New comming Up"My Fevorite Guy"เจอะแล้วแฟนเราเองคนนี้ ดูแล้วก็อย่าอิจฉาละกันเข้ามาทักตรงนี้หน่อยดิตัวเอง
Tripe นี้มีแค่เราสองคน เพื่อนวรรณ กับ เพื่อนป้อม ก็ชวนเพื่อนคนอื่นแล้ว แต่เขาอยากอยู่กับครอบครัว ไม่ก็อยู่กับแฟนกันตอนสิ้นปีอะนะ เลยเหลือแต่สาวโฉดอย่างเราที่ไปกัน Tripe นี้ไปตายเอาดาบหน้า เพราะต้องช่วยกันหาข้อมูลเองจากคนที่เคยไปมาแล้ว นึกดูตอนนั้นเราช่างกล้าหาญจริงๆ อุปกรณ์ต่างๆก็หยิบยืมจากชาวบ้าน ตั้งแต่เป้ ยัน ลองจอห์น เอาของเขาหมดละ ช่วงที่ไปก็สิ้นปี 2005 พอดี คนคงเยอะน่าดู ทุกอย่างดูว่างเปล่าในโปรแกรม ไม่มีอะไรแป๊ะเพราะเราคือ gang on tour มัวกันไปเด้อ หมอชิตวันที่เราออกเดินทาง
อุตส่าห์ไปทำผมดัดเป็นลอนซะสวยงาม ตื่นมาตอนเช้าเยินไปหมด เราไปถึงช่องเขาค้างคาวตอนตีสี่แล้วต่อรถสองแถวไปยังภูกระดึงอีกต่อหนึ่ง สภาพเราสองคนตอนนั้นดูเหมือนลูกหาบมากกว่า เพราะแบกสัมภาระไปเยอะมาก ก็เอาทุกอย่างไปหมดงะ วรรณก็ลงทุนซื้อเตาปิกนิคใหม่ เพราะเราอยากได้บรรยกาศกินกาแฟในสายหมอก ป้อมก็ซื้อถุงนอนใหม่ ซื้ออุปกรณ์กันหนาวทุกชนิดเท่าที่หาได้เมื่อเราไปถึงภูกระดึงแล้วก็ต้องเสียค่าเข้าให้กับอุทยานแล้วก็ลงชื่อเรียบร้อย ระยะทางจากตีนเขาถึงภูนั้นประมาณ 5 กิโล ถ้าเดินทางราบก็คงเด็กๆ น้ำหนักของที่พารวมกันสองคนก็ 30 โลเอง มันเยอะรึป่าวนะสำหรับคน2คน จัดการรับเบอร์สัมภาระเรียบร้อย(ให้ลูกหาบแบกของ) ก็ไปได้เลยค่ะ แหมแค่เดินตัวเปล่าก็เอาไม่รอดแล้ว มันเหนื่อยเหลือเกินค่ะคุณ ครั้งหนึ่งในชีวิตจริงๆที่เหนื่อยมาก ขึ้นถึงภูแล้วต้องเดินไปที่พักต่ออีก 3กิโล ถึงแล้วที่ที่เราจะพัก
เมื่อเราไปถึงภูกระดึงแล้วก็ต้องเสียค่าเข้าให้กับอุทยานแล้วก็ลงชื่อเรียบร้อย ระยะทางจากตีนเขาถึงภูนั้นประมาณ 5 กิโล ถ้าเดินทางราบก็คงเด็กๆ น้ำหนักของที่พารวมกันสองคนก็ 30 โลเอง มันเยอะรึป่าวนะสำหรับคน2คน จัดการรับเบอร์สัมภาระเรียบร้อย(ให้ลูกหาบแบกของ) ก็ไปได้เลยค่ะ แหมแค่เดินตัวเปล่าก็เอาไม่รอดแล้ว มันเหนื่อยเหลือเกินค่ะคุณ
โชคดีนะค่ะที่มีซำให้พักตลอดเกือบทุกกิโล ไม่งั้น death แน่หิวน้ำจะกินตรงไหนละ อากาศตอนที่เดินขึ้นประมาณ 21องศา ดูสบายๆแต่เหงื่อออกยังกะน้ำ กินอะไรก็อร่อย โค้กกับไข่ปิ้งก็สุดยอดแล้วคุณ แวะกินกันไปทุกซำเลยละและแล้วเราก็มาถึงใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 3 ชั่วโมง ถือว่าเร็วนะค่ะ รุ่นนี้แรงยังไม่ตก ระหว่างทางที่เดินก็แอบดูพวกลูกหาบแบกของ ให้ตายซิทำได้ไงแบกของหลาย10กิโลแล้วปีนเขาไปด้วย ระยะทางไม่ได้ราบเรียบเหมือนบันไดที่เห็นนะค่ะ ทั้งความชัน ความขรุขระของผิวดิน นี้แหละมันทำให้หัวใจเต้นเป็นกลอง เหงื่อไหลเป็นน้ำ กินอย่างกับโจรปล้นถึงภูแล้วเรายังต้องเดินต่อไปที่จุดกางเต๊นท์อีก 3กิโล (ยังต้องเดินอีกหรือ) เมื่อถึงที่พักลงทะเบียนรับเต๊นท์และที่นอนเสร็จก็ได้พักซะที เช็คสภาพช่วงล่าง(ขา) นิดหนึ่งว่ายังอยู่ดีป่าว เราไปถึงประมาณบ่ายได้ (ขึ้นตอนประมาณเก้าโมงได้) จัดที่หลับดับที่นอนเสร็จก็เอนตัวลงนอนก่อนละนะ งีบแป๊บหนึ่งก็ไปอาบน้ำดีก่าจะได้กินข้าว แต่น้ำโคตรเย็นเลยเหมือนอาบน้ำแข็งเลย แต่ยังไงก็ต้องอาบเพราะว่าเหนียวไปทั้งตัว อาบเสร็จก็ไปกินข้าว อาหารที่นั้นค่อนข้าวแพงกว่าข้างล่างนิดหนึ่ง ก็เข้าใจอะนะ ของกินระหว่างปีนภู
และแล้วเราก็มาถึงใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 3 ชั่วโมง ถือว่าเร็วนะค่ะ รุ่นนี้แรงยังไม่ตก ระหว่างทางที่เดินก็แอบดูพวกลูกหาบแบกของ ให้ตายซิทำได้ไงแบกของหลาย10กิโลแล้วปีนเขาไปด้วย ระยะทางไม่ได้ราบเรียบเหมือนบันไดที่เห็นนะค่ะ ทั้งความชัน ความขรุขระของผิวดิน นี้แหละมันทำให้หัวใจเต้นเป็นกลอง เหงื่อไหลเป็นน้ำ กินอย่างกับโจรปล้นถึงภูแล้วเรายังต้องเดินต่อไปที่จุดกางเต๊นท์อีก 3กิโล (ยังต้องเดินอีกหรือ) เมื่อถึงที่พักลงทะเบียนรับเต๊นท์และที่นอนเสร็จก็ได้พักซะที เช็คสภาพช่วงล่าง(ขา) นิดหนึ่งว่ายังอยู่ดีป่าว เราไปถึงประมาณบ่ายได้ (ขึ้นตอนประมาณเก้าโมงได้) จัดที่หลับดับที่นอนเสร็จก็เอนตัวลงนอนก่อนละนะ งีบแป๊บหนึ่งก็ไปอาบน้ำดีก่าจะได้กินข้าว แต่น้ำโคตรเย็นเลยเหมือนอาบน้ำแข็งเลย แต่ยังไงก็ต้องอาบเพราะว่าเหนียวไปทั้งตัว อาบเสร็จก็ไปกินข้าว อาหารที่นั้นค่อนข้าวแพงกว่าข้างล่างนิดหนึ่ง ก็เข้าใจอะนะ ของกินระหว่างปีนภู
ถึงภูแล้วเรายังต้องเดินต่อไปที่จุดกางเต๊นท์อีก 3กิโล (ยังต้องเดินอีกหรือ) เมื่อถึงที่พักลงทะเบียนรับเต๊นท์และที่นอนเสร็จก็ได้พักซะที เช็คสภาพช่วงล่าง(ขา) นิดหนึ่งว่ายังอยู่ดีป่าว เราไปถึงประมาณบ่ายได้ (ขึ้นตอนประมาณเก้าโมงได้) จัดที่หลับดับที่นอนเสร็จก็เอนตัวลงนอนก่อนละนะ งีบแป๊บหนึ่งก็ไปอาบน้ำดีก่าจะได้กินข้าว แต่น้ำโคตรเย็นเลยเหมือนอาบน้ำแข็งเลย แต่ยังไงก็ต้องอาบเพราะว่าเหนียวไปทั้งตัว อาบเสร็จก็ไปกินข้าว อาหารที่นั้นค่อนข้าวแพงกว่าข้างล่างนิดหนึ่ง ก็เข้าใจอะนะ ของกินระหว่างปีนภู
กินข้าวเสร็จเดินเล่นดูเตนท์ชาวบ้านไปเรื่อย รอเวลาจะไปชมพระอาทิตย์ตกที่ ผาหมากดูก (ฮาฮ่ายังจำขึ้นใจ) เดินไปนะจ๊ะประมาณ 2 กิโล ไปกลับก็ 4 กิโล ไปถึงผาแล้วทุกคนก็จองที่จองทางเพื่อถ่ายรูปกับพระอาทิตย์ สวยงามจิงจิงเด้อ เอา act กันเข้าไป ถ่ายๆสวยนะป้อม พระอาทิตย์ตกแย้ว วิวระหว่างทางที่เดินกลับ
ขากลับดูเหมือนว่าเราไม่ได้เอาไฟฉายไปด้วย มีแค่เทียนในขวดน้ำเลยต้องเดินตามกลุ่มของชาวบ้านเขาที่มีไฟฉายกำลังดีๆ ไปจนถึงที่พัก คืนนั้นใส่ลองจอห์นนอนแต่ดูเหมือนว่าไม่ได้ช่วยให้หายหนาวเลย อุณหภูมิลดลงเหลือ 10องศาเห็นจะได้ นอนหนาวจะตายอยู่แล้ว แถมเต๊นท์ข้างๆก็เฮฮาปาร์ตี้กันจังเลย (แบบว่าอิจฉาไงเพราะมันมากันสองคน)ตื่นเช้ามาปุ๊บ วรรณก็จัดการใช้เตาปิกนิคต้มน้ำทำไข่ลวกกินโมโล (จริงๆแล้วมีเตาแก๊สปิคนิคให้เช่าด้วย วรรณแอบเจ็บใจนิดๆ) ให้สมกับที่ขนมาซะไกล แต่หารู้ไหมว่าบนภูมีทุกอย่างให้เลือกสรร หลังจากจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยวันนี้เราก็จะเดินไปยังสถานที่ต่างๆ เริ่มจากน้ำตกถ้ำใหญ่ รู้สึกว่าเช้าวันนั้นทางอุทยานแจ้งว่ามีช้างป่าอยู่บริเวณนั้นพอดี ก็ต้องรอให้ปลอดภัยกันก่อนนะจ๊ะ แล้วเราก็ออกเดินทางไปตามป้ายบอกทางไปยังผาต่างๆ และจะจบด้วยชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก นับๆระยะทางดูเหมือนว่าวันนี้เราจะเดินไปกลับรวมๆก็คง 20กิโล ป้ายบอกระยะทาง
ตื่นเช้ามาปุ๊บ วรรณก็จัดการใช้เตาปิกนิคต้มน้ำทำไข่ลวกกินโมโล (จริงๆแล้วมีเตาแก๊สปิคนิคให้เช่าด้วย วรรณแอบเจ็บใจนิดๆ) ให้สมกับที่ขนมาซะไกล แต่หารู้ไหมว่าบนภูมีทุกอย่างให้เลือกสรร หลังจากจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยวันนี้เราก็จะเดินไปยังสถานที่ต่างๆ เริ่มจากน้ำตกถ้ำใหญ่ รู้สึกว่าเช้าวันนั้นทางอุทยานแจ้งว่ามีช้างป่าอยู่บริเวณนั้นพอดี ก็ต้องรอให้ปลอดภัยกันก่อนนะจ๊ะ แล้วเราก็ออกเดินทางไปตามป้ายบอกทางไปยังผาต่างๆ และจะจบด้วยชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก นับๆระยะทางดูเหมือนว่าวันนี้เราจะเดินไปกลับรวมๆก็คง 20กิโล ป้ายบอกระยะทาง
ป้ายบอกระยะทาง
สภาพภูมิศาสตร์ของภูกระดึงนั้นเป็นป่าสน โดยส่วนมากเป็นสนสองใบ (ก็เห็นว่ามันมีหลายใบชัดๆ กวนทีนและ) สลับกับเนินเตี้ย ไหว้พระพุทธเมตตา แล้วก็เดินไปผานกแอ่น ไปยังสระอโนดาด น้ำใสเห็นเมฆบนผิวน้ำ แล้วก็เดินต่อไปยังผาหล่มสัก เราไปถึงราวๆบ่าย 2 มีคนไปจองที่เพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกก่อนเราซะอีก เราแวะกินข้าวกันที่จุดขายอาหาร มีสมุดขายลายลูกสน พร้อมกับบริการประทับตราแสตมของภูกระดึงไว้ในสมุดที่ซื้อไปเป็นของที่ระลึกได้ พอถึงเวลาเราก็นอนรอ(จองที่ที่ดีที่สุด) ตั้งกล้องรอเลยแต่มันร้อนมากจิงๆนะ ชาวบ้านเขาก็นอนรอกัน พอใกล้พระอาทิตย์ตกผู้คนก็เริ่มมากขึ้น เรานั่งอยู่ใกล้จุดที่ผายื่นออกไปพอดี จึงมีคนมาขอให้ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย มาต่อกันเป็นคิวเลย คิวแล้ว คิวเล่า จนพระอาทิตย์ตก เราเลยไม่ทันได้ดู มัวแต่ช่วยเขาถ่ายรูปหมู่ หว้า ไม่เป็นไรยังพอมีแสงรำไรของพระอาทิตย์อยู่ที่ขอบฟ้า ให้เราได้มีโอกาศบอกอำลาที่ผาหล่มสัก ว่าแล้วก็กลับที่พักกันเถอะ ใบเมเปิ้ลที่เก็บมา
เราไปถึงราวๆบ่าย 2 มีคนไปจองที่เพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกก่อนเราซะอีก เราแวะกินข้าวกันที่จุดขายอาหาร มีสมุดขายลายลูกสน พร้อมกับบริการประทับตราแสตมของภูกระดึงไว้ในสมุดที่ซื้อไปเป็นของที่ระลึกได้ พอถึงเวลาเราก็นอนรอ(จองที่ที่ดีที่สุด) ตั้งกล้องรอเลยแต่มันร้อนมากจิงๆนะ ชาวบ้านเขาก็นอนรอกัน พอใกล้พระอาทิตย์ตกผู้คนก็เริ่มมากขึ้น เรานั่งอยู่ใกล้จุดที่ผายื่นออกไปพอดี จึงมีคนมาขอให้ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย มาต่อกันเป็นคิวเลย คิวแล้ว คิวเล่า จนพระอาทิตย์ตก เราเลยไม่ทันได้ดู มัวแต่ช่วยเขาถ่ายรูปหมู่ หว้า ไม่เป็นไรยังพอมีแสงรำไรของพระอาทิตย์อยู่ที่ขอบฟ้า ให้เราได้มีโอกาศบอกอำลาที่ผาหล่มสัก ว่าแล้วก็กลับที่พักกันเถอะ ใบเมเปิ้ลที่เก็บมา
คืนสุดท้ายของเราก็มาถึงแล้ว พรุ่งนี้เราจะต้องนั่งรถเพื่อเข้าไปภูเรือ โชคดีวรรณรู้จักรุ่นน้องสมัยเรียนมหาลัยอยุ่ที่นั้นด้วย พ่อน้องเขาเป็นเจ้าของปั๊มปตท.อยู่ เป็นปั๋มที่มีวิวสวยที่สุดเลยมั้ง รุ่งเช้าเราก็เดินลงจากเขาโดยใช้เวลาน้อยกว่าตอนขึ้นเยอะเลย แต่อันตรายกว่าถ้าไม่ระวัง คิดดูรองเท้าพังไปหนึ่งคู่เลยใส่มาตั้งนานมาพังที่นี้แหละ ถามพวกลูกหาบดูว่าเขาใช้รองเท้ายี่ห้ออะไร เขาจะแนะนำว่าให้ซื้อแบบนันยางนะทนและถูกด้วยจ้า<.blockquote>
รุ่งเช้าเราก็เดินลงจากเขาโดยใช้เวลาน้อยกว่าตอนขึ้นเยอะเลย แต่อันตรายกว่าถ้าไม่ระวัง คิดดูรองเท้าพังไปหนึ่งคู่เลยใส่มาตั้งนานมาพังที่นี้แหละ ถามพวกลูกหาบดูว่าเขาใช้รองเท้ายี่ห้ออะไร เขาจะแนะนำว่าให้ซื้อแบบนันยางนะทนและถูกด้วยจ้า<.blockquote>
ว่าแล้วก็ขึ้นรถโดยสารจากภูกระดึงเข้าไปในจังหวัดเลย ถึงสถานนีน้องเขาก็มารับเราไปยังที่พัก รีสอร์ทไม่ไกลจากปั๋มนัก นอนที่นั้นคืนหนึ่ง น้องเขาก็หารถมอร์เตอร์ไซด์มาให้เราใช้ไปเที่ยวกัน เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็ขับไปเที่ยวยังจุดต่างชมดอกไม้เมืองหนาว รีสอร์ทที่เราพัก
กลับมาถึงเย็นจัดการเก็บข้าวของเตรียมไปนอนบนภูเรือ เต๊นท์ยืมน้องเขา เย็นที่เราจะขึ้นภูนั้นมีรถจำนวนมากคาอยู่ระหว่างทาง เพราะถูกจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยว โชคดีจังที่น้องเขารู้จักกับเจ้าหน้าที่ทำให้เราได้ไป count down ส่งท้ายปี 2005 ที่นั้น กว่าจะไปถึงก็เย็นมาก น้องเขาไม่ได้ไปด้วย เราก็ต้องพึ่งตัวเองแล้วละ ได้ขึ้นมาก็ถือว่าโชคดีแล้วหาจุดที่จะกางเต๊นท์ได้แล้ว เอาเลยแกะถุงเต๊นท์ออกมา พยามดูเต๊นท์ข้างๆว่าเขากางยังไง แต่ก็ไม่สำเร็จ เลยตัดสินใจถามดีก่า เขาก็เลยมาช่วย ครอบครัวนี้ใจดีจัง ดาวที่ภูเรือสวยมากๆเต็มท้องฟ้าส่องแสงระยิบระยับ ไม่เคยเจอะที่ไหนเยอะเท่าที่นี้แหะ คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายของปี 2005 แล้ว เสียงจุดประทัดดังลั่นทำให้เราได้รู้ว่าย่างเข้าสู่ปี 2006แล้ว แต่เราก็ยังคงหลับตาอยู่ในเต๊นท์ ไม่ได้ออกไปไหนทั้งคืน พอประมาณตีห้าก็ออกไปยังจุดชมวิว เพื่อดูทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดภู เช้าวันแรกของปี 2006 จึงมีคนเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวจำนวนมาก เช่นเคยเราก็ต้องเล็งที่เหมาะเพื่อชมพระอาทิต่ย์แรกว่าจะสวยงามสักแค่ไหน ไม่ผิดหวังเลยมันคุ้มค่ากับที่ได้ขึ้นมาที่นี้จิงๆ แสงของเช้าวันใหม่ ขอบฟ้าที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็น พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น เราลงจากภูเรือประมาณเก้าโมงได้ แล้วก็ไปเที่ยวต่อที่ ชาโต เดอ เลย บนเส้นทางอำเภอด่านซ้าย เพื่อชมแหล่งผลิตไวด์ของประเทศไทย (มีให้ชิมฟรีด้วย) เข้าไปดูไร่องุ่นของเขา โอ้ยใหญ่มากๆ มีคนเข้าไปดูไร่เขาเยอะนะมาเป็นคณะทัวร์ก็มี สังเกตดูมีแต่เราที่ขี่มอร์เตอร์ไซด์เข้าไป หัวแดงเพราะดินลูกรังกันอยู่สองคน องุ่นมาแล้วจ้า ขอด้วยคน ปั๋มที่ใครมาก็ต้องถ่ายรูป ขากลับแวะซื้อของฝากไปฝากคนที่บ้านดีก่า เส้นทางที่ขับกลับมามันน่ากลัวมาก เพราะถนนเป็นเนินสูงโคตรเสียวเลย แล้วก็อยู่ต่อที่ปั๊มของน้องเขา ต้องขอบคุณน้องและครอบครัวมากๆที่ให้เราได้พัก(เพราะไม่มีที่ไปแล้ว)รอรถกว่าจะออกก็ตอนทุ่มกว่าๆ ยังไงก็ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรืองนะค่ะ ในที่สุดก็ถึงเวลาโบกมืออำลาจังหวัดเลยกันแล้ว สัญญาจากสาวใต้ว่าจะไม่ลืมเลย
หาจุดที่จะกางเต๊นท์ได้แล้ว เอาเลยแกะถุงเต๊นท์ออกมา พยามดูเต๊นท์ข้างๆว่าเขากางยังไง แต่ก็ไม่สำเร็จ เลยตัดสินใจถามดีก่า เขาก็เลยมาช่วย ครอบครัวนี้ใจดีจัง ดาวที่ภูเรือสวยมากๆเต็มท้องฟ้าส่องแสงระยิบระยับ ไม่เคยเจอะที่ไหนเยอะเท่าที่นี้แหะ คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายของปี 2005 แล้ว เสียงจุดประทัดดังลั่นทำให้เราได้รู้ว่าย่างเข้าสู่ปี 2006แล้ว แต่เราก็ยังคงหลับตาอยู่ในเต๊นท์ ไม่ได้ออกไปไหนทั้งคืน พอประมาณตีห้าก็ออกไปยังจุดชมวิว เพื่อดูทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดภู เช้าวันแรกของปี 2006 จึงมีคนเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวจำนวนมาก เช่นเคยเราก็ต้องเล็งที่เหมาะเพื่อชมพระอาทิต่ย์แรกว่าจะสวยงามสักแค่ไหน ไม่ผิดหวังเลยมันคุ้มค่ากับที่ได้ขึ้นมาที่นี้จิงๆ แสงของเช้าวันใหม่ ขอบฟ้าที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็น พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น เราลงจากภูเรือประมาณเก้าโมงได้ แล้วก็ไปเที่ยวต่อที่ ชาโต เดอ เลย บนเส้นทางอำเภอด่านซ้าย เพื่อชมแหล่งผลิตไวด์ของประเทศไทย (มีให้ชิมฟรีด้วย) เข้าไปดูไร่องุ่นของเขา โอ้ยใหญ่มากๆ มีคนเข้าไปดูไร่เขาเยอะนะมาเป็นคณะทัวร์ก็มี สังเกตดูมีแต่เราที่ขี่มอร์เตอร์ไซด์เข้าไป หัวแดงเพราะดินลูกรังกันอยู่สองคน องุ่นมาแล้วจ้า ขอด้วยคน ปั๋มที่ใครมาก็ต้องถ่ายรูป ขากลับแวะซื้อของฝากไปฝากคนที่บ้านดีก่า เส้นทางที่ขับกลับมามันน่ากลัวมาก เพราะถนนเป็นเนินสูงโคตรเสียวเลย แล้วก็อยู่ต่อที่ปั๊มของน้องเขา ต้องขอบคุณน้องและครอบครัวมากๆที่ให้เราได้พัก(เพราะไม่มีที่ไปแล้ว)รอรถกว่าจะออกก็ตอนทุ่มกว่าๆ ยังไงก็ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรืองนะค่ะ ในที่สุดก็ถึงเวลาโบกมืออำลาจังหวัดเลยกันแล้ว สัญญาจากสาวใต้ว่าจะไม่ลืมเลย
เสียงจุดประทัดดังลั่นทำให้เราได้รู้ว่าย่างเข้าสู่ปี 2006แล้ว แต่เราก็ยังคงหลับตาอยู่ในเต๊นท์ ไม่ได้ออกไปไหนทั้งคืน พอประมาณตีห้าก็ออกไปยังจุดชมวิว เพื่อดูทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดภู เช้าวันแรกของปี 2006 จึงมีคนเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวจำนวนมาก เช่นเคยเราก็ต้องเล็งที่เหมาะเพื่อชมพระอาทิต่ย์แรกว่าจะสวยงามสักแค่ไหน ไม่ผิดหวังเลยมันคุ้มค่ากับที่ได้ขึ้นมาที่นี้จิงๆ แสงของเช้าวันใหม่ ขอบฟ้าที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็น พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น เราลงจากภูเรือประมาณเก้าโมงได้ แล้วก็ไปเที่ยวต่อที่ ชาโต เดอ เลย บนเส้นทางอำเภอด่านซ้าย เพื่อชมแหล่งผลิตไวด์ของประเทศไทย (มีให้ชิมฟรีด้วย) เข้าไปดูไร่องุ่นของเขา โอ้ยใหญ่มากๆ มีคนเข้าไปดูไร่เขาเยอะนะมาเป็นคณะทัวร์ก็มี สังเกตดูมีแต่เราที่ขี่มอร์เตอร์ไซด์เข้าไป หัวแดงเพราะดินลูกรังกันอยู่สองคน องุ่นมาแล้วจ้า ขอด้วยคน ปั๋มที่ใครมาก็ต้องถ่ายรูป ขากลับแวะซื้อของฝากไปฝากคนที่บ้านดีก่า เส้นทางที่ขับกลับมามันน่ากลัวมาก เพราะถนนเป็นเนินสูงโคตรเสียวเลย แล้วก็อยู่ต่อที่ปั๊มของน้องเขา ต้องขอบคุณน้องและครอบครัวมากๆที่ให้เราได้พัก(เพราะไม่มีที่ไปแล้ว)รอรถกว่าจะออกก็ตอนทุ่มกว่าๆ ยังไงก็ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรืองนะค่ะ ในที่สุดก็ถึงเวลาโบกมืออำลาจังหวัดเลยกันแล้ว สัญญาจากสาวใต้ว่าจะไม่ลืมเลย
เราลงจากภูเรือประมาณเก้าโมงได้ แล้วก็ไปเที่ยวต่อที่ ชาโต เดอ เลย บนเส้นทางอำเภอด่านซ้าย เพื่อชมแหล่งผลิตไวด์ของประเทศไทย (มีให้ชิมฟรีด้วย) เข้าไปดูไร่องุ่นของเขา โอ้ยใหญ่มากๆ มีคนเข้าไปดูไร่เขาเยอะนะมาเป็นคณะทัวร์ก็มี สังเกตดูมีแต่เราที่ขี่มอร์เตอร์ไซด์เข้าไป หัวแดงเพราะดินลูกรังกันอยู่สองคน องุ่นมาแล้วจ้า ขอด้วยคน ปั๋มที่ใครมาก็ต้องถ่ายรูป ขากลับแวะซื้อของฝากไปฝากคนที่บ้านดีก่า เส้นทางที่ขับกลับมามันน่ากลัวมาก เพราะถนนเป็นเนินสูงโคตรเสียวเลย แล้วก็อยู่ต่อที่ปั๊มของน้องเขา ต้องขอบคุณน้องและครอบครัวมากๆที่ให้เราได้พัก(เพราะไม่มีที่ไปแล้ว)รอรถกว่าจะออกก็ตอนทุ่มกว่าๆ ยังไงก็ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรืองนะค่ะ ในที่สุดก็ถึงเวลาโบกมืออำลาจังหวัดเลยกันแล้ว สัญญาจากสาวใต้ว่าจะไม่ลืมเลย
ขากลับแวะซื้อของฝากไปฝากคนที่บ้านดีก่า เส้นทางที่ขับกลับมามันน่ากลัวมาก เพราะถนนเป็นเนินสูงโคตรเสียวเลย แล้วก็อยู่ต่อที่ปั๊มของน้องเขา ต้องขอบคุณน้องและครอบครัวมากๆที่ให้เราได้พัก(เพราะไม่มีที่ไปแล้ว)รอรถกว่าจะออกก็ตอนทุ่มกว่าๆ ยังไงก็ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรืองนะค่ะ ในที่สุดก็ถึงเวลาโบกมืออำลาจังหวัดเลยกันแล้ว สัญญาจากสาวใต้ว่าจะไม่ลืมเลย