Group Blog
 
 
มกราคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
16 มกราคม 2548
 
All Blogs
 
ไปวัดย่านยาว วันที่ 12-15 มกราคม 2548

บันทึกการเดินทาง โดย เพื่อนๆ ในทีม ครับ


หลังจากได้อ่าน E-Mail ของคุณเล้ง จบลง มีความรู้สึกเหมือนใครมาตอกย้ำความรู้สึก....ให้เด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง โดยทีมของเราไปรับช่วงต่อจากทีมของ พี่เหน่ง , คุณเดียว , คุณป้อ , คุณเล้ง , คุณหนึ่ง , น้องผึ้ง , น้องเพชร , พี่สมคิด ชุดอาสาของพวกเรามีกัน 7 คน คือ พี่โหน่ง(ศุภสิทธิ์-EPBD) หัวหน้าทีม , พี่พัชร (กัญญาพัชร-Helpdesk-ที่เคยเดินทางมาช่วยผู้ประสบภัยแล้วในวันหยุด) , น้องขวัญ(อักษร-MI -ขวัญใจของเรา และใครอีกหลายคน !!! ) ,น้องมัส ( กิตติเดช- จากWarehouse - น่ารักมาก) , คุณปอ( อัครพันธุ์ -DPC-ใจสู้แม้สุขภาพไม่อำนวย) ,น้อง( วรรณรักษ์-EPBD -ใจแข็งสุดๆ ) และเราเอง (จอย-จีรรัตน์-EPBD)



12-15 ม.ค.05 วันเดินทาง นัดเจอกัน 9 โมงเช้า ที่สนามบินเพื่อเดินทางไป จ .ภูเก็ต ระหว่างรอครบทีม พี่พัชร ผู้ซึ่งเคยมีประสบการณ์เดินทางมาแล้ว 2 ครั้ง ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ เล่าเรื่องราวให้ฟังถึงสภาพและเหตุการณ์ให้ฟังว่า ทุกอย่างดูโกลาหล ทุกคนต่างตามหาและร้องเรียกญาติของตัว ว่า มีศพอยู่เต็มถนนไปหมด จนไม่รู้ว่าเก็บศพใครก่อน ฟังแล้วหลับตานึกภาพตามดูซิ

เราเดินทางถึงภูเก็ตประมาณ 12.15 น.เมื่อเก็บสัมภาระที่ที่พักในตัวจังหวัดพังงาเรียบร้อยแล้ว ก้อเดินทางเข้ามาที่วัดย่านยาว อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ



โดยระหว่างการเดินทางไปวัดย่านยาว เราได้เห็นภาพความเสียหายตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะที่เขาหลักและบางม่วง ทุกคนในรถนั่งอึ้ง บอกได้เลยว่าที่เห็นใน Net หรือใน T.V ยังเทียบไม่ได้กับที่เราไปเห็นกับตาว่ามันรุนแรงเพียงใด คุณลุงนิวัฒน์จอดรถให้พวกเราดู ทุกคนตะลึงกับภาพที่เห็นต่อหน้า สังสัยว่าคลื่นยักษ์มันมาได้ยังไงทั้งที่ทะเลอยู่ไกลออกไปยังงั้น คุณลุงบอกว่าชาวบ้านที่ประสบเหตุและรอดชีวิตเล่าว่าคลื่นยักษ์สูงประมาณเสาไฟฟ้าเลยที่เดียว



ก้าวแรกที่เดินเข้าวัดย่านยาว รู้สึกได้ถึง รูป รส กลิ่น และสัมผัส จริงๆ ความหนาวเย็นที่รู้สึกเหมือนกับศพที่นอนอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ เกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า เค้าจะหนาวไหม เค้าจะมีญาติมารับไหม แล้วเค้าต้องรอนานแค่ไหน ยิ่งทำรู้สึกว่าพวกเราต้องช่วยกันทำหน้าที่ที่ขออาสามาทำให้ดีที่สุด หันมองไปรอบๆ มีคำที่อ่านที่อาสาสมัครเขียนไว้ มีความรู้สึกดีมากๆ คือ คำว่า เราจะพาเขาทุกคนกลับบ้าน นี่คือภารกิจของเรา ทำให้รู้สึกได้ถึงสิ่งที่ยึดเหนี่ยวให้ทุกๆคนที่ต่างเดินทางมาจากจังหวัดต่าง ๆ รู้สึกผูกผันกันและช่วยเหลือกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย



พวกเราได้รับการต้อนรับอย่างดีจากพี่ๆ น้องๆ อาสาทุกคนที่อยู่ที่นั่น เราได้แยกย้ายกันไปช่วยงานตามที่ได้รับมอบหมาย โดยวันแรก ปอและพี่โหน่งไปช่วยในการคัดแยกรูปภาพผู้เสียชีวิตที่กองนิติเวชด้านใน ซึ่งมีเยอะมากหลายพันหลายหมื่นภาพ เพื่อคัดแยกแต่ละภาพให้อยู่ในหมวดหมู่ เพื่อง่ายต่อการค้นหาและเป็นมาตรฐานเดียวกัน และช่วยKey ข้อมูลผู้สูญหายเข้าคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีมากมาย ร่วมกับอาสาจากทั่วประเทศ ( บางช่วงพี่โหน่งกับปอก็เดินออกมาพักสายตาข้างนอก เพราะดูจนเบลอ )



ส่วนเรา , น้อง , พี่พัชร , มัส ,น้องขวัญ ช่วยกันค้นหาภาพศพให้ญาติที่มาติดต่อดู สิ่งที่ได้เห็นแล้วสะท้อนใจ คือการที่ญาติดูภาพศพไปเรื่อยๆแล้วสับสนว่าใช่หรือไม่ใช่ จนดูต่อไม่ไหว ต้องหายาดม ดูไปร้องไห้ไป ทุกคนที่ทำหน้าที่ตาแดง แต่ต้องสะกดกั้นน้ำตาไว้ เพราะสิ่งที่ญาติที่มาดูศพต้องการตอนนี้ คือ การให้กำลังใจและการปลอบใจจากพวกเรา แม้ว่าจะได้พบสิ่งที่เค้าตามหาเจอหรือไม่ก็ตาม แต่เราซิทนไม่ไหวต้องหันหน้าหนีไปร้องไห้



จนกระทั่งไปเข้าไปทำในเขตติดเชื้อ ซึ่งการเข้าไปอยู่ในเขตนี้ต้องใส่ชุดป้องกันการติดเชื้อทุกคน หน้าที่ของเราคือ จ่ายอุปกรณ์ และ เครื่องมือให้แพทย์ ต้องมีการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการตรวจ DNA ให้แพทย์ และหมอฟัน ซึ่งมีศพนอนรออยู่ตรงหน้าเราเต็มไปหมด กลิ่นค่อนข้างแรงมาก พี่โหน่ง หนึ่งเดียวที่อาสาเข้าไปช่วยทีมแพทย์ ติด ID ผูกข้อมือผู้เสียชีวิตด้านในสุด ( ตะลึงและนึกไม่ถึงว่าจะกล้า.. ) แต่เมื่อคิดว่าการที่เดินทางมาที่นี่ก้อเพื่อพาเค้ากลับบ้าน แม้ว่าจะเป็นเหลือเพียงศพเดียวก็จะทำ มันคือพลังใจที่ดีที่สุด พวกเราทุกคนมีความสามารถส่วนตัวที่มีมาใช้ในทำงานครั้งนี้



พี่โหน่ง , น้อง และ พี่พัชร มีมากกว่า CRM และ CEM ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี , น้องขวัญ และ ปอ ช่วยด้านข้อมูลและไอทีได้ดีเยี่ยม , น้องมัสและเราคงไม่รู้จักคำว่าเหนื่อยเมื่ออยู่ในนี้

เมื่อครบกำหนดกลับใจมันหาย มันเร็วเหลือเกิน รู้สึกผูกพันและทำงานเข้าที่แล้ว ไม่อยากกลับเลย แต่มีงานที่ต้องกลับมาทำ



การไปช่วยเหลือของพวกเราในนามบริษัทฯ ในครั้งนี้ได้รับคำชมจากพี่ๆ หลายคนที่อยู่ที่นั่น รวมทั้งคุณหมอพรทิพย์ ว่าอาสาสมัครจากชินคอร์ปทุกคน ทุกชุดที่มาช่วย ว่าทุกคนยอดเยี่ยม และ อึดกันจริงๆ ( ภูมิใจ..จัง )



ท้ายนี้ขอขอบคุณผู้จัดการสาขาภูเก็ต น้องทรายผู้จัดการ Telewiz น้องๆที่ Telewiz พังงา และ ตะกั่วป่า คุณลุงนิวัฒน์ที่ขับรถพาเราเดินทางไป-กลับที่พักและสนามบินทั้ง ๆ ที่คุณลุงไม่กล้าเข้าวัดแต่ก้อทนรอพวกเราจนเสร็จงานเพื่อพาเรากลับที่พัก และอาสาสมัครทุกท่านที่ให้บริการอาหาร-เครื่องดื่มและความช่วยเหลือ ทหารที่ช่วยแบกศพและทำอะไรอีกมากมายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำให้เราทึ่งในน้ำใจของพวกเขา พี่ๆ จากทีมนิติเวชที่คอยเป็นพี่เลี้ยง สอนงานพวกเราและที่จะลืมไม่ได้เลยคือพี่ป๊อกและคุณเจีย-HR ที่คอยอำนวยความสะดวกและคอยโทรศัพท์สอบถามและให้กำลังใจเราตลอดการเดินทาง และ Air Asia ที่พาเราเดินทางไป-กลับโดยสวัสดิภาพ





สุดท้ายนี้ขอให้ศพทุกศพเจอญาติ พวกเราสัญญานะถ้ามีโอกาสจจะกลับไปอีกแน่นอน



------------------------------------------------------------------------

ข้างล่างนี่แบบกันเอง ครับ ผม (ปอ) เขียนเอง

สองรูปนี้ถ่ายเองกับมือ รูปคุณหญิงหมอ กับ Ricky Martin ที่แวะมาเยี่ยม



น้าริกกี้ มองกล้องหน่อยค๊าบบบ



รูปนี้ก็ผมถ่ายกับคุณหมอ ไม่กล้าลงรูปใหญ่ เกรงใจคุณหญิงหมอครับ เอาเล็กๆ ไปดูเล่นคับ



นี่ก็ เพื่อนๆ ที่ไปด้วย











หนุ่มขายไอติม เฮ้ย ไม่ใช่ ! ฝ่าย Store



คนซ้ายสุดเป็นอาสา จากศูนย์นเรนทร ขวัญใจสาวๆ และหนุ่มๆ บางคน 5555




น้องเจ คนขวาสุด ขอแต่อีแมว(อีเมล์) มา ลืมเบอร์โทร จะส่งอีแมวได้ไม๊เนี่ย ไปกันเป็นเดือนไม่ได้เก็ตเมล เด๋วโดนตัด




จะกลับแล้ว กอดกันเข้าไป กอดจนสาวๆ หมั่นไส้



คุณหนิงค๊าบ (คนกลาง) สงสัยผมจะอดไป รอบ 2 แหล่ววว





อ่ะ คุณขวัญ เผลอแป๊บเดียว ไปจีบหนุ่มหล่อมาได้ 2 คน Gabrial กับ John อย่างไวๆ









ผมไปช่วยทำข้อมูล แยกภาพ ชาย หญิง เด็ก จะได้ค้นหาง่ายหน่อย

รูปมีเป็นพันคน แต่ละคนก็ สามสี่รูป เป้นภาพมุมต่างๆ สภาพนี่จำไม่ได้เลยว่าใครเป็นใคร

ช่วงที่พักรอระหว่างถ่ายข้อมูลลงเมมโมรีการ์ดขนาด 512 เม็ก ฯ เพื่อนำไปถ่ายลงเครื่องกลางที่รวบรวมข้อมูลทั้งหมด ออกมาเดินเล่น ก็เห็นผู้ที่ญาติหายไป มารอดูข้อมูลที่เต้นท์ ด้านนอก นั่งร้องไห้กัน น่าสงสารครับ

นั่งทำข้อมูลกับน้องๆ อาสาท่านอื่นๆ อยู่ 3 วัน กว่าจะหมดแผ่น CD 1 แผ่น เต็มๆ นั่งดูรูปกันหมดแผ่นนั่นเลย นี่ถ้าญาติมาตาม แล้วมีรูป เผลอๆ คงมีใครจำได้มั่งแหละว่ามีในฐานข้อมูลไหม

เพื่อนๆ ที่ไปด้วย รวม 7 คน หญิง 4 ชาย 3 แยกย้ายกันไปช่วยตามส่วนต่างๆ เช่น ไปช่วยฝ่ายตรวจศพ เก็บข้อมูลจากศพ ช่วยฝ่ายเบิกจ่ายของ ช่วยฝ่ายข้อมูลรูปภาพ คีย์ข้อมูลผู้เสียชีวิต ฯลฯ

ด้านหลังวัด เป็นเขตอันตราย BioHazard ใครจะเข้าต้องเป็นผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น และต้องใส่ชุดกันด้วย เป็นชุดหมีขาว ไม่ใช่หมีขั้วโลกนะ เป็นชุดคล้ายกระดาษ กันน้ำ กันเชื้อโรค ต้องใส่ถุงมือ 2 ชั้น กันเชื้อโรคเข้า ชุดที่หมอ Duba ในรูปข้างล่างใส่นั่นหละ


วันสุดท้าย ผมก็ไปช่วยหมอเยอร์มัน ชื่อหมอ Duba (เอ๊ะ หรือ Luba ใครจำแม่นๆ ช่วยยืนยันหน่อยครับ) หมอตั้งชื่อทีมว่า PANDA

ฟังไม่ทัน ที่หมอเขาว่า P กับ a สองตัวท้ายคืออะไร ฟังทันแค่ถ้าอ่านสามตัวกลางกลับหลัง คือ dna แล้วหมีแพนด้า ก้อน่ารักด้วย เลยกลายเป็นชื่อ ทีมเก็บ DNA ด้วยประการฉะนี้



ไปเก็บข้อมูลผู้ตาย โดยดูจากเสื้อผ้า สีผม กระดูก อวัยวะเพศ แยกออกมาว่าเป็นหญิง ชาย อายุประมาณไหน เป็นเอเชีย ยุโรป หรืออะไร แล้วก็เก็บ DNA โดยที่ศพที่เน่าแล้ว จะต้องเก็บจากกระดูกซี่โครง หมอจะให้ผู้ช่วย ล้างหนอนออกก่อน เอาน้ำราด และหมอก็ลงมีด แล้วเอากรรไกรที่เหมือนคีม ตัดออกมา ใส่ถุงไว้ ติดเบอร์ แนบเอกสารรายละเอียด เพื่อจัดลงคอม และ กระดูกก็เก็บลงตู้เย็นต่อไป

ผมไปช่วยหมอทำอยู่สัก 3 ชั่วโมง ร้อนโคตรๆ เหงื่อเต็มเลย เพื่อนโทรศัพท์มา 6 สาย รับไม่ได้เลย เพราะมือ ติดเชื้อโรค จับอะไรไม่ได้เลยและต้องระวังไม่ให้ไปโดนคนอื่นอีก หนักๆ เข้าต้องให้คนมือสะอาดๆ เปิดซิปเสื้อกันเชื้อโรค หยิบให้ ปรากกว่าโทรศัพท์ผมสภาพเหมือนตกน้ำเลย เหงื่อติดเต็ม สงสัยพังแหงๆ แต่ตอนนี้ยังใช้ได้อยู่

หลังจากช่วยหมอจนไม่มีศพใหม่เหลือแล้ว ก็ออกมา ถอด เสื้อ ถุงมือ ตอนถอดถุงมือชั้นนอก ก็สงสัยว่า ทำไมถุงมือชั้นในมันเปียกออกมาข้างนอก พอถอดถุงมือชั้นในออก ถึงได้ร้องอ๋อ เหงื่อออกมาลงไปในถุงมือ เทออกมาได้สักแก้วนึง :-P

ทั้งชุด และถุงมือ ใช้แล้วนี่ต้องทิ้งเลย ราคาแต่ละชุดก็ 1500 บาท แพงมากเลย ใช้แป๊บเดียวเอง เสียดายแทน


ตอนนี้เห็นข่าวว่ามีอะไรวุ่นวายเรื่องคุณหญิงหมอพรทิพย์กับตำรวจ ผมก็ไม่รู้ว่าจะจบยังไง แต่ก็วิจารณ์ได้นิดหน่อย ว่า ทำไมตำรวจไม่มาตั้งแต่แรก เห็นตำรวจว่า ข้อมูลสำคัญๆ เช่น การเก็บข้อมูล DVI หรือ Disaster Victim Investigation (ไม่แน่ใจว่าตัวเต็มผมสะกดผิดหรือเปล่า ถ้าผิดยังไง ช่วยบอกด้วย) ตำรวจเขาว่าถ้าจะมีปัญหาก็คือข้อมูลนี้แหละ ซึ่งอาจจะเก็บไม่ครบถ้วน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เขาเก็บข้อมูลอะไรมั่ง แต่ท่านผู้อ่านจะว่าข้อมูลที่เก็บ คือแค่สิ่งที่ผมเล่าไว้ข้างบน ไม่ได้นะครับ เพราะผมไม่ใช่คนจดข้อมูล และไม่ได้ไปดูฟอร์มที่เขาทำด้วย

เท่าที่ทราบตอนนี้ คือ หมอจะทำอีก 14 วัน แล้วก็โอนงานให้ตำรวจไปทำต่อ ส่วนหมอ จะลาออกจากราชการหรือไม่ ผมไม่ทราบครับ

เห็นใจคุณหญิงหมอมากเลย ทำอะไรทีไร เห็นต้องมีเรื่องแบบนี้บ่อยๆ เหมือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่งนึกได้ กว่าจะมาก็ช้าเกินไป หรือไม่ก็ รีรอ ให้หมอทำไปเยอะๆ ก่อน จะได้มาต่องานได้ง่าย ไม่ต้องทำอะไรมาก อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน :-P


ใครทำดี ก็ได้ดี ใครทำชั่ว ก็ได้ชั่ว


พระเจ้า ยุติธรรมเสมอ
กฏแห่งกรรม ไม่มีใครหนีพ้น


ขอให้ผู้ที่เสียชีวิตทุกคน จงไปสู่ภพภูมิที่ดี ผู้ใดที่ยังหลง ยังติดโลกแห่งสสารนี้อยู่ ขอให้ปล่อยวาง ปล่อยโลกนี้ให้เป็นไปตามหลักอนิจังของมันต่อไป ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นแล้วไม่ดับไป ไม่มีอะไรน่ายึดมั่นเอาไว้ ขอให้ทุกท่าน ได้กลับบ้านใหม่ของท่าน ในสุขคติภพ โดยถ้วนทั่วทุกท่าน ครับ











อันนี้รูปใหญ่คับ คลิกอ่านป้ายผ้าได้















อันนี้ก็รูปใหญ่คับ คลิกดูได้




และนี่คือคุณ Kelly May ครับ คนดังในข่าว



นี่คือเรื่องของคุณแคลลี่ ที่ผมอ่านพบครับ
ตัดมาจาก คม ชัด ลึก วันที่ 12 มกราคม 2548

//www.komchadluek.com/news/2005/01-12/ent1-16022600.html

..................ปิดท้ายกับ แคลลี่ เมย์ สาวเมืองผู้ดี ประเทศอังกฤษ วัย 27 ปี ซึ่งเป็นอาสาสมัครที่วัดย่านยาวเช่นกัน แคลลี่สื่อสารภาษาไทยได้ดีทีเดียว เนื่องจากเธออยู่เมืองไทยนายถึง 4 ปี และทำงานในบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ความน่ารักของสาวตาน้ำข้าวคนนี้คือน้ำใจและอัธยาศัยไมตรีที่เธอมีให้แก่ทุกคน

เวลาที่ใครอยากรู้เรื่องราวประวัติของแคลลี่ เธอจะยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งที่พิมพ์เป็นภาษาไทยให้อ่าน จากนั้นทุกคนก็ไม่ต้องถามไถ่อะไรมากแล้ว หรือหากเธอไม่เข้าใจเธอก็จะยกป้าย "ฝรั่งงง" ให้ดูพร้อมกับชูกระดาษอีกใบที่เขียนว่า กรุณาพูดช้าๆ ชัดๆ

แคลลี่ เล่าว่า เธอมาถึงวัดย่านยาววันที่ 31 ธันวาคม 2547 เนื่องจากบริษัทหยุด 4 วัน แต่เธอไม่มีอารมณ์ไปเที่ยว จึงอยากมาช่วยเหลือและให้กำลังใจคนที่หาครอบครัวไม่พบ "ไอยกของได้ ช่วยเป็นล่ามได้ ก็อยากช่วยเหลือ มาที่นี่ไม่เคยเจอศพพอได้ไปกับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่เกาะพีพี ก็ไปช่วยเขายกศพ ไอรู้ว่าหลายคนต้องการความช่วยเหลือ ไอรู้สึกเศร้าใจกับเหตุการณ์นี้ แต่ก็รู้สึกภูมิใจที่เห็นหลายคนได้ช่วยเหลือ แต่การให้เงินอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องให้กำลังใจและความรักด้วย" แคลลี่ กล่าวเป็นภาษาไทยด้วยสำเนียงอังกฤษ

แม้แคลลี่จะต้องกลับไปทำงานในต้นสัปดาห์นี้แล้ว แต่เธอกลับบอกว่า ยังไม่อยากไป เพราะคิดว่างานที่นี่สำคัญกว่างานประจำที่กรุงเทพฯ ถ้ากลับไปก็จะคิดถึงงานนี่อยู่ "ผู้จัดการเรียกให้กลับแล้ว แต่ไอบอกว่าอยากอยู่ที่นี่ แล้วก็ปิดมือถือเลย ก็กลัวตกงานเหมือนกัน แต่ก็ไม่เป็นไร"

ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ ทุกคนต่างแสดงออกถึงความมีน้ำใจอย่างเต็มที่ ทุกคนได้แต่หวังว่า ผู้ประสบภัยจะพ้นจากความโศกเศร้าแล้วกลับมายืนหยัดได้ในเร็ววันนี้


-----------------------------------------

ส่วนข่าวนี้ ตัดมาจาก ผู้จัดการ วันที่ 10 มกราคม 2548

//www.manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9480000003914


................. เคลลี่ เมย์ อาสาสมัครชาวอังกฤษวัย 27 ปี ละทิ้งงานด้านกราฟฟิคจากบริษัทโฆษณาย่านสุขุมวิท มาช่วยเหลือเป็นล่ามส่งภาษาเนื่องจากเธออาศัยอยู่ในประเทศไทยมากว่า 4 ปี จึงสามารถพูดภาษาไทยได้คล่องในระดับหนึ่งดังนั้นจึงตัดสินใจมุ่งหน้ามาช่วยผู้ประสบอุบัติภัยในทันที

เคลลี่ บอกว่า เมื่อได้ทราบข่าวว่าเกิดอุบัติภัย “สึนามิ” ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดของเธอพอดี จึงถือโอกาสมาเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ลงมาตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 47 หวังมาช่วยประสานงานต่างๆ เพราะไม่มีอารมณ์ไปเที่ยวสนุกเหลืออีกแล้ว

นอกจากเป็นล่ามแล้วเธอยังช่วยงานจิปาถะทั้งยกศพที่เขาหลัก และ พีพีกับปอเต็กตึ้ง ช่วยค้นหาดีเอ็นเอ และประสานงานกับทีม DVI ช่วยงานมาหลายสัปดาห์จนหลายคนทักว่าเธอเป็นหมอหรือเปล่า

หลายวันก่อนผู้จัดการโทรมาถามว่าเมื่อไหร่จะกลับไปทำงานเสียที เคลลี่เลยปิดมือถือหนีเสียดื้อๆ เลยถามว่ากลัวตกงานไหม เธอว่าเป็นห่วง และยังอยากช่วยเหลืองานทางนี้มากกว่า เพราะอยู่ทางนี้สามารถช่วยเหลือคนได้มากกว่า อีกอย่างตอนนี้ผู้คนกำลังต้องการกำลังใจมากกว่าเงินทองของบริจาคด้วยซ้ำ






Create Date : 16 มกราคม 2548
Last Update : 7 เมษายน 2550 14:45:24 น. 23 comments
Counter : 4266 Pageviews.

 
อนุโมทนาด้วยครับ


โดย: N4 วันที่: 16 มกราคม 2548 เวลา:21:35:56 น.  

 
ซาบซึ้งในน้ำใจพวกคุณ ๆ ที่สละเวลาไปช่วยพี่น้องชาวใต้จังครับ ขอให้พบแต่ความสุขความเจริญนะครับ


โดย: พี่เกี้ย IP: 203.150.217.119 วันที่: 16 มกราคม 2548 เวลา:22:15:52 น.  

 
//www.palungjit.com/board/showthread.php?t=3507


โดย: NaCl IP: 202.80.225.69 วันที่: 19 มกราคม 2548 เวลา:9:33:47 น.  

 
ขอ confirm ค่ะว่างานนี้พี่ปอเหนื่อยจริงๆๆเเถมไม่สบายเเต่ spirit สูงมาก เพื่อชาวไทยด้วยกัน ขอให้ได้โบนัสเยอะๆนะคะ


โดย: ขวัญ IP: 202.80.225.71 วันที่: 19 มกราคม 2548 เวลา:17:50:06 น.  

 
หลายคนที่อ่านเรื่อง สงสัยว่าผมเป็นอะไรในวันที่สอง คือว่า วันนั้นเวียนหัวมาก ตั้งแต่ตอนตื่นนอนเลย เหตุที่เกิดมาจาก น้ำในหูที่เป็นระบบทรงตัวของร่างกาย ทำงานผิดพลาด ปกติแล้วมันไม่มีปัญหาอะไร แต่ ที่วันนั้นเกิดเหตุเพราะ รีบลุกขึ้นมาจากที่นอนเร็วไป จริงๆ ต้องลุกเฉยๆ แล้วยืนขึ้น แต่วันนั้น ผมนอนหันข้างอยู่ ผมเลยหมุนตัว 1 รอบ กลิ้งนั่นแหละ แล้วพอครบรอบก็ลุกมายืนเลย เท่านั้นแหละ น่ำในช่องรูปก้นหอยในรูหู มันก็ไหลตามเกลียวออกมา และไม่ได้ไหลกลับเข้าที่เดิม ทำให้ระบบทรงตัวเกิดการรับสัมผัสผิดไปจากเดิมที่เป็นทุกวัน เดินเป็นคนเมาเลย ถามเพื่อนๆดู เขาว่า อาการคนแก่ง่ะ... แต่มีคนนึงเป็นเหมือนผม คือ อาสาสมัครสมชาย ในรูปข้างบนน่ะครับ คนไหนหาเอาเองคับ ถ้าใครเป็นอาการแบบผมนี่ช่วยรายงานด้วยครับ เป็นความรู้ครับ ว่า แต่ละคน มีต้นเหตุของอาการเหมือนกันกับผมหรือไม่

ผมเป็นแบบนี้ครั้งแรกก็ไม่รู้เรื่องหรอกว่าเพราะอะไร พอครั้งนี้ ครั้งที่ 3 ถึงได้แน่ใจว่าเป็นเพราะท่าลุกขึ้นจากตอนนอน เพราะทุกครั้งที่เป็น ท่าเดียวกันเลย


โดย: NaCl (NaCl ) วันที่: 19 มกราคม 2548 เวลา:20:31:34 น.  

 
ถอดหัวใจ สู้เพื่อศพ!! มาให้กำลังใจหมอพรทิพย์ กันเถอะ

//www.palungjit.com/board/showthread.php?p=30187#post30187


โดย: Kamen rider IP: 202.176.124.240 วันที่: 19 มกราคม 2548 เวลา:20:56:00 น.  

 
อนุโมทนาด้วยนะคะ คุณปอ พิทก็ไปเป็นอาสาสมัครมาเหมือนกันค่ะ เค้าทำงานอยู่ที่ภูเก็ต คุณปอดูซูบๆไปนะ ไม่สบายเป็นอะไรเหรอคะ


โดย: ศดานัน IP: 61.90.31.252 วันที่: 20 มกราคม 2548 เวลา:4:10:59 น.  

 
อ๋อ!! เพิ่งเห็นข้างบนว่าไม่สบายเกี่ยวกับน้ำในหู แก้วก็เป็นบ่อยค่ะ ทำให้เมาเครื่องบินได้ง่าย วิธีแก้ไขคือ พักผ่อนมากๆ ถ้าเมาๆก็ทานน้ำขิง หรือลูกอมขิง จะช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนได้


โดย: ศดานัน IP: 61.90.31.252 วันที่: 20 มกราคม 2548 เวลา:4:13:54 น.  

 
หมู่นี้ออกกำลัง เตะบอล ยกเหล็ก เล่นบาส เอาให้ผอมไปเลย


โดย: NaCl IP: 202.80.225.69 วันที่: 20 มกราคม 2548 เวลา:9:40:44 น.  

 
Dr.Luba ที่เป็นทีม Panda team ป่าวคะ
เราก็เคยไปทำ แต่ไม่ได้อยู่ panda team

แต่เพื่อนๆ Panda team ตลก+น่ารักมากๆ ค่ะ


โดย: Pip IP: 202.5.88.156 วันที่: 20 มกราคม 2548 เวลา:10:02:26 น.  

 
เพื่อนทีมโน้น บอกว่า คุณหมอ ชอบหมีแพนด้าเลยตั้งเป็นชื่อทีม ซะงั้น ....

แต่เราไปคนละวันกันหนะคะ เรากลับวันที่ 10
ไม่งั้นคงได้เจอกลุ่มคุณด้วย

ปล. คือ เราถ่ายรูปเพื่อนๆในทีมไว้ด้วย อยากส่งให้พวกเค้าได้บ้างอะ ฝากทางคุณส่งไปได้ไหมคะ


โดย: Pip IP: 202.5.88.152 วันที่: 20 มกราคม 2548 เวลา:10:12:32 น.  

 
ครับ ผมไปเพิ่มที่มาของ panda เท่าที่จำได้กะพร่องกะแพร่งแล้ว ข้างบน


โดย: NaCl วันที่: 20 มกราคม 2548 เวลา:10:23:07 น.  

 
ส่งมาคับ ที่ akarapas ณ ais900.com


โดย: NaCl (NaCl ) วันที่: 20 มกราคม 2548 เวลา:17:13:38 น.  

 
ผมส่งต่อจากที่มีเพื่อนส่งมาให้ผมทางอีเมล์ฟอร์เวิร์ด อีกทีนึงนะครับ

ดอส

---------------------------------------------

10 วันของผมที่วัดย่านยาว จ.พังงา ..

ประสบการณ์จากอาสาสมัครคนหนึ่งที่พังงา
Copy มาจาก webboard หนึ่งใน Mthai ... อ่านแล้วให้ความรู้สึกหลายๆอย่างดีนะ

10 วันของผมที่วัดย่านยาว จ.พังงา
ผมมีหลายอย่างที่อยากจะเล่าเรื่องถึงสิ่งๆดีๆที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่
นี่ ที่ใครหลายคนยังไม่รู้ ลองอ่านดูนะครับ แล้วจะรู้ว่า
ในความเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ มีสิ่งดีๆที่
เราและผมเองก็คาดไม่ถึง

ผมเป็นอาสาสมัครที่เข้าไปช่วยงานในพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม ของปี 2547
กับเพื่อนนักศึกษาใน
มหาลัยเดียวกัน วันแรกที่ผมไปถึงสนามบินภูเก็ต และนั่งรถจากภูเก็ตมาที่วัดย่านยาว
อ.ตะกั่วป่า
จ.พังงา กว่า 100 กิโลเมตร คุณจะเห็นสภาพความเสียหายที่ทำให้ผมรู้สึกว่า
มันคือหายนะจริงๆ ยิ่ง
เมื่อมาถึงที่วัดย่านยาว วันนั้นวุ่นวายมากๆ มีแต่ภาพที่แย่ๆ คนมาตามญาติ
คนนั่งร้องไห้เมื่อเห็นรูปศพที่ติ
ดบอร์ดเป็นญาติตัวเอง ทุกอย่างดูแย่ ดูวุ่นวายไปหมด

เมื่อไปถึงแล้ว พวกเราก้ไปดูๆว่าจะทำอะไรได้บ้าง
มีประกาศว่าต้องการอาสาสมัครที่ทำงานเกี่ยวกับศ
พ และเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งบอกว่า "ไหวมั้ยน้อง" ด้วยความที่ไม่อยากเสียฟอร์ม
ผมก็เลยรับงานนี้(แบบ
ไม่เต็มใจเท่าไหร่) ผมก็ไปเปลี่ยนชุด เป็นชุดหมีอวกาศ ที่คนที่นั่นเค้าเรียกกัน
ร้อนสุดๆเลยคับ จากนั้น
เราก็จัดทีมกัน แล้วผมก็ได้อยู่แผนกพลิกศพ คือดูรายละเอีดทุกอย่างเกี่ยวกับศพ
แล้วจดไว้ ต้องมีการยก
ศพพลิกเพื่อดูรายละเอียดทุกส่วนเลย แต่ผมว่าน่าจะเรียกแผนกนี้ใหม่ เป็น แก้ผ้าศพ
คงง่ายต่อการเข้า
ใจในหน้าที่ของผมมากกว่า.......เมื่อเข้าไปแล้ว ผมเห็นมีหลายคนวิ่งออกมาอ๊วก
หรือไม่ก็มีอาการ
แปลกๆ เช่น คนถ่ายรูปในทีมผม มือเค้าอ่อนจนกดชัตเตอร์ไม่ลง
คุณหมอพรทิพย์ก็เดินสวนไปสวนมา ผม
ยังแอบภูมิใจเล็กๆว่า อย่างเราก็ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับคุณหมอเบอร์ 1 ของประเทศด้วย
อิอิ

ทุกคนทำงานเหมือนไม่เหน็ดเหนื่อย แต่จริงๆแล้วมันล้าและหดหู่มาก คืนแรก
พวกผมถูกจัดหาที่นอนให้
อย่างน่าประทับใจเหลือเกิน คือ ตู้คอนเทนเนอร์ แล้วมันก็อยู่หน้าวัด แล้วในวัด
มีศพที่อืดๆได้ที่อยู่เป็น
พัน อืมม ไม่เป็นไร นอนกันหลายคน พวกเราก็ผูกมิตรกับอาสาสมัครคนอื่นๆ เลยรู้ว่า
ทุกคนมาจาก
หลายที่ หลายสถาบันมาก ทั้งจากธรรมศาสตร์ พระจอมเกล้าทั้ง3 เกษตร ศิลปากร ม.กรุงเทพ
และ
สถาบันอื่นๆเช่นแพทย์พระมงกุฏ รามา
ทำให้ผมเห็นถึงน้ำใจดีๆของเด็กรุ่นใหม่ที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นค
นของชาติ คืนนั้นเราคุยกันเรื่องพระ ว่าพระไปไหน เพราะเราต้องการที่ยึดเหนี่ยว
แต่ปรากฏว่า พระ
วัดย่านยาว ท่านออกธุดงค์ไปหมดแล้ว แต่ยังมีบางรูปที่ทนอยู่ และท่านนี่แหละ
เอาพระมาแจกคนละองค์
พร้อมปลุกเสกตั้งชื่อรุ่นว่า พระรอดรุ่นสึนามิ (ฮากันเข้าไป)
วันต่อมาพวเราจึงได้ติดเหรียญกล้าหาญนี้เ
ข้าไปทำงานกับศพต่อ

ที่นอนของเราก็เจ๋งมาก ทำจากโลงศพที่กองหน้าวัด ปูด้วยผ้าดิบใหม่ๆ ขอเน้นว่า ใหม่ๆ
เพราะเราไม่
ค่อยชอบน้ำเหลือง เจอมาทั้งวันแล้ว วิธีนี้เป็นไอเดียของพี่คนหนึ่ง ชื่อพี่เล็ก
หญิงคนนี้เธอสามารถแบก
โลงเปล่าคนเดียวได้ เธอแบกมาแล้วจัดที่นอนให้เรา
เรียงกันเป็นระเบียบในตู้คอนเทนเนอร์ ติดแอร์
เย็นเฉียบ สุดยอด พี่เล็กบอกว่าได้ไอเดียมาจากเจ้าหน้าที่ที่เอาโลงมาเป็นโต๊ะทำงาน
โต๊ะวางคอมอีก
ที

อาหารที่นี่เราก็กินอิ่ม 3 มื้อ บางทีก็ 5 มื้อถ้ากินลง คือมีอาหารตลอด
ข้าวกล่องที่ชาวบ้านร่วมกันบริจา
ค ขนม น้ำ ไอติม ผลไม้พร้อม แต่ติดอยู่อย่างเดียว ใครจะไปกินลงวะ
ในเมื่อศพมันเริ่มมีหนอน
แล้ว... ยิ่งวันไหนมีข้าวขาหมูหรือข้าวหมูแดงนะ อ่า...เหมือนมาก
เหมือนเนื้อที่อยู่ข้างในเลยยยย
พวกเราเลยกลายเป็นมังสวิรัติกันซะงั้น

พวกเราแบกศพ ยกศพ หั่นศพ เจี๋ยนศพ กันอยู่อย่างนั้น จนลืมวันลืมคืน นึกได้อีกที
อ้าว ปีใหม่แล้วเห
รอเนี่ย ก็เคาท์ดาวน์กับสภาพศพอืดๆนับร้อยนับพัน เพราะวันนั้น ศพเข้ามาเยอะมาก

หลายวันผ่านไป ดูเหมือนไม่มีอะไรดีขึ้น แต่มันแย่ลงด้วยซ้ำ สภาพศพที่เข้ามา
ยิ่งหลายวัน สภาพยิ่งแย่
หนอนมันตัวโตขึ้นทุกวันๆ คนเริ่มเครียด ญาติที่มาตามหาศพก็เครียด หมอก็เครียด
อาสาสมัครก็เครียด
ไทยเครียด ฝรั่งเครียด ญี่ปุ่นเครียด ช่างไม้เครียด ทหารเครียด
มองไปทางไหนก็ไม่มีอะไรจรรโลง
ใจ แต่เมื่อไหร่ที่เรามองเห็นคนทำงานในนั้น มันรู้สึกประทับใจ
ที่ทุกคนทำอย่างเหน็ดเหนื่อยโดยที่ไม่รู้ด้
วยซ้ำว่าทำเพื่อใคร รู้แต่ว่า ทำให้ดีที่สุด แม้คนที่ทำอะไรไม่ได้เลยก็มายกน้ำ
แบกของ หาข้าวหาปลา
ให้เรากิน แม้กระทั่งคนที่เอาดอกไม้มาให้พวกเราแล้วบอกว่าไม่รู้จะช่วยอะไร
มาให้กำลังใจละกัน
แค่นี้ก็ดีใจแล้ว มันเป็นภาพที่หาดูไม่ได้แล้ว การทำงานของที่นี่มีทุกแผนก
แม้แต่แผนกซับหน้าด้วยซ้ำ ที่
คอยซับหน้าพวกเราเพราะมือเราเปื้อนเลือดน้ำเหลืองต่างๆ เอาเป็นว่า
ทุกคนช่วยได้ทุกอย่างเท่าที่ช่ว
ยได้ละกัน สุดยอดจริงๆ

ที่ผมประทับใจมากๆอีกอย่างคือ คนในพื้นที่ ที่ดีกับพวกเรามากๆ
พวกอาสาสมัครที่ไปส่วนใหญ่เอาเสื้อผ้า
ไปไม่เกิน 3 ชุด พวกเราซักผ้าที่ไหนก็ไม่ได้
เค้าเลยให้ไปเอาเสื้อผ้าที่เค้าบริจาคมากองในวัดมาใส่
ตลกดีนะ ผมเจอเสื้อผ้าที่บ้านผมบริจาคมาด้วย แต่ในความอนาถาของเหล่าอาสาสมัคร
มียายแก่ๆคนนึง
บ้านแกอยู่แถวๆนั้น ถือตะกร้าผ้ามาแล้วบอกว่า ยายไม่มีแรงจะช่วยอะไร
เดี๋ยวยายซักผ้าให้ทุกคนนะ
แกพูดแล้วร้องไห้ แกคงตื้นตันใจที่แกได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือน่ะ
น่าประทับใจจริงๆ แกก็ซักผ้า
เป็นกองทุกวันเลย แกชื่อยายพึง น่ารักมากคับคุณยายคนนี้
แกก็เสียลูกสาวไปกับคลื่นสึนามินี้ด้วย

ไม่ใช่แค่นั้น บางคนเค้าก็ให้อาสาสมัครไปนอนบ้านเค้าได้ บางคนก็ทำขนมมาให้
มีเด็กคนหนึ่ง อายุ
ประมาณ 5-6 ขวบอ่ะ เอาเงินมาให้ผม 5 บาท ผมก็งงว่าทำไม แต่เค้าไม่พูด
เค้าอายแล้วก็วิ่งหนีไป
ผมเลยคิดว่า เค้าคงอยากบริจาคมั้ง น่ารักดี

ท่ามกลางความเหนื่อยล้า ของอาสาสมัคร
มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานหนักมากแต่ดูเหมือนไม่เหน็ดเหนื่อย
คุณหมอพรทิพย์ครับ จะมีใครดีอย่างเค้าอีก ผมรู้ว่าเค้าเหนื่อย
แต่เค้ายังยิ้มกับทุกคน และยังดีกับพวก
เราทุกคน แถมยังแอบให้เบอร์พวกเราไว้เพื่อนัดทานอาหารกันหลังเสร็จงาน และยังบอกว่า
ถ้าพวก
เรามีอะไรให้หมอช่วย หมอยินดีช่วย เพราะวันนี้พวกเราช่วยหมอได้มาก สุดยอดครับ
ฮีโร่ของผม ผม
ภูมิใจจริงๆที่ในชีวิตผมได้มาเจอคนที่สุดยอดอย่างคุณหมอ

วันนี้ผมกลับมาแล้ว แต่งานที่นั่นยังไม่จบ คุณหมอยังคงเหนื่อยต่อ
คุณยายพึงยังคงต้องซักผ้ากองโตไปอีก
คนตายก็ตายไป คนอยู่ก็ต้องดำเนินชีวิตต่อ ผมเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่ผมดีใจที่ได้เห็นสิ่งดีๆที่ผม
ไม่เคยเห็นมาก่อน อยากฝากบอกอาสาสมัครทุกคน
นี่เป็นประสบการณ์ที่เราต้องไม่ลืมที่จะเล่าให้ลูกให้ห
ลานฟัง เพราะสิ่งนี้ คือสิ่งดีที่สุดแม้มันจะอยู่บนความเลวร้ายที่สุดก็ตาม
ผมยังระลึกถึงทุกคนครับ

คุณหมอพรทิพย์ สุดยอดฮีโร่คนใหม่ของผม
หมอฮิ้ว ที่แม้จะเหนื่อย
แต่ยังสร้างสีสันได้ท่ามกลางศพนับร้อย(สาวๆมีกำลังใจเพราะหมอนะ)

-------------------------------------

ดอส



โดย: ดอส IP: 202.80.225.69 วันที่: 21 มกราคม 2548 เวลา:8:34:43 น.  

 
อ่านแล้วน้ำตาจะไหล ใครจะหาว่าผมเวอร์ ผมก็ยอมครับ

ตัดมาจากกระทู้พันทิปกระทู้นึง (มีคนส่งมาให้อีกต่อนึง)

ดอส

----------------

ความคิดเห็นที่ 63

//ฝากให้อ่านกันด้วยคับ อ่านแล้วน้ำตาร่วงทุกที//

ทุกท่านที่วิ่งอยู่ในพื้นที่ประสพภัย
ไม่มีใครไม่ทราบถึงน้ำใจของคนไทยในแผ่นดิน

คุณเคยเห็นไหม

อาสามูลนิธิที่ทำงานกันเสมอไหล่กับแพทย์อาสาในสนามโคลนแบบ3วัน2คืนไม่นอนเลยนะ
คุณเคยเห็นกันไหม

คุณเคยเห็นไหม
โลงศพที่ใครก็ไม่รู้ขับรถมาจอดข้างถนน ยกลงวาง แล้วก็ขับรถไปน่ะ
ไม่มีใครไปวิ่งตามให้เขามาส่งนะ เขามาเอง

คุณเคยเห็นไหม
ข้าวกล่องเป็นถุงๆ ถุงละกว่า50กว่ากล่อง
บรรทุกมาในรถปิคอัพเต็มคัน
คนขับจอดลงข้างถนน
วิ่งมาหยิบถุงข้าวลงจากรถวางไว้กับพื้นข้างถนน
ปากเขาไม่พูด
มือเขาสั่นเทา
แววตาอ้อนล้าอย่างแรง
และมีน้ำตาไหลพราก
พอยกถุงข้าวหมดเขาก็ขับรถออกไป
อีกเกือบชั่วโมง
ก็มีคนเห็นเขาทำแบบนั้นอีก ที่ที่ห่างจากที่แรกไม่เกิน100เมตร
และเขาทำต่อไปอย่างนี้ทั้งวัน ทหารบางคนจำเขาได้ เขาบอกเราว่า
คนนี้เป็นพ่อค้าในตลาดเขาหลักนี้แหละ ลูกเมียหายไปหมด เขาคิดว่าตายแล้ว
เลยเดินขึ้นเหนือไปบ้านญาติที่ตะกั่วป่า1วัน1คืน
ถึงแล้วก็ช่วยกันทำข้าวกล่อง
แล้วตัวเองก็ขับรถเอาไปส่งในผู้เคราะห์ร้าย
เขาเห็นคนเดินกันเยอะเขาก็จอดรถเอาข้าวลงวาง
เขาเห็นคนนั่งกันอยู่เยอะเขาก็เอาข้าวลงกองไว้กับพื้นข้างถนน
เขาไม่พูดกับใครเลย หลายคนเห็นเขาทำอยู่อย่างนี้ 2วันแล้ว

คุณเคยเห็นไหม
ครอบครัวคนจีน
พ่อขับรถไปช้าๆ
มีลูกเมียนั่งอยู่กะบะหลัง
พวกเขาโยนน้ำให้คนข้างถนนทุกคนที่เดินผ่าน
พวกเขากองน้ำไว้ข้างถนน
แล้วพวกเขาก็ขับรถจากไป

คุณเคยเห็นไหม
ยายคนหนึ่ง
นั่งอยู่ข้างศาลาการเปรียญวัดเขาหลัก
เขาหาบมะละกอออกมาจากบ้านหลังเขา
เขานั่งสับมะละกอวางไว้ตรงหน้าตั้งแต่เช้าจนบ่าย
ฝ่ามือยายย่นเหมือนเราเอามือแช่น้ำไว้สัก5ชั่วโมง
มือสับไปๆ แต่แววตายาย ไม่ยินดียินร้าย

ทั้งฝรั่งทั้งไทยนั่งกินหยิบกินมะละกอกันพออิ่มแล้วก็เดินหลบไปให้คนอื่นเข้ามากินต่อ

คุณเคยเห็นไหม
ใครก็ไม่รู้เอาเสื่อผ้ามาวางเป็นกองไว้แล้วก็ไป
แล้วก็มีใครไม่รู้เอามากองทับเข้าไปอีกแล้วก็จากไป
คนไทยคนฝรั่งเดินตาลอยไปหยิบมาใส่หัวใส่ตัว
แต่เสื้อผ้ากองท่วมหัวไม่เคยขาดจากกองเลย
มีคนมากมาย เอามากองเพิ่มให้
หรือเป็นเทวดาหรือที่เอามาเติมให้
พวกเขาไม่ใช่คนเหมือนคุณหรือ

เหล่านี้มีใครไปสั่งไปบอกเขาตรงๆไหม

ไม่มีหรอก


พวกเขารู้ว่าผู้นำของเขาบอกเรื่องเล่าเรื่องให้ทราบว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้อย่างนี้

นายกของเขาพูดว่าบ้านเราเมืองเราประสพภัยอย่างนี้อย่างนี้
เราควรช่วยกันแบบนี้แบบนี้

พวกเขาเองก็เห็นกับตาอย่างนี่อย่างนี่

แล้วจะมัวมาโทษใครด่าใครเฉือดเฉือนใครกันอยู่อีกหละ

แล้วพวกเขาก็มีแต่ออกมาช่วยกัน
เทวดาหรือที่เดินมาช่วยคนนะ
อาจจะใช้ก็ได้

แต่ที่เห็นกะตาน่ะ
คนชัดๆ

คนเเหมือนกันกับคุณนั่นแหละ
คนที่เขายากดีมีจน

เขาหาอะไรได้เขาก็เอาไปช่วยคนอื่น

หลายคนแค่เดินไปไหนได้ก็ไปบริจาคเลือด

หลายคนเดินไม่ได้ ก็สวดมนไหว้พระ
บางคนละหมาดอยู่ในบ้าน

มุสลิมบางท่าน ละหมาดอยู่หน้าบ้านตนเองทั้งวัน

ในบ้านก็มีทั้งพุทธทั้งมุสลิมหัวดำหัวขาวนั่งนอนพิงกันเต็มบ้านไปหมด
ตัวเองก็ออกไปละหมาดนอกบ้าง กลับมาละหมาดในบ้านบ้าง
ว่างมือก็ช่วยคนโน้นคนนี้ไปทั่ว
บ้านช่องของตัวเองไม่มีปิดประตูไม่มีปิดหน้าต่าง
ข้าวน้ำเสื้อผ้าผ้าห่มผ้านอนใครหยิบอะไรได้เขาก็หยิบเอา
ใครไม่หยิบเขาก็ไปหยิบมาแจกเอง
ไม่ได้ยินเขาคอยถามเลยว่าเป็นพุธเป็นมุสลิมเหมือนเขาไหม
เข้าใจว่าเขาคงคิดว่าเป็นคนที่ขนน้อยกว่าลิงเหมือนกันหมดหละมั่ง

ทุกคนต่างคนต่างทำคนดีตามแต่ที่ตนจะทำได้

กระทู้นี้กินใจเหลือเกินน้ำตาซึมเลย ก็อปมาฝาก

พีพีค่ะ

-------------------------------------


ดอส



โดย: ดอส IP: 202.80.225.69 วันที่: 21 มกราคม 2548 เวลา:8:43:01 น.  

 
อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ ในครั้งนี้

โห... เฮียเกลือ โย่งที่สุดเลยนะเนี่ย : )


โดย: แดดเช้า IP: 61.90.92.185 วันที่: 21 มกราคม 2548 เวลา:23:57:28 น.  

 
กระทู้ที่ดิสหยิบมาอ่ะ
มีคนเอาไปตัดตอนเป็นจดหมายเขียนไปลงในคอลัมน์ของโพสต์ทูเดย์ด้วย
อ่านแล้วฉุนกึ๊กเลย รู้ว่าไม่ใช่เจ้าของกระทู้แน่ๆ เพราะปะหน้าปะท้ายไม่เหมือนกัน
เห็นของใครเขียนดีก็หยิบมาแปะ.. เฮ้อ อนาถจริงๆ
( ว่าคนที่ตัดไปเขียนลงคอลัมน์นะ )


โดย: ว.น. IP: 203.155.227.182 วันที่: 22 มกราคม 2548 เวลา:0:03:27 น.  

 
ขอบคุณค่ะที่เล่าสุ่กันฟัง


โดย: ไม่รักไม่มา ...Naka วันที่: 30 มกราคม 2548 เวลา:2:40:10 น.  

 
เฮ้ย เพิ่งเห็น แอดเดรสผิด นั่นมันของเก่า

akarapas ณ ais.co.th


โดย: NaCl IP: 202.183.132.86 วันที่: 30 มกราคม 2548 เวลา:21:09:36 น.  

 
เราคงทำไม่ได้ง่ะ ก็ได้แต่ส่งแรงใจไปช่วย นะครับ คนไทยยังล้นน้ำใจเสมอ นับถือ ๆ . .


โดย: อิคิว IP: 202.28.6.18 วันที่: 30 มกราคม 2548 เวลา:23:01:05 น.  

 
//www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X3275373/X3275373.html#21


โดย: สมภพ IP: 203.150.217.111 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:16:40:24 น.  

 
อนุโมทนากับอาสาสมัครทุกท่านด้วยครับ
สิ่งที่ท่านทำเป็นสิ่งที่จะอยู่ในใจพวกเราที่เหลือ
ที่ไม่มีโอกาสได้กลับไปช่วยในเหตุการณ์นี้
ไปตลอดครับ


โดย: ดิจิตอล เดี้ยง IP: 134.225.254.250 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:16:33:40 น.  

 
Anumothana Sadhu with all of u guys..


โดย: Mike Syd boi IP: 203.217.24.21 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:8:17:35 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

NaCl
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




Friends' blogs
[Add NaCl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.