ชายหนุ่มเป็นทายาทคาชิคุระเจ้าของ
บริษัทโอค ส่วนฝ่ายหญิงเป็นทายาทตระกูลโทฮาระ
เจ้าของ
บริษัท แพร็ง ต็อง (Printemps) ซึ่งทั้งสองบริษัทต่างเป็นยักษ์ใหญ่ที่เป็นคู่แข่ง
ทางการค้าในตลาดเครื่องสำอางค์ ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายไม่ถูกโรคกัน
ราวกับเรื่องโรมิโอกับจูเลียต
หนำซ้ำฝ่ายหญิงยังถูกผู้ใหญ่เพ่งเล็งว่าเป็นสปายให้กับฝ่ายตรงข้ามในเรื่องธุรกิจอีกด้วย
และในเหตุการณ์นั้นมีผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวคือ
อาซุมิ ลูกสาววัยสามขวบ
จากวันนั้น อาซุมิเติบโตขึ้นท่ามกลางการเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมของคุณปู่
ผู้ซึ่งต้องการไถ่บาปที่ทำไว้กับลูกชายของตนที่ตายไป แต่นั่นเป็นดาบสองคมที่ทำให้
อาซุมิสาวน้อยไฮสคูลวัย16 ผู้สะสวย ร่าเริงและเป็นคนตรงไปตรงมา
ผู้เป็นที่รู้จักของใครต่อใครในฐานะพรีเซ็นเตอร์ของโอค ถูกเปรียบเทียบว่าเป็น
ตุ๊กตาแก้ว
ซึ่งคนที่ตั้งฉายานี้คือ
ทากาฮะ มาซายูกิ ชายหนุ่มผู้เข้ามาจุดประกาย
และทำให้ความคิดในการใช้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป
ก่อนคุณปู่ของอาซุมิจะสิ้นใจ ท่านทำพินัยกรรมโอนหุ้นของบริษัทให้กับอาซุมิ
นั่นเท่ากับเธอจะได้เป็นเจ้าของบริษัทโอค
หากว่าเธอไม่แอบไปได้ยินญาติผู้ใหญ่และคนในบริษัท
ที่พูดเรื่องแผนการหมั้นหมายกับ
ชูอิจิ ลูกพี่ลูกน้องผู้เป็นคนในบริษัทโอค
เพื่อไม่ให้ทรัพย์สินมรดกรั่วไหล สิ่งนี้ยิ่งสร้างความเกลียดชังฝังใจอาซุมิ
เธอตัดสินใจหนีออกจากบ้านพร้อมยื่นคำขาดว่าจะขอเป็นอิสระ
ไม่ขอเป็นเจ้าของโอคและยุ่งเกี่ยวอีกต่อไป
จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้ปรากฏตัวในฐานะพรีเซนเตอร์ของบริษัทคู่แข่งอย่างแพร็งต็อง
ณ ที่นั่นเอง
อาริงะ โยชิมิ ลูกชายของผู้จัดการคนใหม่ได้ยื่นมือให้ความช่วยเหลือเธอ
แต่ทว่าเขาเองมีแผนการณ์ที่ลึกล้ำแอบแฝงไว้เบื้องหลัง
ด้วยเหตุนี้สาวน้อยวัย16 ต้องตกอยู่ท่ามกลางสงครามธุรกิจ ของสองยักษ์ใหญ่
แห่งวงการเครื่องสำอางค์ ไม่เพียงแค่นั้นชายหนุ่มที่เธอฝากความหวังและให้ความนับถืออย่าง
มาซายูกิก็เข้ามามีส่วนร่วมในวังวนนี้ด้วย
และนี่คือเหตุการณ์ส่วนหนึ่งใน
ลูกสาวจูเลียต (Cr: ภาพปกจากเวปไซต์)
ตอนเด็กๆผมได้อ่านเรื่อง
ลูกสาวจูเลียต แบบไม่ปะติดปะต่อเท่าใดนักจาก Friends magazine
จึงรู้สึกเผินๆเพียงแค่วาดสวยและคุ้นภาพของนักเขียนเท่านั้น
กระทั่งได้มีโอกาสอ่านแบบรวดเดียวจบจากเวอร์ชั่น KK Books ในชื่อ
ดวงใจนี้ยังอยู่เพื่อห่วงใย (ชื่อมันยาวเยิ่นเย้อจนไม่น่าซื้อเลยให้ตายสิ) เท่านั้นแหละ
ความสนุกบังเกิดจนเป็นที่ติดใจ ผู้เขียนทำให้เราอ่านแล้วอยากเอาใจช่วยอาซุมิไปด้วยจริงๆ
เด็กวัย16 ที่ตกอยู่ในวงล้อมธุรกิจของผู้ใหญ่ กลายเป็นหุ่นเชิด และถูกหักหลัง
แต่ด้วยใจสู้และไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาเธอก็ค่อยๆฝ่าฟันอุปสรรคไปทีละเปราะๆ
อย่างน่าติดตาม ความเห็นส่วนตัวติดแค่ว่าตอนจบมันไม่พีคนัก
และหากพูดถึงเรื่องการแปล ผมว่านิยายหรือการ์ตูนจริงๆแล้วไม่ได้ต่างกัน
การ์ตูนก็คือบทประพันธ์รูปแบบหนึ่งที่มีภาพประกอบในการสื่ออารมณ์
ส่วนเนื้อหาจนถึงบทพูดผู้เขียนก็จะกลั่นกรองออกมาด้วยความพิถีพิถันไม่ต่างกัน
ด้วยเหตุนี้การแปลจึงเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ยิ่งคำเฉพาะที่มาจากภาษาต่างประเทศด้วยแล้ว
ถ้าอ่านหรือแปลผิดชีวิตเปลี่ยนเลยเชียวล่ะ
เช่นในเรื่องนี้คำว่า
Printemps ในภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า
ฤดูใบไม้ผลิ (ในเนื้อหามีฉากที่อาซุมิพูดถึงอยู่ด้วย) ซึ่งผมว่าน่าจะอ่านเป็น แพร็งต็อง มากกว่าพริ้นเทมป์ส
ตามที่ KKแปล พอแง้มไปดูเวอร์ชั่นของวิบูลย์กิจถือว่าแปลใกล้เคียงกว่า
// และในขณะที่ KK ก็บรรยายคำว่ารักบี้เป็น รับบี้ ที่แรกเข้าใจว่าเขียนผิดไปแต่ไม่ใช่แฮะ
แต่มันอยู่ในทุกประโยคที่เขียนเลย จูนกันใหม่เลยทีนี้
แต่ก็ต้องขอบคุณ KK ที่รวมเล่มให้ได้อ่านกัน
ที่จริงเหลืออีกคำคือ
โอค อันนี้สืบค้นไม่เจอจริงๆว่าต้นฉบับเขียนยังไง
แต่ขอเดาเองว่าเป็น
Ochre ที่หมายถึงดินสีเหลืองน้ำตาลล่ะกันครับ
เพราะดูเข้ากับเรื่องสีสันและวงการแฟชั่นได้ดี ^^
(แต่อาจคาดการณ์ผิดก็ได้ครับ)
ลูกสาวจูเลียต หรือในชื่อต้นฉบับว่า
Juliet no musume
เป็นผลงานในปี1986 ของ
อ.ฟุจิตะ คาซึโกะ เจ้าของผลงาน
ไรซิ่ง / แม่สาวทะเล้น / หมายเลข1คือเธอ และอื่นๆอีกมากมาย
ช่วงนั้นดูเหมือน อ.จะเขียนโทนเรื่องออกแนวผู้ใหญ่สักหน่อย
ก่อนจะปรับโหมดเป็นวัยเด็กมากขึ้นตั้งแต่โมโมกะ
จนถึงช่วงเรื่องเทพยดาขาลุย( tenshi no shippo)
กับ dream e rush (จำชื่อไทยไม่ได้ T_T )
หลังจากนั้นก็เหมือนกลับมาโหมดแนวผู้ใหญ่ขึ้นอีกครั้งหนึ่งในผลงานถัดๆมา
.....