|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
แพ้ท้อง Week 9 - Week 12
เดือนที่3 ก็ยังแพ้ท้องไม่หาย
การไม่แพ้ท้องเนี่ย เป็นลาภอันประเสริฐเลยค่ะ 55 ว่าที่คุณแม่ท่านไหนไม่แพ้เนี่ย ดีใจด้วยนะคะ โชคดีสุดๆ แต่ถ้าใครแพ้อย่างเรา ก็ต้องทนกันไป บางทีถึงกับทำให้หงุดหงิด อารมณ์เสียได้ง่ายๆเลยค่ะ เราก็ได้แต่ภาวนาให้ชนะๆๆๆชนะซะทีสิลูก ;)
ตอนช่วงยังไม่ท้องเนี่ย พยายามขนาดไหนให้น้ำหนักลด ก็ไม่ลดลงซะที มีแต่เพิ่มกับเพิ่มทีละนิดตลอดอย่างสม่ำเสมอ แต่พอแพ้ท้องนี่สิคะ ไม่ต้องไปdietไรเลยค่ะ กินไรนิดก็พะอืดพะอม ติดอยู่ในลำคอ พอทานอะไรหน่อยก็อาเจียนอยู่ร่ำไปนี่สิ ทานก็ทานได้น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ปกติกินข้าวทัพพีนึง พอแพ้ท้อง กินแค่1/3ของทัพพีได้ก็เก่งแล้วค่ะ บะหมี่ซื้อมาห่อนึงสามารถแบ่งทานได้ถึง3มื้อเลยทีเดียว ไม่ใช่ว่าไม่หิวนะคะทานแค่นี้ แต่ให้ฝึนทานต่อไปจะยิ่งพาลให้อาเจียนออกหมด เลยต้องทานพอแค่ประทังชีวิต
Week 9: อาการท้องอืด พะอืดพะอม เบื่ออาหารก็ยังคงมีอยู่ต่อไป อาหารที่เคยชอบเช่นอาหารทะเล กุ้ง ปลา ปลาหมึกทานไม่ได้เลยค่ะ มันเบื่อๆ หยึยๆ พาลให้อาเจียน ตอนนี้ที่ทานได้ก็มีแต่พวกหมูกับไก่ ส่วนผักเนี่ย ถ้าเป็นพวกผักสดกับน้ำสลัดก็ทานไม่ได้หล่ะ เหม็นเขียวแปลกๆ ต้องทานผักที่ต้มสุก หรือผัดให้สุกแล้วถึงทานได้ ยังคงเหนื่อยง่าย เดินๆนิดนึงก็ไม่ค่อยจะไหว เวลาไปห้างทีต้องเกาะแขนคุงสามีให้พยุงหน่อย แบบว่าช้านไม่มีแรงเดิน
Week 10: เป็นวีทที่อาเจียนมากที่สุดเลยค่ะ แทบทุกวัน ทานไปได้หน่อยก็อาเจียน ทานไปมากหน่อยก็อาเจียนหมดไส้หมดพุง ไม่มีอะไรในท้องก็อาเจียนได้แม้กระทั่งน้ำย่อย เออ เอากับเค้าซี้ มีบางวันเกิดอาการเวียนหัว ตาพร่ามัวคล้ายๆจะเป็นลมด้วยค่ะ ต้องรีบหยุดactivityงานต่างๆที่ทำแล้วนั่งเฉยๆ ไม่ก็นอนราบเลยค่ะ ตั้งแต่เดือนที่2เป็นต้นมา ชอบมีอาการหลับๆตื่นๆ ตื่นมากลางดึกสักตี2ตี3 แล้วก็นอนไม่หลับ ต้องหาอะไรทำ อ่านหนังสือเล่นnetไปสักเกือบๆฟ้าสางถึงจะหลับ (แต่ก็ต้องรีบตื่นมาตอนเช้าอยู่ดี เพราะต้องอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน)
Week 11: ไม่รู้ว่าเป็นอาการเดียวกันหรือเปล่าคะ แม้จะยังแค่ท้องอ่อน แต่ก็รู้สึกปวดเมื่อยขา ต้นขา เวลานอนตอนกลางคืนทีก็ปวดๆ พลิกไปพลิกมาให้เลือดมันไหวเวียนได้สะดวก ต้องคอยเอาหมอนรองที่ขาไว้ให้สูงนิดนึง แอบแปลกใจเหมือนกันจริงๆแล้วอาการปวดเมื่อยน่าจะเป็นกับคนที่ท้องแก่ๆแล้วสิ เรานี่ยังท้องอ่อนๆอยู่เล้ยยทำไมเป็นได้น้อ
ปลายวีทนี้(26/6/54) ก็เมื่อวานนี้เองค่ะ เราไปU/Sท้องดู เราฝากครรภ์กับ คุณหมอบุญชัยที่นวบุตร (กะว่าจะคลอดที่BNH) ก็มีเรื่องตื่นเต้นอีกแล้ว คือ... เดือนที่แล้วเราไปU/S ยังเห็นรูปร่างของลูกเป็นแค่จุดกลมๆรีๆ ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลยค่ะ มีแค่หัวใจกระพริบๆ คุงหมอให้ฟังเสียงเราก็แทบจะปลื้มจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ แต่พอเดือนนี้ที่ไปU/S คราวนี้จุดกลมๆรีๆยืดออกเป็นรูปร่างแล้วค่ะ มีคอ มีตัว มีแขนมีนิ้ว5นิ้วโบกมือไหวๆ มีขากระเด้งไปมาในท้องด้วยค่ะ แบบพอเห็นแล้วอดตื่นเต้นและดีใจไม่ได้เลยค่ะ ห่างกันแค่เดือนเดียวเอง ลูกพัฒนาการได้เร็วจังแฮะ ทำให้เรามีกำลังใจ แม้ว่าจะแพ้ ก็แพ้ท้องเพื่อลูกละกันเน้อ เอาวะ สู้ๆต่อไป
แอบสารภาพว่า..ก่อน่จะมาU/S ดันไปทานอาหารญี่ปุ่น ปลาดิบค่ะ อยากกินมากกกกกก ช่วงนี้ไม่ค่อยกินปลาเพราะทานไปแล้วหยึยๆจะอ๊วกๆ แต่พอปลาดิบ กลับกินได้ แล้วก็อยากสนองตัณหาปาก ปกติเราทานปลาดิบกับวาซาบิอยู่แล้วค่ะ ชอบอาการที่ทานไปแล้วขึ้นจมูก แต่พอช่วงแพ้ท้องเนี่ย เราจะเพิ่มวาซาบิเป็นอีกเท่าตัวเลยค่ะ เพราะว่าใส่แบบปกติลิ้นกลับไม่รู้รส ต้องใส่แบบเยอะๆ (เหมือนซาดิซต์เลยค่ะ) เราก็เลยสงสัยว่านั่นทำให้ตอนคุณหมอU/S ลูกเด้งๆไปเด้งๆมา คือรู้เลยว่ากำลังตื่นอยู่ สงสัยฤทธิ์จากรสวาซาบิแน่ๆเลย
ถามคุณหมอเรื่องปลาดิบว่าตอนท้องทานได้ไหมคะ? คุณหมอก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธไร เพียงแต่บอกเนิบๆว่า ถ้าไม่มีพยาธิมันก็ไม่น่ามีปัญหา สามารถทานได้ แต่pointคือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าปลาดิบๆที่เรากินไปจะมีหรือไม่มีพยาธิ แล้วคุณแม่จะพาตัวเองไปเสี่ยงหรือ!
เป็นประโยคที่ย้อนกลับมาถามคนถามอย่างเราอีกที เราคิดไปคิดมา น่านสิ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร แล้วมันคุ้มกับการเอาตัวเองไปเสี่ยงไหม เมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้ว เราก็กะว่าช่วงนี้คงต้องหยุดๆเพลาๆอาหารญี่ปุ่นพวกปลาดิบไปก่อน เพราะว่าที่ผ่านมาทานไรไม่ค่อยลง มีแต่พวกปลาดิบแหละที่ทานลงได้ ก็เลยบอกคุงสามีให้พาไปบ่อยๆ รู้สึกผิดจัง แต่ตอนนั้นลูกยังเป็นแค่จุดเล็กๆกลมๆรีๆ ตอนนี้เค้ามีชีวิต มีรูปร่างเป็นพัฒนาเป็นคนตัวน้อยๆแล้ว
เริ่มเข้าสู่ Week 12: เราคิดว่าอาการแพ้ท้องพวกคลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว เป็นไข้ตัวรุมๆเริ่มน่าจะดีขึ้นแล้ว(มั้ง) แต่วันนี้ก็ยังมีอาการอยู่นิดๆ ยังพะอืดพะอมอยู่บ้าง เวียนหัวหน่อยๆ แต่ไม่อาเจียนหลังทานข้าวแล้ว เรามีอาการอีกอาการนึงที่เป็นมาตั้งแต่ช่วงเริ่มแพ้ท้อง นั่นก็คือ น้ำลายขม ต้องคอยบ้วนน้ำลายทิ้ง ทานน้ำเปล่าไม่ค่อยได้ ขมไปหมด พอดื่มน้ำหวานก็หวานเกิน ดื่มน้ำผลไม้ก็หวานไป (ขนาดให้แม่บ้านคั้นสดๆเลยนะ ไม่ใส่น้ำตาลใดๆ) ทานผลไม้พวกองุ่น ชมพู่ แตงโม ถ้าทานเยอะๆก็แหวะๆอีก ทั้งๆที่เราทานเพราะว่าเราหิวน้ำมาก ทานเพื่อให้ร่างกายได้มีน้ำ แทนน้ำเปล่าที่เราได้แต่จิบๆ ที่บ้านต้มน้ำมะตูม ไม่ใส่น้ำตาล ทำเป็นน้ำอุ่นให้ดื่ม เราก็ดื่มได้ช่วงวันสองวันแรก พอวันที่สาม ก็เกิดอาการแหวะๆ รู้สึกตัวเองมีปัญหาเรื่องการขาดน้ำอยู่เหมือนกัน
ที่ผ่านมาอาการแพ้ท้องที่เค้าบอกกันว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันมารวมอยู่ในตัวเราหมดเลยค่ะ เป็นทู้กอย่างจริงๆ "ไม่ว่าจะเป็นไข้ตัวรุมๆ เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน เพลีย ปวดเมื่อย เหนื่อยง่าย ง่วงนอนตลอดเวลา ตื่นขึ้นมากลางดีก น้ำลายขม กินไรไม่ค่อยลง พะอืดพะอม ท้องอืด เบื่ออาหาร หายใจได้ไม่เต็มปอด สัมผัสทางด้านจมูกไวมาก เหม็นนั่นเหม็นนี่" รู้สึกอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ อยากให้หายแพ้ท้องเร็วๆ จะได้กลับมากระฉับกระเฉง บำรุงตัวเองและลูกได้อย่างที่ว่าที่คุณแม่ท่านอื่นๆบำรุงกัน
การที่ได้เห็นพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์ก็เป็นสาเหตุนึงที่ทำให้เรามีกำลังใจมากๆ มีกำลังใจที่จะดูแลตัวเอง ดูแลอีกคนในท้อง พยายามทำตัวเองให้มีอารมณ์แจ่มใสเบิกบานเพื่อคนที่เรารักในท้อง เราคิดว่านี่คงเป็นสัญชาติญาณและจุดเริ่มต้นความผูกพันระหว่างแม่และลูก
--------------------------------------------
Create Date : 27 มิถุนายน 2554 |
|
7 comments |
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 13:38:43 น. |
Counter : 2274 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: dara IP: 123.243.153.176 วันที่: 27 มิถุนายน 2554 เวลา:18:56:32 น. |
|
โดย: ปลายฟ้า,,,* (fah_gully ) วันที่: 30 มิถุนายน 2554 เวลา:17:16:19 น. |
|
โดย: แมวเอิง วันที่: 19 กรกฎาคม 2554 เวลา:1:50:56 น. |
|
โดย: Onekiss IP: 223.206.152.12 วันที่: 4 สิงหาคม 2554 เวลา:20:40:11 น. |
|
โดย: เปิ้ล IP: 115.87.88.31 วันที่: 22 กรกฎาคม 2556 เวลา:10:22:21 น. |
|
| |
|
My Happiness |
|
|
|
|
|