เริ่มต้นบล็อกวันนี้ ผู้เขียนขอเล่าย้อนไปถึง History หุหุ ของเจ้าไขมันที่สะสมตามร่างกายมานานหลายปี นับมาก็ตั้งแต่ตอนท้องเจ้าข้าวปั้นน้อย 9 เดือน + กะอีก 2.8 ปี โอ๊ว์ แม่เจ้า!!! สามปีกว่าแล้วหรือนี่... จริงๆ เมื่อสมัยยังสาวๆ หุ หุ พูดไปเด๋วจะเข้าใจผิด ตอนนี้ ผู้เขียนก็ยังสาวอยู่นะ เพียงแต่ความสาวมันน้อยลงไปกว่าเมื่อก่อนนี้หน่อย 55555

ออกนอกเรื่องอีกละ เข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ ก่อนท้องข้าวปั้น ผู้เขียนนน.50 kg. สูง 160 cm อยู่ตามเกณฑ์ค่ะ ไม่ได้ผอมกะหร่องเหมือนน้องๆ หนูๆ สมัยนี้ แต่ก็ไม่อ้วนค่ะ หุ่นเฟิร์มพอดิบพอดี แต่ก็ยังมิวายถูกค่อนขอดจากสามีอย่างสม่ำเสมอ  ไม่รู้อยากจะได้เมียเป็นไม้เสียบผีหรือยังไงเนอะ.. แต่ช่างเถอะเพราะเด๋วพ่อก็จะได้รับกรรมตามสนองทันตาเห็น... แต่พอท้องข้าวปั้นแล้วสิคะ น้ำหนักพุ่งพรวดๆๆ เมื่อครบกำหนดนน.พุ่งขึ้นไปถึง +20 โลเห็นจะได้ โอ๊วววว ไอ้ไตรมาสสุดท้ายของการท้องสาบานได้ ว่าไม่ค่อยได้สวาปามเท่าไหร่นะคะ แต่นน.มันก็ขึ้นเอาขึ้นเอา แบบยั๊งไม่อยู่ค่ะ บวมอืดเป็นแม่หมูพันธุ์ดีทีเดียว ตอนนั้นในใจก็คิดว่า แหม... ไม่เป็นไร เด๋วพอเบ่งเจ้าตัวน้อยออกมา ขี้คร้านที่บวมๆ อยู่นี่ก็คงจะแฟบลงไปเยอะเชียว...

ปรากฎว่า เมื่อวันคลอดมาถึง 4 ต.ค. 2548 แม่ข้าวปั้นผ่าตัดคลอดค่ะ เพราะ 42 week แล้วเจ้าหนูยังนิ่งนอนใจไม่แสดงอาการอยากจะออกมาดูโลกเล๊ย จารย์'หมอฉีดยาเร่งคลอดตั้งแต่ 8 โมงเช้านอนเจ็บยัน 4 โมงเย็น อาจารย์หมอเข้ามาคลำๆ แล้วบอกว่า เอ๊า... เจ้าหนูแหงนหน้าคงคลอดธรรมชาติไม่ได้แล้ว ว่าแล้วก็เข็นเข้าห้องผ่าตัด ไม่นานก็ได้ยินเสียงเจ้าตัวน้อยดัง อุแว๊ อุแว๊...ตัวเขียวออกมาเชียว 

เล่าไปเล่ามาทำไมกลายเป็นเรื่องคลอดลูกไปได้ 5555 ตัดเข้ามาที่เรื่องนน.ปรากฎว่าเจ้าหนูออกมา +น้ำคล่ำ มันหายไปแค่ 6 kg. แม่เจ้า.. แล้วไอ้ 14 kg.ที่เหลือหล่ะ ขอบอกว่าตัวบวมมากค่ะ เลี้ยงลูกอยู่สองเดือนกว่าๆ ก็กลับมาทำงาน ถึงแม้ว่าจะอดนอน แต่เนื่องจากไม่ได้ทำงานบ้านเอง เลยทำให้น้ำหนักก็ยังคงค้างอยู่กับตัว ประมาณ 62 kg. ทีเดียว เรียกว่าช่วงนั้น จะออกจากบ้านที ใช้เวลาในการแต่งตัวนานมาก เพราะหยิบเสื้อผ้าชิ้นไหนมาสวมมาใส่ มันก็ใส่ไม่ได้บ้าง ปลิ้นตรงนู๊นบ้าง ตรงนี้บ้าง...

เป็นอย่างนั้นอยู่นานเลยค่ะ ในช่วงเวลานั้น ก็มีพยายามจะอดอาหารเย็นบ้าง อะไรบ้าง ก็ไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่ จนสามีไปเอาตัว Herberlife มาให้ลองกิน ก็ลองพยายามกินดูค่ะ แต่ขอบอกนะคะ ทรมานมาก เพราะว่าผลิตภัณฑ์มันเป็นรูปแบบเม็ดค่ะ แล้วใหญ่ แถมต้องกินวันหนึ่งสิบกว่าเม็ดได้ แล้วก็ต้องชงน้ำของเค้าใส่ขวดลิตรแบกมากินที่ทำงาน แล้วก็ต้องทานผงชงน้ำแทนข้าวเย็น ทั้งวันทานได้แค่ข้าวกลางวันเท่านั้น ทำอย่างนี้ทุกวันจนถึงเดือนนึงค่ะ ปรากฎว่าทำแทบตายน้ำหนักลงไปแค่ 2 kg. พอชั่งน้ำหนักแล้ว หมดเลยค่ะ คือความคาดหวังคือเราทำขนาดนี้ มันน่าจะลดลงเยอะกว่านี้อ่ะค่ะ เลยเลิกไม่เอาแล้วค่ะ

จนมีวันนึง น้องเลขาฯ หน้าห้อง เธอเพิ่งคลอดลูกเหมือนกันและเพิ่งกลับมาทำงาน เธอว่าเพื่อนสมัยเรียนแนะนำผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักตัวนึงให้เธอค่ะ โดยให้เธอลองกินดูก่อน 1 กล่องฟรีๆ เธอก็มาเล่าให้ฟัง ผู้เขียนก็ยังตอบเธอกลับไปเลยค่ะ ว่าเอ้า!! หนูลองก่อนละกัน ถ้าได้ผลแล้วพี่จะตาม แต่ในใจไม่เคยเชื่อผลิตภัณฑ์พวกนี้นักหรอกค่ะ เพราะลองมาเยอะแล้ว ก็ไม่ค่อยจะได้ผลมากนัก น้องเค้าลองอยู่ 1 อาทิตย์แล้วกลับมาบอกว่า "พี่คะ หนูลดลงไป 2 kg." ฮ๊า...จริงเหรอ  จริงๆ ในใจยังเคลือบแคลงสงสัยเพราะเห็นน้องเค้าลดอาหารลงด้วยอ่ะค่ะ เลยไม่แน่ใจ แต่ก็อยากลอง

ว่าแล้วก็สั่งน้องเค้ามาลองค่ะ สั่งครั้งแรกกับเพื่อนของน้องเลขาฯ นี่หล่ะค่ะ เค้าเป็นตัวแทนขาย กล่องละ 900 บาท มีแผงแค็ปซูลบรรจุอยู่ในซองฟลอย.. 3 แผง แผงนึงบรรจุเม็ดแค๊ปซูล 10 เม็ด ทั้งหมด 30 เม็ด มีคำแนะนำเพิ่มเติมจากน้องตัวแทนว่า ถ้ารีบหรือเรียกว่าเร่งลดมาก ก็ให้ทานวันละ 2 เม็ดหลังอาหารมื้อแรก แต่ถ้าไม่รีบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ก็ 1 เม็ดหลังอาหารมื้อแรก

week แรกลดลงไป 4 kg. ค่ะ แต่เด๋วก่อนนะคะ อย่าเพิ่งตกใจกันค่ะ ที่ลดเยอะขนาดนั้น เพราะผู้เขียนงดอาหารจำพวกแป้ง และน้ำหวานทั้งหลายด้วยนะคะ เลยได้ลดลงไปค่อนข้างเยอะ หลังจากวีคแรกผู้เขียนก็กินแค่วันละ 1 เม็ดเท่านั้น มันก็เริ่ม Slow down ลงในเรื่องของน้ำหนัก แต่ในเรื่องของสัดส่วนรู้สึกได้เลยค่ะ เพราะเสื้อผ้าที่เคยฟิต ก็เริ่มคลายตัวลง ที่ใส่แล้วแบบว่าปลิ้น ก็เริ่มพอจะใส่แล้วปลิ้นน้อยลงว่างั้น

จน ณ ปัจจุบัน ผู้เขียนกินมาได้ 3 กล่องแล้วค่ะ กำลังจะต่อกล่องที่ 4 น้ำหนักจาก 62 โล ลดลงเหลือ 57 โลแล้วค่ะ สัดส่วนก็ยังคงลดลงเรื่อยๆ พอเห็นว่าได้ผลก็จะเอามาแชร์ๆ กันนะคะ ที่ออฟฟิศก็มีน้องๆ เห็นแล้วก็เลยทานตามๆ กันมา แต่ตอนหลังผู้เขียนก็ได้ไปเสาะหาแหล่งซื้อแหล่งใหม่ได้มาในราคากล่องละ 550 บาทเองค่ะ หุ หุ ประหยัดไปได้เยอะ และก็เป็นของแท้ด้วยค่ะ ใครสงสัยว่ารู้ได้ยังไงว่าแท้หรือเทียม ไปดูได้ที่ลิงก์นี้ค่ะ //asianlife.igetweb.com/?mo=3&art=138046

เรื่องของ effect จากการทานเจ้าผลิตภัณฑ์ตัวนี้  ตัวผู้เขียนไม่รู้สึกผิดสังเกตุอะไรนัก เพียงแต่อาจจะทานน้ำเยอะขึ้นกว่าแต่ก่อน คาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากผลิตภัณฑ์ทำให้คอแห้งหิวน้ำมากขึ้นค่ะ ส่วนเรื่องนิสัยการกิน ผู้เขียนพยายามเปลี่ยนตัวเอง พยายามงดอาหารเย็นเท่าที่งดได้ค่ะ คือวันไหนต้องทาน (สามีซื้อมาฝาก) ก็ทานค่ะ แต่ถ้าไม่มีทานก็ไม่ทาน ไม่ถึงกับแบบว่า อดไปเลย

ก็มาเขียนแชร์ประสบการณ์ที่ได้จากการใช้ผลิตภัณฑ์  ผู้เขียนไม่ได้ขายค่ะ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจ เพราะทุกวันนี้ ก็ซื้อทานเองค่ะ ไม่ได้สมัครเป็นตัวแทนแต่อย่างใด เพียงแต่อยากมาแชร์ให้คนที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนัก เผื่อว่าจะได้ใช้เป็นทางเลือกในการลดน้ำหนักส่วนเกิน หากได้ผลก็ดีใจด้วยนะคะ แต่ยังไงเผื่อใจไว้นิดนึงค่ะ เพราะผลิตภัณฑ์บางตัวอาจได้ผลกับคนบางคน แต่กับอีกคนอาจไม่ได้ผลเลย อันนี้ก็ต้องลองกันไปนะคะ

Create Date : 11 มิถุนายน 2551		5 comments
Last Update : 11 มิถุนายน 2551 17:14:27 น.
Counter : 910 Pageviews.
Share Tweet