหมอหนุ่ม น้ำเสียงหนักแน่น คำทักทายและการรายงานเคสผ่าตัดตามแบบแผนของการปฏิบัติงานลอดมาจากริมฝีปากที่ถูกปกปิดด้วยมาสค์* เสียงที่ดังออกมาราบเรียบ ไร้อารมณ์ ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ของผู้กล่าวออกมาได้
สวัสดีค่ะ หมอกันย์...ดิฉันณัฐรดา เป็นพยาบาลส่งเครื่องมือในวันนี้ ผู้ป่วยชื่อนาย..........เครื่องมือ ผู้ป่วยและทีมผ่าตัด โออาร์ไอเอฟ วิท เพลท ไรท์ ฟีเมอร์** พร้อมแล้วค่ะ
-------------------------------------------------------------------
* Mask ผ้าปิดปากปิดจมูกป้องกันเชื้อโรค ** ORIF Plate Rt.Femur การผ่าตัดแบบเปิดดามเหล็กที่กระดูกต้นขาข้างขวา *** OR = Operating Room คือ ห้องผ่าตัด
Create Date : 04 สิงหาคม 2553 |
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2553 15:58:24 น. |
|
0 comments
|
Counter : 410 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
อุดรธานี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]
|
หนังสือ...เป็นเส้นทางในการนำผู้คนสู่ความสำเร็จ การอ่านหนังสือเป็นวิธีการที่ต้องเดินไปบนเส้นทางนั้น หนังสือทุกเล่ม ไม่ว่าจะมีราคาแพง ราคาถูก เล่มที่เก่าเก็บมานานหรือเล่มที่เพิ่งพิมพ์ออกมาจากโรงพิมพ์สด ๆ ร้อน ๆ หนังสือวิชาการหรือหนังสืออ่านเล่น ทุกเล่มล้วนบ่งบอกตัวตนของตนเองและมีคุณค่าในตัวเองทุกเล่มเช่นเดียวกัน...มาเถอะมาอ่านหนังสือกัน เพื่อเพิ่มคุณค่าของตนเองและคุณค่าของหนังสือ
|
|
| |