|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
กระเทียม
กระเทียม
ชื่อวิทยาศาสตร์ Allium sativum Linn.
วงศ์ Alliaceae
ชื่อท้องถิ่น หอมดเทียม (ภาคเหนือ) เทียน หัวเทียน (ภาคใต้) กระเทียมขาว หอมขาว (อุดรธานี) กระเทียม(ภาคกลาง)
ลักษณะของพืช » กระเทียม เป็นพืชล้มลุกที่มีลำต้นใต้ดิน เรียกว่าหัว หัวมีกลีบย่อยหลายกลีบ ติดกันแน่น เนื้อสีขาว มีกลิ่นฉุนเฉพาะบางครั้งในหัวมีกลีบเดียว เรียกว่า กระเทียมโทน หัวค่อนข้างกลมใบยาวแบน ปลายแหลม ภายในกลวง ดอกรวมกันเป็นกระจุกที่ปลายก้านช่อ ดอกสีขาวเหลืองอมชมพูม่วงผลมีขนาดเล็ก ส่วนที่ใช้เป็นยา » หัวใต้ดิน การปลูก » ใช้หัวปลูก กะเทียมชอบอากาศเย็นและดินร่วมซุย ปลูกได้ดีในทางภาคเหนือ รสและสรรพคุณยาไทย » รสเผ็ดร้อน เป็นยาขับลมในลำไส้ แก้กลากเกลื้อน แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ » สารเคมีในหัวกระเทียม คือน้ำมันหอมระเหย Essential oil โดยทั่วไปกระเทียมจะมีน้ำมันหอมระเหยประมาณร้อยละ 0.6-1 ในน้ำมันหอมระเหย นี้มีสารเคมีที่มีกำมะถันเป็นองค์หระกอบหลายชนิด ตัวที่สำคัญก็คือ "อัลลิซิน" นอกจากนี้ยังมี Sulfane dimethy dipropl-disulfide sllinase "อัลลิซิน" เป็นน้ำมันไม่มีสี ละลายได้ในน้ำ ในแอลกอฮอล์ เบนซิน และอีเทอร์ ถ้ากลั่นโดยใช้การร้อนโดยตรง จะถูกทำลาย"อัลลิซิน"ได้รับความสนใจและแยกสกัดบากกว่า มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโต ของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราหลายชนิดด้วยกัน หัวกระเทียมสามารถลดปริมาณไขมันในเส้นเลือด ได้ทั้งคนปกติและคนไข้ที่มีโฆเลสเตอรอลสูง วิธีใช้ » แก้อากาท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด ถ้ารับประทานกะเทียมดิบๆ ครั้งละประมาณ 5-7 กลีบ หลังอาหารจะสามารถช่วยได้ รักษากลาก เกลื้อน โดยการฝานหัวกระเทียมเอามาถูเบาๆหรือโขลกคั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่เป็น คุณค่าทางอาหาร » ใช้ปรุงรสอาหารได้เป็นอย่างดี มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส กำมะถัน ไขมัน โปรตีน วิตามิน เอ ช่วงเวลาที่เก็บเป็นยา » เก็บในช่วงที่หัวแก่ อายุ 100 วันขึ้นไป
ที่มา ; //www.samunpai.com/samunpai/show.php?cat=1&id=9
+++++++++++++
กระเทียม
ข้อมูลทางพฤกษศาสตร์
ชื่อวิทยาศาสตร์ Allium sativum L. ชื่อวงศ์ Alliaceae ชื่ออังกฤษ Garlic ชื่อท้องถิ่น กระเทียมขาว กระเทียมจีน เทียม ปะเซ้วา หอมขาว หอมเทียม หัวเทียม
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์
1. ฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้
สารสกัดกระเทียมด้วยอัลกอฮอล์ 95% มีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้กระต่าย (1, 2) น้ำสกัดกระเทียม ความเข้มข้น 1:5 ขนาด 0.2 มล. สามารถยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบลำไส้เล็กหนูตะเภาที่ถูกเหนี่ยวนำด้วย acetylcholine, histamine และ barium chloride ความสามารถในการยับยั้งการหดตัวจะเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนกับขนาดของน้ำสกัดกระเทียมที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นยังมีผลลดการหดตัวแบบอัตโนมัติ (spontaneous contraction) ของกระเพาะกบส่วน pyrolus ด้วย (3)
2. ฤทธิ์เพิ่มการบีบตัวของลำไส้
สาร (E)-ajoene และ (Z)-ajoene จากกระเทียม มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ acetylcholinesterase ซึ่งทำลาย acetylcholine ทำให้ acetylcholine อยู่นานขึ้น จึงมีผลเพิ่มการบีบตัวของลำไส้ (4) แต่สารสกัดด้วยเมทานอลจากหัวกระเทียม ความเข้มข้น 0.1 มก./มล. ไม่มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ acetylcholinesterase (5)
3. ฤทธิ์ขับน้ำดี
กระเทียมเมื่อรับประทานเข้าไป จะไปเพิ่มน้ำย่อยและน้ำดี (6)
4. ฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย สาเหตุอาการแน่นจุกเสียด
5. การทดลองทางคลินิก ใช้รักษาอาการแน่นจุกเสียด
6. ฤทธิ์ลดการอักเสบ 7. ฤทธิ์ป้องกันตับอักเสบ
8. ฤทธิ์ต้านเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคกลาก
9. หลักฐานความเป็นพิษและการทดสอบความเป็นพิษ
รายละเอียดติดตามที่ //www.medplant.mahidol.ac.th/pubhealth/..%5Cpubhealth%5Callium.html
การใช้กระเทียมรักษาอาการแน่นจุกเสียด
1. นำกระเทียม 5-7 กลีบ บดให้ละเอียด เติมน้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ เกลือและน้ำตาลนิดหน่อย ผสมให้เข้ากัน กรองเอาน้ำดื่ม (272)
2. นำกระเทียมปอกเปลือก นำเฉพาะเนื้อใน 5 กลีบ ซอยให้ละเอียด รับประทานกับน้ำหลังอาหารทุกมื้อ แก้ปวดท้องอาหารไม่ย่อย (273)
การใช้กระเทียมรักษากลาก เกลื้อน
1. นำกระเทียมมาขูดให้เป็นชิ้นเล็กๆ หรือบดให้แหลก พอกที่ผิวหนัง แล้วปิดด้วยผ้าพันแผลไว้นานอย่างน้อย 20 นาที จึงแก้ออก แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ทำซ้ำเช้าเย็นเป็นประจำทุกวัน (274)
2. นำใบมีดมาขูดผิวหนังส่วนที่เป็นเกลื้อนให้พอเลือดซึม แล้วใช้กระเทียมทาลงไป ทำเช่นนี้ทุกวัน 10 วันก็จะหาย (275-280)
Create Date : 07 ตุลาคม 2550 |
|
0 comments |
Last Update : 7 ตุลาคม 2550 9:54:56 น. |
Counter : 1585 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|