Blogger Reader Writer Runner

เงียบ (silence)



คุณเคยถูกความเงียบจู่โจมบ้างหรือเปล่า
เหตุการณ์ในคืนนั้นทำให้ผมรู้ว่าความเงียบมีพลังมากแค่ไหน เหตุการณ์นั้นเป็นเหตุการณ์ในคืนที่เกิดไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า10ปีของเขตทั้งเขตที่ผมอาศัยอยู่
สาเหตุแห่งไฟฟ้าสูญสลายครั้งนี้ ไม่ได้รับการเปิดเผยรายละเอียดที่แน่ชัด ปล่อยให้เหล่าสื่อมวลชน รุมทึ้งหาข่าวราวกับอีแร้งรุมจิกเหยื่ออันโอชะที่สิ้นชีพแล้ว ก็เนื่องจากว่าหากความจริงถูกเปิดเผยขึ้นมา ความอาจจะกลับกลายเป็นความบกพร่องที่เกิดจากความผิดพลาดของหน่วยงานภายใน และแล้วความสนใจเหตุการณ์ไฟฟ้าดับครั้งใหญ่จึงค่อยๆสลายไปราวกับน้ำทะเลที่ซัดหาดทรายแล้วย้อนกลับคืนสู่ท้องทะเล ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในระแวกนั้น ก็ค่อยๆลืมเหตุการณ์นี้ไปพร้อมกับกลับมาใช้ชีวิตในโลกแห่งความจริงกับสิ่งที่จับต้องได้เหมือนเดิม รวมถึงตัวผม
.
.
แต่สิ่งที่เกิดกับผมในเหตุการณ์คืนนั้น ได้เปลี่ยนแปลงความรู้สึกต่อความเงียบของผมไปอย่างสิ้นเชิง ระหว่างที่ไฟดับ ภายในห้องพักของผม เกิดความเงียบชนิดที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ผมไม่ได้ยินสรรพเสียงใดๆ ไม่แม้กระทั่งเสียงลมหายใจของผมเอง ราวกับว่าผมหยุดหายใจ หลุดออกจากร่าง แล้วประกอบเป็นตัวตนใหม่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย หลังจากเวลาผ่านไปสิบนาที ซึ่งยาวนานชั่วกัปกัลป์ ผมได้แต่นั่งนิ่งๆอยู่ที่ปลายเตียง เปลือกตาของผมเปิดปิดเป็นจังหวะตามลมหายใจที่ไร้เสียง ความเงียบกลุ่มเล็กในตอนเริ่มแรกของเหตุการณ์ ค่อยๆก่อตัวเป็นความเงียบกลุ่มใหญ่ที่มีพลังมากขึ้น
กดทับประสาทรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนความเงียบเหล่านี้ได้แฝงตัว แอบสุ่มอยู่ในห้องของผมมานานนับปี รอเวลาจู่โจมที่เหมาะสม และตอนนี้ก็เป็นโอกาสของพวกมันในการปฏิบัติการ
.
.
เมื่อเสียงเพลงจากเครื่องเล่นดังขึ้น ขับไล่ความเงียบที่กำลังประทุษร้ายประสาทของผม ความเงียบทั้งหมดที่ทำร้ายผมอยู่ก็แตกกระเจิง หลังจากเวลาผ่านไป 32 นาที การหลับใหลของระบบไฟฟ้าในเขตพระนครก็สิ้นสุดลง นับเป็นสถิติที่น่าทึ่งทีเดียว ที่การดับหลับใหลกินเวลายาวนานเกินกว่า 10 นาที ทำให้มีการจดบันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้ว่าเป็นการหยุดทำงานของระบบไฟฟ้าครั้งใหญ่ในรอบหลายสิบปีของกรุงเทพมหานคร สร้างความเสียหายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวม ในขณะเวลานั้นมหาศาล
.
.
แล้วผมก็เผลอหลับไปในขณะที่เครื่องเล่นสเตอริโอกำลังบรรเลงเพลงของบีจีส์ ในฝันของผมคืนนั้น ผม เห็นตัวเองกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง ที่ในขณะนั้นยังไม่ตระหนักรู้ได้ว่าเป็นสิ่งใด ผมต้องลุ้นไปกับตัวเองในความฝัน เหมือนคนดูที่ซื้อตั๋วมาดูภาพยนต์ทุนต่ำวิ่งหนีฆาตกรโรคจิต ที่ไล่ล่าฆ่าต่อเนื่อง ในฝันนั้นผมวิ่งมาสุดทางและได้เจอประตูบานหนึ่ง โดยไม่หยุดคิด ผมหมุนลูกบิดเปิดประตูบานนั้นเข้าไปทันที สิ่งแรกที่เห็นคือ ผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ปลายเตียง เมื่อสายตาผมปรับตัวชินกับความมืดแล้ว ก็ค่อยๆเห็นรูปร่างของชายคนนั้นชัดขึ้น แต่ก็เป็นเพียงรูปร่างด้านข้างของเขา โดยที่ชายคนนั้นไม่ได้รับรู้การบุกรุกเข้ามาในห้องของผมเลย ขณะที่ผมค่อยๆก้าวอย่างแผ่วเบาเข้าไปใกล้ผู้ชายคนนั้น ผมก็ตื่นขึ้นทันทีด้วยเสียงปลุกของนาฬิกาหัวเตียง ผมรู้สึกเหนื่อยหอบเหมือนวิ่งรอบสนามฟุตบอลหลายสิบรอบ ผมลุกนั่งที่ปลายเตีย และทบทวนความฝันในค่ำคืนที่ผ่านมา แต่ก็จดจำได้เพียงการวิ่ง วิ่งหนีบางสิ่งบางอย่าง เป็นระยะทางไกล เพียงแค่นั้น สุดท้ายผมก็เลิกพยายาม เสียงโทรศัพท์มือถือดังแทรกขึ้น ไม่น่าจะมีใครโทรหาผมเช้าขนาดนี้ นาฬิกาดิจิตอลหัวเตียงเรียงตัวเป็นเลข 08.00 ในยามเช้า
.
.
ผมกดปุ่มรับสาย เสียงที่ลอดผ่านโทรศัพท์ของผม เป็นเสียงหญิงสาว ซึ่งผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นการเข้าใจผิดหรืออาจจะต่อผิดเบอร์ เนื่องเพราะผมไม่ได้มีการติดต่อกับหญิงสาวนางใดมาเป็นเวลานานนับปี “สวัสดีค่ะ ดิฉันเรียนสายคุณชิใช่ไหมค่ะ” เสียงหญิงสาวทักทาย น่าแปลกชื่อนั้นเป็นชื่อผม แปลว่าเธอรู้จักผม หรืออย่างน้อยก็ติดต่อมาผมด้วยธุระบางอย่าง “ผม ชิ ครับ” ผมตอบรับคำทักทายของเธอ “ดิฉันติดต่อมาเพื่อยืนยันว่าคุณยังดำรงร่างของคุณอยู่ในสถานที่เดิม เย็นนี้จะมีของส่งถึงคุณ” หลังจากพูดจบประโยค ไม่ทันที่ผมจะถามต่อถึงรายละเอียด หล่อนก็วางสาย สะบั้นกลางอากาศ เหมือนกับเธอหายตัวไปจากหูโทรศัพท์ผมฉับพลัน ทิ้งให้ผมนั่งงงงวยกับคำพูดแปลกประหลาดของเธอ “คุณยังดำรงร่างของคุณอยู่ในสถานที่เดิม” เป็นประโยคที่แปลกประหลาดจริงๆ แล้วผมจะได้รับสิ่งของอะไรในเย็นนี้ ผมเดินเข้าห้องน้ำ ฉับพลันนั้นผมรู้สึกว่าห้องของผมเงียบ เหมือนจะเงียบเกินไปด้วยซ้ำ ผมเกิดอาการกลัวอย่างบอกไม่ถูก จึงรีบเปิดเพลงจากเครื่องเล่นสเตอริโอทันที เหมือนผมจะยังไม่พร้อมจะรับมือกับความเงียบใดๆ อีกหลังจากคืนที่ผ่านมา
.
.
4 โมงเย็น ผมพบตัวเองอยู่ที่ร้าน yesterday melody เหมือนเช่นเคย เป็นที่ทำงานของผม ร้านขายซีดีเพลงวันวานของต่างประเทศ ไล่มาตั้งแต่ยุด 60 70 80 รวมไปถึง 90ปลายๆ ตัวเอกของร้านก็อย่างเช่น the beatles, bee gees, air supply , lobo, simon & garfunkel, elvis pressley ผมทำงานที่นี่ทุกวัน 4โมงเย็น ถึง สี่ทุ่ม หยุดทุกวันพุธ ซึ่งก็เป็นวันหยุดของร้านด้วย เจ้าของร้านคือลุงเคน ชาวอังกฤษที่ติดใจเมืองไทย มาเที่ยวครั้งเดียวก็ไม่คิดกลับบ้านเกิดอีก แกเคยเล่าให้ผมฟังถึงสาเหตุที่เปิดร้านนี้ ก็เพราะแกโปรดปรานเพลงเก่าๆมาก คลาสสิคดี แกบอก ไม่เหมือนเพลงสมัยใหม่ เนื้อเพลงไม่ค่อยจับใจแกเท่าไหร่ เมื่อก่อนจะมีพี่ริวเป็นคนทำหน้าที่ของผม แต่พี่ริวก็ได้แบกเป้ออกเดินทางตามหาบางสิ่งบางอย่าง ไปยังภาคพื้นยุโรปด้วยเงินเก็บเกือบ5ปีเต็มของเขาเอง และอาจเป็นความบังเอิญที่ก่อนพี่ริวเดินทาง2เดือน ผมได้เจอกับพี่ริวที่ร้านนี่เอง ผมเดินเข้าร้านด้วยเสียงเพลงของ the beatles แล้วก็ได้คุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระ ลงท้ายด้วยถามไถ่ถึงเรื่องงานที่ผมอยู่ ผมตอบไปว่าว่างงานมาได้หลายเดือนแล้ว พี่ริวก็เลยถามว่าผมสนใจงานที่ร้านแทนแกไหม เพราะอีก2เดือนแกจะออกเดินทางแล้ว จะแนะนำกับลุงเคนให้ ซึ่งผมก็เห็นว่าน่าสนใจ ได้ทำงานอยู่ในร้านที่เปิดแต่เพลงเก่าๆทั้งวัน และนั่นก็เป็นที่มาที่ทำให้ผมได้มาทำงานที่ร้านนี้ ด้วยความที่ผมทำงานที่ร้านขายซีดีเพลง ต้องเปิดเพลงที่ร้านทุกวัน ในแต่ละวันผมจึงไม่ค่อยได้พบปะกับความเงียบบ่อยครั้งนัก แต่พอเหตุการณ์คืนนั้นเกิดขึ้นกับผม ผมจึงได้ตระหนักรู้ว่าความเงียบที่แฝงตัวอยู่ในห้องผมนั้น ร้ายกาจเพียงใด ทุกครั้งที่ผมปิดร้าน ก่อนก้าวเท้าออกจากร้าน ผมจะเสียบหูฟังเครื่องเล่นเอ็มพี3ทันที จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายไปแล้วก็ว่าได้
.
.
หกโมงเย็น ลุงเคนจะกลับบ้าน แกจะออกจากร้านเวลานี้ของทุกทุกวัน วันนี้ก็เช่นกัน ขณะลุงเคนออกจากร้าน ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาในร้าน เนื่องเพราะวันนี้ลูกค้าไม่เยอะนัก ลูกค้าหญิงคนนี้จึงสะดุดตาผม ผมจำเธอได้ทันที เพราะเธอมาที่ร้านผมเวลาใกล้เคียงกันนี้มาเกือบเดือนแล้ว ทุกครั้งเธอจะหยุดยืนหน้าชั้นวางซีดีของ the beatles เป็นเช่นนี้ทุกครั้ง และจะใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ไม่มากไม่น้อยกว่านั้น พิจารณาหน้าปกซีดีเกือบทุกแผ่นของ the beatles ที่มีอยู่ในชั้นวางตรงนั้น หลังจากเสร็จสิ้น เธอจะเดินตรงมาที่แคชเชียร์เพื่อชำระเงิน โดยที่ในมือมีซีดีเพลงที่ไม่ใช่ the beatles ครั้งนั้ก็เช่นกัน ด้วยวันนี้ลูกค้าไม่เยอะ ผมจึงเอ่ยถามเธอถึงความแปลกประหลาดในพฤติกรรมของเธอ “ขอโทษที่ต้องเอ่ยถาม คุณไม่เคยซื้อแผ่น the beatles เลย แต่ผมจะเห็นคุณยืนอยู่หน้าชั้นวาง the beatles ทุกครั้งที่คุณมาที่ร้าน” เธอเงยหน้ามองผมและยิ้มให้ผมเหมือนคนเคยรู้จักกัน ก่อนตอบผมด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“ฉันหยุดยืนเพื่อระลึกถึงผู้ชายคนหนึ่ง”




 

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2553
9 comments
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2553 11:58:18 น.
Counter : 601 Pageviews.

 

โอ้ยหมดแล้วเหรออยากอ่านต่ออ่ะ ตอนต่อไปจะเป็นยังงัยน่า

 

โดย: คนที่ถูกรัก IP: 58.137.141.11 2 กุมภาพันธ์ 2553 16:43:15 น.  

 

- ใจเย็นๆนะครับ

 

โดย: i.am.Victor 2 กุมภาพันธ์ 2553 17:00:12 น.  

 

ยังไม่เคยอ่านงานของมุราคามิเลยค่ะ ว่าจะลองอ่านดูเหมือนกันเห็นเพื่อนบอกว่าดี ว่าแต่เรื่อง Silence อันนี้คืออันใดหรือคะ

 

โดย: Galilee 2 กุมภาพันธ์ 2553 20:50:38 น.  

 

The kite runner เป็นหนังอัฟกานิสถานครับ
ลองอ่านที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=amp-atom&month=09-2008&date=03&group=2&gblog=85

 

โดย: คนขับช้า 4 กุมภาพันธ์ 2553 13:36:09 น.  

 

อืมม์...

เขียนดีค่ะ แต่เป็นพรืดไปนิด เลยอ่านยากอะค่ะ แหะๆ



ร้านซูกิชิ ที่จริงเราชอบไปกินอาหารเกาหลีมากกว่าญี่ปุ่นนะคะ เราว่าอาหารเกาหลีเค้าอร่อยกว่าอาหารญี่ปุ่นค่ะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2553 16:08:21 น.  

 

-ขอบคุณครับ

 

โดย: i.am.Victor 8 กุมภาพันธ์ 2553 17:59:50 น.  

 

whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

 

โดย: da IP: 203.144.144.165 8 กุมภาพันธ์ 2553 23:26:12 น.  

 

บางครั้งคนเราก็ลืมสิ่งที่ตัวเองชอบ เพราะมัวแต่สิ่งใจสิ่งรอบตัว

 

โดย: Biggun IP: 1.47.111.242 22 มีนาคม 2555 22:16:20 น.  

 

ให้เวลากับตัวเองสักวันละชั่วโมง ตัวเองที่เป็นตัวเองจริงจริง ก็จะทำให้เราได้รู้ว่าที่จริงแล้วเราชอบในสิ่งใดครับ

 

โดย: i.am.Victor 23 มีนาคม 2555 11:01:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


i.am.Victor
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]





รักเร้นเร้นลับโลกคู่ขนาน
บันทึกแห่งนกไขลานหวามหวั่นไหว
แกะรอยหาแกะดาวคืนฝนปราย
ด้วยรักใจสลายแดนสนธยา




#สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง ไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของบทความภายในบล็อคนี้
โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เขียน#




"Pain is inevitable, Suffering is optional"
Haruki Murakami
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
2 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add i.am.Victor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.