ในเมื่อเงินก็ไม่มี  บ้านก็ไม่มี  ลุงทนายเลยฝากเธอให้ดร.เซเว่นช่วยดูแลฮันนี่ที่ต้องอยู่ร่วมกันไปก่อน  เซเว่นทนเรียกนางเอกว่าฮันนี่ไม่ได้ เลยเรียกเธอว่า หมูหันแทน (ประมาณว่าแกล้งน่ะแหละ) แม้ว่าเขาจะต้องแบ่งข้าว ล้างจาน  ตากผ้าให้ (เพราะพระเอกต้องการประหยัดน้ำ ด้วยการซักผ้ารวมกัน แถมนางเอกยังใส่กกน.ลงไปด้วย 555) ล้างจาน หรือแม้แต่ฮันนี่จะใส่บิกินี่สีแดง ว่ายน้ำอยู่ในสระว่ายน้ำ (ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นแท้งก์เก็บน้ำดีของเขา 5555)  ด็อกเตอร์เซเว่นก็ยอมโม๊ดดดดด  (ทั้งที่ทั้งสองคนเคยมีคดีกันตอนเจอกันที่สนามบิน ซึ่งนางเอกแสบมากกกก แต่เรื่องมันยาวต้องเล่าย่อๆค่ะ) ในระหว่างอยู่ด้วยกัน เซเว่นก็เทศน์ เอ๊ย สอนนางเอกเกี่ยวกับเรื่องการประหยัดพลังงานและทรัพยากร (จริงๆคือสอนคนอ่านไปด้วย) 

ในหนังสือจะสอดแทรกสาระเยอะมั่กๆค่ะ ยกตัวอย่างย่อๆ เช่นการให้ความรู้ด้วยการเล่าเรื่องการสร้างบ้านที่ช่วยให้บ้านไม่ร้อน โดยจัดวางตัวอาคารให้ถูกทิศ วางตัวอาคารให้ด้านยาวหันเข้าทิศเหนือ-ใต้เพื่อรับลม ลมจะพัดหลายทิศขึ้นกับฤดูโดยเขตกรุงเทพส่วนใหญ่จะพัดจากทิศใต้  การเปิดช่องแสงเพื่อใช้แสงสว่างจากธรรมชาติ (อันนี้จขบ.ชอบมากที่พระเอกบอกว่าธรรมชาติให้แสงอาทิตย์เรามาฟรี เพราะฉะนั้นเราควรทำงานตอนกลางวัน ส่วนกลางคืนให้รีบนอน เพราะเซเว่นบอกว่าเปลืองไฟ 5555)  การปลูกต้นไม้เพื่อให้ร่มเงา  หรือแม้แต่ตอนอยู่ร่วมกัน พระเอกก็คอยสอดแทรกการประหยัดให้ซึมเข้าสมองนางเอก เช่น ไม่ควรเปิดไฟทิ้งไว้ เพราะไฟฟ้าที่ผลิตจากเขื่อนต้องใช้ก๊าซธรรมชาติ 70% ถ่านหิน 13% น้ำมัน 8% พลังน้ำ (ที่เป็นของฟรี) แค่ 7%  หรือแม้แต่การใช้ของนำเข้า ก็เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากร เพราะต้องเสียค่าน้ำมัน ค่าขนส่ง ค่าหีบห่อ เชือ้เพลิงอีกมากมาย  (อีตาเซเว่นนี่จะบริโภคแต่ของไทยนะคะ ไม่ได้ทำกับข้าวเองซื้อปิ่นโตกิน เพราะเขาขี่จักรยานมาส่ง นางเอกอยากกินพิซซ่าก็ไม่ให้กิน เพราะพิซซ่าใช้มอร์เตอร์ไซต์ 5555) แปรงฟันให้ใช้แก้วน้ำ การอาบน้ำซึ่งไม่สามารถสรุปได้ว่าใช้ขันหรือฝักบัวอาบสิ่งไหนเปลืองกว่าเพราะขึ้นกับพฤติกรรมการอาบน้ำของแต่ละคน แต่ที่แน่ๆคือการอาบในอ่างอาบน้ำเปลืองน้ำแน่ๆ ยกเว้นอาบพร้อมกันสองคน 5555 (รูปประกอบไปดูที่หน้าปกเลยค่ะ หน้าตาพระเอกขี้หลีมาก  เอิ๊กๆๆๆ)

สิ่งที่ชอบอีกอย่างก็คือ ผู้เขียนใส่ความเห็นทางวิชาการที่แย้งกับสิ่งที่เราได้รับรู้กันมา นั่นคือ โลกที่ร้อนนั้น ร้อนเองโดยธรรมชาติของมันอยู่แล้ว มนุษย์ไม่ได้ทำให้โลกร้อนขึ้น แต่สรุปว่า เมื่อมีความเห็นที่แตกต่างให้มีกฎ Scientific Uncertainty คือถ้าเมื่อไรมีความไม่แน่นอนหรือข้อขัดแย้ง เราควรเลือกเป็นทฤษฎีที่ปลอดภัยไว้ก่อน (อันนี้เห็นด้วยค่ะ )

 
เนื้อเรื่องผูกปมให้คุณหนูตกสวรรค์มาเจอกับพระเอกจนๆ  แม้ว่านางเอกจะพยายามไล่พระเอกออกจากบ้านด้วยมุกติ๊งต๊องของตัวเอง (ซึ่งบางมุกก็ฮาชวนอ้วก ก๊ากกกก) แต่ยิ่งไล่ เขาก็ยิ่งพาตัวมาชิดใกล้เธอ ทำให้หัวใจหญิงสาวเริ่มสั่นๆ หวิวๆ นะเนี่ย แต่ถึงอย่างนั้น ฮันนี่ก็ยังลังเลในตัวของเซเว่น เพราะความลับที่เธอไปเจอในห้องนอนของเขา ว่าเขาอาจเป็นผู้ชายขายตัวที่หลอกผู้หญิง ที่สำคัญ ฮันนี่ยังได้หลักฐานว่า ด็อกเตอร์เซเว่นมีคดีพัวพันกับผู้หญิง  3 คน ที่สำคัญเขาเคยทำผู้หญิงท้องและพาไปทำแท้ง ทำให้เขาต้องลาออกจากการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย!!!!!

แม้นางเอกเรื่องนี้จะนิสัยไม่ดี เห็นแก่ตัวบ้าง เอาแต่ใจมาก  พูดจาก็ไม่น่ารัก มารยาทก็แย่ แต่ข้อดีของเธอ คือเป็นคนที่เพียรพยายาม เจออุปสรรคก็สู้ไม่ถอย ฮันนี่หางานทำไม่ได้เพราะเรียนไม่จบ เลยคิดที่จะตั้งบริษัทฯโฆษณาขึ้นมาเอง โดยมีเซเว่นเป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ เพราะเซเว่นมีความถนัดเรื่องการประหยัดพลังงาน บริษัทโฆษณาก็ใช้จุดนี้เป็นจุดแข็งในการหาลูกค้า ทั้งคู่ฟันฝ่าอุปสรรค  (ซึ่งก็หลายตอนอยู่ อันนี้เล่าย่อๆ ) จนบริษัท ฮันนี่ (ประเทศไทย) จำกัด  ได้งานชิ้นแรกและเริ่มมีชื่อเสียง  ฮันนี่เลยต้องการตอบแทนเซเว่นด้วยการใช้ความสามารถที่เธอมีคือการโฆษณา ช่วยประชาสัมพันธ์เขาให้มีชี่อเสียงโด่งดัง แต่ทั้งคู่ก็ต้องทะเลาะกันอย่างหนักเพราะฮันนี่ดันไปขายอุดมการณ์ของเซเว่น ทำให้เขาระเห็จไปอยู่โรงแรมกึ่งๆม่านรูดกับผู้หญิงโปรไฟล์ดีอีกคนที่มีใจให้เขาเช่นกัน

หลายๆสิ่งที่พระเอกทำ ไม่มีสิ่งไหนที่ไม่คิดถึงนางเอก ที่ต้องไปอยู่โรงแรมนั้น เพราะโรงแรมอยู่ในซอยเดียวกับบ้านประหยัดพลังงานของเขา เวลาวิ่งรถกลับจะได้เห็นหน้านางเอกทุกวัน  แม้ด็อกเตอร์สาวที่เป็นเพื่อนร่วมงานจะทอดสะพานที่มั่นคงให้ แต่เซเว่นก็ไม่เคยเดินข้าม แถมยังปรึกษาเรื่องที่เขาไม่เข้าใจหัวใจตัวเองอีกต่างหาก และก็ได้คำตอบ (ที่จขบ.ย่อเองสั้นๆ) ว่า  

ผู้ชายที่ไหนจะยอมตากผ้าให้ผู้หญิงที่ตัวเองไม่ได้รัก?  

(เวอร์ชั่นยาวต้องหาอ่านเองนะคะ ^^ )

เมื่อสามารถปรับความเข้าใจและส่งความในใจให้ฮันนี่ได้รับรู้  จากนั้นก็ไม่ใช่พระเอกคนเดียวที่คิดแต่เรื่องหื่น เพราะฮันนี่หื่นกว่า 555 รอ seven sense จากพระเอกตลอด (แปลว่าสัมผัสจากเซเว่น คิดได้ไงเนี่ย )  ไปๆมาๆคือหื่นทั้งคู่   แต่โชคดีที่เซเว่นระงับใจได้ (เพราะเซเว่นยังเคลียร์เรื่องยุ่งๆในชีวิตไม่จบ พอเคลียร์ได้แล้วก็  )  จากนั้นทั้งสองก็มุ่งมั่นทำภารกิจสานฝันของพระเอกต่อไปด้วยการทำโครงการ The SUN (Sustainable Urban Nature) หมู่บ้านผลิตพลังงานแห่งอนาคต  แต่เรื่องมันไม่ง่ายเพราะโครงการดังกล่าวกลับถูกลอกเลียนแบบผลงานต่อหน้าต่อตา (โดยไม่ผิดกฎหมายด้วย อ่านแล้วแค้นแทน ) แถมเซเว่นยังโดนคนกันเองทรยศหักหลังจนแทบล้มทั้งยืน  ไหนจะต้องค้นหาความจริงว่าใครเป็นต้นเหตุทำร้ายเขาจนต้องลาออกจากการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ! 

แม้เซเว่นจะแทบไม่เหลืออะไร แต่โชคดีที่เขามี "กันและกัน" (ก็มีเซเว่นกับฮันนี่ไง คำนี้ชอบจังค่ะ ขนาดอ่านนิยายยังอบอุ่นใจเลย) ที่สำคัญเซเว่นไม่เคยลืมประโยคเด็ดที่เคยพูดเสมอเวลาเจออุปสรรคว่า  

 " If God shuts the door.. Open the window! "

" ถ้าพระเจ้าปิดประตู จงเปิดหน้าต่าง ! " 

 พอนางเอกได้ยินวลีเด็ดข้างบน นางเอกรีบมองไปที่เป้าพระเอกเลย   (สงสัยจะลุ้นให้พระเอกลืมปิดหน้าต่าง เอิ๊กๆๆๆ) จากนั้นเรื่องราวต่างๆก็จะค่อยๆเฉลย พร้อมกับเผยโฉมคนร้าย (ทำอย่างกับหนังฆาตกรรมไปได้ 555) ตัวละครหลักสำคัญไม่ได้มีแค่นี้นะคะ ยังมีพี่กล้วยแม่ค้าขายกล้วยทอดที่เรียกเสียงฮาแบบสุดๆๆ   นายโอม ชายใจหญิงที่เป็นทั้งลูกศิษย์และพนักงานของบริษัท อาจารย์ภีและเกวลิน สองคนนี้มีบทสำคัญในนิยายมาก (โดยเฉพาะเกวลิน หญิงสาวที่บอบบางเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ แต่นักเขียนใจร้ายมากที่ให้ตอนหลังเกวลินหัวเราะเคี๊ยกๆๆ เสียลุคหมดเลย - -" )  ก็ต้องตามลุ้นเอาใจช่วยกันค่ะ

 ความรู้สึกหลังอ่าน...

 รักหนูร้อน เพราะโลกมันร้อนนี่คะ เป็นนิยายน้ำดีเล่มหนึ่ง ที่แฝงความรู้เกี่ยวกับการลดใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดโลกร้อน โดยได้รับแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้จากภาพยนต์เรื่อง AN INCONVENIENT TRUTH ของอัล กอร์ ผสมผสานกับซีรีย์เกาหลีเรื่อง Full House แต่ขึ้นชื่อคนแต่งคือ Ivory ฉะนั้น นิยายเล่มนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะนอกจากสาระเต็มเปี่ยมที่ได้แล้ว ยังมีความ หื่น ฮา สัปดน ติ๊งต๊อง อุจาด   (ตกลงมันดีไม๊เนี่ย 5555) แบบไม่บันย๊ะบันยัง เพราะฉะนั้น ใครที่คิดว่าเรื่องนี้มันควรจะมีความสมเหตุสมผล ก็ต้องบอกว่ามีแต่เฉพาะในแง่วิชาการเท่านั้น ถ้านอกวิชาการคือเน้นฮาแตกอย่างเดียว  อย่างเราเป็นพวกไม่คิดมาก อ่านเรื่องนี้แล้วตลกม๊ากกกกกค่ะ หัวเราะก๊ากออกมาทีเดียว  และต้องบอกให้นักเขียนดีใจว่า ถึงแม้จะมีวิชาการบรรจุในนิยายเล่มนี้ค่อนข้างเยอะ แต่เราไม่อ่านข้ามเลยสักบรรทัดค่ะ (เป็นพวกบ้าพลังในการอ่าน) บางทีเรื่องยากๆตัวเลขเยอะๆ เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก 5555 แต่ก็อ่านผ่านตาอยู่ค่ะ เพราะบางมุมก็เข้าใจง่ายเหมือนกัน