การรีวิวหนังสือเป็นทัศนะส่วนบุคคล ........ นักเขียนที่ดี ย่อมไม่เดือดร้อนที่จะเขียนหนังสือให้คนอ่านวิจารณ์

Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
2 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 

บุหงาปารี / วินทร์ เลียววาริณ : ปืนใหญ่จอมสลัด / นนทรีย์ นิมิบุตร


วินทร์ เลียววาริณ. บุหงาปารี. กรุงเทพฯ : บริษัท 113 จำกัด, 2551.



จากเว็บนักเขียน


นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ + กำลังภายใน + แฟนตาซี + นิยายรัก

ราชวงศ์ศรีวังสาบนคาบสมุทรมลายูเมื่อสี่ร้อยปีก่อนปกครองโดยราชินีติดต่อกันสี่พระองค์คือ ฮีเจา, บิรู, อูงู และกูนิง แผ่นดินนี้เป็นศูนย์กลางการค้าขายจุดสำคัญจุดหนึ่งของโลกในเวลานั้น จึงพลุกพล่านด้วยเรือสินค้าจากเจ็ดย่านสมุทร พ่อค้า ซามูไร ทหารรับจ้าง ด้วยเหตุที่เป็นศูนย์การค้า ทะเลใต้นี้จึงกลายเป็นที่ซ่องสุมของโจรสลัด ตั้งแต่โจรสลัดวาโกะจากญี่ปุ่นไปจนถึงโจรสลัดพื้นเมืองที่ก่อกรรมทำเข็ญไปทั่วท้องทะเล นี่เป็นยุคสมัยที่เต็มไปด้วยสงครามระหว่างรัฐ และเป็นประวัติศาสตร์ที่มีสีสันที่สุดยุคหนึ่งของโลก

นอกจากโจรสลัดแล้ว แผ่นดินทองนี้ยังเป็นที่หมายปองของรัฐรอบทิศ ทั้งยังมีสงครามกลางเมืองเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ การป้องกันตนเองจากศัตรูรอบตัวจำต้องใช้อาวุธชั้นยอด และนักรบชั้นเลิศ

ปารีเป็นหนุ่มชาวน้ำที่ชะตาชีวิตพลิกให้ต้องราวีกับกลุ่มโจรสลัด ทางเดียวที่จะเอาชัยเหนือพวกโจรที่มีฝีมือสูงส่งได้ก็คือการสำเร็จวิทยายุทธ์พิสดารโบราณ นั่นคือวิชาดูหลำที่มีอำนาจเหนือสัตว์น้ำทั้งปวง และผู้เดียวที่จะสอนเขาได้ก็คือปรมาจารย์กระเบนขาวแห่งทะเลใต้ ระหว่างการเดินทางเพื่อให้บรรลุจุดหมายส่วนตัว เขาพบว่าตนเองต้องแบกรับภาระของแผ่นดินไปโดยไม่รู้ตัว แต่ทว่าการต่อสู้ที่สำคัญที่สุดของเขาก็คือการต่อสู้ภายในจิตใจของเขาเอง

บุหงาปารี นำท่านย้อนกลับไปยังตำนานต่างๆ แห่งอดีตกาล คืนชีวิตให้บุคคลจริงในประวัติศาสตร์ เช่น ลิ่มเคี่ยม, ลิ่มกอเหนี่ยว, ยาดามะ นากามาสะ, ฮัตโตริ ฮันโซ ฯลฯ และเหตุการณ์การชิงอำนาจ มหาสงคราม การหล่อปืนใหญ่นางพญาตานี ตำนานรักกับความเสียสละ และการต่อสู้ของจอมยุทธ์หลายสำนัก ตั้งแต่วิชากริชปาแนซาฆะห์ วิชาซามูไร นินจุทสึ และพลังวิชาดูหลำ ไปจนถึงเกร็ดประวัติศาสตร์รัฐทางใต้ จีน และญี่ปุ่น ร้อยผูกเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์เข้ากับตำนานโบราณ ในรูปของนวนิยายสไตล์อิงประวัติศาสตร์ + นิยายกำลังภายใน + แฟนตาซี +นิยายรัก


บุหงาปารี ได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง "ปืนใหญ่จอมสลัด" โดย นนทรีย์ นิมิบุตร ในปี 2551


********************



จากเจ้าของบล็อก


ผสมย อ่านงานของคุณวินทร์แค่เพียงบางเรื่อง บางเรื่องก็ได้แต่เปิดผ่าน ๆ เรื่องที่ชอบที่สุดของคุณวินทร์ก็คือ ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน ซึ่งจัดเป็นนิยายที่ชอบมากที่สุดเรื่องหนึ่งของ ผสมย

สำหรับ บุหงาปารี ซึ่งเป็นงานเรื่องล่าสุดนั้น ผสมย ได้อ่านหลังจากที่ดูปืนใหญ่จอมสลัดจบแล้ว ดังนั้นการเปรียบเทียบกับฉบับภาพยนตร์ย่อมจะหลีกเลี่ยงได้ยาก
การเปิดอ่านนั้นก็จะคิดไปด้วยว่าตัวละครตัวนี้ในฉบับภาพยนตร์นั้น นักแสดงได้แสดงบทบาทสมกับบุคลิกลักษณะที่ผู้เขียนได้เขียนไว้หรือไม่

นิยายบุหงาปารี เปิดเรื่องที่หมู่บ้านของชาวน้ำที่มีอาชีพประมง อาศัยอยู่ติดกับทะเล มีคำอธิบายหลาย ๆ อย่างของผู้เขียนเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่และประเพณีของคนในหมู่บ้านนี้ที่ทำให้นึกถึงชนเผ่ายิปซีทะเลอย่างชาวมอแกน
ซึ่งพอได้อ่านคำอธิบายเรื่องท้ายเล่ม ก็พบว่าคุณวินทร์ดัดแปลงจากวิถีชีวิตของชาวมอแกนมาจริง ๆ แต่พอรู้ว่าเป็นมอแกนเท่านั้น ผสมย จิ้นให้ปารีหล่อเป็นอนันดาไม่ออกเลย ถ้าไม่เชื่อเพื่อน ๆ ชาวบล็อกลองไปค้นกูเกิ้ลหารูปชาวมอแกนดูได้เลย

ปารี เป็นชาวน้ำที่อยู่ในปัตตานี มีลุงอันยาเป็นคนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด มีโต๊ะเคี่ยมช่วยดูแล มีสาวสวยในหมู่บ้านเป็นแฟนมาตั้งแต่เล็ก ในนิยายอธิบายว่าสาวสวยคนนี้เป็นลูกสาวของลุงอันยา แต่ในภาพยนตร์ด้วยความที่เรื่องตัดฉับ ๆ ๆ ก็เลยไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร รู้แต่ว่าเป็นเมียของปารี แล้วก็โดนโจรสลัดฆ่าตายพร้อมกับคนทั้งหมู่บ้าน ปารีเลยแค้น ในหนังสืออธิบายความแค้นระหว่างปารีกับกลุ่มโจรอีกาดำว่ากลุ่มโจรนี้นอกจากจะฆ่าเมียแล้วยังเป็นคนที่ฆ่าพ่อแม่ของปารีด้วย แต่ในภาพยนตร์ตรงส่วนนี้ก็โดนตัดหายไป เหลือแค่แค้นที่ฆ่าเมียและลูกในท้องเท่านั้น

ตัดฉาก อีกหลายปีต่อมา ปารีกับลุงยังเร่ร่อนตามลอบกัดพวกโจรอีกาดำเหมือนเดิม

ส่วนในเมืองปัตตานี รายาฮีเจา (ชื่ออ่านยาก กลุ้มใจ) ก็กำลังหาทางกำจัดโจรสลัดกลุ่มนี้ เพราะนับวันยิ่งมีกำลังกล้าแข็งขึ้น และโจรกลุ่มนี้ก็ยังให้การหนุนหลังเจ้าชายราไว ที่เป็นเชื้อพระวงศ์ที่คิดว่าตัวเองน่าจะได้ครองเมืองมากกว่ารายาฮีเจา เพราะเป็นราชวงศ์ที่เป็นชาย ชิชะ ทำไมผู้ชายชอบคิดว่าตัวเองต้องเป็นใหญ่ ทำไมผู้หญิงจะปกครองบ้านเมืองไม่ได้

ถ้าอ่านในหนังสือจะพบว่า เจ้าชายราไว กับ รายาฮีเจา น่าจะมีอายุที่ห่างกันไม่มาก อยู่ในราว 40-50 ปี เพราะรายาครองราชย์มา 30 ปี ส่วนเจ้าชายก็มีลูกสาวเป็นสาวแล้ว แต่ในฉบับภาพยนตร์เจ้าชายราไวดูกล้องแกล้ง เด็กกว่ารายาฮีเจามาก แล้วบทของลูกสาวที่ในหนังสือค่อนข้างมีบทบาทมากก็ถูกตัดหายไปในฉบับภาพยนตร์ ดังนั้นความซับซ้อนของเนื้อเรื่องที่ลูกสาวของเจ้าชายราไวมีส่วนเกี่ยวข้องก็เลยพลอยหายไปด้วยเช่นกัน

ในฉบับภาพยนตร์ จารุณี รับบทรายาฮีเจาได้เหมาะสมมาก

ส่วนเจ้าหญิงบิรู และเจ้าหญิงอูงูนั้น วัยน่าจะอ่อนกว่ารายาฮีเจามาก แต่ ผสมย คิดว่าคงจะอยู่ในราว 20-30 ปี (แล้วจะคิดเรื่องอายุตัวละครให้มันได้อะไรขึ้นมาอีกยะยัย ผสมย นี่ )

รายาแห่งปัตตานีต้องการรักษาเมืองให้อยู่รอดเลยคิดจะผูกสัมพันธไมตรีกับเมืองปาหัง โดยให้เจ้าหญิงอูงูน้องสาวคนเล็กแต่งงานกับสุลต่านแห่งปาหัง สุลต่านหนุ่มใหญ่วัยประมาณ 40 กว่า ๆ มองยังไงก็ไม่ใช่ ติ๊ก เจษฏาพร อย่างในภาพยนตร์ ดังนั้นในหนังเลยลดตำแหน่งให้ติ๊กลงเป็นแค่เจ้าชายแห่งปาหังเท่านั้น ไม่ถึงสุลต่าน เดี๋ยวจะแก่ไป
ในหนังสือสุลต่านแห่งปาหังออก 3 ฉาก ในภาพยนตร์ติ๊กก็ได้ออก 3 ฉากไม่ขาดไม่เกินเช่นกัน แหม๋ เสียดายน่าจะออกเยอะ ๆ เสียดายความหล่อจริง ๆ

อีกอย่างก็คือ ปัตตานีต้องหล่อปืนใหญ่ให้ได้เพื่อที่จะสู้กับโจรสลัด จึงให้องครักษ์ยะรัง ไปหาตัวโต๊ะเคี่ยม ศิษย์เอกของยานิส ช่างหล่อปืนใหญ่ที่เลื่องลือ แล้วเจ้าหญิงทั้งสองก็ขอตามไปด้วย ซึ่งก็ไม่รู้จะตามไปให้ได้อะไร ก็น่าจะรู้นะว่าตัวเองเป็นถึงเจ้าหญิง ออกนอกกำแพงวังแล้วย่อมไม่ปลอดภัย มีศัตรูอยู่มากขนาดนั้น ไม่คิดเลยว่าจะโดนจับหรือไม่ ซึ่งก็โดนจริง ๆ เป็นภาระให้คนอื่นไปช่วยอีก แต่ก็แหม ถ้าไม่ออกมาจะเจอกับชาวน้ำสุดหล่อเซ็กซี่ได้ไงล่ะเนอะ

ในภาพยนตร์ จะเห็นว่ายะรังเป็นองครักษ์ เป็นยาม เป็นแม่ทัพ เป็นทุกอย่าง จน ผสมย สงสัยว่าทั้งเมืองคงจะมีทหารอยู่คนเดียว ฮา
แถมคนที่รับบทคือ เดี่ยว ชูพงษ์ ดังนั้นจึงต้องใช้ให้คุ้ม คิวบู๊งาม ๆ ต้องให้เดี่ยวเธอแสดงให้มาก ๆ แต่เพราะเป็นคุณเดี่ยวนี่แหละ ทำให้ได้เฉพาะฉากต่อสู้ ส่วนฉากที่ต้องแสดงอารมณ์อื่นนั้นตัดทิ้งไปเลย เพราะเดี่ยวแสดงไม่ถึง ทั้งที่ความจริงแล้วในหนังสือนั้น ยะรังเป็นพระเอกอีกคนที่ตีคู่กับพระเอกอย่างปารีได้เลย ทั้งความรักที่ซ่อนเร้นในจิตใจ ทั้งความสับสนที่ต้องเลือกระหว่างสายเลือดกับความภักดี ตรงนี้ในภาพยนตร์หายไปหมด ซึ่งอาจจะหายเพราะการตัดทอนบท แต่ส่วนหนึ่ง ผสมย เชื่อว่าอาจจะหายเพราะกลัวตัวแสดง แสดงอารมณ์ไม่ถึงมากกว่า


ส่วนอาจารย์ของปารีนั้นคือ กระเบนขาว ที่มีอีกด้านในตัวเพราะการฝึกวิชา จนโดนอวิชชาด้านมืดเข้าครอบงำในบางครั้ง ซึ่งในนิยายจะอธิบายได้ละเอียดว่าทำไมอาจารย์จึงเป็นเช่นนี้ ฉบับภาพยนตร์ก็อธิบายได้ดีเช่นกันแต่ตัดทอนรายละเอียดบางอย่างที่ซับซ้อนออกไป ซึ่งก็ไม่ทำเสียอรรถรสสักเท่าไร (สรพงษ์แสดงบทนี้ได้อย่างสุดยอดฝีมือโดยแท้)
แต่วิชาดูหลำนี่สิ ซึ่งจากคำอธิบายในหนังสือจากคนเขียนนั้นบอกว่าเป็นแนวกำลังภายใน แต่ ผสมย ดูไปดูมาได้อารมณ์ เจได มาก ๆ เพราะถ้าฝึกถึงขั้นสูงแล้วคุมจิตใจตัวเองไม่ได้ก็จะเข้าสู่ด้านมืด เป็น ดาร์ธ เวเดอร์ แว๊ก ๆๆ โว๊ย ๆๆ ไปถึงสตาร์วอร์ได้ไง.....แต่.....สตาร์วอร์เอง ก็เอาแนวคิดเจไดมาจากญี่ปุ่น+จีนแหละ ดูชุดได้ สรุปว่า ลอกกันไปลอกกันมา เอ๊ย...ไม่ใช่ แรงบันดาลใจต่างหาก


จริง ๆ แล้วในหนังสือจะมีตัวละครที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์อีกคนที่มีบทบาทมาก แต่เมื่ออยู่ในภาพยนตร์นั้นโดนตัดออก นั่นก็คือ ยามาดะ นากามาสะ
เรื่องราวของยามาดะในฉบับนิยายบุหงาปารีมีมาก แต่ในภาพยนตร์นั้นไม่ได้กล่าวถึงเลย อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ต้องการให้โยงใยมาถึงอยุธยา ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเพราะยามาดะ นากามาสะ คนนี้ต่อมาคือออกญาเสนาภิมุข ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นที่เข้ารับราชการในกรุงศรีอยุธยาจนได้เป็นถึงเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ผู้สร้างภาพยนตร์คงไม่อยากให้มีอะไรที่โยงใยมาถึงการทำศึกยึดครองระหว่างอยุธยากับปัตตานี

แต่สิ่งหนึ่งที่ ผสมย กรีดร้องใส่ทั้ง นิยายบุหงาปารีกับหนังปืนใหญ่จอมสลัด ก็คือ ทำไมมันมีแค่ฉากหมู่บ้านชาวน้ำ กับ ในพระราชวังล่ะ ชาวบ้านชาวเมืองคนอื่นในปัตตานีไม่มีหรือไง ในนิยายมีพูดถึงน้อยมาก แล้วในหนังยิ่งแล้วใหญ่ ไม่มีถ่ายให้เห็นชาวเมือง หรือสภาพบ้านเมืองปัตตานีเลย ทำให้ความน่าเชื่อถือว่าเมืองนี้เป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญ มีความอุดมสมบูรณ์จนหลายฝ่ายต้องแย่งชิงกันนั้นลดลงไปอย่างมาก ปัตตานีในหนัง ผสมย เห็นแค่กำแพงเมืองที่อยู่ริมทะเล กับโถงพระราชวังที่ไม่ได้ใหญ่โตเลย (แต่สวยและละเอียดมาก ขอชม)

ความแตกต่างของฉบับนวนิยายกับภาพยนตร์ เท่าที่เห็นก็คือในนวนิยายเรื่องราวจะซับซ้อนและมีรายละเอียดต่าง ๆ มากกว่าฉบับภาพยนตร์ ส่วนฉบับภาพยนตร์นั้นเหมือนจะโดนบังคับให้จบภายใน 2 ชั่วโมง จึงต้องตัดทอนเรื่องราวออกไปเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น รายละเอียดของแผนการโจรสลัดที่ยอกย้อน เรื่องราวของ ยามาดะ กับกลุ่มสลัดวาโกะ ทำให้ฉบับภาพยนตร์นั้นการดำเนินเรื่องจะเป็นแบบกระโดด ๆ ตัดฉับ ๆ เพราะสเกลหนังมันใหญ่ เนื้อเรื่องเยอะเกินกว่าจะยัดให้อยู่ใน 2 ชั่วโมงได้ น่าเสียดายหนังเรื่องนี้ควรจะมีเวลาสัก 3 ชั่วโมง หรือแบ่งเป็น 2 ภาค คงจะดีกว่านี้

ส่วนฉบับนวนิยายนั้น คุณวินทร์ เขียนได้ตามมาตรฐานของเขาเลยค่ะ คือ สนุกแต่ไม่ถึงกับซาบซึ้งประทับใจ พูดง่าย ๆ คือ นักเขียนชายมักจะเขียนเรื่องแบบเดินเรื่องไว ไม่บิ้วอารมณ์มากอย่างนักเขียนหญิง ทำให้คนอ่านที่เป็นผู้หญิงอย่าง ผสมย ไม่มีความซาบซึ้งอะไรกับตัวละครมากนัก แต่ใช่ว่าจะไม่มีฉากซึ้งนะ เรื่องนี้มีเยอะเลยค่ะ แต่มันไม่บิ้ว 555

แต่เมื่อได้อ่านแล้วก็คงต้องรออ่านภาค 2 บุหงาตานี ต่อไป

ว่าแต่ ผสมย สงสัยตั้งแต่ตอนดูหนังจนถึงอ่านนิยายจบ ใครก็ได้ช่วยไขข้อใจหน่อยเถอะว่า น้องหนุ่ม สุวินิต (ที่เคยแสดงเป็นจัน ดาราตอนวัยรุ่น) นั้น แสดงเป็นตัวละครชื่ออะไรในปืนใหญ่จอมสลัด เห็นออกมาแบบเดินตามยะรัง (เดี่ยว ชูพงษ์) คิดว่าน่าจะเป็นทหารของปัตตานีนั่นแหละ ได้ออกตั้ง 3 ฉากเท่าพี่ติ๊กแน่ะ แต่ไม่ได้พูดอะไรเลย จนฉากสุดท้าย ที่ยะรังสั่งให้ยิงปืนใหญ่ น้องเธอเลยหันไปสั่งทหารน้อยอีกทีว่า "ยิงด้ายยยยยยยยยย"
สงสัยมาก หาในหนังสือว่าตัวละครตัวนี้น่าจะชื่ออะไร แต่ก็ไม่เห็นจะมีเลย
ใครก็ได้บอกที)))))))))))))))))))))))




********************



นอกจากปืนใหญ่จอมสลัดแล้ว ผสมย เพิ่งดูหนังเรื่อง โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต มา หนังทำได้เกือบดี มีฉากที่น่ากลัว แต่มีหลายฉากที่พยายามทำให้น่ากลัวแต่มันขำซะก่อน เลยไม่กลัว ผสมย ว่าเรื่องนี้เป็นหนังที่น่ากลัวแต่ไม่หลอน ดูจบแล้วก็จบ ไม่เก็บกลับมาหลอนต่อ
เสียดายอย่างเดียวที่ไปดูเรื่องที่เอสเอฟ ลืมไป น่าจะไปดูที่เมเจอร์ปิ่นเกล้า โรง 9 มากกว่า คงจะได้อารมณ์มากกว่า




 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2551
21 comments
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2551 23:46:30 น.
Counter : 3480 Pageviews.

 

รีวิวหนังสือควบหนังเลยวุ้ย

คงไม่ดูหนังค่ะ รอแผ่นโลด
ส่วนหนังสือ ...พอรู้ว่ามีภาคสอง ก็คิดว่ารอดีกว่า ยิ่งชื่อจำยากเยอะ ๆ แบบนี้ด้วย กว่าจะออกภาคใหม่ คงลืมเนื้อเรื่องไปแล้ว

 

โดย: ยาคูลท์ 3 พฤศจิกายน 2551 2:14:26 น.  

 

คุณยาคูลท์ เป็นเหมือนกันเลยที่กว่าภาคสองจะออก คงลืมภาคแรกไปหมด แต่เพราะดันไปดูหนังมาแล้วสงสัยอะไรหลาย ๆ อย่าง เลยต้องซื้อหนังสืออ่านให้มันเคลียร์ค่ะ

 

โดย: ผู้สาวเมืองยศ 3 พฤศจิกายน 2551 11:50:35 น.  

 

หนูยังไม่ได้อ่านเล่มนี้เลยพี่ (งานคุณวินทร์ที่ชอบสุดก็ประชาธิปไตยบนเส้นขนานเหมือนกัน แต่ตอนนี้เริ่มแอบมีใจให้เสี่ยวนักสืบ 55)

 

โดย: แพนด้ามหาภัย 3 พฤศจิกายน 2551 13:37:12 น.  

 

แพนด้าฯ เสี่ยวนักสืบสนุกไหม ยังไม่เคยอ่านเลยค่ะ กำลังคิดอยากอ่านอยู่พอดีเลย

 

โดย: ผู้สาวเมืองยศ 3 พฤศจิกายน 2551 14:24:02 น.  

 

หนึ่งในสิ่งที่จะซื้อ (หนังสือ) และดู (หนัง) ค่ะ

ถ้าได้ดูและได้อ่านแล้วจะมาคุยด้วยนะคะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 3 พฤศจิกายน 2551 15:08:51 น.  

 

สิ่งที่ ไทยมุงฯ ไม่ผิดหวังเลย คือกล้ามมมมมมมม...ม ค่ะเจ๊ โฮะ โฮะ โฮะ

 

โดย: ไทยมุงไม่ประสงค์จะออกนาม IP: 125.24.238.235 3 พฤศจิกายน 2551 16:48:31 น.  

 

สาวไกด์ฯ อ่านแล้วมาคุยกันนะคะ

ส่วนไทยมุงฯ อย่าออกนอกหน้าให้มากนัก 555
ว่าแต่ลืมเขียนไปในบล็อกว่าคุณน้องปารีนี่มีพัฒนาการที่ดีมากกก จากไขมันที่พุงกะทิตอนเด็กพัฒนาเป็นกล้ามล่ำ ๆ ตอนโต ช่างน่างาบเสียนี่กระไร 555555

 

โดย: ผสมย IP: 203.131.217.12 3 พฤศจิกายน 2551 16:54:12 น.  

 

ดูหนังแล้ว .. สิ่งที่ดีที่สุดของหนัง คงเป็น สรพงษ์ กับ จารุณี ล่ะมั้ง .. (อย่างอื่น เฉยๆ มาก -__-") ..

ดูจบแล้ว รู้สึกว่า คุณวินทร์ น่าจะเขียนเฉพาะนิยาย แล้วให้คนอื่นมาเขียนบทแทนมากกว่า .. เพราะหนังจับประเด็นอะไรไม่ติดเลยซักอย่าง .. เนื้อหามาก เวลาน้อย แต่ไม่ยอมตัดอะไรทิ้งเลย .. มันก็เลยออกมาขาดๆ เกินๆ ไปหน่อย .. น่าเสียดาย ..


หนังสือซื้อมาดองไว้แล้ว .. พลิกๆ ดู น่าจะดีกว่าหนังนะ ^^

 

โดย: มม IP: 58.9.85.241 3 พฤศจิกายน 2551 19:29:44 น.  

 

ไม่กล้าอ่านเลยค่ะ ยังไม่ได้ดูหนังและอ่านหนังสือ ว่าจะรอให้ออกครบก่อนเหมือนกัน ^^

 

โดย: Clear Ice 3 พฤศจิกายน 2551 20:26:23 น.  

 

อุเหม่.. ไร่องุ่นของคุณพี่ผู้สาวฯ น่าสนุกอย่างนี้นี่เอง รู้งี้ Bal มาเยือนซะนานแล้ว มัวแต่ไปงมหอยงมปูอยู่ในท้องนาซะนานเลย 555+

กองหนังสือที่ได้มาจากงานหนังสือคราวนี้ก็ยังอ่านได้ไม่หมด เพราะไปเน้นที่เรื่องที่คุณชายในบ้านจะได้เล่นซะก่อน นี่ก็ยังเหลือมงกุฏแสงจันทร์อีกเล่มยังไม่ได้แตะเลย แล้วจะมาเที่ยวไร่องุ่นคุณพี่อีกน่ะค่ะ องุ่นไร่นี้หวานออกเปรี้ยวดีค่ะ ถ้าจะเอาไปหมักทำไวน์ได้อร่อยแน่ๆ

 

โดย: Baltimore 4 พฤศจิกายน 2551 17:13:37 น.  

 

มม - ใช่แล้ว สรพงษ์กับจารุณี เป็นส่วนที่ดีที่สุดของหนังจริง ๆ

Clear Ice - ระวังจะรอจนลืมนะคะ อิอิ

Baltimore - คุณบัลแวะมาอีกบ่อย ๆ นะคะ

 

โดย: ผสมย IP: 124.121.63.92 4 พฤศจิกายน 2551 23:47:06 น.  

 

อ่านงานของคุณ วินทร์ ฯไม่กี่เรื่อง แต่เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ตั้งใจ(จะ)อ่าน ค่ะ

 

โดย: สายลมอิสระ 5 พฤศจิกายน 2551 22:40:04 น.  

 

นู สกิน

 

โดย: นู สกิน (mlmboy ) 7 พฤศจิกายน 2551 0:49:27 น.  

 

จูบ

 

โดย: จูบ (mlmboy ) 10 พฤศจิกายน 2551 21:37:11 น.  

 

บ้านใหม่ของคุณผู้สาวสวยจังเลยค่ะ พอดีแวะเข้ามาเจอพอดี๊พอดี เหพราะกำลังกรีดร้องในใจเหมือนคุณผู้สาวฯ อยู่พอดีเลย

ไปดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่เข้าสองสามวันแรก เพราะอยากดูฝีมือของคนไทยที่ทำเอฟเฟคต์ได้ดีมากเท่าๆ กับต่างประเทศ แต่ที่ไม่ถึงกับประทับใจอะไรมากมายก็ตรงที่คุณผู้สาวบอกๆ มานั่นแหละค่ะ เรื่องไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากเลย เจ้าชายราไว เป็นอะไรกับรายาฮีเจาก็ไม่รุ (แต่ในหนังสือคงบอก)

ตอนดูกับสามี ก็บ่นว่า ชาวบ้านหายไปไหนเนี่ย ทำไมไม่โผล่มาให้เห็นเลย ขุนนางก็มีไม่กี่คน แล้วพี่เดี่ยว ก็เดี่ยวสมชื่อจิงๆ พี่แกเล่น All in One ได้ทุกรูปแบบ คือมันมากเกินไปจน คิดว่า แกเป็นพระเอก ไม่ใช่อนันดาแล้ว เมื่อกี้อ่านที่คุณผู้สาวเขียน นั่งหัวเราะเลยว่า ช่างใจตรงกันจริงๆ เลยค่ะ น่าเสียดาย ถ้าเรื่องมันยาวก็ควรจะทำสองภาค หรือทำสามชั่วโมง เสียดายทุนสร้างที่ลงไปเยอะ น่าจะได้หนังที่สมบูรณ์แบบกว่านี้เน้อ...

แต่ยังไงก็ถือว่าเป็นก้าวใหญ่ของคนไทยค่ะ ชื่นชมคุณนนทรีย์ที่เปลี่ยนแปลงแนวหนังไทยให้พัฒนาขึ้น และขอให้พัฒนาต่อๆ ไปเนอะ

 

โดย: ณารา IP: 58.9.68.44 10 พฤศจิกายน 2551 21:38:13 น.  

 

^
สวัสดีค่ะคุณณารา เรื่องเจ้าชายราไวกับรายาฮีเจาเป็นอะไรกันนั้น ผสมย ลืมเขียนบอกค่ะ
เจ้าชายราไวเป็นลูกของสนม ส่วนรายาเป็นลูกของมเหสี รายาฮีเจาเลยได้ขึ้นครองราชย์ค่ะ

 

โดย: ผสมย IP: 124.121.68.78 10 พฤศจิกายน 2551 22:12:16 น.  

 

ชื่นชมหนังสือของคุณวินทร์มากๆ อ่านแล้วไม่เคยผิดหวังเลย เกิดความคาดหมายด้วยซ้ำ

 

โดย: pacemaker_domi IP: 61.90.230.100 12 พฤศจิกายน 2551 23:35:12 น.  

 

มากระซิบว่าเสี่ยวนักสืบสนุกค่ะ ^^
แต่ตอนฆาตกรรมจักรราศี((หวังว่าจำชื่อตอนถูก))สำหรับเรามันชวนงงไปหน่อย ;P

 

โดย: เด็กชายเหอหลงเจียง IP: 124.121.159.193 21 พฤศจิกายน 2551 6:53:40 น.  

 

ชอบนิยายของพี่ณารามากๆๆๆๆๆๆๆค่ะทุกเล่มค่ะ

 

โดย: เจ้าหญิงนิยาย IP: 124.121.101.36 23 พฤศจิกายน 2551 16:43:28 น.  

 

อยากรู้เรื่องของยะรังอิกง่ะ

อยากรู้ถึงตอนที่ เปนพระเอกไม่แพ้ปารีอ่ะ


ช่วยเล่าไห้ฟังหน่อยนะ ๆๆๆๆๆ



อยากรู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

โดย: ว๊าววว ววว* IP: 118.172.142.246 21 ธันวาคม 2551 22:07:38 น.  

 

วันนี้มานำเสนอ ที่พักเเห่งใหม่กระท่อมที่สวยที่สุดบนเกาะสีชัง
นั้นคือ.... ปารี ฮัท กระท่อมริมผา มีน้ำกับฟ้าเป็นเพื่อน เปลี่ยนจากมาลี บลูเดิมใหม่เเกะกล่องสวยมากๆเล่นนำได้สบาย อาหารก็อร่อย โทรเดี๋ยวนี้เลยนะครับที่ 087-903-4300 เว็บไซต์
www.pareehut.com

 

โดย: จู..จุ๊บจ้า... IP: 58.64.84.102 15 มีนาคม 2553 18:48:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ผู้สาวเมืองยศ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




ข้อเขียนรีวิวหนังสือ
ที่ปรากฏในบล็อกแห่งนี้
ไม่ได้เขียนตามหลัก
วิชาการวิจารณ์หนังสือ
เล่มไหนทั้งสิ้น
เป็นการเขียนตามความรู้สึก
ของคนอ่านหนังสือคนหนึ่ง
อาจจะได้สาระบ้าง ไม่ได้สาระบ้าง
ดังนั้นจึงไม่ควรนำไปอ้างอิงแต่อย่างใด

ต้องการติดต่อผู้สาวเมืองยศ ฝากข้อความได้ที่ห้อง ฝากข่าว ค่ะ








Friends' blogs
[Add ผู้สาวเมืองยศ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.