สวัสดีไดอารี่ 1 ...ติเพื่อก่อ...ขอความมั่นใจ...
สวัสดี ไดอารี่ เพื่อนรัก นายเป็นอย่างไรบ้างนะ เหนื่อยไหมที่ต้องมานั่งรับฟังอะไรๆจากเราอยู่เสมอเช่นนี้ วันนี้นะเราตื่นเพื่อจะไปทำงานตั้งแต่เช้า อากาศกำลังเย็นสบายไม่อยากลุกจากที่นอนเลยล่ะ แต่ก็นะ เกิดมาเป็นลูกจ้างเค้าจะเกียจคร้านได้ไง ว่าไปเราก็ไปออฟฟิตตอน 8. 30 น. ก็ได้ แต่ก็นั่นแหละอาบังน่ะสิ แกมาเอาเปอร์เซ็นต์ของน้ำยางตั้งแต่ยังไม่ 8. 00 น. เลยอ่ะ ทำให้เราต้องไปจัดการเคลียร์เปอร์เซ็นต์ในส่วนของแกก่อน กลายเป็นคนดี ไปทำงานตั้งแต่ยังไม่แปดโมงเช้าทุกวันเลยเดี๋ยวนี้
อืม....เรามีเรื่องตลกเล่าให้นายฟังด้วยล่ะ เมื่อวานนี้มีเพื่อนเราที่บ้านอยู่ติดกับออฟฟิต มาบอกเรากับไอซ์ว่า ณูมาถามเค้าว่าไอซ์มาทำงานเอาลูกมาเลี้ยงที่ทำงาน แถมยังมาช้ากลับเร็วทุกวันเลย ได้เงินเดือนไหม เพื่อนเราก็บอกว่ามันก็ไม่รู้สิ ณูเลยใช้ให้เพื่อนเรามาถามเรา ณูบอกว่า เราเป็นนกสองหัว มันต้องรู้อยู่แล้ว
นายคิดอย่างเราไหม คนเรามันก็ประหลาดดี ตัวเองเป็นถึงแฟนเถ้าแก่ อยู่บนกองเงินกองทอง มีกินมีใช้สบาย แต่กลับไม่รู้จักการวางตัว คอยแต่อิจฉาริษยาในตัวผู้อื่น ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องพวกนี้ไปใส่สมองให้จดจำสักนิด แถมยังบอกว่าจะเอาลูกมาเลี้ยงที่ออฟฟิตและมาทำงานบ้าง ถ้าเป็นเราเหรอ มีเงินใช้สบายๆ อยู่บ้านดูแลสามีและลูกจัดบ้านทำงานบ้าน แล้วหาอะไรทำแก้สมองว่างคอยคิดริษยาคนอื่นในเรื่องไม่เป็นเรื่องสนุกกว่าไหนๆ ว่าเราเป็นนกสองหัวน่ะ ช่างมันเถอะ เพราะตัวเราเรารู้ดีว่าเป็นคนเช่นไร แม้ว่าจะรู้สึกเซ็งๆที่อยู่ดีๆมีคนว่าให้ร้ายแบบนี้ก็ตามที แล้วเราเองก็ไม่เคยทำตัวสนิทสนมกับใครมากไปกว่าความจำเป็นด้วย งานก็คืองาน เรื่องส่วนตัวก็เรื่องส่วนตัว ไอซ์จะได้เงินเดือนไหมมันก็เรื่องของเจ้านายที่เขาเห็นสมควรเราไม่เห็นว่าเราจะต้องไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลย เราเลยบอกไอซ์ไปว่า"ให้คิดเสียว่าเรามีดีทำให้คนอื่นอิจฉาได้ก็แล้วกันจะได้สบายใจขึ้น "
นี่วันนี้เราโดดเรียน Mini MBA อีกแล้วล่ะ ความจริงตอนแรกก็ตั้งใจว่ากลับจากทำงานเราก็จะกลับมาเข้าเรียนล่ะนะ แต่รู้ไหม งานที่ออฟฟิตเลิกตั้งแต่บ่ายโมง แล้วเราต้องแกร่วรอลูกน้องอาบังเอาตัวอย่างน้ำยางมาส่งจนบ่ายสองโมงครึ่ง กว่าเราจะทำเสร็จปาเข้าไปตั้งบ่ายสามโมงครึ่ง กลับถึงบ้านโรคขี้เกียจเข้าสิง เลยเปิดนิยายมานั่งพิมพ์ต่อ ให้จบตอนที่ 7
นี่ก็เหมือนกัน ไม่รู้ทำไมพอเขียนๆไปเรากลับรู้สึกว่านิยายเราขาดโน้นขาดนี่ อ่านแล้วไม่พอใจเอาเลย อยากจะทำให้ได้ดีกว่านี้จัง พี่ปริ้นซ์ ถามเราว่าจะส่งนิยายที่เขียนเข้าประกวดไหม เราก็อยากส่งนะ แต่เรารู้สึกไม่มั่นใจเลยว่าของเรามันดีพอที่จะส่ง มันขาดรสชาติความเป็นนิยาย เราบอกพี่ปริ้นซ์ไปตรงๆ ว่าเราไม่มีความมั่นใจเลย แหะๆ โดนพี่ปริ้นซ์ดุอีกจนได้ พี่เค้าบอกว่ามั่นใจในตัวเองหน่อย เราก็อยากมีความมั่นใจหรอกนะ แต่พออ่านของคนอื่นแล้วมันก็บอกตัวเองทุกทีว่าตัวเองเขียนไม่ได้เรื่องเลย คิดอยากหยุดเขียนไว้เพียงแค่นี้ แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็เท่ากับเราทำให้คนที่อ่านของเราเสียความรู้สึกอีก แล้วต่อไปเกิดอยากเขียนขึ้นมาอีก แล้วใครจะอ่านจริงไหม
วันนี้คุยกับพี่มิกซ์ พี่เค้าให้คำแนะนำมาเยอะเลย ซึ่งก็ดีนะ มันทำให้เรารู้ว่านิยายเราขาดอะไร แต่ว่า เราจะแก้ได้ไหมนี่สิมันยากกว่าที่จะให้ใครช่วยบอกว่าไม่ดีตรงไหน แล้วพอคุยกับเจ้าเตย เจ้าเตยกับชมว่าชอบเขียนสนุก ความคิดคนสองวัยเลยตีกันแล้วสิ วัยสามสิบกว่าๆอย่างพี่มิกซ์ ไม่ชอบนิยายแนวนี้ชอบการบรรยายเป็นการดำเนินเรื่อง วัยสิบแปดอย่างเจ้าเตย ชอบแบบที่เราเขียน สงสัยงานนี้เราต้องมาอยู่ที่ตรงกลางปรับความคิดของสองคนนี้ให้เข้ากัน แล้วนำมาเป็นแบบฉบับของเรา นายว่ามันจะดีไหม
ไดอารี่จ๋า อาโดมเคยเขียนไว้ว่า คนเรามีคนติเพื่อก่อเพียงหนึ่งคนดีกว่ามีคนชมด้วยความไม่จริงหลายร้อยคน เราว่ามันจริงทีเดียวล่ะ
ไดอารี่จ๋า เราจะพยายามหาความมั่นในให้ตัวเองมากกว่านี้นะ เราไม่อยากทำให้พี่ปริ้นซ์พี่ชายที่แสนดีของเราผิดหวัง ซึ่งเรารู้นะว่าในความคาดหวังนั้นก็เพื่อตัวของเราเองไม่ใช่ใครที่ไหนเลย นายเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ ไดอารี่เพื่อนรัก
Create Date : 07 กันยายน 2550 |
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2551 20:19:18 น. |
|
26 comments
|
Counter : 840 Pageviews. |
|
|
|