ก่อนอื่นก่อนใด?? ขอบคุณจากใจสำหรับทุกคนที่เข้ามาอวยพรให้ในวันเกิดวันนี้นะคะ ทราบซึ้งค่ะ ในจอเล็กๆ สี่เหลี่ยมที่ไม่มีใครเคยได้เจอะเจอกันก็ยังมีน้ำใจสละเวลามาอวยพรวันเกิดให้กันนะคะ แทงก์หลายๆ ค่า... จริงๆ สำหรับวันนี้ เป็นวันที่ผู้เขียนได้เตรียมแผนการณ์เล็กๆ ไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ ว่าอยากจะทำอะไรบ้าง... doing list ก็มีดังนี้ค่ะ 1) บอกข้าวปั้นว่า พรุ่งนี้วันเกิดหม่าม๊านะ ตื่นเช้ามาให้ร้องเพลง Happy Birthday หุ หุ หุ 2) ตักบาตรตอนเช้า โดยอยากให้รายการอาหารที่ใช้ตักบาตร มีอะไรสักอย่างที่ทำเอง ก็เป็นบลูเบอรี่ชีสเค๊ก 3) กดสตางค์มาเตรียมไว้ให้คุณแม่ของผู้เขียนเองค่ะ (ให้ทุกปีมา 3 ปีแล้ว) 4) ทำบลูเบอรี่ชีสเค๊กใส่คัพไปฝากน้องๆ ที่ทำงาน วันนี้ ผู้เขียนตื่นมาแต่เช้าเลยค่ะ ตื่นปุ๊บก็ลงมาข้างล่างชงกาแฟร้อนๆ มานั่งดื่มไปพลางๆ ดูข่าวเช้าไปพลางๆ จนหมดแก้ว ก็เดินออกไปยืดเส้นยืดสายด้วยการกวาดใบไม้หน้าบ้านเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็มาเตรียมของใส่กระเป๋าไปโรงเรียนให้ข้าวปั้นให้เรียบร้อยค่ะ พอใกล้ๆ 7 โมงก็ขึ้นไปข้างบนเพื่อส่องดูสองพ่อลูกซิว่าจะตื่นกันหรือยัง ถ้ายังก็จะได้ทำการปลุกซะเรยยยย พอขึ้นไปก็เจอภาพนี้ค่ะ ของขวัญชิ้นแรกของวันก็คือ ภาพสองพ่อลูกกำลังเล่นกันสนุกสนานอยู่บนที่นอน ของขวัญชิ้นที่สองก็คือ พอถามข้าวปั้นว่า วันนี้ เป็นวันเกิดหม่าม๊า ข้าวปั้นต้องร้องเพลงอะไร ข้าวปั้นก็ร้องเพลง "Happy Birthday to you" ชื่นใจแม่มากกกกกกกกที่ข้าวปั้นจำได้ เท่านี้ก็สุขเกินพอแล้วค่ะ สำหรับวันนี้ เป็นเวลา 3 ปีมาแล้ว ที่ผู้เขียนมีความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับวันเกิดที่เปลี่ยนไป จากที่เคยคาดหวังอยากจะได้ (ของขวัญล้านแปด) อยากจะเฮฮาปาร์ตี้ในวันเกิด มาถึงวันนี้มันเปลี่ยนไปค่ะ ผู้เขียนกลับรู้สึกว่า วันเกิดมันเหมือนวันที่ระลึกถึงอดีตเมื่อครั้งที่เราได้มีโอกาสลืมตาขึ้นมาเห็นโลกใบนี้ โดยผู้หญิงกับผู้ชายคู่นึงที่เค้าเป็นคนสร้างเราขึ้นมา พ่อและแม่ของเราเองค่ะ โดยเฉพาะแม่ที่ต้องอุ้มท้องทรมานกับความแปรปรวนของฮอร์โมน และความเปลี่ยนแปลงของร่างกายถึง 9 เดือน ต้องทนเจ็บท้องคลอดเราออกมา ไม่พอยังต้องอดทนเลี้ยงดูเรามาเหนื่อยอย่างแสนสาหัส.... อันนี้ผู้เขียนรู้ซึ้งดีเลยค่ะ ก็เพราะเพิ่งผ่านมันมาแค่ 2 ปี กะอีก 8 เดือนเอง... วันนี้ เลยเป็นวันที่ผู้เขียนตัดสินใจว่า ผู้เขียนจะให้ของขวัญแก่แม่ทุกปีค่ะ ปีนี้ก็เช่นกัน ผู้เขียนเข้าไปไหว้ที่ไหล่ของแม่ แล้วก็ให้เป็นเงินจำนวนนึงค่ะ แม่ของผู้เขียนก็จับไหล่และอวยพรวันเกิดมาด้วยน้ำเสียงเครือๆ คงจะตื้นตันใจ นี่เป็นไคล์แม็กของวันนี้สำหรับผู้เขียนเลยนะคะ สิ่งนึงที่ผู้เขียนเอง อยากจะฝากบอกกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เผอิญได้เข้ามาอ่าน...นะคะ ก่อนที่เราจะไปแสวงหาที่ทำบุญทำทานที่ไหนก็ตาม ผู้เขียนอยากให้ท่านทั้งหลายลองหันไปมองที่คนใกล้ตัวเราก่อนเป็นอันดับแรกนะคะ พ่อแม่บุพการีมีบุญคุณกับเรามากมาย ตอบแทนท่านบ้าง บางครั้งแค่คำพูดดีๆ สักคำที่แสดงว่าเรามีความห่วงใย และยังรักนับถือท่านอยู่เสมอก็ทำให้ท่านสุขมากมาย ในทางสัมคมเราอาจถูกมองเป็นคนใจบุญสุนทาน เที่ยวไปเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กกำพร้า, เลี้ยงอาหารกลางวันบ้านพักคนชรา,แล้วสักมื้อนึง ท่านเคยพาคนที่รักและห่วงใยท่านไปทานอะไรอร่อยๆ สักครั้งไม๊คะ....ก่อนที่เราจะไปดูแลเผื่อแผ่คนอื่น อย่าลืมหันกลับมาดูแลคนใกล้ๆ ตัวให้ดีซะก่อนนะคะ
|