|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ไปวัดย่านยาว วันที่ 12-15 มกราคม 2548
บันทึกการเดินทาง โดย เพื่อนๆ ในทีม ครับ
หลังจากได้อ่าน E-Mail ของคุณเล้ง จบลง มีความรู้สึกเหมือนใครมาตอกย้ำความรู้สึก....ให้เด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง โดยทีมของเราไปรับช่วงต่อจากทีมของ พี่เหน่ง , คุณเดียว , คุณป้อ , คุณเล้ง , คุณหนึ่ง , น้องผึ้ง , น้องเพชร , พี่สมคิด ชุดอาสาของพวกเรามีกัน 7 คน คือ พี่โหน่ง(ศุภสิทธิ์-EPBD) หัวหน้าทีม , พี่พัชร (กัญญาพัชร-Helpdesk-ที่เคยเดินทางมาช่วยผู้ประสบภัยแล้วในวันหยุด) , น้องขวัญ(อักษร-MI -ขวัญใจของเรา และใครอีกหลายคน !!! ) ,น้องมัส ( กิตติเดช- จากWarehouse - น่ารักมาก) , คุณปอ( อัครพันธุ์ -DPC-ใจสู้แม้สุขภาพไม่อำนวย) ,น้อง( วรรณรักษ์-EPBD -ใจแข็งสุดๆ ) และเราเอง (จอย-จีรรัตน์-EPBD)
12-15 ม.ค.05 วันเดินทาง นัดเจอกัน 9 โมงเช้า ที่สนามบินเพื่อเดินทางไป จ .ภูเก็ต ระหว่างรอครบทีม พี่พัชร ผู้ซึ่งเคยมีประสบการณ์เดินทางมาแล้ว 2 ครั้ง ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ เล่าเรื่องราวให้ฟังถึงสภาพและเหตุการณ์ให้ฟังว่า ทุกอย่างดูโกลาหล ทุกคนต่างตามหาและร้องเรียกญาติของตัว ว่า มีศพอยู่เต็มถนนไปหมด จนไม่รู้ว่าเก็บศพใครก่อน ฟังแล้วหลับตานึกภาพตามดูซิ
เราเดินทางถึงภูเก็ตประมาณ 12.15 น.เมื่อเก็บสัมภาระที่ที่พักในตัวจังหวัดพังงาเรียบร้อยแล้ว ก้อเดินทางเข้ามาที่วัดย่านยาว อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ
โดยระหว่างการเดินทางไปวัดย่านยาว เราได้เห็นภาพความเสียหายตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะที่เขาหลักและบางม่วง ทุกคนในรถนั่งอึ้ง บอกได้เลยว่าที่เห็นใน Net หรือใน T.V ยังเทียบไม่ได้กับที่เราไปเห็นกับตาว่ามันรุนแรงเพียงใด คุณลุงนิวัฒน์จอดรถให้พวกเราดู ทุกคนตะลึงกับภาพที่เห็นต่อหน้า สังสัยว่าคลื่นยักษ์มันมาได้ยังไงทั้งที่ทะเลอยู่ไกลออกไปยังงั้น คุณลุงบอกว่าชาวบ้านที่ประสบเหตุและรอดชีวิตเล่าว่าคลื่นยักษ์สูงประมาณเสาไฟฟ้าเลยที่เดียว
ก้าวแรกที่เดินเข้าวัดย่านยาว รู้สึกได้ถึง รูป รส กลิ่น และสัมผัส จริงๆ ความหนาวเย็นที่รู้สึกเหมือนกับศพที่นอนอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ เกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า เค้าจะหนาวไหม เค้าจะมีญาติมารับไหม แล้วเค้าต้องรอนานแค่ไหน ยิ่งทำรู้สึกว่าพวกเราต้องช่วยกันทำหน้าที่ที่ขออาสามาทำให้ดีที่สุด หันมองไปรอบๆ มีคำที่อ่านที่อาสาสมัครเขียนไว้ มีความรู้สึกดีมากๆ คือ คำว่า เราจะพาเขาทุกคนกลับบ้าน นี่คือภารกิจของเรา ทำให้รู้สึกได้ถึงสิ่งที่ยึดเหนี่ยวให้ทุกๆคนที่ต่างเดินทางมาจากจังหวัดต่าง ๆ รู้สึกผูกผันกันและช่วยเหลือกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
พวกเราได้รับการต้อนรับอย่างดีจากพี่ๆ น้องๆ อาสาทุกคนที่อยู่ที่นั่น เราได้แยกย้ายกันไปช่วยงานตามที่ได้รับมอบหมาย โดยวันแรก ปอและพี่โหน่งไปช่วยในการคัดแยกรูปภาพผู้เสียชีวิตที่กองนิติเวชด้านใน ซึ่งมีเยอะมากหลายพันหลายหมื่นภาพ เพื่อคัดแยกแต่ละภาพให้อยู่ในหมวดหมู่ เพื่อง่ายต่อการค้นหาและเป็นมาตรฐานเดียวกัน และช่วยKey ข้อมูลผู้สูญหายเข้าคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีมากมาย ร่วมกับอาสาจากทั่วประเทศ ( บางช่วงพี่โหน่งกับปอก็เดินออกมาพักสายตาข้างนอก เพราะดูจนเบลอ )
ส่วนเรา , น้อง , พี่พัชร , มัส ,น้องขวัญ ช่วยกันค้นหาภาพศพให้ญาติที่มาติดต่อดู สิ่งที่ได้เห็นแล้วสะท้อนใจ คือการที่ญาติดูภาพศพไปเรื่อยๆแล้วสับสนว่าใช่หรือไม่ใช่ จนดูต่อไม่ไหว ต้องหายาดม ดูไปร้องไห้ไป ทุกคนที่ทำหน้าที่ตาแดง แต่ต้องสะกดกั้นน้ำตาไว้ เพราะสิ่งที่ญาติที่มาดูศพต้องการตอนนี้ คือ การให้กำลังใจและการปลอบใจจากพวกเรา แม้ว่าจะได้พบสิ่งที่เค้าตามหาเจอหรือไม่ก็ตาม แต่เราซิทนไม่ไหวต้องหันหน้าหนีไปร้องไห้
จนกระทั่งไปเข้าไปทำในเขตติดเชื้อ ซึ่งการเข้าไปอยู่ในเขตนี้ต้องใส่ชุดป้องกันการติดเชื้อทุกคน หน้าที่ของเราคือ จ่ายอุปกรณ์ และ เครื่องมือให้แพทย์ ต้องมีการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการตรวจ DNA ให้แพทย์ และหมอฟัน ซึ่งมีศพนอนรออยู่ตรงหน้าเราเต็มไปหมด กลิ่นค่อนข้างแรงมาก พี่โหน่ง หนึ่งเดียวที่อาสาเข้าไปช่วยทีมแพทย์ ติด ID ผูกข้อมือผู้เสียชีวิตด้านในสุด ( ตะลึงและนึกไม่ถึงว่าจะกล้า.. ) แต่เมื่อคิดว่าการที่เดินทางมาที่นี่ก้อเพื่อพาเค้ากลับบ้าน แม้ว่าจะเป็นเหลือเพียงศพเดียวก็จะทำ มันคือพลังใจที่ดีที่สุด พวกเราทุกคนมีความสามารถส่วนตัวที่มีมาใช้ในทำงานครั้งนี้
พี่โหน่ง , น้อง และ พี่พัชร มีมากกว่า CRM และ CEM ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี , น้องขวัญ และ ปอ ช่วยด้านข้อมูลและไอทีได้ดีเยี่ยม , น้องมัสและเราคงไม่รู้จักคำว่าเหนื่อยเมื่ออยู่ในนี้
เมื่อครบกำหนดกลับใจมันหาย มันเร็วเหลือเกิน รู้สึกผูกพันและทำงานเข้าที่แล้ว ไม่อยากกลับเลย แต่มีงานที่ต้องกลับมาทำ
การไปช่วยเหลือของพวกเราในนามบริษัทฯ ในครั้งนี้ได้รับคำชมจากพี่ๆ หลายคนที่อยู่ที่นั่น รวมทั้งคุณหมอพรทิพย์ ว่าอาสาสมัครจากชินคอร์ปทุกคน ทุกชุดที่มาช่วย ว่าทุกคนยอดเยี่ยม และ อึดกันจริงๆ ( ภูมิใจ..จัง )
ท้ายนี้ขอขอบคุณผู้จัดการสาขาภูเก็ต น้องทรายผู้จัดการ Telewiz น้องๆที่ Telewiz พังงา และ ตะกั่วป่า คุณลุงนิวัฒน์ที่ขับรถพาเราเดินทางไป-กลับที่พักและสนามบินทั้ง ๆ ที่คุณลุงไม่กล้าเข้าวัดแต่ก้อทนรอพวกเราจนเสร็จงานเพื่อพาเรากลับที่พัก และอาสาสมัครทุกท่านที่ให้บริการอาหาร-เครื่องดื่มและความช่วยเหลือ ทหารที่ช่วยแบกศพและทำอะไรอีกมากมายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำให้เราทึ่งในน้ำใจของพวกเขา พี่ๆ จากทีมนิติเวชที่คอยเป็นพี่เลี้ยง สอนงานพวกเราและที่จะลืมไม่ได้เลยคือพี่ป๊อกและคุณเจีย-HR ที่คอยอำนวยความสะดวกและคอยโทรศัพท์สอบถามและให้กำลังใจเราตลอดการเดินทาง และ Air Asia ที่พาเราเดินทางไป-กลับโดยสวัสดิภาพ
สุดท้ายนี้ขอให้ศพทุกศพเจอญาติ พวกเราสัญญานะถ้ามีโอกาสจจะกลับไปอีกแน่นอน
------------------------------------------------------------------------
ข้างล่างนี่แบบกันเอง ครับ ผม (ปอ) เขียนเอง
สองรูปนี้ถ่ายเองกับมือ รูปคุณหญิงหมอ กับ Ricky Martin ที่แวะมาเยี่ยม
น้าริกกี้ มองกล้องหน่อยค๊าบบบ
รูปนี้ก็ผมถ่ายกับคุณหมอ ไม่กล้าลงรูปใหญ่ เกรงใจคุณหญิงหมอครับ เอาเล็กๆ ไปดูเล่นคับ
นี่ก็ เพื่อนๆ ที่ไปด้วย
หนุ่มขายไอติม เฮ้ย ไม่ใช่ ! ฝ่าย Store
คนซ้ายสุดเป็นอาสา จากศูนย์นเรนทร ขวัญใจสาวๆ และหนุ่มๆ บางคน 5555
น้องเจ คนขวาสุด ขอแต่อีแมว(อีเมล์) มา ลืมเบอร์โทร จะส่งอีแมวได้ไม๊เนี่ย ไปกันเป็นเดือนไม่ได้เก็ตเมล เด๋วโดนตัด
จะกลับแล้ว กอดกันเข้าไป กอดจนสาวๆ หมั่นไส้
คุณหนิงค๊าบ (คนกลาง) สงสัยผมจะอดไป รอบ 2 แหล่ววว
อ่ะ คุณขวัญ เผลอแป๊บเดียว ไปจีบหนุ่มหล่อมาได้ 2 คน Gabrial กับ John อย่างไวๆ
ผมไปช่วยทำข้อมูล แยกภาพ ชาย หญิง เด็ก จะได้ค้นหาง่ายหน่อย
รูปมีเป็นพันคน แต่ละคนก็ สามสี่รูป เป้นภาพมุมต่างๆ สภาพนี่จำไม่ได้เลยว่าใครเป็นใคร
ช่วงที่พักรอระหว่างถ่ายข้อมูลลงเมมโมรีการ์ดขนาด 512 เม็ก ฯ เพื่อนำไปถ่ายลงเครื่องกลางที่รวบรวมข้อมูลทั้งหมด ออกมาเดินเล่น ก็เห็นผู้ที่ญาติหายไป มารอดูข้อมูลที่เต้นท์ ด้านนอก นั่งร้องไห้กัน น่าสงสารครับ
นั่งทำข้อมูลกับน้องๆ อาสาท่านอื่นๆ อยู่ 3 วัน กว่าจะหมดแผ่น CD 1 แผ่น เต็มๆ นั่งดูรูปกันหมดแผ่นนั่นเลย นี่ถ้าญาติมาตาม แล้วมีรูป เผลอๆ คงมีใครจำได้มั่งแหละว่ามีในฐานข้อมูลไหม
เพื่อนๆ ที่ไปด้วย รวม 7 คน หญิง 4 ชาย 3 แยกย้ายกันไปช่วยตามส่วนต่างๆ เช่น ไปช่วยฝ่ายตรวจศพ เก็บข้อมูลจากศพ ช่วยฝ่ายเบิกจ่ายของ ช่วยฝ่ายข้อมูลรูปภาพ คีย์ข้อมูลผู้เสียชีวิต ฯลฯ
ด้านหลังวัด เป็นเขตอันตราย BioHazard ใครจะเข้าต้องเป็นผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น และต้องใส่ชุดกันด้วย เป็นชุดหมีขาว ไม่ใช่หมีขั้วโลกนะ เป็นชุดคล้ายกระดาษ กันน้ำ กันเชื้อโรค ต้องใส่ถุงมือ 2 ชั้น กันเชื้อโรคเข้า ชุดที่หมอ Duba ในรูปข้างล่างใส่นั่นหละ
วันสุดท้าย ผมก็ไปช่วยหมอเยอร์มัน ชื่อหมอ Duba (เอ๊ะ หรือ Luba ใครจำแม่นๆ ช่วยยืนยันหน่อยครับ) หมอตั้งชื่อทีมว่า PANDA
ฟังไม่ทัน ที่หมอเขาว่า P กับ a สองตัวท้ายคืออะไร ฟังทันแค่ถ้าอ่านสามตัวกลางกลับหลัง คือ dna แล้วหมีแพนด้า ก้อน่ารักด้วย เลยกลายเป็นชื่อ ทีมเก็บ DNA ด้วยประการฉะนี้
ไปเก็บข้อมูลผู้ตาย โดยดูจากเสื้อผ้า สีผม กระดูก อวัยวะเพศ แยกออกมาว่าเป็นหญิง ชาย อายุประมาณไหน เป็นเอเชีย ยุโรป หรืออะไร แล้วก็เก็บ DNA โดยที่ศพที่เน่าแล้ว จะต้องเก็บจากกระดูกซี่โครง หมอจะให้ผู้ช่วย ล้างหนอนออกก่อน เอาน้ำราด และหมอก็ลงมีด แล้วเอากรรไกรที่เหมือนคีม ตัดออกมา ใส่ถุงไว้ ติดเบอร์ แนบเอกสารรายละเอียด เพื่อจัดลงคอม และ กระดูกก็เก็บลงตู้เย็นต่อไป
ผมไปช่วยหมอทำอยู่สัก 3 ชั่วโมง ร้อนโคตรๆ เหงื่อเต็มเลย เพื่อนโทรศัพท์มา 6 สาย รับไม่ได้เลย เพราะมือ ติดเชื้อโรค จับอะไรไม่ได้เลยและต้องระวังไม่ให้ไปโดนคนอื่นอีก หนักๆ เข้าต้องให้คนมือสะอาดๆ เปิดซิปเสื้อกันเชื้อโรค หยิบให้ ปรากกว่าโทรศัพท์ผมสภาพเหมือนตกน้ำเลย เหงื่อติดเต็ม สงสัยพังแหงๆ แต่ตอนนี้ยังใช้ได้อยู่
หลังจากช่วยหมอจนไม่มีศพใหม่เหลือแล้ว ก็ออกมา ถอด เสื้อ ถุงมือ ตอนถอดถุงมือชั้นนอก ก็สงสัยว่า ทำไมถุงมือชั้นในมันเปียกออกมาข้างนอก พอถอดถุงมือชั้นในออก ถึงได้ร้องอ๋อ เหงื่อออกมาลงไปในถุงมือ เทออกมาได้สักแก้วนึง :-P
ทั้งชุด และถุงมือ ใช้แล้วนี่ต้องทิ้งเลย ราคาแต่ละชุดก็ 1500 บาท แพงมากเลย ใช้แป๊บเดียวเอง เสียดายแทน
ตอนนี้เห็นข่าวว่ามีอะไรวุ่นวายเรื่องคุณหญิงหมอพรทิพย์กับตำรวจ ผมก็ไม่รู้ว่าจะจบยังไง แต่ก็วิจารณ์ได้นิดหน่อย ว่า ทำไมตำรวจไม่มาตั้งแต่แรก เห็นตำรวจว่า ข้อมูลสำคัญๆ เช่น การเก็บข้อมูล DVI หรือ Disaster Victim Investigation (ไม่แน่ใจว่าตัวเต็มผมสะกดผิดหรือเปล่า ถ้าผิดยังไง ช่วยบอกด้วย) ตำรวจเขาว่าถ้าจะมีปัญหาก็คือข้อมูลนี้แหละ ซึ่งอาจจะเก็บไม่ครบถ้วน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เขาเก็บข้อมูลอะไรมั่ง แต่ท่านผู้อ่านจะว่าข้อมูลที่เก็บ คือแค่สิ่งที่ผมเล่าไว้ข้างบน ไม่ได้นะครับ เพราะผมไม่ใช่คนจดข้อมูล และไม่ได้ไปดูฟอร์มที่เขาทำด้วย
เท่าที่ทราบตอนนี้ คือ หมอจะทำอีก 14 วัน แล้วก็โอนงานให้ตำรวจไปทำต่อ ส่วนหมอ จะลาออกจากราชการหรือไม่ ผมไม่ทราบครับ
เห็นใจคุณหญิงหมอมากเลย ทำอะไรทีไร เห็นต้องมีเรื่องแบบนี้บ่อยๆ เหมือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่งนึกได้ กว่าจะมาก็ช้าเกินไป หรือไม่ก็ รีรอ ให้หมอทำไปเยอะๆ ก่อน จะได้มาต่องานได้ง่าย ไม่ต้องทำอะไรมาก อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน :-P
ใครทำดี ก็ได้ดี ใครทำชั่ว ก็ได้ชั่ว
พระเจ้า ยุติธรรมเสมอ กฏแห่งกรรม ไม่มีใครหนีพ้น
ขอให้ผู้ที่เสียชีวิตทุกคน จงไปสู่ภพภูมิที่ดี ผู้ใดที่ยังหลง ยังติดโลกแห่งสสารนี้อยู่ ขอให้ปล่อยวาง ปล่อยโลกนี้ให้เป็นไปตามหลักอนิจังของมันต่อไป ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นแล้วไม่ดับไป ไม่มีอะไรน่ายึดมั่นเอาไว้ ขอให้ทุกท่าน ได้กลับบ้านใหม่ของท่าน ในสุขคติภพ โดยถ้วนทั่วทุกท่าน ครับ
อันนี้รูปใหญ่คับ คลิกอ่านป้ายผ้าได้
อันนี้ก็รูปใหญ่คับ คลิกดูได้
และนี่คือคุณ Kelly May ครับ คนดังในข่าว
นี่คือเรื่องของคุณแคลลี่ ที่ผมอ่านพบครับ ตัดมาจาก คม ชัด ลึก วันที่ 12 มกราคม 2548
//www.komchadluek.com/news/2005/01-12/ent1-16022600.html
..................ปิดท้ายกับ แคลลี่ เมย์ สาวเมืองผู้ดี ประเทศอังกฤษ วัย 27 ปี ซึ่งเป็นอาสาสมัครที่วัดย่านยาวเช่นกัน แคลลี่สื่อสารภาษาไทยได้ดีทีเดียว เนื่องจากเธออยู่เมืองไทยนายถึง 4 ปี และทำงานในบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ความน่ารักของสาวตาน้ำข้าวคนนี้คือน้ำใจและอัธยาศัยไมตรีที่เธอมีให้แก่ทุกคน
เวลาที่ใครอยากรู้เรื่องราวประวัติของแคลลี่ เธอจะยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งที่พิมพ์เป็นภาษาไทยให้อ่าน จากนั้นทุกคนก็ไม่ต้องถามไถ่อะไรมากแล้ว หรือหากเธอไม่เข้าใจเธอก็จะยกป้าย "ฝรั่งงง" ให้ดูพร้อมกับชูกระดาษอีกใบที่เขียนว่า กรุณาพูดช้าๆ ชัดๆ
แคลลี่ เล่าว่า เธอมาถึงวัดย่านยาววันที่ 31 ธันวาคม 2547 เนื่องจากบริษัทหยุด 4 วัน แต่เธอไม่มีอารมณ์ไปเที่ยว จึงอยากมาช่วยเหลือและให้กำลังใจคนที่หาครอบครัวไม่พบ "ไอยกของได้ ช่วยเป็นล่ามได้ ก็อยากช่วยเหลือ มาที่นี่ไม่เคยเจอศพพอได้ไปกับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่เกาะพีพี ก็ไปช่วยเขายกศพ ไอรู้ว่าหลายคนต้องการความช่วยเหลือ ไอรู้สึกเศร้าใจกับเหตุการณ์นี้ แต่ก็รู้สึกภูมิใจที่เห็นหลายคนได้ช่วยเหลือ แต่การให้เงินอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องให้กำลังใจและความรักด้วย" แคลลี่ กล่าวเป็นภาษาไทยด้วยสำเนียงอังกฤษ
แม้แคลลี่จะต้องกลับไปทำงานในต้นสัปดาห์นี้แล้ว แต่เธอกลับบอกว่า ยังไม่อยากไป เพราะคิดว่างานที่นี่สำคัญกว่างานประจำที่กรุงเทพฯ ถ้ากลับไปก็จะคิดถึงงานนี่อยู่ "ผู้จัดการเรียกให้กลับแล้ว แต่ไอบอกว่าอยากอยู่ที่นี่ แล้วก็ปิดมือถือเลย ก็กลัวตกงานเหมือนกัน แต่ก็ไม่เป็นไร"
ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ ทุกคนต่างแสดงออกถึงความมีน้ำใจอย่างเต็มที่ ทุกคนได้แต่หวังว่า ผู้ประสบภัยจะพ้นจากความโศกเศร้าแล้วกลับมายืนหยัดได้ในเร็ววันนี้
-----------------------------------------
ส่วนข่าวนี้ ตัดมาจาก ผู้จัดการ วันที่ 10 มกราคม 2548
//www.manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9480000003914
................. เคลลี่ เมย์ อาสาสมัครชาวอังกฤษวัย 27 ปี ละทิ้งงานด้านกราฟฟิคจากบริษัทโฆษณาย่านสุขุมวิท มาช่วยเหลือเป็นล่ามส่งภาษาเนื่องจากเธออาศัยอยู่ในประเทศไทยมากว่า 4 ปี จึงสามารถพูดภาษาไทยได้คล่องในระดับหนึ่งดังนั้นจึงตัดสินใจมุ่งหน้ามาช่วยผู้ประสบอุบัติภัยในทันที เคลลี่ บอกว่า เมื่อได้ทราบข่าวว่าเกิดอุบัติภัย “สึนามิ” ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดของเธอพอดี จึงถือโอกาสมาเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ลงมาตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 47 หวังมาช่วยประสานงานต่างๆ เพราะไม่มีอารมณ์ไปเที่ยวสนุกเหลืออีกแล้ว นอกจากเป็นล่ามแล้วเธอยังช่วยงานจิปาถะทั้งยกศพที่เขาหลัก และ พีพีกับปอเต็กตึ้ง ช่วยค้นหาดีเอ็นเอ และประสานงานกับทีม DVI ช่วยงานมาหลายสัปดาห์จนหลายคนทักว่าเธอเป็นหมอหรือเปล่า หลายวันก่อนผู้จัดการโทรมาถามว่าเมื่อไหร่จะกลับไปทำงานเสียที เคลลี่เลยปิดมือถือหนีเสียดื้อๆ เลยถามว่ากลัวตกงานไหม เธอว่าเป็นห่วง และยังอยากช่วยเหลืองานทางนี้มากกว่า เพราะอยู่ทางนี้สามารถช่วยเหลือคนได้มากกว่า อีกอย่างตอนนี้ผู้คนกำลังต้องการกำลังใจมากกว่าเงินทองของบริจาคด้วยซ้ำ
Create Date : 16 มกราคม 2548 |
Last Update : 7 เมษายน 2550 14:45:24 น. |
|
23 comments
|
Counter : 4266 Pageviews. |
|
|
|
โดย: N4 วันที่: 16 มกราคม 2548 เวลา:21:35:56 น. |
|
|
|
โดย: พี่เกี้ย IP: 203.150.217.119 วันที่: 16 มกราคม 2548 เวลา:22:15:52 น. |
|
|
|
โดย: NaCl IP: 202.80.225.69 วันที่: 19 มกราคม 2548 เวลา:9:33:47 น. |
|
|
|
โดย: ขวัญ IP: 202.80.225.71 วันที่: 19 มกราคม 2548 เวลา:17:50:06 น. |
|
|
|
โดย: NaCl (NaCl ) วันที่: 19 มกราคม 2548 เวลา:20:31:34 น. |
|
|
|
โดย: Kamen rider IP: 202.176.124.240 วันที่: 19 มกราคม 2548 เวลา:20:56:00 น. |
|
|
|
โดย: ศดานัน IP: 61.90.31.252 วันที่: 20 มกราคม 2548 เวลา:4:10:59 น. |
|
|
|
โดย: ศดานัน IP: 61.90.31.252 วันที่: 20 มกราคม 2548 เวลา:4:13:54 น. |
|
|
|
โดย: NaCl IP: 202.80.225.69 วันที่: 20 มกราคม 2548 เวลา:9:40:44 น. |
|
|
|
โดย: Pip IP: 202.5.88.156 วันที่: 20 มกราคม 2548 เวลา:10:02:26 น. |
|
|
|
โดย: Pip IP: 202.5.88.152 วันที่: 20 มกราคม 2548 เวลา:10:12:32 น. |
|
|
|
โดย: NaCl วันที่: 20 มกราคม 2548 เวลา:10:23:07 น. |
|
|
|
โดย: NaCl (NaCl ) วันที่: 20 มกราคม 2548 เวลา:17:13:38 น. |
|
|
|
โดย: ดอส IP: 202.80.225.69 วันที่: 21 มกราคม 2548 เวลา:8:34:43 น. |
|
|
|
โดย: ดอส IP: 202.80.225.69 วันที่: 21 มกราคม 2548 เวลา:8:43:01 น. |
|
|
|
โดย: แดดเช้า IP: 61.90.92.185 วันที่: 21 มกราคม 2548 เวลา:23:57:28 น. |
|
|
|
โดย: ว.น. IP: 203.155.227.182 วันที่: 22 มกราคม 2548 เวลา:0:03:27 น. |
|
|
|
โดย: ไม่รักไม่มา ...Naka วันที่: 30 มกราคม 2548 เวลา:2:40:10 น. |
|
|
|
โดย: NaCl IP: 202.183.132.86 วันที่: 30 มกราคม 2548 เวลา:21:09:36 น. |
|
|
|
โดย: อิคิว IP: 202.28.6.18 วันที่: 30 มกราคม 2548 เวลา:23:01:05 น. |
|
|
|
โดย: สมภพ IP: 203.150.217.111 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:16:40:24 น. |
|
|
|
โดย: ดิจิตอล เดี้ยง IP: 134.225.254.250 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:16:33:40 น. |
|
|
|
โดย: Mike Syd boi IP: 203.217.24.21 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:8:17:35 น. |
|
|
|
|
|
|
|