พอท้องแก่ เริ่มรักแร้ดำ ขาหนีบดำ คอก็ดำ แต่ดีที่ไม้แพ้ท้อง กินอาหารได้ทุกอย่าง

ใครๆก็อยากคลอดสบายๆ แต่ดันมีภาวะรกเกาะต่ำ แม่ตัวเล็ก หมอเลยบอกผ่าคลอดสบายกว่า

1.ก่อนกำหนดผ่าคลอด 1 วัน เช้าไปพบหมอ หมอตรวจวัดการบีบตัวของมดลูก มีสายไฟมีตัวหนีบมากมาย ให้เรานอนหงายราวครึ่งชั่วโมง อึดอัดมาก

2.ผลกราฟออกมา หมอบอก มดลูกบีบตัวถี่ แต่เรายังไม่มีอาการเจ็บท้อง คืนนี้หลังกินอาหาร มื้อเย็นให้งดอาหาร หลังเที่ยงคืนงดน้ำ ห้ามกินน้ำเด็ดขาด

3.พยาบาลแผนกคลอดบอกว่าถ้าปวดท้องก่อน ปวดผิดปกติ บับตัวถี่เจ็บมาก ก็เตรียมตัว อาบน้ำ สระผม มาได้เลย(คิดในใจ ปวดท้องคลอด ใครจะไปมีอารมณ์อาบน้ำสระผมกันหระ เค้าก็ต้องรีบหาหมอทั้งนั้นแหระ)

4.คืนนั้นอาบน้ำสระผม ฟอกสบู่ โกนขนตรงนั้นให้สะอาด ตั้งแต่ด้านหน้า จรดท้าย ด้วยด้ามมีดโกนหนวดของผู้ชาย ยืนเขาข้างนึงวางบนขอบชักโครก

(ไม่อยากให้ใครมาโกนให้ และไม่อยากให้เสียเวลาสครับ ทำความสะอาดก่อนผ่า)

5.ตีห้าครึ่ง ไปแผนกเตรียมผ่าคลอด เซนใบผ่าตัด เปลี่ยนเสื้อผ้า พยาบาลเอาที่สวนก้นให้ แล้วรอแถวห้องน้ำ(ต้องสวนอุจจาระออก ถ่ายให้หมด ไม่งั้นเวลา ผ่าคลอด จะมีการขับถ่ายออกมาเลอะเทอะ สกปรก ติดเชื้อ อีกอย่างมดลูกกับลำไส้ตรง เมื่อนอนหงายมดลูกจะทับลำไส้ การมีอุจจาระอยู่ในลำไส้เยอะๆย่อมไม่ดีแน่ และอาจขัดขวางการผ่าตัดเอาลูกออก)

6.หลังจากถ่ายอุจจาระจนหมดแล้ว พยาบาลเรียกมานอนหงาย วัดความดัน จากนั้นจะเปิดดูส่วนช่วงล่าง เพื่อโกนขน ทำความสะอาด ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือเรียกว่า สครับ ซึ่งพยาบาลไม่ต้องทำอะไร เพราะเราจัดการมาเองแล้ว พยาบาลยิ้มและเช็ดน้ำยาฆ่าเชื้อให้ตั้งแต่เนินหัวหน่าว อวัยวะเพศ ทุกซอกทุกมุม (ขอบอก เวลาเช็ด น้ำหนักมือแรงมากเจ็บจนชา)

7.ย้ายมานอนบนเตียง แทงน้ำเกลือเข้าเส้นเพื่อรอผ่าคลอด ถ้าเจอพยาบาลแทงเส้นเก่งจะโชคดีมากกกกก  จากนั้นพยาบาลฝึกหัดมาสอดท่อฉี่ สอดสามสี่ครั้งไม่เข้า แถบเจ็บจี๊ดๆหลายหน เราเลยบอก น้องพี่ระบมหมดแล้ว ขอคนสอดท่อแม่นมาทีเหอะ พี่เจ็บ น้องเลยทำหน้าแหยๆ ไปตามหัวหน้าพยาบาลมาสอดท่อให้ ทีเดียวผ่าน แต่เจ็บจี๊ดเลย ท่อใหญ่ประมาณสายน้ำเกลือ แต่ดูหนาๆ สีน้ำตาล

8.รอ และมีคนเข็ญเตียงให้ ไปรอหน้าห้องผ่าคลอด จนเกือบสิบโมงยังไม่ได้ผ่า เพราะดันมีเคสฉุกเฉินคลอดเองไม่ได้ ต้องผ่าคลอดด่วนมาลัดคิว เล่นเอาอีชั้นจากที่กลัวๆ เริ่มหิว หงุดหงิด เป็นเหน็บเพราะนอนรอบนเตียงนาน พอขยับตัวนิด ท่อฉี่ก็ทิ่มจี๊ดเข้าให้ เริ่มอารมณ์เสีย อยากให้ผ่าเร็วๆ

9.สิบโมงนิดๆ ได้เข้าห้องผ่าซักที มีผู้ช่วยหมอ2-3คน สครับน้ำยาฆ่าเชื้อที่หน้าท้อง กับอวัยวะเพศให้ หมอวิสัญญี(หมอทำหน้าที่วางยา) แจ้งว่าจะฉีดยานำให้ ให้กลืนน้ำลายลงคอนะ เดี๋ยวจะรู้สึกง่วง

ทันทีที่หมอฉีดยาเข้าสายน้ำเกลือ รู้สึกง่วง หลับสบายมากๆๆๆ

บล็อกหลัง คือฉีดยาชาเข้าช่องไขสันหลังที่เอว อวัยวะที่เอว ขา ช่วงล่างจะหมดความรู้สึก แต่ตัวเราจะตื่นอยู่ขณะหมอทำการผ่าตัดช่องท้องเอาลูกออก เราจะรับรู้ ได้ยินหมอ ได้ยินเสียงลูก

การดมยาสลบ คือ การให้ยานำสลบ จากนั้นสอดท่อทางเดินหายใจ และปล่อยแกสดมสลบ ตัวเราจะสลบ ส่วนหมอจะทำการผ่าคลอด ทำความสะอาดตัวเด็ก เราตื่นมาเค้าก็จะเอาลูกมาให้

การเลือกวิธีไหนต้องดูสุขภาพแม่ ความดันเลือดร่วมด้วย บางคนบล็อกหลังแล้ว ก็มีภาวะปวดหลังเรื้อรังตามมา อาจเป็นสาเหตุจากการวางยาผ่าคลอดหรือไมใช่ก็ได้ แต่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญจริงๆ ไม่งั้นต้องแทงหลายครั้งกว่ายาจะออกฤทธิ์  การดมยาสลบ บางคนตื่นมาก็เจ็บคอ ไอ เพราะโดนท่อทางเดินหายใจครูด มันมีหลายสาเหตุ อาจใช่หรือไม่ใช่ก็ได้

บางคนอยากคลอดธรรมชาติ แต่ดัน ปวดท้องมาวันกว่าลูกไม่ออก บ้างก็หมดแรงเบ่ง บางคนรกพันคอ บางคนลูกนอนขวาง บางคนเชิงกรานเล็กแต่เด็กตัวใหญ่ บางคนตกเลือด หลังจากคลอดธรรมชา็ติไม่ได้ ก็ต้องผ่าคลอดอยู่ดี กลายเป็นเจ็บนาน เจ็บมาก เจ็บสองต่อ)

10.หลังจากกำลังหลับสบาย ได้ยินเสียง พยาบาลบอกว่าคุณแม่ตื่นได้แล้วค่ะ เราได้ยินเสียงแต่ไม่อยากตื่นเพราะกำลังหลับสบายเลยนอนต่อไม่อยากลืมตา ได้ยินเสียงคนหยิบของ แล้วเข็ญเตียงให้ ตื่นมาเพราะปลุกให้ย้ายเตียง เลยยกก้นไปนอนอีกเตียงเป็นแผนกแม่ที่คลอดลูกแล้ว จากนั้นพยาบาลเอาทารกมาให้นอนกับแม่

ตอนแรกกลัวเจ็บแผลมาก บอกหมอไว้ว่า ขอยาแก้ปวดที่ดีที่สุดนะคะ ตอนหลังผ่าแล้วตื่นมา ไม่รู้สึกเจ็บแค่ตึงๆแผล แต่รุ่งขึ้นวันถัดมาปวดแผลมาก ปวดไปทั้งตัว ขยับไม่ได้ หมอก็สั่งไว้ว่าให้แม่ขยับตัวและเดินช่วยเหลือตัวเองจะได้ทำให้ลำไส้ อวัยวะภายในฟื้นตัว และไม่มีพังผืดยึดในท้อง เราปวดมากพยายามจะนั่ง ปวดจนร้องไห้ แถมวันนั้นมีคนมาคลอดมาก ยุ่งกันทั้งแผนก หมอมาช้าไม่เอายาแก้ปวดมาซักที เลยให้คนใกล้ชิดเอาไทลินอล พาราเซตามอล กินเข้าไปครึ่งชั่วโมงยาออกฤทธิ์ เลยลุกจากเตียงได้

ต้องคาน้ำเกลือไว้อีกวัน รุ่งขึ้นถอดท่อฉี่ ดึงพรวดเดียวสะดุ้งโหยง โอ้มายก๊อดดดด

ทารกแข็งแรงดี แต่ทางโรงพยาบาลจะให้ส่องไฟยูวี สองถึงสามวัน เพื่อป้องกันภาวะเด็กตัวเหลือง ดีอย่างที่โรงพยาบาลที่ไปคลอด ไม่ว่าวันแรกที่คลอดเด็กจะมีภาวะเหลืองหรือไม่เหลืองทางโรงพยาบาลมีนโยบายควรส่องไฟทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้ทารกกลับบ้านไปแล้วเกิดภาวะตัวเหลืองในภายหลัง ดีจัง