Group Blog
 
 
มกราคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
17 มกราคม 2548
 
All Blogs
 
อยากให้อ่านความรู้สึกของเพื่อนคนนึงที่ได้ไปปาดน้ำตาชาวใต้ เป็นทีมที่ไปก่อนผม

ผมเป็นพนักงานคนนึงของ AIS จาก 7 คนที่ได้เป็นตัวแทนไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางภาคใต้ครับ ผมจะมาเล่าให้ทุกท่านฟังว่าผมได้เห็นอะไรมาบ้าง หลายๆคนอาจได้เห็นมากับตาตัวเอง ( โดยเฉพาะเพื่อๆชุดแรกที่ไป ) หลายคนอาจได้แค่ฟัง สิ่งที่ผมเล่านี้บางอย่างอาจเกี่ยวข้องกับหลายทีม ซึ่งผมต้องขออภัยอย่างสูงไม่ได้มีเจตนาที่จะพาดพิง แต่มันเป็นความรู้สึกที่ผมไม่สามารถพูดออกมาได้ว่ามันรุนแรงขนาดไหนผมรู้สึกอย่างไรและผมกลัวว่าคนจะลืมผู้คนที่ประสบเหตุ ตามไปกับผมแล้วกันครับจะเล่าให้ฟัง

ผมมีเพื่อร่วมทางที่ดีมากๆ รวมผมแล้วก็ 8 ชีวิต คือ พี่เหน่ง , พี่เดียว ,คุณป้อ ,พี่หนึ่ง , น้องผึ้ง , น้องเพชร , พี่สมคิด มีภารกิจเดินทางตั้งแต่วันที่

7 – 13 มกราคมเพื่อปฏิบัติงานร่วมกับทีม ITV ที่จังหวัดภูเก็ต

วันแรกที่ไปถึงพวกเราร่วมกันขนของแพ็คของเป็นจำนวนมากกกกกเพื่อส่งให้กับผู้ประสบภัยตามหมู่บ้านต่างๆ คุณลองนึกภาพครับในทีมมีผู้หญิงตัวเล็กๆ น่ารักๆ แต่พวกเธอทำได้ครับ ของมันเยอะจริงๆครับ 2 คอนเทนเนอร์ได้ หลังจากเสร็จภารกิจแรก เนื้อตัวพวกเราเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น มอมแมมเอามากๆ ไม่เหลือสภาพความน่ารักเอาซะเลย แต่พวกเราก็สนุกครับและยอมที่จะทำเพื่อช่วยเหลือพวกเค้าให้มากที่สุด

ในวันแรกพวกเราได้วนไปดูความเสียหายรอบเกาะภูเก็ตตามหาดต่างๆ เท่าที่เราเห็นนั้นความสูญเสียมันมากเหลือเกิน ( อย่าพึ่งบอกว่ามันเด็กๆครับ

ก็เพิ่งเห็นที่เป็นที่แรก) ตึกราบ้านช่อง , ร้านค้า , โรงแรม มันพังหมด พังจนคิดว่าในชีวิตนี้คงไม่ได้เห็นอีกแล้ว และไม่อยากให้มันเกิดขึ้นด้วย หาดป่าตองมีบริเวณนึงยังมีซากตึกกองทับถมกันอยู่บวกกับกลิ่นศพที่โชยออกมาทำเอาพวกเราขนลุกด้วยความหดหู่ ความเงียบเริ่มเข้ามาปกคลุมบนรถที่พวกเรานั่งมีเพียงแสงไฟจากเครื่องจักรที่กำลังทำงานอยู่เท่านั้น เพื่อนๆครับบรรยากาศมันเกินคำบรรยาย

พวกเรามีโอกาสได้ไปสัมผัสอีกหลายพื้นที่ที่ทำเอาต่อมน้ำตา , ความรู้สึกและความเป็นมนุษย์ของเราทำงานหนักอย่างที่ไม่เคยเป็น

เขาหลัก - พื้นที่ทางการท่องเที่ยวที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ( มากกว่าที่พวกเราเห็นในวันแรก ) มีคนมากมายที่ต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่

ซากอาคารที่เห็นมันทำให้เรารู้สึกกลัวและไม่อยากจะลงไปเหยียบแผ่นดินบริเวณนั้น ทั้งๆที่มันเป็นประเทศไทย แผ่นดินเกิดของพวกเราเอง

ซากอาคารขนาดใหญ่ที่ถูกกระแสพัดพาความพินาศมาฝาก ลองนึกภาพตามนะครับ บริเวณนี้จากชายหาดมาถึงจุดเสียหายที่ลึกที่สุด

ประมาณการไว้ไม่ต่ำกว่า 3 กิโลเมตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่มีเรืออารักขาหมายเลข 813 คาอยู่มันเกิน 3 กิโลเมตรแน่ๆครับ

มันมาได้อย่างไร ? ในบริเวณนั้นมันพินาศหมดครับ

หาดปะการัง - แหล่งท่องเที่ยวอีกที่ที่พังเพราะมัน ( ซึนามิ ) ทางเข้าเป็นถนนเส้นเล็กๆ ตัดเข้าจากถนนหลักทางที่จะไปพังงา โอ้ย! 2 ข้างทางมันพังราบ เป็นหน้ากลอง จากชายหาดลึกเข้าไปน่าจะประมาณ 5 กิโลเมตร นี่ถ้ามีบ้านคนอยู่ผมว่าก็คงตายหมดแน่ๆ บริเวณชายหาดยังมีรถอีกหลายคันที่ยังไม่ถูกเก็บกู้ แล้วเจ้าของหล่ะ ? เฮ้อ...ขออย่าให้มันเกิดขึ้นอีกเลย

บ้านน้ำเค็ม - ก่อนไปพวกเรามักจะได้ยินสื่อมวลชนเสนอภาพความสูญเสียของที่นี่ แต่ก็ยังไม่เท่าไหร่ครับ เพราะมุมกล้องที่เราเห็นนั้นมันเทียบกันไม่ได้เลยกับของจริง ยิ่งรถผ่านลึกเข้าไปเท่าไหร่ เรายิ่งเห็นภาพความเสียหายมากเท่านั้น ความเงียบเริ่มเข้ามาปกคลุมบนรถอีกครั้ง ทันทีที่เท้าของความเป็นคนไทยทั้ง 2 ข้างของผมเหยียบลงบนแผ่นดินบ้านน้ำเค็ม น้ำตาไหลออกมาจากตาทั้ง 2 ข้างอย่างไม่รู้ตัว

เค้าจะอยู่กันอย่างไร ? ทำไมมันต้องเกิดขึ้น? คนจะตายไปเท่าไหร่ ? และยังมีคำถามมากมายเกิดขึ้นในสมองน้อยๆของผม พร้อมกับความหดหู่ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ผมยอมรับครับว่าทนไม่ได้จริงๆ คนที่เคยไปค่ายอาสาพัฒนาชนบทคงเคยมีความรู้สึกสงสารชาวบ้านที่อยู่ห่างไกล จึงเข้าไปช่วย ผมเคยรู้สึกแบบนั้นครับ แต่รู้ไม๊ว่ามันเทียบไม่ได้เลยกับสภาพบ้านน้ำเค็มในวันนี้ ความเสียหายในรัศมี 5 กิโลเมตรผมคงเปรียบได้กับสงครามครับ ถ้าใครเคยดูหนังสงครามคงรู้ว่าสภาพหลังสงครามมันเป็นอย่างไร



ที่นี่ผมได้เห็นความเสียสละของทหารที่จะต้องทำงานแบบทั้งคืนทั้งวัน เพื่อให้ชาวบ้านได้มีที่หลับนอน ขณะที่เรายังนอนบนเตียงนอนนุ่มๆ

ในเมืองหลวงของประเทศ แต่คุณรู้ไม๊ไม่มีใครหน้าไหนเสนอตัวทำหน้าที่เป็นกองหนุนของทหารเหล่านี้ ทหาร 1 กองพัน เกือบ 200 นาย

มีน้ำอยู่แค่ ห้าหกขวด ( จริงๆแล้วหน่วยงานของเค้าคงสนับสนุนอยู่แล้ว ) ถามหน่อยเถอะครับการที่ท่านทั้งหลายจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน คุณจะต้องป่าวประกาศให้ชาวโลกได้รับรู้หรือว่าคุณช่วย คุณจะต้องออกรายการทีวีรึเปล่า ทำไมไม่มีใครคิดจะช่วย ไม่อยากช่วย

หรืออยากช่วยแต่ไม่ได้ออกทีวีเลยไม่ให้ หากทำได้ช่วยกันสนับสนุนพวกเค้าหน่อยเถอะครับ อย่าปล่อยให้เค้าอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีทหารท่านไหนเดินมาบอกผมว่าขอสนับสนุน แต่มันเป็นความรู้สึกเอื้ออาทรในฐานะที่เพื่อนมนุษย์พึงมีให้กัน หากใครมีหนทางช่วยบอกด้วยว่าช่วยกันสนับสนุนการทำงานของพวกเค้าบ้าง ยังมีอีกเยอะที่บรรยายไม่หมด ถ้าให้พูดคงป็นวันก็ไม่หมด

วัดย่านยาว - ที่นี่เป็นที่ที่ผมคิดว่าการบริการแบบ AIS จะช่วยชาวบ้านได้มากที่สุด เพราะพวกเรามีพื้นฐานการบริการที่เอาใจเค้ามาใส่เราอยู่แล้ว

วันที่ผมมาบรรยากาศคงซาไปบ้างแล้วแต่ยังมีงานอีกหลายอย่างที่ยังจะต้องทำอยู่ มันยังไม่หมดอย่างที่ใครหลายคนคิดเถอะครับ

พวกเราได้รับหน้าที่ค้นหาศพให้กับญาติที่ยังตามหาศพครอบครัวยังไม่เจอ ชาวบ้านหลายคนมาที่นี่เป็นรอบที่ 3 รอบที่ 4 หลายคนต้องมา

นอนในรถมาเกือบอาทิตย์แล้วยังหาศพลูกกับหลานยังไม่เจอ บางคนเจอรูปที่คิดว่าใช่ญาติปุ๊ปก็ร้องไห้ออกมาอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

มันเป็นภาพที่ทำให้ผมและพวกเรายิ้มต่อหน้าพวกเค้าได้ยากครับ พี่เดียวคอยเข้ากอด ปลอบประโลม น้องผึ้งต้องร้องไห้ไปด้วยกับชาวบ้าน มันเป็นภาพประทับใจบวกกับความหดหู่จริงๆครับ ผมไม่ได้ยกย่องเพื่อนกันเองแต่ขอบอกนี่แหละ คือเบื้องลึกของพนักงาน AIS ขอความกรุณาผู้บริหาร AIS พิจารณาส่งความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องด้วยเถอะครับ

ผมและทีมรับไม่ได้ที่ต้องเห็นคนที่ไม่มีพื้นฐานงานบริการมาให้บริการชาวบ้านเหล่านี้ เพราะถ้าหากเป็นพ่อหรือเป็นแม่ผมกำลังตามหาศพผมแล้วต้องมาเจอพวกที่ไม่เข้าใจความรู้สึก มาแสดงกิริยาไม่ดี ผมจะตามไปหลอกไปหลอนมันทุกชาติ

ที่นี่แหละที่ผมเจอลุงกับป้าขับรถมาจากสุราษฏร์เพื่อตามหาลูกสาวกับหลานอีก 2 คน ผมต้องนั่งดูรูปศพเป็นพันๆ เพราะจะต้องทำให้เค้าเจอกันให้ได้ ( เพื่อนในทีมก็ทำเช่นเดียวกันกับชาวบ้านคนอื่น ) ผมกับลุงและป้านั่งหากันตั้งแต่บ่ายสองกว่าๆจนเกือบหกโมงเย็นเจอแค่แม่กับหลานสาวยังขาดหลานชายอีก 1 คน ผมทำไม่ได้ครับ ผมยังไม่สามารถทำให้เค้าเจอกันได้ ลุงกับป้าเองก็เริ่มท้อแต่ผมยังไม่ในเมื่อผมมีแรงผมจะต้องทำ เลยบอกลุงกับป้าว่า “ อย่าพึ่งท้อครับ ถ้าผมไม่เจอผมจะไม่หยุด ลุงกับป้าจะต้องเจอ “ ผมได้พี่เดียวมาช่วยเปลี่ยนให้ผมไปพัก แต่เราสองคนหาจนถึง 2 ทุ่มก็ยังไม่เจอครับ คราวนี้ลุงกับป้าก็ไล่เราไปพักผ่อน เพราะเราก็เริ่มไม่ไหวกันจริงๆครับ ตามันบวมและแดงจนล้าแล้ว แล้วแก 2 คนล่ะ ? ต้องนอนในรถอีกคืนนึง ผมช่วยแกไม่ได้เฮ้อ....................................

การเดินทางครั้งนี้พวกเราไปในนาม AIS แต่พวกเราลืมเอาไปครับ แต่คุณรู้ไม๊คนที่ทำให้เราประทับใจแบบสุดเลยคือแนวรบของ AIS

มีทั้งผู้จัดการสาขาภูเก็ต พี่บุญกุล ที่คอยห่วงใยโทรถามความเป็นอยู่ของพวกเราเสมอ ในยามที่เราต้องการความช่วยเหลือพี่เค้าจะมาช่วยเราทันที

ยังมีเทเลวิซพังงาอีกครับทั้งสาขาที่อำเภอเมือง แล้วก็ที่ตะกั่วป่า ให้ที่พักผ่อน วางสัมภาระอย่างเต็มใจ และที่สำคัญคือผู้บังคับบัญชาของพวกเราที่อนุญาตส่งพวกเราไปและให้การสนับสนุนด้วย

นี่แหละการเดินทางอันล้ำค่าของผมและเพื่อนๆในครั้งนี้ เราทั้งหมดมีความรู้สึกว่าอยากกลับไปอีก อยากกลับไปช่วยให้พวกเค้าได้เจอกัน

เราอยากไปช่วยในนามของ AIS อย่างเต็มภาคภูมิ การส่งเมลล์ของผมครั้งนี้อาจถูกตราหน้าว่าเสร่อ ผมก็ยอมครับ แต่ขอร้องเถอะ ช่วยๆกันหน่อยจะอะไรก็ได้ที่คุณมีกำลังที่จะช่วยได้ อย่าปล่อยให้เหตุการณ์นี้ถูกลืม อย่าปล่อยให้พวกเค้าเผชิญชะตากรรมอย่างเดียวดาย หากคุณเป็นคนไทยจงคลับเคลื่อนสมองและมือน้อยๆของคุณซะ



ขอบคุณทุกคนครับ





Create Date : 17 มกราคม 2548
Last Update : 7 เมษายน 2550 14:44:28 น. 1 comments
Counter : 493 Pageviews.

 
ไม่รักไม่มา ...Naka


โดย: 30 มกราคม 2548 IP: วันที่: 2:30:32 เวลา:80.228.209.70 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

NaCl
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




Friends' blogs
[Add NaCl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.